ขอบพระคุณค่ะที่สนใจ ต้องขอโทษจริงๆค่ะสำหรับรูปภาพ คงต้องรบกวนท่านอื่นๆ นำมาลงให้ แต่เราจะนำประวัติมาลงให้ทุกปางค่ะ

อนุโมทนาค่ะ

ปางมารวิชัย

พระพุทธรูปปางมารวิชัย อยู่ในพระอริยาบถประทับ (นั่ง) ขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายวางหงายบนพระเพลา (ตัก) พระหัตถ์ขวาวางบนพระชานุ (เข่า) นิ้วพระหัตถ์ชี้ลงพื้นพระธรณี บางแห่งทำรูปแม่พระธรณีบีบมวยผมประกอบ นิยมสร้างเป็นพระประธานในอุโบสถ

ความเป็นมาของปางมารวิชัย

ขณะที่พระบรมโพธิสัตว์ประทับ ณ โพธิบัลลังก์ พญามารวสวัตตีประทับบนบัลลังก์ช้างคีรีเมขล์สูง ๑๕๐ โยชน์ ยกทัพมาหมายจะทำลายความเพียรของพระองค์ พญามารเนรมิตร่างสูงใหญ่มีมือนับพันถือศัสตราวุธพร้อม นำเหล่าเสนามารมากมายมืดฟ้ามัวดิน เหล่าเทวดาทั้งหลายหนีไปหมด แต่พระบรมโพธิสัตว์มิได้หวาดกลัว พวกมารซัดศัสตราวุธเข้าใส่พระบรมโพธิสัตว์ แต่ศัสตราวุธเหล่านั้นกลายเป็นบุปผามาลัยไปสิ้น พญามารยังกล่าวทึกทักว่า รัตนบัลลังก์เป็นของตน พระบรมโพธิสัตว์ทรงกล่าวว่า รัตนบัลลังก์นี้เกิดมาด้วยบุญที่พระองค์สั่งสมมาแต่ปางก่อน โดยอาศัยแม่พระธรณีเป็นพยาน แม่พระธรณีได้ปล่อยมวยผมบีบน้ำกรวดอุทิศผลบุญจากการทำทานของพระบรมโพธิสัตว์ให้ไหลพัดพาเหล่ามารไปจนสิ้น

..............

ขอบพระคุณมากค่ะคุณน้ำใส ปางประสูติ ภาพนี้สวยงามมากเชียวค่ะ

.......................

ปางคันธาราฐหรือปางขอฝน (นั่ง)

พระพุทธรูปปางคันธาราฐหรือปางขอฝน (นั่ง) พระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบถประทับ (นั่ง) ขัดสมาธิทรงผ้า วัสสิกสาฎก (ผ้าอาบน้ำฝน) พระหัตถ์ขวายกขึ้นเป็นกิริยากวัก แบพระหัตถ์ซ้ายวางอยู่บนพระชานุ (เข่า) บางแบแบวางอยู่บนพระเพลา (ตัก)

ความเป็นมาของปางคันธาราฐหรือปางขอฝน (นั่ง)

หลังจากที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว ประมาณ ๕๐๐ ปี กษัตริย์เมืองคันธาระ พระนามว่า พระเจ้ามิลินท์ ได้โต้ตอบปัญหาธรรมกับพระนาคเสนพุทธสาวกผู้เป็นพระอรหันต์ ทรงเลื่อมใสที่พระนาคเสนตอบข้อสงสัยในพระพุทธศาสนาของพระองค์ได้ทุกแง่ทุกมุม พระเจ้ามิลินท์จึงได้ทรงขอถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่นับถือสูงสุดในชีวิต และรับสั่งให้สร้างพระพุทธรูปขึ้นบูชาในเมืองคันธาระ

.........................

ปางประทานพร (นั่ง)

พระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบถประทับ (นั่ง) ขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายวางหงายบนพระเพลา (ตัก) แบฝ่าพระหัตถ์ขวายื่นออกไปวางที่พระชานุ (เข่า)

ความเป็นมาของปางประทานพร (นั่ง)

เมื่อครั้งพระอานนท์ถูกสงฆ์เลือกให้ทำหน้าที่เป็นพุทธอุปัฏฐาก ท่านได้ขอพร ๘ ประการ จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พร ๔ ข้อแรก ได้แก่ ไม่ประทานจีวรอันประณีตแก่ท่าน ไม่ประทานบิณฑบาตอันประณีตที่พระองค์ได้มาแก่ท่าน ไม่ประทานให้ท่านอยู่คันธกุฎีเดียวกับพระพุทธองค์ และไม่ทรงพาท่านไปในที่นิมนต์ ส่วน ๔ ข้อหลังนั้นได้แก่ ขอให้พระพุทธองค์ไปในที่นิมนต์ที่ท่านรับไว้ ถ้าท่านนำพุทธบริษัทมาจากแดนไกลขอให้ได้เข้าเฝ้าทันที ถ้าท่านมีความสงสัยขอให้ถามได้ทันที และข้อสุดท้ายคือ ถ้าพระพุทธองค์ไปแสดงธรรมที่ไหน ถ้าท่านไม่ได้ฟัง ขอให้แสดงแก่ท่านอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้เพื่อป้องกันคำครหาว่า ท่านอุปัฎฐากแล้วไม่ได้รับความเอื้อเฟื้อแก่พระพุทธองค์เลย พระพุทธองค์ได้ประทานพรทั้ง ๘ ประการ แก่พระอานนท์

.......................

ปางปรินิพพาน

พระพุทธรูปปางปรินิพพาน พระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบถบรรทมตะแคงขวา หลับพระเนตร พระเศียรหนุนพระเขนย (หมอน) พระหัตถ์ซ้ายทอดทาบไปตามพระวรกาย พระหัตถ์ขวาวางหงายอยู่ข้างพระเขนย พระบาทซ้ายทับซ้อนพระบาทขวา

ความเป็นมาของปางปรินิพพาน

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ (เดือน ๖) ก่อนพุทธศักราช ๑ ปี การถวายพระเพลิงได้จัดขึ้น ณ มกุฎพันธนเจดีย์ กรุงกุสินารา แคว้นมัลละ ในวันแรม ๘ ค่ำ เดือน ๖ (วันอัฏฐมี) หลังจากถวายพระเพลิงเสร็จแล้ว ๓ เดือน คณะสงฆ์ได้สังคายนาพระไตรปิฏก การทำปฐมสังคายนาใช้เวลา ๗ เดือน

ขอบพระคุณค่ะ ท่านเจ้านาง อยากทราบว่า เวลาที่พระพุทธองค์ทรงพระบรรทม พระบาทซ้ายจะเหลื่อมพระบาทขวา ใช่หรือเปล่าคะ?