วันเวลาปัจจุบัน 03 พ.ค. 2025, 08:46  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ธ.ค. 2024, 06:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5327


 ข้อมูลส่วนตัว


"พระจะมาอยู่วัดนี้บอกไว้ก่อนเลยเลิกนะ
โทรศัพท์ ใครมี เอามาไว้ที่นี่
จำเป็นจะต้องใช้ มาบอก มาโทรต่อหน้า
ไม่งั้นหมดล่ะ พระ ไปเขี่ยๆ เจออะไรก็ไม่รู้
อย่าไปทำเหมือนโยมเขา บุหรี่ก็ทิ้งซะ
มาที่นี่ ทิ้งไม่ได้ก็นิมนต์ออกไปที่อื่น"

หลวงปู่สมบูรณ์ กนฺตสีโล

วัดป่าสมบูรณ์ธรรม อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก






ถาม : ในการปฏิบัติของเรา จำเป็นที่จะต้องเข้าถึงฌานหรือไม่ครับ

ตอบ : ไม่ ฌานไม่ใช่เรื่องจำเป็น ท่านต้องฝึกจิตให้มีความสงบ และมีอารมณ์เป็นหนึ่ง (เอกัคคตา) แล้วอาศัยอันนี้สำรวจตนเอง ไม่ต้องทำอะไรพิเศษไปกว่านี้ ถ้าท่านได้ฌานในขณะฝึกปฏิบัตินี้ ก็ใช้ได้เหมือนกัน แต่อย่าไปหลงติดอยู่ในฌาน หลายคนชะงักติดอยู่ในฌาน มันทำให้เพลิดเพลินได้มากเมื่อไปเล่นกับมัน ท่านต้องรู้ขอบเขตที่สมควร ถ้าท่านฉลาด ท่านก็จะเห็นประโยชน์และขอบเขตของฌาน เช่นเดียวกับที่ท่านรู้ขั้นความสามารถของเด็กและขั้นความสามารถของผู้ใหญ่

พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภทฺโท)






"..โลกอยู่ได้ด้วยเมตตา คือความเอ็นดูสงสารกันทุกตัวสัตว์ที่มีชีวิตครองตัวอยู่ ไม่พึงเบียดเบียนทำลายกันด้วยความโกรธแค้น หรือด้วยความเห็นแก่ปากแก่ท้อง ซึ่งไม่มีประมาณแห่งความอิ่มพอและไม่มีทางสิ้นสุดแห่งการทำลายกัน พระพุทธเจ้าทรงเห็นโทษของมันด้วยพระปัญญาอันแหลมคมไม่มีทางสงสัย และทรงเห็นคุณในความเมตตาว่า เป็นธรรมอ่อนโยนและสมัครสมานรักใคร่ไมตรีต่อกันระหว่างสัตว์โลกทุกชั้นทุกภูมิ ซึ่งมีความรักสุขเกลียดทุกข์เสมอหน้ากัน จึงประทานไว้เพื่อความมั่นคงแห่งสันติสุขแก่โลกตลอดกาลนาน หากเมตตาธรรมยังมีอยู่ในใจของสัตว์โลกอยู่ตราบใด โลกยังจะมีหวังความสุขความสมหวังอยู่ตราบนั้น แต่ถ้าเมตตาได้ห่างเหินจากใจของสัตว์โลกกาลใด กาลนั้นแม้สัตว์โลกจะมีความอุดมสมบูรณ์ด้วยเครื่องอุปโภคบริโภคนานาชนิดอย่างพึงพอใจก็ตาม แต่จะไม่มีความสงบสุขตกค้างอยู่ในวงสัตว์โลกนั้น ๆ เลย ส่วนที่ได้รับจะมีแต่ความเดือดร้อนขุ่นเคืองไปทุกหย่อมหญ้า.."

ภูริทตฺตธมฺโมวาท
พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร (พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๓)
คัดลอกมาเป็นบางส่วนจากหนังสือประวัติหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
โดยหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน








.

#เราจะไม่ยอมลงนรก

เอากันจริงๆ เอาให้ได้กันวันนี้แหละ เอาตัวได้จริงๆ ขอทุกคนจงคิดว่าเราจะไม่ลงนรก

ให้ทุกคนตั้งใจแบบนี้นะ ทุกวันก่อนที่ตื่นขึ้นมาใหม่ๆ ถ้าจะลุกขึ้นนั่งหรือไม่ลุกขึ้นนั่งก็ตามใจ ไม่บังคับ ถ้าบังเอิญลุกขึ้นนั่งจิตไม่เป็นสุขก็ไม่ต้องลุกขึ้นมานั่ง

พอตื่นปั๊บอารมณ์สบาย ให้ตั้งใจเวลานั้นทันที นึกในใจว่า

พุทธัง สรณัง คัจฉามิ
ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง

ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ
ข้าพเจ้าขอถึงพระธรรมเป็นที่พึ่ง

สังฆัง สรณัง คัจฉามิ
ข้าพเจ้าขอถึงพระอริยสงฆ์เป็นที่พึ่ง

แล้วต่อจากนั้นไปใช้เวลาอีกนิดหนึ่งภาวนาว่า "พุทโธ" หายใจเข้านึกว่า "พุท" หายใจออกนึกว่า "โธ" เอานิดเดียว ใช้เวลาสักสองสามนาทีเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นก็ลุกไปทำงานตามปกติ ขอยืนยันว่าทุกท่านลงนรกไม่ได้

หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
__________
จากหนังสือ "ธัมมวิโมกข์" ปีที่ ๓๘ ฉบับที่ ๔๒๗ หน้า ๕๑ คัดลอกโดย คณะบุญสุประวีณ์








"..โลกอยู่ได้ด้วยเมตตา คือความเอ็นดูสงสารกันทุกตัวสัตว์ที่มีชีวิตครองตัวอยู่ ไม่พึงเบียดเบียนทำลายกันด้วยความโกรธแค้น หรือด้วยความเห็นแก่ปากแก่ท้อง ซึ่งไม่มีประมาณแห่งความอิ่มพอและไม่มีทางสิ้นสุดแห่งการทำลายกัน พระพุทธเจ้าทรงเห็นโทษของมันด้วยพระปัญญาอันแหลมคมไม่มีทางสงสัย และทรงเห็นคุณในความเมตตาว่า เป็นธรรมอ่อนโยนและสมัครสมานรักใคร่ไมตรีต่อกันระหว่างสัตว์โลกทุกชั้นทุกภูมิ ซึ่งมีความรักสุขเกลียดทุกข์เสมอหน้ากัน จึงประทานไว้เพื่อความมั่นคงแห่งสันติสุขแก่โลกตลอดกาลนาน หากเมตตาธรรมยังมีอยู่ในใจของสัตว์โลกอยู่ตราบใด โลกยังจะมีหวังความสุขความสมหวังอยู่ตราบนั้น แต่ถ้าเมตตาได้ห่างเหินจากใจของสัตว์โลกกาลใด กาลนั้นแม้สัตว์โลกจะมีความอุดมสมบูรณ์ด้วยเครื่องอุปโภคบริโภคนานาชนิดอย่างพึงพอใจก็ตาม แต่จะไม่มีความสงบสุขตกค้างอยู่ในวงสัตว์โลกนั้น ๆ เลย ส่วนที่ได้รับจะมีแต่ความเดือดร้อนขุ่นเคืองไปทุกหย่อมหญ้า.."

ภูริทตฺตธมฺโมวาท
พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร (พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๓)
คัดลอกมาเป็นบางส่วนจากหนังสือประวัติหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
โดยหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน






การที่คนทำความชั่วยังได้ดีมีสุข
เป็นเพราะกรรมชั่วยังไม่ได้ส่งผลเพราะกรรมดีที่เขาเคยทำ
ยังเป็นอุปัตถัมภกรรมคอยสนับสนุนเมื่อใดที่กรรมดีอ่อนกำลังลง
กรรมชั่วจะมาเป็นอุปฆาตกรรม
ทำให้ผู้นั้นต้องเปลี่ยนสภาพไป

#โอวาทธรรม
#พระธรรมสิงหบูรพาจารย์
#หลวงพ่อจรัญฐิตธัมโม







"..โลกอยู่ได้ด้วยเมตตา คือความเอ็นดูสงสารกันทุกตัวสัตว์ที่มีชีวิตครองตัวอยู่ ไม่พึงเบียดเบียนทำลายกันด้วยความโกรธแค้น หรือด้วยความเห็นแก่ปากแก่ท้อง ซึ่งไม่มีประมาณแห่งความอิ่มพอและไม่มีทางสิ้นสุดแห่งการทำลายกัน พระพุทธเจ้าทรงเห็นโทษของมันด้วยพระปัญญาอันแหลมคมไม่มีทางสงสัย และทรงเห็นคุณในความเมตตาว่า เป็นธรรมอ่อนโยนและสมัครสมานรักใคร่ไมตรีต่อกันระหว่างสัตว์โลกทุกชั้นทุกภูมิ ซึ่งมีความรักสุขเกลียดทุกข์เสมอหน้ากัน จึงประทานไว้เพื่อความมั่นคงแห่งสันติสุขแก่โลกตลอดกาลนาน หากเมตตาธรรมยังมีอยู่ในใจของสัตว์โลกอยู่ตราบใด โลกยังจะมีหวังความสุขความสมหวังอยู่ตราบนั้น แต่ถ้าเมตตาได้ห่างเหินจากใจของสัตว์โลกกาลใด กาลนั้นแม้สัตว์โลกจะมีความอุดมสมบูรณ์ด้วยเครื่องอุปโภคบริโภคนานาชนิดอย่างพึงพอใจก็ตาม แต่จะไม่มีความสงบสุขตกค้างอยู่ในวงสัตว์โลกนั้น ๆ เลย ส่วนที่ได้รับจะมีแต่ความเดือดร้อนขุ่นเคืองไปทุกหย่อมหญ้า.."

ภูริทตฺตธมฺโมวาท
พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร (พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๓)
คัดลอกมาเป็นบางส่วนจากหนังสือประวัติหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
โดยหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ธ.ค. 2024, 07:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8564


 ข้อมูลส่วนตัว


วิบากㆍ
๒. มนุสธคติวิญญาณ หมายถึงปฏิสนธิวิญญาณในมนุสสภูมิ มีจำนวน ๔ ดวงได้แก่
อุเบกยาสันตีรณกุลลวิบาก ๑ และ มหาวิบาก ๘
ติรัจฉานคติวิญญาณ
ทั้ง ๓ นี้มีปฏิสนธิวิญญาณ ๑ ดวง ได้แก่
เปตคติวิญญาณ
อุเบกขาสันติรณอกุลลวิบากดวงเดียวเท่านั้น
นิรยคติวิญญาณ
กล่าวโดย นัย แห่งวิญญาณฐีติ คือ ภูมิอันปืนที่ตั้งแห่งวิญญาณนั้นก็มี ๗ ได้แก่
อ. นานัดดกายนานัตตสัญญีวิญญาณ ปฏิสนธิวิญญาณในภูมิที่มีรูปร่างต่างกันและ
ปฏิสนธิจิตก็ต่างกัน อันได้แก่ปฏิสนธิในกามสุคติภูมิ ๔ นั้น มีปฏิสนธิวิญญาณ ๙ ดวง คือ
อุเบกขาสันตีรณกุสลวิบาก ๑ และมหาวิบาก ๘
คำว่า นานัดตะ นี้บางทีก็ใช้อย่าง ทีมะ ว่า นานาตตะ
มามัตดกายเธกัดตสัญญีวิญญาณ ปฏิหนชีวิญญาณในภูมิที่มีรูปร่างต่างต่างกัน
แต่มีปฏิสนธิวิญญาณอย่างเดียวกัน อันได้แก่ปฏิสนธิในอบายภูมิ ๔ และในปฐมฌานภูมิ ๓
รวม ๗ ภูมิด้วยกัน
ปฏิสนธิในอบายภูมิ ๔ มีปฏิสนธิวิญญาณ ๑ ดวง คือ อุเบกขาสันติรณอกุสล
วิบากㆍ
ปฏิสนธิในปฐมฌานภูมิ ๓ มีปฏิสนธิวิญญาณ ๑ ดวง คือ รูปาวจรปฐมฌาน
วิบาก ㆍ
๓. เอกัตตกายนานัตตสัญญีวิญญาณ ปฏิสนธิวิญญาณในภูมิที่มีที่มีรูปร่างเหมือนกัน
แต่มีปฏิสนชีวิญญาณต่างกัน อันได้แก่ปฏิสนธิในทุติยาฌานภูมิ ๓ มีปฏิสนธิวิญญาณ ๒ ดวง
คือ รูปาวจรทุติยฌานวิบาก ๕ และ รูปาวจรดติยฌานวิบาก ㆍ
๔. เอกัดกายแอกัดคสัญญีวิญญาณ ปฏิตนชีวิญญาณในในภูมิที่มีรูปร่างหมือนกัน
และมีปฏิสนธิวิญญาณก็อย่างเดียวกัน อันได้แก่ปฏิสนธิในดติยฌานภูมิ ๓, เวหัปผลาภูมิ "
แระสุทธาวาตภูมิ ๕ รวม ๙ ภูมิ มีปฏิสนชีวิญญาณ ๒ ดวง คือ
ปฏิสนชีใน กลับฌานภูมิ ๓ มีปฏิตนชีวิญญาณ + ควง คือ รูปาวจรรรรดถฌาน
ปฏิตนชีในกหับผสาภูมิ + และ สุทธาวาสภูมิ ๕ นั้น มีปฏิสนธิวิญญาณ คาร
คือ รูปาวจรปัญจมฌานวิบาก ㆍ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ธ.ค. 2024, 07:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8564


 ข้อมูลส่วนตัว


วิบากㆍ
๒. มนุสธคติวิญญาณ หมายถึงปฏิสนธิวิญญาณในมนุสสภูมิ มีจำนวน ๔ ดวงได้แก่
อุเบกยาสันตีรณกุลลวิบาก ๑ และ มหาวิบาก ๘
ติรัจฉานคติวิญญาณ
ทั้ง ๓ นี้มีปฏิสนธิวิญญาณ ๑ ดวง ได้แก่
เปตคติวิญญาณ
อุเบกขาสันติรณอกุลลวิบากดวงเดียวเท่านั้น
นิรยคติวิญญาณ
กล่าวโดย นัย แห่งวิญญาณฐีติ คือ ภูมิอันปืนที่ตั้งแห่งวิญญาณนั้นก็มี ๗ ได้แก่
อ. นานัดดกายนานัตตสัญญีวิญญาณ ปฏิสนธิวิญญาณในภูมิที่มีรูปร่างต่างกันและ
ปฏิสนธิจิตก็ต่างกัน อันได้แก่ปฏิสนธิในกามสุคติภูมิ ๔ นั้น มีปฏิสนธิวิญญาณ ๙ ดวง คือ
อุเบกขาสันตีรณกุสลวิบาก ๑ และมหาวิบาก ๘
คำว่า นานัดตะ นี้บางทีก็ใช้อย่าง ทีมะ ว่า นานาตตะ
มามัตดกายเธกัดตสัญญีวิญญาณ ปฏิหนชีวิญญาณในภูมิที่มีรูปร่างต่างต่างกัน
แต่มีปฏิสนธิวิญญาณอย่างเดียวกัน อันได้แก่ปฏิสนธิในอบายภูมิ ๔ และในปฐมฌานภูมิ ๓
รวม ๗ ภูมิด้วยกัน
ปฏิสนธิในอบายภูมิ ๔ มีปฏิสนธิวิญญาณ ๑ ดวง คือ อุเบกขาสันติรณอกุสล
วิบากㆍ
ปฏิสนธิในปฐมฌานภูมิ ๓ มีปฏิสนธิวิญญาณ ๑ ดวง คือ รูปาวจรปฐมฌาน
วิบาก ㆍ
๓. เอกัตตกายนานัตตสัญญีวิญญาณ ปฏิสนธิวิญญาณในภูมิที่มีที่มีรูปร่างเหมือนกัน
แต่มีปฏิสนชีวิญญาณต่างกัน อันได้แก่ปฏิสนธิในทุติยาฌานภูมิ ๓ มีปฏิสนธิวิญญาณ ๒ ดวง
คือ รูปาวจรทุติยฌานวิบาก ๕ และ รูปาวจรดติยฌานวิบาก ㆍ
๔. เอกัดกายแอกัดคสัญญีวิญญาณ ปฏิตนชีวิญญาณในในภูมิที่มีรูปร่างหมือนกัน
และมีปฏิสนธิวิญญาณก็อย่างเดียวกัน อันได้แก่ปฏิสนธิในดติยฌานภูมิ ๓, เวหัปผลาภูมิ "
แระสุทธาวาตภูมิ ๕ รวม ๙ ภูมิ มีปฏิสนชีวิญญาณ ๒ ดวง คือ
ปฏิสนชีใน กลับฌานภูมิ ๓ มีปฏิตนชีวิญญาณ + ควง คือ รูปาวจรรรรดถฌาน
ปฏิตนชีในกหับผสาภูมิ + และ สุทธาวาสภูมิ ๕ นั้น มีปฏิสนธิวิญญาณ คาร
คือ รูปาวจรปัญจมฌานวิบาก ㆍ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร