วันเวลาปัจจุบัน 05 มิ.ย. 2025, 20:11  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 เม.ย. 2025, 05:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5349


 ข้อมูลส่วนตัว


ขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่ เราก็รีบทำเอาซะ เราจะให้ทานเต็มกำลังความสามารถของเรา เราจะรักษาศีล เราก็รักษาให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ เราจะภาวนา เราก็พยายามภาวนาของเรา เราไม่ต้องพึ่งพาอาศัยคนอื่น เมื่อเราตายไป จะเป็นระยะเร็ว ๆ หรือวันนี้ โดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ตายโดยประสบอุบัติเหตุก็ตาม เราจะไม่เสียใจ ไม่ต้องคิดไปพึ่งพาอาศัยลูกหลาน เผลอ ๆ ลูกหลานทะเลาะกันอีก

ถ้าหากว่าพวกเราไม่ได้สร้างสั่งสมคุณงามความดีไว้ ไปคอยต้อน ไปคอยรับบุญกุศลจากเขาเหล่านั้น คอยเท่ออยู่อย่างนั้น พวกลูกหลานทะเลาะกัน พวกเราทำเอาแล้ว ใส่จิตใส่ใจของพวกเราแล้ว ลูกหลานสูเจ้าจะทะเลาะกัน ก็ทะเลาะกันเถอะ สูเจ้าจะทำไม่ทำ ข้าก็ไม่ว่าอะไร ข้าทำแล้วล่ะลูกหลาน ข้าไม่ได้สนใจหรอก

พวกเราท่านทั้งหลายควรจะเป็นอย่างนั้นนะ มีอะไรทำเอาซะขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ เมื่อตายไปแล้วไม่ต้องพึ่งพาอาศัยเขา ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่เราใช้ให้เขาทำอย่างโน้น ทำอย่างนี้ ยังมีเล่ห์เหลี่ยม ยังมีแง่มีมุม มีเรื่องนั้นเรื่องนี้ กระทบกระแทก ทำความไม่พอใจให้เราได้เห็น เมื่อเราตายไปแล้วจะยิ่งกว่านั้นไปอีก เพราะฉะนั้น เราไม่ต้องพึ่งพาอาศัยเขา เราทำเอาเอง มีอะไรเท่าที่เราจะทำได้ อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งของตน โก หิ นาโถ ปโร สิยา คนอื่นใครเลยจะเป็นที่พึ่งเราได้ นอกจากตัวของเรา

การทำบุญ ไม่ใช่แต่ทำทานอย่างเดียวนะ รักษาศีลให้บริสุทธิ์ ตั้งใจภาวนา ให้มีสติอยู่กับตัวเอง ล้วนแล้วจะเป็นบุญเป็นกุศลมหาศาล ยิ่งกว่าให้ทานเสียอีก แต่ทานก็เป็นเครื่องเสริม ถ้าหากว่าเราไม่มีการทำทาน เกิดมาภพหน้าชาติหน้า เราก็จะเป็นผู้ไม่อุดมสมบูรณ์ด้วยปัจจัย ๔

เพราะฉะนั้น เรื่องทานก็เป็นส่วนหนึ่ง ที่ทำให้การเป็นอยู่ของเราในอนาคต เป็นบุญกุศลที่จะติดตามจิตใจของพวกเราไปสู่ปรโลก ไปภพหน้าชาติหน้า เราจะเอาแต่สมาธิหรือศีลอย่างเดียว ก็ไม่น่าถูก หรือเราจะพึ่งพาแต่ทานอย่างเดียวก็ไม่น่าจะใช่อีกเหมือนกัน ทำไปตามอัตภาพ ตามกำลังของเรา เป็นบุญเป็นกุศล

หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
จากพระธรรมเทศนา “บุญหนักศักดิ์ใหญ่”
แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๕๘







#การที่เราทำความเพียรนี้

เราไม่ต้องการอะไรแล้ว...
นอกจาก...ขัดจิต ขัดใจของเรา
ให้ขาว ให้สะอาด เท่านั้นแหละ

ใจ...มันเศร้าหมอง
แต่อาศัยขัดอยู่บ่อยๆ ขัดไม่หยุด ไม่หย่อน
มันก็ขาวก็สะอาดขึ้น ผ่องใสขึ้น
เพราะกิเลส คือโลภะ โทสะ โมหะ มันหมักหมมมาหลายภพ หลายชาติ ต้องคอยขัด คอยเกลา

เพราะกิเลส เหมือนตาปูตีแฝก
ตีลงแน่น แต่ก็ไม่เหลือวิสัยผู้สามารถ
ที่ตั้งอกตั้งใจ จะถอนตาปู
ถอนไม่หยุดถอนไม่หย่อน ถอนไปถอนมา
มันก็ออก สั้นเข้า ๆ
สั้นเข้า...มันก็ถอนขึ้นได้.

โอวาทธรรม
#หลวงปู่ขาว_อนาลโย
วัดถ้ำกลองเพล




"..เราควรตามรู้ตามเห็น เพราะเราต้องการอยากพ้นทุกข์ และตัวเราเป็นผู้รู้อยู่ ถ้าเรารู้ว่าสิ่งนั้นเป็นไปเพื่อทุกข์เพื่อโทษ เราจะปล่อยให้เราเป็นทุกข์เป็นโทษอยู่ตั้งหลายภพหลายชาติหลายกัปหลายกัลป์เช่นนั้นหรือ เราต้องรีบชำระสะสางอารมณ์สัญญาของเราที่ลุ่มหลงมัวเมาให้เกิดความรู้เท่าเอาทัน ให้นั่งพิจารณาดูว่า เราต้องการความสุขคือความพ้นทุกข์ ถ้าสิ่งเหล่านั้นเป็นไปเพื่อความพ้นทุกข์ เป็นไปเพื่อความสุขแล้ว เราก็ต้องรักษาและปฏิบัติเอาใจใส่ในสิ่งเหล่านั้น ทำให้มากเจริญให้มากขึ้น.."

อาจาโรวาท
หลวงปู่ฝั้น อาจาโร
วัดป่าอุดมสมพร อ. พรรณานิคม จ. สกลนคร





"... อยากพ้นทุกข์ก็ให้ทำเอา พระพุทธเจ้าพระองค์ใดก็ประทานให้เราไม่ได้ ถ้าอยาก
ได้ ก็ให้ลงมือทำด้วยตนเอง

ความเกียจคร้านบ่เคยทำให้ใครเป็นอริยะ
มีแต่จะทำให้คนนั้นเป็นอะริแย่ คือแย่ลงไปเรื่อย ๆ หาความดีให้ตนเองไม่ได้ ..."
_______________________________________

#โอวาทธรรมหลวงปู่ชอบ_ฐานสโม
วัดป่าสัมมานุสรณ์ บ้านโคกมน อ.วังสะพุง จ.เลย (พ.ศ. ๒๔๔๔ - ๒๕๓๘)





"..อย่าปล่อยให้ตัวมานะ เข้าไปยื้อแย่งครอบครองศีลธรรมภายในใจได้ จะกลายเป็นผู้มีเขี้ยวมีเขาแฝงขึ้นมาในศีลธรรมอันเป็นธรรมชาติเยือกเย็นมาดั้งเดิม การฝึกหัดทรมานตนให้เป็นเหมือนผ้าเช็ดเท้าจนเคยชิน โดยไม่ยอมให้ตัวทิฏฐิมานะโผล่ขึ้นมา ว่าตัวมีราคาค่างวดนี้ เป็นทางก้าวหน้าของธรรมภายในใจโดยสม่ำเสมอ จนกลายเป็นใจธรรมชาติ ไม่หวั่นไหวเหมือนแผ่นดิน ใครจะทำอะไร ๆ ก็ไม่สะเทือน จิตที่ปราศจากทิฏฐิมานะทุกประเภทโดยประการทั้งปวงแล้ว ย่อมเป็นจิตที่คงที่ต่อเหตุการณ์ดีชั่วทั้งมวล.."

ภูริทตฺตธมฺโมวาท
พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร
(พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)






ใจเป็นต้นเหตุเบิ่ดทุกอย่าง ความดีใจ ความเสียใจ ความหลง เห็นรูปกะติดรูป ได้ยินเสียงกะติดเสียง ล่ะบาดนิ่ ติดไปเรื่อย ติดรสติดสัมผัส มันเห็นของเก่าว่าเป็นของใหม่ จิตมันพาหลง มาจากความอยากนั้นล่ะ ความอยากความบ่รู้ อยากไปทางผิดกะผิด อยากไปทางถืกกะถืก แต่จิตกะเป็นผู้รู้คือเก่า ความหลงพาให้เฮ็ดให้ทำ พาสร้างบาปสร้างกรรม วัฏวน วนไปวนมา มันบ่พ้นทุกข์แท้ๆ ให้เอาธรรมไปแก้

ผู้เพิ่นมีอินทรีเต็มแล้ว พิจารณาหยังกะเป็นธรรมเบิ่ด ...

#หลวงพ่อสมศรี อตฺตสิริ
อบรมพระ

วันที่ 11 เมย. 2568


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร