วันเวลาปัจจุบัน 05 ต.ค. 2024, 08:21  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ม.ค. 2024, 05:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5132


 ข้อมูลส่วนตัว


#การฝึกตนดีแล้วจึงฝึกผู้อื่น ชื่อว่าทำตามพระพุทธเจ้า

"..ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา
สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงทรมานฝึกหัดพระองค์จนได้ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ เป็น พุทฺโธ ผู้รู้ก่อนแล้วจึงเป็น ภควา ผู้ทรงจำแนกแจกธรรมสั่งสอนเวไนยสัตว์ สตฺถา จึงเป็นครูของเทวดาและมนุษย์ เป็นผู้ฝึกบุรุษผู้มีอุปนิสัยบารมีควรแก่การทรมานในภายหลัง จึงทรงพระคุณปรากฏว่า กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต ชื่อเสียงเกียรติศัพท์อันดีงามของพระองค์ย่อมฟุ้งเฟื่องไปในจตุรทิศจนตราบเท่าทุกวันนี้ แม้พระอริยสงฆ์สาวกเจ้าทั้งหลายที่ล่วงลับไปแล้วก็เช่นเดียวกัน ปรากฏว่าท่านฝึกฝนทรมานตนได้ดีแล้ว จึงช่วยพระบรมศาสดาจำแนกแจกธรรม สั่งสอนประชุมชนในภายหลัง ท่านจึงมีเกียรติคุณปรากฏเช่นเดียวกับพระผู้มีพระภาคเจ้า ถ้าบุคคลใดไม่ทรมานตนให้ดีก่อนแล้ว และทำการจำแนกแจกธรรมสั่งสอนไซร้ ก็จักเป็นผู้มีโทษ ปรากฏว่า ปาปโกสทฺโท คือเป็นผู้มีชื่อเสียงชั่วฟุ้งไปในจตุรทิศ เพราะโทษที่ไม่ทำตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระอริยสงฆ์สาวกเจ้าในก่อนทั้งหลาย.."

มุตโตทัย โอวาทธรรมโดย พระครูวินัยธร(หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต)วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร จากหนังสือประวัติพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเทระ(พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)







ธรรมพรวันขึ้นปีใหม่ :

#พระอาจารย์สิริปันโน
...

เจริญพรญาติโยมทุกคน

ขอให้ปิดโทรศัพท์ จะได้ไม่มีเสียงเข้ามา งดถ่ายภาพสักพักหนึ่ง
ตั้งใจฟังสัมโมทนียกถา
ตั้งใจอนุโมทนาการรับพร
อยู่ในปัจจุบัน..

ตอนนี้..เดี๋ยวนี้..ก็ถือว่าอยู่ในเช้าวันที่ 1 มกรา พวกเราทุกคนก็ทราบกันดีแล้ว

เมื่อคืนก็ลาปีเก่า
ส่งปีเก่าข้ามแม่น้ำ
อุปมาน้ำที่ไหลย้อนไป ไม่มีไหลย้อนกลับ อันนี้ก็แน่นอน น้ำก็ไหลไปแล้ว ไม่ใช่ว่าพรุ่งนี้จะไหลย้อนกลับ

วันเวลาผ่านไป..ผ่านไป เรารับวันใหม่ก็เหมือนกับน้ำที่ไหลมาจากข้างบน จากเขื่อนข้างบนโน้น กว่าจะมาถึงเรา

น้ำนั้นมันดีแค่ไหน
สะอาดแค่ไหน
มาแรงแค่ไหน
มันขึ้นอยู่กับน้ำข้างบน

อันนี้ก็จะเปรียบเทียบง่ายๆเหมือนกรรม สิ่งที่เราได้ทำไว้ในอดีต
จะทำให้มีผลในปัจจุบันนี้
แล้วก็มีกรรมใหม่

ปีใหม่ก็เป็นโอกาสให้สร้างกรรมใหม่หรือทำกรรมใหม่ คือการกระทำ ไม่ใช่ของเก่าอย่างเดียว

บางที พวกเราชอบนึกถึงของเก่า พูดว่า

"คนนี้มีบารมีเก่า.. มีของเก่าจากอดีต"

แล้วจะลืมว่า #ความจริงแล้วอำนาจปัจจุบันมีมากกว่าอดีตเยอะ คือ กระแสสิ่งที่เคยเป็น..สิ่งที่เคยทำในอดีต พวกเราทุกคนก็เปลี่ยนได้ อย่างเช่น ผิดศีลก็เลิกได้ กินเหล้าก็เลิกได้ สูบบุหรี่ก็เลิกได้ เป็นคนขี้โกหกตลอดชีวิต ณ วันนี้..ต่อไปนี้ก็ตั้งใจ.. ไม่เอาแล้ว เลิกได้ เปลี่ยนได้ ขึ้นอยู่กับเจตนา ณ ปัจจุบัน

เพราะฉะนั้นที่เราได้ยินได้ฟังหลายรอบแล้วเรื่องศีล ขอให้ศีล 5 เป็นหลักในปีนี้ต่อไป และพวกเราลูกศิษย์วัด เราจะสนใจเรื่องภาวนาด้วย

ตอนนี้ ดูนาฬิกาก็ใกล้จะ 9 โมงเช้า เวลาผ่านไปตั้งแต่ปีใหม่ก็ 9 ชั่วโมง
ที่อาจารย์นับเมื่อวานก็ 9 ชั่วโมง
9 ชั่วโมงนั้น แต่ละชั่วโมง เราหายใจเข้าออกประมาณ 500-600 ครั้ง
9 ชั่วโมงถึง 10 ชั่วโมงก็เกือบ 5,000

มาดูว่านี่ใน 5,000 หายใจเข้าออกตั้งแต่ปีใหม่กี่ครั้ง มีสติ?
หายใจเข้าออกกี่ครั้งแบบไม่รู้ตัวเลย?

นอนหลับก็มี อันนี้โอเคไม่เป็นไร แต่ช่วงที่นั่ง ช่วงที่อยู่ในวัด จะเป็นวิธีที่จะดูตัวเองว่าเราได้กี่เปอร์เซ็นต์?

ซึ่งปกติ ตามธรรมดามันน้อยเพราะเรามีกิจกรรมชีวิตยุ่ง มีหลายเรื่อง จะให้เราภาวนาอยู่กับลมหายใจเข้าออก มันเป็นไปไม่ได้หรอก

แต่ว่า .. เมื่อเรามาวัด หรือเมื่ออยู่นิ่งๆ ที่บ้าน มีโอกาส หรืออยู่บนรถเมื่อจอดรถ (ติด) ไฟแดง หรืออยู่ที่ไหนก็ตาม พยายามที่จะเอาอารมณ์กรรมฐานขึ้นมาได้ พวกเราถือเป็นผู้ปฏิบัติธรรม

นุ่งห่มขาว ใส่เสื้อขาว แสดงว่าเป็นพุทธมามกะ อุบาสกอุบาสิกา ผู้ถือพระพุทธเจ้าของเรา ตั้งใจที่จะเดินตามมรรคมีองค์ 8 ซึ่งต้องมีสัมมาสติ สัมมาสมาธิมาด้วย ไม่ใช่สิ่งที่เหลือวิสัย เราไม่ต้องไปคิดว่า

"เราเป็นฆราวาส เราคงทำไม่ได้ มีแต่พระที่จะปฏิบัติธรรมระดับนี้ได้ ขณะนี้ได้"

ก็อาจจะไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร ก็ขอฝากให้เป็นข้อคิดนิดหน่อยเพราะว่าวันปีใหม่ ความหมายก็คือวันเวลาผ่านไปผ่านไป เหมือนที่เราสวด

"วันคืนล่วงไป..ล่วงไป วันนี้เรากำลังทำอะไรอยู่"

อันนี้ก็เหมาะสำหรับทั้งนักบวชและฆราวาส

วันเวลามันผ่านไป แล้วหลวงพ่อเลี่ยมก็เทศน์ที่วัดรัตนวัน อุปมาน้ำค้างหยดหนึ่งที่เกาะบนใบไม้ช่วงก่อนอรุณ กลางคืนมันจะเย็นๆ หน่อย ปกติหน้าหนาวก็จะเย็นกว่านี้ อากาศหนาวก็จะมีน้ำค้างมารวมตัวบนใบไม้หรือว่าใต้หลังคา แล้วช่วงสว่าง 6 โมงเช้า มันก็จะหยดๆๆ แต่พอโดนแดดนิดหน่อย น้ำค้างนั้นระเหยออกไปแล้ว ไม่เหลือแล้ว แป๊บเดียวก็ไปแล้ว

หลวงพ่อก็อุปมาเหมือนกับชีวิตของเรา ชีวิตของเราเรียกว่าสั้นจริงๆ

พวกเราก็ฉลองปีใหม่ เลยมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว
10 ครั้ง .. 20 ครั้ง.. 50 ครั้ง
บางคน 60 -70 ครั้ง
แต่มันรู้สึกแป๊บเดียว เหลือไม่กี่ครั้ง ชีวิตก็จะเหมือนกับหยดน้ำค้าง..จะระเหยไป แยกย้ายไป แตกสลายไป แล้วสิ่งที่เรารู้ก็คือปัจจุบันนี้

พวกเราก็ต้องการความสุข
สุขนั้นตามหลักพุทธศาสนาเรียกว่า

นตฺถิ สนฺติปรํ สุขํ
"สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบ ไม่มี "

เราต้องเข้าใจตรงนี้ ครูบาอาจารย์ พระพุทธเจ้าให้ข้อมูลไว้ ข้อมูลเบื้องต้นว่า สุขที่เราต้องการ..สุขที่แท้จริงคืออะไร? แน่นอนก็คือไม่ใช่สุขทางวัตถุ ทางวัตถุก็ต้องมีอยู่..เงินทองอาหารบ้าน..อะไรต่างๆ แต่ความสุขไม่ได้อยู่ตรงนั้น อันนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็น ซึ่งมีพอสมควร..พอดี

นอกนั้น สุขที่แท้จริงคือ จิตใจที่สงบ แล้วสิ่งที่ดีที่สุดทำให้จิตสงบ เกิดจากจิตสงบ ก็คือปัญญา พระพุทธเจ้าบอกว่า

นตฺถิ ปญฺญาสมา อาภา
"แสงสว่างเสมอด้วยปัญญาไม่มี "

ทุกคนต้องการเห็นแสงสว่างก็พูดถึงตา มีสายตาที่ดี เห็นชัด ก็มีไฟฉาย..เปิดไฟ จะได้เห็นแสงสว่าง จะได้ดูออก

ภาษาไทยเมื่อถามว่า "เข้าใจไหม?" "รู้ไหม?" เราใช้คำว่า"เห็นไหม?" ภาษาอังกฤษใช้ Do you see? แปลว่าเข้าใจไหม? ..รู้ไหม? ใช้อุปมาเรื่องการเห็น เพราะฉะนั้นปัญญาก็เป็นแสงสว่าง

เห็นได้ชัด พระพุทธเจ้าบอกผู้มีปัญญาถือว่าเห็นชัดที่สุด ถึงตาบอดก็ได้ ถ้ามีปัญญาจะเห็นชัดเลย

ในวันนี้เป็นวันปีใหม่ ขอให้พวกเรานึกถึงคุณงามความดี นึกถึงธรรมะที่ได้ยินได้ฟังบ่อยๆแล้วเอามาคิด มาพิจารณาดู แล้วนำมาใช้

ยิ่งพวกเราอายุมากขึ้นๆ สิ่งที่ไร้สาระ สิ่งไม่มีประโยชน์ก็ไม่ต้องทำแล้ว อย่างเช่นที่อาจารย์พูดตลอดก็คือ โทรศัพท์ พยายามลดการใช้ ใช้เฉพาะจำเป็น เพื่อสิ่งที่ดี ..ข้อมูลที่ดี

นอกนั้นมีเวลาว่างขอให้อยู่ในปัจจุบัน อยู่กับลมหายใจเข้าหายใจออก

ในขณะที่อาจารย์พูด หายใจเข้าหายใจออกกี่ครั้ง 50 ครั้ง 100 ครั้ง

ก็ฟังด้วย อยู่ในปัจจุบันด้วย อยู่ที่กาย

"ดูกายเห็นจิต ดูจิตเห็นธรรม" นี่ก็

เป็นสโลแกนของครูบาอาจารย์ อยู่ที่กาย อยู่กับปัจจุบัน ละความยินดียินร้าย แล้วสร้างความสงบภายในใจ ซึ่งเป็นความสงบที่แท้จริง

วันนี้วันปีใหม่ คณะสงฆ์มีแต่หวังดีต่อญาติโยม ขอให้พบความสุขที่แท้จริง
....

พระอาจารย์สิริปันโน

วันจันทร์ที่ 1 มกราคม 2567

วัดป่าบุญล้อม









"... สัตว์โลก ย่อมเป็น ไปตามกรรมดี
กรรมชั่ว ที่ตนทำไว้ คนดีถึงจะทำตัว
เป็นใบ้ ใครก็รู้
... ถึงจะหลบหลีกปลีกตัวอยู่ถ้ำ ภูเขา
ถึงแม้มนุษย์ไม่รู้ เทวดาก็บอกเองกลิ่น
ของศีลย่อมฟุ้ง
... ขจรขจายไปทั่วทิศ เป็นนิมิตรหมาย
ของคนดี ..."
--------------------------------
#หลวงปู่ขาว_อนาลโย
วัดถ้ำกลองเพล จังหวัดหนองบัวลำภู






"หนึ่งปีผ่านไป หัวเผือกหัวมัน
มันยังใหญ่กว่าเดิม ต้นไม้ก็สูงใหญ่กว่าเดิม
ฉันใด ก็ฉันนั้น

หนึ่งปีที่จะมาถึง เราควรมีความเจริญเติบโต
งอกงามทางจิตใจมากขึ้น บุญกุศลเพิ่มพูลมากขึ้น
มีความสุขมากขึ้น

อันนี้แหละ จึงจะทำให้มีชีวิตใหม่ที่แท้จริง"

ท่านพุทธทาสภิกขุ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 16 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร