วันเวลาปัจจุบัน 05 ต.ค. 2024, 15:42  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 11 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2010, 07:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

ประวัติและปฏิปทา
หลวงปู่บุญพิน กตปุญโญ


วัดผาเทพนิมิต
ต.นิคมน้ำอูน อ.นิคมน้ำอูน จ.สกลนคร



๏ ชาติภูมิ

“พระครูสุวิมลบุญญากร” หรือ “หลวงปู่บุญพิน กตปุญฺโญ” มีนามเดิมว่า บุญพิน เจริญชัย เกิดเมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๗๖ ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๖ ปีระกา ณ บ้านนาบ่อ หมู่ที่ ๖ ตำบลปลาไหล อำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร โยมบิดา-โยมมารดาชื่อ คุณพ่อไพ และคุณแม่จันที เจริญชัย ครอบครัวประกอบอาชีพทำนา มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด ๘ คน ท่านเป็นบุตรคนที่ ๔ มีชื่อตามลำดับดังนี้

๑. นายกานี เจริญชัย (ถึงแก่กรรมแล้ว)
๒. นางคำเขียน เจริญชัย (ถึงแก่กรรมแล้ว)
๓. นางคำบิน แก้วอุ่นเรือน
๔. หลวงปู่บุญพิน กตปุญฺโญ
๕. นางวิเศษ จันทร์มี
๖. นางทองเทศ ภูดีทิพย์ (ถึงแก่กรรมแล้ว)
๗. พ.ท. วรเดช เจริญชัย
๘. นางเทวา สุวรรณเขต


๏ ชีวิตปฐมวัยและการศึกษาเบื้องต้น

หลวงปู่บุญพิน ได้เรียนหนังสือจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ระดับการเรียนอยู่ในเกณฑ์ดีมาก เรียนที่โรงเรียนนาบ่อ หลังจากเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ แล้ว ไม่ได้เรียนต่อเนื่องด้วยโยมบิดา-โยมมารดาได้ให้ออกมาช่วยเหลืองานที่บ้าน เพราะที่บ้านมีอาชีพหลักคือการทำนา

ท่านได้ช่วยงานโยมบิดา-โยมมารดา จนถึงอายุ ๑๗ ปี พอขึ้นทะเบียนทหารแล้วได้ลาโยมบิดา-โยมมารดา ไปอยู่กับโยมพี่สาวที่บ้านนาทม จังหวัดนครพนม ช่วยโยมพี่สาวค้าขายและเป็นช่างเย็บผ้า พอถึงหน้านาก็ทำนา พอถึงหน้าแล้งก็ต้มเกลือใส่เรือกระแซงไปขาย หมดหน้าเกลือก็รับจ้างขนข้าวล่องเรือตามแม่น้ำสงคราม แม่น้ำโขง ไปขายในตลาดนครพนม ได้ประกอบอาชีพอย่างนี้เป็นระยะเวลาติดต่อกันนานถึง ๕ ปี จนเกิดความเหนื่อยล้าเบื่อหน่ายในการค้าขาย และได้พิจารณาเห็นความทุกข์อยู่ตลอดเวลา

ในช่วงนั้นหลวงปู่มีศรัทธาอยากบวชในบวรพระพุทธศาสนาขึ้นมาอย่างแรงกล้า แต่โยมพี่สาวอยากให้ครองเรือน หลวงปู่ท่านระลึกได้ว่า โยมบิดาอยากให้บวชให้ท่านเสียก่อนที่จะครองเรือน จึงลาโยมพี่สาวกลับไปปรึกษาโยมบิดา-โยมมารดา ที่บ้านนาบ่อ อำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร ซึ่งโยมบิดา-โยมมารดาท่านก็อนุญาตแต่โดยดี

รูปภาพ
หลวงปู่สีลา อิสฺสโร

รูปภาพ
พระครูบริบาลสังฆกิจ (หลวงปู่อุ่น อุตฺตโม)

รูปภาพ
หลวงปู่ผ่าน ปัญญาปทีโป


๏ การอุปสมบท

ครั้นพออายุได้ ๒๓ ปีบริบูรณ์ หลวงปู่ได้ตัดสินใจเข้าสู่ชีวิตใต้ร่มกาสาวพัตร์ โดยมีหลวงปู่สีลา อิสฺสโร แห่งวัดป่าอิสระธรรม บ้านวาใหญ่ ตำบลวาใหญ่ อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร เป็นผู้รับไว้และได้รับเป็นนาค ต่อมาหลวงปู่สีลา อิสฺสโร ได้ทำบุญอุทิศให้โยมมารดาของท่าน และได้ให้หลวงปู่บุญพินเป็นผู้รับบวชในครั้งนั้นด้วย

ในวันที่ ๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๘ ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีมะแม เวลา ๑๔.๓๕ นาฬิกา ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุในทางพระพุทธศาสนา ณ พัทธสีมาวัดป่าอิสระธรรม โดยมี หลวงปู่สีลา อิสฺสโร เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูบริบาลสังฆกิจ (หลวงปู่อุ่น อุตฺตโม) วัดอุดมรัตนาราม ตำบลอากาศ อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ หลวงปู่ผ่าน ปัญญาปทีโป วัดป่าประทีปปุญญาราม ตำบลเซือม อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร เป็นพระอนุสาวนาจารย์


(มีต่อ ๑)

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2010, 07:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ
ในงานพระราชทานเพลิงศพหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
ณ วัดอรัญญบรรพต ต.บ้านหม้อ อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย



๏ ลำดับการจำพรรษา

พรรษาที่ ๑ (พ.ศ. ๒๔๙๘)

เมื่ออุปสมบทแล้ว ได้พำนักจำพรรษาอยู่กับ หลวงปู่สีลา อิสฺสโร พระอุปัชฌาย์ และได้ศึกษาพระธรรมวินัย ฝึกหัดนั่งสมาธิภาวนา เริ่มแรกพระอุปัชฌาย์ให้ฝึกหัดทำสมาธิด้วยคำบริกรรม “พุทโธ” ตลอดพรรษา ระหว่างกลางพรรษา หลวงปู่ได้ทำสมาธิภาวนาแล้วได้เกิดนิมิตขึ้นเห็นพระพุทธรูปทองคำเหลืองอร่ามใหญ่มาก ขณะที่นั่งภาวนาอยู่นั้นได้ลืมตาดูก็ยังเห็นอยู่ หลวงปู่จึงหยิบไฟฉายส่องดูนิมิตนั้นจึงหายไป แต่ช่วงที่เกิดนิมิตนั้นยังไม่เข้าใจอะไรกับนิมิต เพราะเริ่มฝึกหัดใหม่ พอวันต่อมาได้กราบเรียนถามหลวงปู่สีลาว่า คืนที่ผ่านมากระผมได้นั่งสมาธิภาวนา ขณะจิตเป็นสมาธิได้เกิดนิมิตเห็นพระพุทธรูปทองคำองค์ใหญ่มาก

หลวงปู่สีลา อิสฺสโร ท่านได้เมตตาแก้นิมิตให้ว่า นิมิตเห็นพระพุทธรูปทองคำนั้นดีแล้ว เพราะพระพุทธรูปเป็นเครื่องหมายของพระพุทธเจ้า เฉพาะถ้าหากเราอยู่ในพระพุทธศาสนา เราจะมีความเจริญรุ่งเรืองในพระพุทธศาสนา แล้วหลวงปู่สีลายังบอกและเตือนหลวงปู่ว่าอย่าสิกขาลาเพศไปให้อยู่ในพระศาสนา พอได้ยินหลวงปู่สีลาพูดอย่างนั้น ก็เกิดปิติมีความอิ่มเอิบใจที่จะอยู่ในบวรพระพุทธศาสนาต่อไป และได้ศึกษานักธรรมชั้นตรีไปด้วย ครั้นพอออกพรรษาจึงได้สอบนักธรรมชั้นตรี พอสอบนักธรรมชั้นตรีได้แล้ว หลวงปู่ก็ได้ไปศึกษานักธรรมชั้นโทต่อที่วัดสุทธิมงคล ตำบลพรรณา อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร

พรรษาที่ ๒ (พ.ศ. ๒๔๙๙)

พำนักจำพรรษาที่วัดสุทธิมงคล ตำบลพรรณา อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร ในระหว่างพรรษาได้ศึกษานักธรรมชั้นโท พอออกพรรษาก็สอบได้นักธรรมชั้นโท

พรรษาที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๐๐)

ได้ศึกษานักธรรมชั้นเอกและศึกษาบาลีอยู่ที่วัดสุทธิมงคล เมื่อสอบนักธรรมเสร็จจึงได้กราบลา เจ้าคุณพระพิศาลศาสนกิจ กลับไปหาพระอุปัชฌาย์ที่วัดป่าอิสระธรรม

รูปภาพ
หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ

รูปภาพ
หลวงปู่ขาว อนาลโย

รูปภาพ
หลวงปู่หลุย จันทสาโร กับ หลวงปู่บุญพิน กตปุญฺโญ


พรรษาที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๐๑)

พำนักจำพรรษาที่วัดป่าโครธาราม บ้านหนองบัวบาน ตำบลหมากหญ้า อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี อยู่กับ หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ ในพรรษานี้หลวงปู่อ่อนบอกให้ท่านตั้งใจท่องพระปาฏิโมกข์ พอรับปากจะท่องก็ตั้งใจท่อง ใช้เวลา ๑ เดือนก็จบพอดี ขณะที่ท่องพระปาฏิโมกข์นั้นก็ทำสมาธิภาวนาไปด้วย พอออกพรรษาแล้วก็ไปพักอยู่กับ หลวงปู่ขาว อนาลโย ที่วัดถ้ำกลองเพล ตำบลโนนทัน อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู

พรรษาที่ ๕ (พ.ศ. ๒๕๐๒)

พำนักจำพรรษาที่วัดป่านิโครธาราม พอออกพรรษาจึงกราบลาหลวงปู่อ่อน เพื่อออกเดินทางตามหา หลวงปู่ชอบ ฐานสโม โดยตามไปที่วัดถ้ำผาบิ้ง ตำบลผาบิ้ง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย แต่ไม่เจอ จึงไปวัดถ้ำผาปู่ เจอ หลวงปู่หลุย จันทสาโร กราบเรียนถามหลวงปู่หลุย พอดีหลวงปู่หลุยจะไปหาหลวงปู่ชอบที่ฝั่งลาว หลวงปู่บุญพินจึงได้ติดตามไปพร้อมกับหลวงปู่หลุย แล้วพบกับหลวงปู่ชอบที่เมืองลาว และตั้งใจจำพรรษาที่เมืองลาว

แต่ระยะนี้เหตุการณ์บ้านเมืองในประเทศลาวไม่สงบ ทหารลาวไม่ให้พัก หลวงปู่ชอบจึงให้หลวงปู่บุญพิน กตปุญโญ กับ พระอาจารย์บัวคำ มหาวีโร เดินธุดงค์มาพักที่บ้านนายาว หมู่บ้านนี้เป็นบ้านร้างมีอยู่ ๕ หลังคาเรือน ระหว่างพักที่บ้านนี้ช่วงกลางคืนจะมีฝูงช้างผ่านมาทุกคืน และมีเสือร้องอยู่ใกล้ที่พัก มีคืนหนึ่งช้างหลงฝูงเข้ามาที่พักตัวหนึ่งไม่ยอมไป พระอาจารย์บัวคำจึงได้ออกมาจุดไฟไล่ พอช้างได้กลิ่นควันไฟก็หนีไป หลวงปู่บุญพินพักที่บ้านนายาวนี้ประมาณ ๑ เดือน จึงได้กลับไปหาหลวงปู่หลุยกับหลวงปู่ชอบ จากนั้นหลวงปู่ชอบได้พาธุดงค์ขึ้นไปทางเหนือ ไปพักที่บ้านน้ำมี่ ถ้ำผาร่มพร้าว ในถ้ำนี้จะมีพระพุทธรูปโบราณมากมายจนหาที่นอนไม่ได้ เวลาจะนอนต้องใช้มือกวาดพระพุทธรูปออกก่อนแล้วจึงค่อยนอนได้ ขณะที่พักอยู่ในถ้ำแห่งนี้ หลวงปู่บุญพินได้ทำข้อวัตรปฏิบัติและทำสมาธิภาวนาตลอดทั้งวันทั้งคืน

เช้าวันหนึ่งขณะนำน้ำล้างหน้าและยาสีฟันถวายหลวงปู่ชอบ ท่านได้ถามว่า “เมื่อคืนนี้ท่านได้นิมิตอะไรไหม”

หลวงปู่บุญพินตอบว่า “กระผมไม่ได้นิมิตอะไรเลยขอรับ กระผมก็เหมือนคนตาบอดนี่เอง”

หลวงปู่ชอบจึงพูดว่า เมื่อคืนนี้ได้นิมิตเห็นพญานาคสองผัวเมียลำตัวเท่าต้นมะพร้าว หัวพญานาคมาพาดที่ก้อนหินในถ้ำนี้ ส่วนหางนั้นอยู่ที่แม่น้ำโขง ตัวใหญ่มาก

หลวงปู่บุญพินเลยถามหลวงปู่ชอบว่า “หัวของพญานาค เหมือนที่เขาเขียนในรูปไหมขอรับ”

หลวงปู่ชอบตอบ “ก็เหมือนกับในรูปนั้นแหละ”

หลวงปู่บุญพินถาม “แล้วเขาขึ้นมาทำไมขอรับ”

หลวงปู่ชอบตอบ “พญานาคขึ้นมากราบหลวงปู่เพราะมีความศรัทธาเลื่อมใส และได้เทศนาศีล ๕ ให้พญานาคฟัง” จากนั้นหลวงปู่ชอบได้ถามพญานาคว่า “ในใต้บาดาลมีแสงอาทิตย์ไหม”

พญานาคตอบว่า ในใต้บาดาลไม่มีแสงอาทิตย์ แต่มีแสงแก้วสว่างไสวตลอดทั้งกลางวันกลางคืน พอหลวงปู่ชอบถามเสร็จ พญานาคก็กราบลา

เวลาพญานาคจะไปไม่เหมือนกับงู จะค่อยๆ ถอยหลังไหลลงแม่น้ำโขงแล้วหายไปเลย พอคืนต่อมา พญานาคได้ขึ้นมาหาหลวงปู่ชอบอีก ท่านได้เล่าให้หลวงปู่บุญพินฟังว่า เมื่อคืนนี้พญานาคขึ้นมาหาเหมือนคืนก่อน แต่คืนนี้เขาแปลงกายเป็นมนุษย์ผู้ชายกับผู้หญิง แต่งตัวเหมือนพระราชา ผู้ชายใช้ผ้าแดงคาดหัว ขึ้นมากราบหลวงปู่ชอบ หลวงปู่ชอบเลยถามว่า “พวกท่านมาจากไหน”

พญานาคสองผัวเมียตอบว่า “คืนก่อนยังมากราบหลวงปู่เลย”

หลวงปู่ชอบถาม “แล้วคืนนี้ทำไมพวกท่านเป็นมนุษย์มา”

พญานาคตอบ พวกกระผมเป็นพญานาคมีอิทธิฤทธิ์สามารถแปลงกายเป็นอะไรก็ได้

หลวงปู่ชอบถาม “สาเหตุที่ท่านเป็นพญานาคมาอาศัยอยู่ในบาดาลใต้ถ้ำนี้ เพราะเหตุอะไร”

พญานาคตอบ “เมื่อชาติก่อนพวกกระผมมีบ้านอยู่ใกล้ถ้ำนี้ แล้วถ้ำนี้ก็เป็นวัด และได้นำเอาเสียม เอาจอบ เอามีดของวัดไปใช้แล้วไม่ได้ส่งคืน ถือเอาเป็นของเจ้าของ พอตายไปกรรมนั้นเลยให้ผลมาเกิดเป็นพญานาค เพื่อชดใช้กรรมที่ได้ก่อไว้ใต้บาดาลใต้แม่น้ำโขงนี้” ต่อจากนั้นหลวงปู่ชอบได้เทศนาอบรมให้รักษาศีลให้ตั้งอยู่ในธรรม พอหลวงปู่ชอบเทศนาเสร็จ พญานาคได้กราบลาหลวงปู่ชอบกลับไป

มีวันหนึ่งหลวงปู่ชอบได้เตือนพระเณรว่า เวลาล้างบาตรอย่าเอาน้ำล้างบาตรสาดลงไปในฝั่งแม่น้ำ เช้าวันนั้นออกบิณฑบาตได้ข้าวปลาแห้งจำนวนมาก พอกลับถึงวัด หลวงปู่บุญพินให้เณรเอาไม้ไผ่มาหลาม คือเอาน้ำ ผัก ปลา ใส่ลงไปในกระบอกไม้ไผ่แล้วนำไปตั้งไฟ พอเสร็จแล้วนำมาถวายหลวงปู่หลุยและหลวงปู่ชอบ พอฉันเสร็จหลวงปู่บุญพินได้นำบาตรไปล้างที่ท่าน้ำ และได้เห็นฝูงปลาเยอะแยะจึงพากันสาดข้าวให้ปลากิน พอล้างบาตรเสร็จกลับขึ้นมาในถ้ำ ขณะเช็ดบาตรได้ยินเสียงดังสนั่นในริมฝั่งน้ำ จากนั้นหลวงปู่หลุย หลวงปู่ชอบ หลวงปู่บุญพิน พร้อมพระเณรได้ออกมาดู เห็นริมฝั่งแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นชายหาดพังทลายลงเหมือนกับใช้รถดันชายฝั่งเสียงสนั่นหวั่นไหว

ขณะที่ยืนดูอยู่นั้นหลวงปู่ชอบได้กล่าวขึ้นว่า “ใครทำอะไรในท่าน้ำนั้น”


หลวงปู่บุญพินตอบ “พวกกระผมพระเณรได้ไปล้างบาตร ได้เห็นฝูงปลาก็เลยสาดข้าวก้นบาตรให้มันกิน”

หลวงปู่ชอบจึงกล่าวว่า ในสถานที่นี้เป็นที่อาศัยของพญานาค แล้วพวกนี้ไม่ชอบสกปรก ในเมื่อพระเณรได้ทำสกปรกลงไปในน้ำ พวกเขาเลยโกรธ เขาเลยแสดงอภินิหารให้ดู


จากนั้นหลวงปู่ชอบก็เดินไปริมฝั่งแม่น้ำโขง แล้วยืนกำหนดจิตชั่วระยะหนึ่งเหตุการณ์ก็สงบลงเป็นปกติ หลวงปู่ชอบก็บอกพระเณรให้เก็บบริขารเพื่อกลับมาวัดศรีพนมมาศ อำเภอเชียงคาน ออกจากอำเภอเชียงคานมาเมืองเลย หลวงปู่ชอบบอกให้หลวงปู่บุญพินไปพักที่วัดป่าอัมพวัน บ้านไร่ม่วง ตำบลน้ำหมาน อำเภอเมือง จังหวัดเลย เพราะหลวงปู่ชอบกับ หลวงปู่ซามา อาจุตฺโต จะไปโคราช ต่อมาหลวงปู่บุญพินได้จากวัดป่าอัมพวันไปพำนักจำพรรษาที่วัดป่าม่วงไข่ ตำบลสานตม อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย กับ หลวงปู่ลี กุสลธโร

ก่อนเข้าพรรษา หลวงปู่ลี กุสลธโร พาเที่ยวธุดงค์จนถึงเดือน ๕ แล้วย้อนกลับมาพักที่บ้านไร่ม่วงอีก จนสงกรานต์เสร็จ จึงไปหาหลวงปู่ชอบที่บ้านโคกมน ที่วัดถ้ำผาดิน ที่บ้านนี้ชาวบ้านอยากสร้างวัด ผู้ใหญ่ถันพร้อมกับชาวบ้านได้กราบปรึกษาหลวงปู่ชอบ หลวงปู่ชอบจึงให้หาที่ ชาวบ้านเลยถวายที่ให้หลวงปู่ชอบสร้างวัด หลวงปู่บุญพินเล่าว่าชาวบ้านโคกมนนี้ ชาวบ้านแบ่งแยกเป็นหลายฝ่าย ส่วนมากนับถือผีปู่ตา มีวันหนึ่งหลวงปู่ชอบให้ผู้ใหญ่บ้านไปประกาศให้ชาวบ้านมารับไตรสรณคมน์ ชาวบ้านส่วนหนึ่งไม่ยอมรับเพราะชาวบ้านนับถือผีปู่ตา

วันหนึ่งหลวงปู่ชอบให้ผู้ใหญ่บ้านไปชักชวนคนเหล่านั้นอีก ถ้าไม่มาจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้น ชาวบ้านจึงพากันไปรับไตรสรณคมน์พร้อมกันทั้งหมด ต่อมาหลวงปู่ชอบพาหลวงปู่บุญพินกับพระเณร พร้อมด้วยชาวบ้าน ไปรื้อศาลปู่ตา พอไปถึงหลวงปู่ชอบได้กล่าวว่า ต่อไปนี้ชาวบ้านจะไม่ถือผีปู่ตาอีก และขอให้สิ่งที่สิงสถิตย์ในที่นี้ได้ออกไปเสีย จากนั้นหลวงปู่ชอบจึงบอกให้ชาวบ้านรื้อศาลผีปู่ตา แต่ไม่มีใครกล้ารื้อ หลวงปู่ชอบเลยให้หลวงปู่บุญพินกับพระเณรเป็นคนรื้อก่อน พอชาวบ้านเห็นดังนั้นก็เลยเข้าไปรื้อช่วย แล้วได้นำไม้ที่รื้อไปทำถาน (ส้วม) สำหรับพระเณรใช้ หลังจากรื้อศาลผีปู่ตาแล้วก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น

:b44: พญานาคกับพระพุทธศาสนา (มมร.)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=26&t=26019

รูปภาพ
หลวงปู่ชอบ ฐานสโม

รูปภาพ
หลวงปู่หลุย จันทสาโร

รูปภาพ
หลวงปู่ซามา อาจุตฺโต

รูปภาพ
หลวงปู่ลี กุสลธโร


(มีต่อ ๒)

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2010, 07:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ
พระครูสุวิมลบุญญากร (หลวงปู่บุญพิน กตปุญโญ)


พรรษาที่ ๖ (พ.ศ. ๒๕๐๓)

พำนักจำพรรษาที่วัดป่าสัมมานุสรณ์ (วัดเหนือ) บ้านโคกมน ตำบลผาน้อย อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย กับ หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ในระหว่างพรรษาได้ฟังธรรมจากหลวงปู่ชอบ และได้ตั้งใจทำสมาธิภาวนาตลอดพรรษา วันหนึ่งหลวงปู่ชอบกล่าวกับหลวงปู่ว่า ในคืนนั้นท่านได้นิมิตเห็นเทพทั้งหลายมากมายมาหาท่าน เทพทั้งหลายแบ่งเป็นชั้นๆ มีชั้นสูง ชั้นกลาง และชั้นต่ำ

หลวงปู่ชอบจึงกำหนดจิตถามเทพทั้งหลายว่า “พวกท่านมาหาเราทำไม”

เทพทั้งหลายได้ตอบหลวงปู่ชอบว่า “พวกเราได้ลงมากราบหลวงปู่และอนุโมทนาในการสร้างวัดในครั้งนี้” แล้วก็จากไป ต่อจากนั้นหลวงปู่ชอบได้แก้นิมิตให้หลวงปู่บุญพินฟังว่า ต่อไปวัดป่าสัมมานุสรณ์ (วัดเหนือ) แห่งนี้จะมีความเจริญรุ่งเรือง และจะมีคณะศรัทธาญาติโยมจากทั่วทุกสารทิศมาทำบุญ

พรรษาที่ ๗ (พ.ศ. ๒๕๐๔)

พำนักจำพรรษาที่วัดป่านิโครธาราม ตำบลหมากหญ้า อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี กับ หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ ในพรรษานี้หลวงปู่ได้ทำความเพียรอย่างอุกฤษฏ์ คือ อดนอน ผ่อนอาหาร โดยในวันพระหลวงปู่จะอธิษฐานจิตนั่งสมาธิภาวนา เดินจงกรมตลอดทั้งวันทั้งคืน ตลอดพรรษานี้ได้ทำความเพียรเป็นที่พอใจของหลวงปู่มาก ครั้นรับกฐินเสร็จได้กราบลาหลวงปู่อ่อนออกเที่ยวธุดงค์ไปวัดถ้ำกลองเพล ตำบลโนนทัน อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู พักอยู่ระยะหนึ่ง หลวงปู่บุญเพ็ง เขมาภิรโต ได้ชวนออกวิเวกไปทางอำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร มาพักที่วัดป่ากลางโนนภู่ คืนหนึ่งหลวงปู่เดินจงกรมเสร็จ ขึ้นกุฏิทำวัตรสวดมนต์เสร็จ ได้ตั้งอธิษฐานจิตภาวนา ขณะจิตเป็นสมาธิ ได้นิมิตว่า มีชายคนหนึ่งลอยมาจากอากาศ และตะโกนดังๆ ว่า ท่านๆ ท่านรู้ไหม ๓ ชาติที่ผ่านมา ท่านบวชแล้วตายในผ้าเหลือง ชาตินี้เป็นชาติที่ ๔ ขอให้ท่านประพฤติปฏิบัติพรหมจรรย์ตลอดไป เราขออนุโมทนากับท่านด้วย แล้วเสียงก็หายไป จิตได้ถอนขึ้นมา

หลวงปู่พักอยู่วัดป่ากลางโนนภู่นี้ ๓ คืน จึงธุดงค์ต่อไปวัดถ้ำเจ้าผู้ข้า พักอยู่ระยะหนึ่ง ธุดงค์ต่อไปวัดป่าภูริทัตตถิราวาส (วัดป่าบ้านหนองผือ) ตำบลนาใน อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร แล้วต่อไปจนถึงวัดถ้ำพระนาใน ธุดงค์ต่อจนถึงถ้ำขามพักอยู่กับ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร ทุกคืนหลวงปู่ฝั้นจะแสดงธรรมให้พระเณรและญาติโยมได้ฟัง มีคืนหนึ่งขณะที่นั่งฟังเทศน์ จิตสงบขึ้น แสงสว่างพุ่งทะลุภูเขาออกไป พอจิตออกจากสมาธิ ได้ยินหลวงปู่ฝั้นเทศน์ในตอนนั้นว่า ขณะนั่งสมาธิมีแสงพุ่งออกไปข้างหน้า ไม่ต้องเอาจิตตามแสงนั้นไป ถ้าตามไปจะไม่มีที่สิ้นสุด ต้องกำหนดดูที่กายที่จิต หลวงปู่พักอยู่กับหลวงปู่ฝั้นประมาณ ๒ เดือน ตอนแรกตั้งใจจะจำพรรษาอยู่กับหลวงปู่ฝั้นเพราะใกล้จะเข้าพรรษาแล้ว พอดี พระอาจารย์สุวัจน์ สุวโจ และลูกศิษย์ขึ้นมามาก หลวงปู่กับหลวงปู่บุญเพ็งเห็นกุฏิที่อาศัยไม่เพียงพอต่อพระเณร จึงได้กราบลาหลวงปู่ฝั้นเพื่อธุดงค์ไปวัดป่าแก้วชุมพล

พรรษาที่ ๘ (พ.ศ. ๒๕๐๕)

พำนักจำพรรษาที่วัดป่าแก้วชุมพล ตำบลบ้านชุม อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร มีพระเณรจำพรรษา ๗ รูป พอออกพรรษาแล้ว หลวงปู่พร้อมกับหลวงปู่บุญเพ็งออกเดินธุดงค์ไปหาหลวงปู่ขาว ได้พบกับหลวงปู่จันทา ถาวโร แล้วได้ออกธุดงค์ร่วมกัน หลวงปู่ได้ชวนหลวงปู่จันทามาพักที่ดงเชียงเครือ เพื่อจะเยี่ยมโยมมารดา ที่บ้านนาบ่อ ขณะที่พักที่ป่าช้าบ้านดงเชียงเครือ มีญาติโยมบ้านนาบ่อ วาริชภูมิ บ้านไฮ่ และบ้านใกล้เคียงได้พากันมาวัดฟังธรรมกับหลวงปู่ ตลอดเวลา ๑ เดือนที่พัก แล้วได้ลาโยมมารดาไปพักที่วัดสุขุมวารี พักอยู่ระยะหนึ่ง จึงได้ลาญาติโยมกลับไปวัดถ้ำกลองเพล พักอยู่ระยะหนึ่งได้กราบลาหลวงปู่ขาวไปหา หลวงปู่บัว สิริปุณฺโณ ที่วัดป่าหนองแซง จังหวัดอุดรธานี หลวงปู่ได้ปรารภกับหลวงปู่บัวว่าอยากจะเข้าไปจำพรรษากับ หลวงปู่มหาบัว ญาณสัมปันโน ที่วัดป่าบ้านตาด หลวงปู่บัวได้แนะนำข้อวัตรปฏิบัติให้แล้ว จึงเดินทางไปพร้อมกับสหธรรมิก

พรรษาที่ ๙ (พ.ศ. ๒๕๐๖)

พำนักจำพรรษาที่วัดป่าบ้านตาด ตำบลบ้านตาด อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี กับหลวงปู่มหาบัว ญาณสัมปันโน หลวงปู่บุญพินตั้งใจศึกษาข้อวัตรปฏิบัติอย่างเคร่งครัด มีพระเณรจำพรรษาทั้งหมด ๑๓ รูป ตลอดพรรษานี้ได้ธรรมปฏิบัติกับหลวงปู่มหาบัวเป็นอันมาก และได้ทำความเพียรจนทำให้มีกำลังใจเพื่อต่อสู้ไปในภายภาคหน้า

รูปภาพ
หลวงปู่ฝั้น อาจาโร

รูปภาพ
หลวงปู่บุญเพ็ง เขมาภิรโต

รูปภาพ
พระอาจารย์สุวัจน์ สุจโจ

รูปภาพ
หลวงปู่บัว สิริปุณฺโณ

รูปภาพ
หลวงปู่มหาบัว ญาณสัมปันโน


(มีต่อ ๓)

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2010, 07:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ
หลวงปู่ผาง ปริปุณฺโณ

รูปภาพ
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี


พรรษาที่ ๑๐ (พ.ศ. ๒๕๐๗)

พำนักจำพรรษาที่วัดถ้ำจันใด อำเภอกุดจับ จังหวัดอุดรธานี ในพรรษานี้จำพรรษาอยู่เพียงองค์เดียวและตั้งใจทำความเพียรอยู่อย่างนั้นโดยไม่ย่อท้อ เพราะไม่ได้คลุกคลีกับหมู่คณะ ฉันเสร็จแล้ว เข้าทางเดินจงกรมพอสมควร แล้วเข้ากุฏินั่งสมาธิตลอดพรรษา ครั้นออกพรรษาแล้วได้ออกเดินธุดงค์ไปหาหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ ที่ถ้ำสุวรรณคูหา บ้านโนนสมบูรณ์ พักอยู่ประมาณเดือนหนึ่ง หลวงปู่อ่อนก็กลับหนองบัวบาน ส่วนหลวงปู่ได้ออกเดินธุดงค์ไปกับ หลวงปู่ผาง ปริปุณฺโณ เพื่อไปยังวัดหินหมากเป้ง จังหวัดหนองคาย ได้พักอยู่กับ หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ระยะหนึ่ง จึงออกเดินธุดงค์กลับมายังวัดป่าแก้วชุมพล จังหวัดสกลนคร ไปพบกับ หลวงปู่สิงห์ทอง ธมฺมวโร แล้วออกเดินธุดงค์ขึ้นไปยังวัดถ้ำอภัยดำรงธรรม (วัดถ้ำพวง) ตำบลปทุมวาปี อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร ไปหา หลวงปู่วัน อุตฺตโม ออกจากหลวงปู่วันเดินข้ามภูเหล็กไปบ้านผาหัก แล้วพักอยู่ระยะหนึ่ง

พรรษาที่ ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๐๘)

พำนักจำพรรษาที่วัดบ้านนาเหล่าอ้อย อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี จำพรรษาโดยมีพระภิกษุ ๒ รูป สามเณร ๑ รูป และผ้าขาว ๒ คน ครั้นออกพรรษาแล้วได้ลาญาติโยมเพื่อพาผ้าขาวไปบวชที่วัดจอมศรี อำเภอกุมภวาปี พอบวชเสร็จก็พากันไปพักที่วัดถ้ำกลองเพลอยู่กับ หลวงปู่ขาว อนาลโย พอจะเข้าพรรษาจึงได้กราบลาหลวงปู่ขาวกลับไปจำพรรษากับ หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ อีกครั้ง

รูปภาพ
หลวงปู่สิงห์ทอง ธมฺมวโร

รูปภาพ
หลวงปู่วัน อุตฺตโม

รูปภาพ
พระอาจารย์ประสิทธิ์ ปุญฺญมากโร

รูปภาพ
หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร


พรรษาที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๐๙)

พำนักจำพรรษาที่วัดป่านิโครธาราม จังหวัดอุดรธานี กับหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ พอออกพรรษาแล้ว กราบลาหลวงปู่อ่อนออกวิเวกธุดงค์กับ พระอาจารย์ประสิทธิ์ ปุญฺญมากโร (ปัจจุบันพำนักจำพรรษา ณ วัดป่าหมู่ใหม่ ตำบลแม่แตง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่) และสามเณรสีโห ไปพักที่บ้านหนองแซง จากนั้นออกธุดงค์ขึ้นไปเหนือ โยมซื้อตั๋วรถให้ นั่งรถไปถึงจังหวัดพิษณุโลก เหลือปัจจัยอยู่ ๑๐ บาท จ้างสามล้อให้ไปส่งนอกเมือง แล้วพากันเดินธุดงค์ตามทางรถไฟไปถึงอุตรดิตถ์ พักอยู่ที่กลางทุ่งนา จากพิษณุโลกไปแม่เมาะใช้เวลา ๑๐ คืน รองเท้าของหลวงปู่และสามเณรขาดหมดพอดี เหลือแต่ของพระอาจารย์ประสิทธิ์ ต้องผลัดเปลี่ยนกันใส่ พอถึงแม่เมาะไปพักที่วัดอาจารย์สม ประมาณ ๑ เดือน มีญาติโยมทำบุญได้ปัจจัยซื้อตั๋วรถไฟไปเชียงใหม่ ไปพักที่วัดสันติธรรม นครเชียงใหม่ ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ กับ หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร

ต่อมาได้กราบลาหลวงปู่สิม เพื่อออกเดินธุดงค์ไปหา หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ได้ฟังเทศน์จากหลวงปู่ตื้อ แล้วพักอยู่ระยะหนึ่ง จึงได้กราบลาหลวงปู่ตื้อไปทางอำเภอพร้าว เจอกับ พระอาจารย์คำผอง กุสลธโร เลยชวนกันไปกราบ หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ที่วัดดอยแม่ปั๋ง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ ได้ฟังเทศน์จากหลวงปู่แหวน แล้วพักอยู่ระยะหนึ่ง จึงได้กราบลาหลวงปู่แหวนออกเดินธุดงค์ต่อไปยังบ้านมูเซอ ครั้นพอถึงบ้านจีนฮ่อมีทหารตามไปส่งที่บ้านมูเซอ ระหว่างพักอยู่ที่บ้านมูเซอ มีตัวขุ้นกัดหลวงปู่ตามตัวเต็มไปหมด หลวงปู่จึงชวนกันไปพักที่ธาตุแม่โถน ลาพระอาจารย์ประสิทธิ์ที่แม่ริม แล้วไปที่บ้านยางผาแด่น อำเภอแม่ริม

รูปภาพ
หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม

รูปภาพ
พระอาจารย์คำผอง กุสลธโร

รูปภาพ
หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ


(มีต่อ ๔)

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2010, 07:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ
พระครูสุวิมลบุญญากร (หลวงปู่บุญพิน กตปุญโญ)
ขอขอบพระคุณที่มาของรูปภาพ : คุณอนัตตา udon108



พรรษาที่ ๑๓ (พ.ศ. ๒๕๑๐)

พำนักจำพรรษาที่วัดป่าผาแด่น ตำบลสันป่ายาง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ มีพระเณรจำพรรษา ๔ รูป มีพระอาจารย์คำผอง กุสลธโร, หลวงปู่บุญพิน กตปุญโญ, พระม่อย และสามเณร พรรษานี้อาหารบิณฑบาตไม่สัปปายะ อดมื้อฉันมื้อ พอได้ประทังชีวิต พอออกพรรษามีญาติโยมมานิมนต์ไปจับสลากภัตร มีทั้งปัจจัยของใช้ต่างๆ แล้วพากันออกธุดงค์ต่อไป ระยะออกธุดงค์พระอาจารย์คำผอง กุสลธโร ไม่สบาย ได้ช่วยกันรักษาจนหาย ต่อมาหลวงปู่มีเหตุจำเป็นต้องกลับมาที่จังหวัดสกลนคร เพราะพระอุปัชฌาย์ได้มรณภาพลง พองานพระราชทานเพลิงศพเสร็จก็ได้กลับไปยังวัดถ้ำกลองเพล จังหวัดหนองบัวลำภู

พรรษาที่ ๑๔-๑๕ (พ.ศ. ๒๕๑๑-๒๕๑๒)

พำนักจำพรรษาที่วัดถ้ำกลองเพล จังหวัดหนองบัวลำภู กับหลวงปู่ขาว อนาลโย

พรรษาที่ ๑๖ (พ.ศ. ๒๕๑๓)

พำนักจำพรรษาที่วัดราษฎรสงเคราะห์ (วัดป่าหนองแซง) จังหวัดอุดรธานี กับ หลวงปู่บัว สิริปุณฺโณ และ หลวงปู่จันทา ถาวโร ครั้นเมื่อออกพรรษาแล้วได้ออกเดินธุดงค์กับหลวงปู่จันทา ไปถ้ำพระปู่ พระบาทบัวบาน ไปถ้ำจำปา ต่อมาชาวบ้านโคกก่องนิมนต์ให้ไปพัก

รูปภาพ
หลวงปู่จันทา ถาวโร
ขอขอบพระคุณที่มาของรูปภาพ : คุณอนัตตา udon108



พรรษาที่ ๑๗ (พ.ศ. ๒๕๑๔)

พำนักจำพรรษาที่บ้านโคกก่องกับหลวงปู่จันทา มีพระเณรอยู่จำพรรษา ๕ รูป พอออกพรรษาโยมที่อุดรฯ ไปรับกลับวัดถ้ำกลองเพล ต่อมาหลวงปู่ได้กลับไปหาหลวงปู่ชอบที่บ้านสานตม

พรรษาที่ ๑๘ (พ.ศ. ๒๕๑๕)

พำนักจำพรรษาที่วัดบ้านสานตม ตำบลสานตม อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย ปีนี้หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ หมอจากโรงพยาบาลกรุงเทพฯ ได้นิมนต์หลวงปู่ชอบขึ้นเครื่องไปรักษาที่กรุงเทพฯ ดังนั้น ในพรรษานี้หลวงปู่ต้องเป็นหัวหน้าพาหมู่คณะอยู่จำพรรษา พอออกพรรษาได้ลาญาติโยม มอบวัดให้พระอาจารย์ทิวา อาภากโร ดูแลแทน หลวงปู่ได้ออกธุดงค์กลับมาที่บ้านเกิดเพื่อดูแลโยมมารดาที่ป่วยอยู่ พอโยมมารดาหายป่วยเป็นปกติแล้ว ได้ลาออกธุดงค์ไปภูทอก เพื่อไปพบกับหลวงปู่ชอบที่มารักษาตัวอยู่กับหลวงปู่จวน ต่อมาหลวงปู่ชอบกลับไปวัดบ้านโคกมน หลวงปู่จวนได้ชวนหลวงปู่จำพรรษาที่วัดภูทอก (วัดเจติยาคิรีวิหาร)

พรรษาที่ ๑๙ (พ.ศ. ๒๕๑๖)

พำนักจำพรรษาที่วัดภูทอก (วัดเจติยาคิรีวิหาร) กับ หลวงปู่จวน กุลเชฏฺโฐ ตลอดพรรษาได้ทำบันไดขึ้นภูทอก ในระหว่างพรรษานี้ มีคืนหนึ่งขณะที่ทำสมาธิภาวนากระทั่งจิตสงบ เกิดนิมิตก้อนหินตรงกุฏิที่หลวงปู่พักอยู่ลอยไปลอยมา จากนั้นจิตได้ถอนออกจากสมาธิเป็นปกติ ครั้นพอออกพรรษา บันไดที่ทำขึ้นภูทอกก็ยังไม่แล้วเสร็จ หลวงปู่จวนได้พาศรัทธาญาติโยมเวียนเทียนในวันออกพรรษา พอรับกฐินเสร็จ ได้กราบลาหลวงปู่จวนเพื่อไปหา พระอาจารย์ศรีนวล ขันติธโร ที่วัดศรีรัตนนิมิต บ้านหนองแก อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี

รูปภาพ
วัดภูทอก (วัดเจติยาคิรีวิหาร) อ.นิคมน้ำอูน จ.สกลนคร

รูปภาพ
เจดีย์พิพิธภัณฑ์พระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโฐ
ณ วัดภูทอก (วัดเจติยาคิรีวิหาร) อ.นิคมน้ำอูน จ.สกลนคร


รูปภาพ
หลวงปู่จวน กุลเชฏฺโฐ

รูปภาพ
พระอาจารย์ศรีนวล ขันติธโร


พรรษาที่ ๒๐ (พ.ศ. ๒๕๑๗)

พำนักจำพรรษาที่วัดศรีรัตนนิมิต กับพระอาจารย์ศรีนวล ในระหว่างพรรษานี้โยมมารดามาบวชเป็นชีอยู่ด้วย พอออกพรรษาแล้ว พาโยมมารดากลับบ้านนาบ่อ จากนั้นหลวงปู่ได้ปรึกษาพระอาจารย์ศรีนวล ขอกลับไปสร้างวัดที่บ้านเพื่อโปรดโยมมารดา พอดี ผู้ใหญ่เพ็ง บ้านดงเชียงเครือ นิมนต์ให้มาสร้างวัดที่ป่าช้า จากนั้นจึงได้พาญาติโยมบ้านดงเชียงเครือ บ้านนาบ่อ และบ้านใกล้เคียง สร้างศาลามุงหญ้าและกุฏิพอให้หลวงปู่ได้พัก

พรรษาที่ ๒๑-๓๖ (พ.ศ. ๒๕๑๘-๒๕๓๓)

พำนักจำพรรษาที่ดงเชียงเครือมาตลอด หลวงปู่ได้ตัดสินใจปักหลักสร้างวัดดงเชียงเครือ ตำบลปลาโหล อำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร ระหว่างที่จำพรรษาได้แนะนำพร่ำสอนอบรมญาติโยมให้รู้จักบำเพ็ญทาน รักษาศีล เจริญเมตตาภาวนา ให้ตั้งอยู่ในไตรสรณคมน์ และได้ก่อสร้างเสนาสนะและถาวรวัตถุในวัดดงเชียงเครือจนเสร็จสมบูรณ์ และยังได้ดำเนินการขอสร้างวัดตามกฎหมายของคณะสงฆ์หรือตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ตามลำดับ จนวัดดงเชียงเครือถูกต้องตามกฎหมายในที่สุด และได้ขอพระราชทานวิสุงคามสีมาด้วย

ในปี พ.ศ. ๒๕๒๖ หลวงปู่บุญพินได้รับโยมมารดา แม่ชีจันที เจริญชัย ซึ่งบวชเป็นชี มาปฏิบัติธรรมถือศีล ๘ ด้วย จนกระทั่งท่านสิ้นอายุขัยในปี พ.ศ. ๒๕๓๖ รวมอายุได้ ๙๖ ปี

ในปี พ.ศ. ๒๕๒๗ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะตำบลวาริชภูมิ (ธรรมยุต) อำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร

ในปี พ.ศ. ๒๕๓๐ ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านได้บรรพชาอุปสมบทให้กุลบุตรผู้มีความเลื่อมใสศรัทธาในบวรพระพุทธศาสนา อีกทั้งยังได้อบรมแนะนำสั่งสอนพระธรรมวินัย และข้อวัตรปฏิบัติต่างๆ เพื่อชำระจิตใจให้หมดจดจากเครื่องเศร้าหมองต่างๆ มีความโลภ ความโกรธ ความหลง ให้เบาบางหรือหมดสิ้นไป พระภิกษุสามเณรที่หลวงปู่ได้บวชให้แล้วยังได้ประพฤติพรหมจรรย์จนถึงทุกวันนี้ยังเหลืออยู่หลายองค์

ในระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๓๓ หลวงปู่กับสามเณรได้ออกวิเวกปักกลดในเทือกเขาภูพาน ในวันหนึ่งพอตกกลางคืน หลวงปู่ได้นิมิตว่าทางทิศตะวันตกได้เกิดแสงสว่างไสวพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า พอจิตถอนออกจากนิมิต ท่านได้พิจารณาในสถานที่เกิดนิมิตนั้นคงจะเป็นสถานที่ที่เป็นมงคล ถ้าได้สร้างเป็นวัด วัดนี้จะมีความเจริญรุ่งเรืองมากในภายภาคหน้า พอรุ่งเช้าหลวงปู่และสามเณรพร้อมญาติโยมออกหาสถานที่ที่เห็นในนิมิตนั้น พอดีมาเจอหน้าผาก็ระลึกได้ว่าสถานที่แห่งนี้ตรงกับนิมิต แล้วหลวงปู่จึงได้นำพาศรัทธาญาติโยมสร้างเป็นที่พักสงฆ์เล็กๆ ขึ้นมา ในระหว่างช่วงนั้นใกล้จะเข้าพรรษาพอดี หลวงปู่เป็นห่วงโยมมารดา จึงได้กลับไปจำพรรษาที่วัดดงเชียงเครือ แล้วได้จัดพระภิกษุ ๓ รูป สามเณร ๑ รูป มาจำพรรษาแทน

รูปภาพ
หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร-หลวงปู่บุญพิน กตปุญโญ-หลวงพ่อบุญรอด อธิปุญโญ
ในงานประชุมเพลิงศพหลวงปู่คำผอง กุสลธโร ณ วัดป่านิโครธาราม บ้านหนองบัวบาน
ต.หมากหญ้า อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ ๕ กรกฏาคม พ.ศ. ๒๕๔๖



(มีต่อ ๕)

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2010, 07:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ
พระครูสุวิมลบุญญากร (หลวงปู่บุญพิน กตปุญโญ)


พรรษาที่ ๔๐-๔๔ (พ.ศ. ๒๕๓๗-๒๕๔๑)

พำนักจำพรรษาที่วัดผาเทพนิมิต ระหว่างจำพรรษาได้มีพระเณรมาปฏิบัติธรรมมากขึ้นเป็นลำดับ และมีญาติโยมทั้งทางใกล้และทางไกลมาพักรักษาศีล ปฏิบัติธรรม แสวงหาความสงบทางจิตใจมากขึ้น เพราะเป็นสถานที่เหมาะในการบำเพ็ญสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน ในระหว่างนี้หลวงปู่ได้จาริกไปประเทศอินเดียและศรีลังกาหลายครั้ง ในปี พ.ศ. ๒๕๔๐ หลวงปู่ได้สร้าง “อุโบสถกลางน้ำ” หลังหนึ่งขึ้นมา โดยได้รับแรงศรัทธาจากญาติโยมทั่วทุกสารทิศ ใช้เวลาในการก่อสร้างเพียง ๑ ปีก็เสร็จสิ้น จึงได้จัดให้มีการฉลองสมโภชอุโบสถกลางน้ำ

และในปี พ.ศ. ๒๕๔๒ หลวงปู่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบลชั้นโท ในพระราชทินนามที่ “พระครูสุวิมลบุญญากร” ด้วยคุณงามความดีที่หลวงปู่ได้กระทำไว้ ท่านได้บำเพ็ญประโยชน์ทั้งทางโลกและทางธรรม เช่น การอบรมแนะนำสั่งสอนญาติโยมให้ตั้งอยู่ในทาน ศีล ภาวนา และการเจริญปัญญา การสงเคราะห์บำเพ็ญสาธารณประโยชน์ต่างๆ และในด้านการปกครองคณะสงฆ์

รูปภาพ
เจดีย์ภายในวัดผาเทพนิมิต

รูปภาพ
“อุโบสถกลางน้ำ” วัดผาเทพนิมิต


พรรษาที่ ๔๕ (พ.ศ. ๒๕๔๒)

พำนักจำพรรษาที่วัดป่าม่วงไข่ บ้านม่วงไข่ ตำบลสานตม อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย พอออกพรรษาหลวงปู่ได้ลาศรัทธาญาติโยมกลับไปยังวัดผาเทพนิมิต เพื่อมาดูแลและจัดหาน้ำดื่ม น้ำใช้ เพื่อใช้อุปโภคบริโภคสำหรับญาติโยมกลุ่มเลี้ยงโคและกลุ่มสวนยางพารา อำเภอนิคมน้ำอูน จังหวัดสกลนคร ทั้งนี้ ท่านได้จัดสร้างฝายน้ำล้น และสร้างน้ำประปาหมู่บ้านให้ราษฎรได้ใช้สอยบริโภค โดยไม่ได้ใช้งบประมาณของทางรัฐบาลแต่อย่างใด

รูปภาพ
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
(ในขณะนั้น) กราบนมัสการหลวงปู่บุญพิน กตปุญโญ



พรรษาที่ ๔๖ (พ.ศ. ๒๕๔๓)

พำนักจำพรรษาที่วัดผาเทพนิมิต พอออกพรรษาหลวงปู่ได้ปรึกษาผู้อำนวยการโรงพยาบาลวาริชภูมิ และคณะศรัทธาญาติโยม เพื่อจะสร้างตึกสงฆ์อาพาธไว้สำหรับพระภิกษุ-สามเณร และญาติโยมประชาชนที่เจ็บป่วยมาพักรักษา ซึ่งทุกฝ่ายได้มีความเห็นพร้อมกัน หลวงปู่จึงได้จัดให้สร้างตึกสงฆ์อาพาธขึ้น ณ โรงพยาบาลวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร และได้มีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการโดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (ในขณะนั้น) เมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๔

รูปภาพ
“พระพุทธบารมีวิสุทธิศีล” พระพุทธรูปหยกเขียว

รูปภาพ
“ศาลากตปุญโญนุสรณ์” วัดผาเทพนิมิต


พรรษาที่ ๔๗-๔๙ (พ.ศ. ๒๕๔๔-๒๕๔๖)

พำนักจำพรรษาที่วัดผาเทพนิมิต ในปี พ.ศ. ๒๕๔๖ หลวงปู่ได้ปรารภจะสร้างศาลาเนื่องในโอกาสฉลองอายุครบ ๖ รอบ (๗๒ ปี) ชื่อว่า “ศาลากตปุญโญนุสรณ์” ทางคณะศิษยานุศิษย์เห็นพร้อมเพรียงกันจัดพิธีวางศิลาฤกษ์ขึ้น ในวันที่ ๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ซึ่งตรงกับวันอาทิตย์ ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๙ ปีมะแม หลังจากนั้นก็ได้ดำเนินการก่อสร้างเรื่อยมา ต่อมาหลวงปู่ได้ปรารภกับโยมอดิศร ใกล้ฝน เรื่องพระพุทธรูปที่จะมาประดิษฐานในศาลาที่ได้สร้างใหม่ โยมอดิศร-โยมแสงจันทร์ ใกล้ฝน จึงรับเป็นเจ้าภาพจัดสร้าง และได้ติดต่อช่างที่จังหวัดเชียงรายเป็นผู้แกะสลักพระพุทธรูปหยกเขียวทรงเครื่องฤดูร้อน ขนาดหน้าตักกว้าง ๔๙ นิ้ว และได้กราบอาราธนาหลวงปู่พร้อมคณะศรัทธาเดินทางไปที่จังหวัดเชียงราย เพื่อดูช่างที่กำลังแกะสลักพระพุทธรูป หลังจากดูพระพุทธรูปแล้วหลวงปู่ก็ได้ไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ ทางภาคเหนือพอสมควร จึงได้เดินทางกลับวัดผาเทพนิมิต

สำหรับพระพุทธรูปหยกเขียวองค์นี้ ได้รับการประทานนามจาก สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน) สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ว่า “พระพุทธบารมีวิสุทธิศีล” และทางวัดผาเทพนิมิตได้นำมาประดิษฐาน ณ ศาลากตปุญโญนุสรณ์ เพื่อเป็นที่สักการบูชาของพุทธศาสนิกชนตลอดไป


๏ ลำดับงานปกครองและสมณศักดิ์

พ.ศ. ๒๕๑๙ ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดรัตนโสภณ อำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร

พ.ศ. ๒๕๒๗ ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลวาริชภูมิ (ธ) อำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร

พ.ศ. ๒๕๔๑ ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลวาริชภูมิ เขต ๑ (ธ) อำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร

พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบลชั้นโท ในพระราชทินนามที่ “พระครูสุวิมลบุญญากร”

พ.ศ. ๒๕๔๕ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบลชั้นเอก ในพระราชทินนามเดิม


๏ พระเถราจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ

พระครูสุวิมลบุญญากร (หลวงปู่บุญพิน กตปุญโญ) ท่านเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เป็นพระเถราจารย์ที่ชาวจังหวัดสกลนครและพุทธศาสนิกชนทั่วไปทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ต่างให้ความเคารพเลื่อมใสและนับถือ ปัจจุบันท่านพำนักปฏิบัติธรรมจำพรรษาอยู่ ณ วัดผาเทพนิมิต จังหวัดสกลนคร

รูปภาพ
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช (เจริญ สุวฑฺฒโน)
สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์



(มีต่อ ๖)

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2010, 08:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

ศาลาฉันเช้ามุงด้วยหญ้า (สมัยบุกเบิกเริ่มแรกวัดผาเทพนิมิต)

รูปภาพ

บริเวณหินก้อนเดียว ในวัดผาเทพนิมิต

รูปภาพ

รูปภาพ

ญาติโยมมาทำบุญตักบาตร (สมัยบุกเบิกเริ่มแรกวัดผาเทพนิมิต)

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

หลวงปู่บุญพิน กตปุญโญ เมื่อครั้งยังมีพรรษาไม่มากนัก

รูปภาพ

รูปภาพ

หลวงปู่บุญพิน กตปุญโญ ขณะออกรับบิณฑบาต



.............................................................

♥ คัดลอกและรวบรวมมาจาก ::
เว็บไซต์ http://www.watphathep.org
♥ ขอขอบพระคุณที่มาของรูปภาพ ::
โดยเฉพาะจากเว็บไซต์ http://www.watpa.com
http://www.dhammamongkol.com
และคุณอนัตตา ห้องพระ chiangmai1900.com

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.พ. 2011, 06:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

รูปภาพ

เจดีย์ภายในวัดผาเทพนิมิต จ.สกลนคร
สร้างไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์ในบวรพระพุทธศาสนา


รูปภาพ

ป้ายชื่อวัดผาเทพนิมิต จ.สกลนคร

รูปภาพ

“ศาลากตปุญโญนุสรณ์”

รูปภาพ

“พระพุทธบารมีวิสุทธิศีล” พระพุทธรูปหยกเขียว
ณ วัดผาเทพนิมิต จ.สกลนคร

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2015, 13:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 มิ.ย. 2009, 10:51
โพสต์: 2775


 ข้อมูลส่วนตัว


:b20: อ่านประวัติขององค์หลวงปู่แล้ว เกิดปีติสุขมากๆ เจ้าค่ะ :b16: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ย. 2015, 11:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มิ.ย. 2011, 14:07
โพสต์: 278


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2019, 17:21 
 
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2013, 07:16
โพสต์: 2374

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 11 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 4 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร