วันเวลาปัจจุบัน 23 ก.ค. 2025, 03:45  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 55 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2018, 12:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8585


 ข้อมูลส่วนตัว




cart-2845274_960_720.png
cart-2845274_960_720.png [ 233.93 KiB | เปิดดู 2941 ครั้ง ]
เรื่องกรรม ก็คือตัว "เจตนาเจตสิก"
เจตนาย่อมเกิดขึ้นกับการกระทำทางกาย ทางวาจา และทางใจ
ย่อมส่งผลเป็นกรรมวิบาก รอการให้ผลตรงตามที่กระทำ
เมื่อกระทำสิ่งใดทั้งกายวาจาใจ จะไม่มีการกระทำใดๆ
หรือจะเป็นพิธีใดๆ เพื่อตัดกรรมที่กระทำได้เลย

แต่ก็จะมีวิธีเดียวที่จะทำให้กรรมไม่มาให้ผล โดยการกระทำกุศลให้มากๆ
เพื่อไม่ให้วิบากที่เป็นอกุศลกรรมมีโอกาสได้ส่งผล เพราะถ้าเราทำแต่กุศล
ก็จะเปิดโอกาสให้กุศลกรรมที่เป็นกรรมฝ่ายดีมาส่งผลแต่เพียงฝ่ายเดียว
การกระทำแบบนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นการตัดกรรมได้อีกอย่างหนึ่ง

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2018, 12:48 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2018, 00:09
โพสต์: 203

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: ต่อคะลุง เมยตามอ่าน :b53:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2018, 15:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8585


 ข้อมูลส่วนตัว




wagon-2812990_960_720.png
wagon-2812990_960_720.png [ 453.99 KiB | เปิดดู 2937 ครั้ง ]
สายน้ำเมย เขียน:
:b8: ต่อคะลุง เมยตามอ่าน :b53:

เดี๋ยวมาต่อ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2018, 15:20 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2018, 00:09
โพสต์: 203

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
สายน้ำเมย เขียน:
:b8: ต่อคะลุง เมยตามอ่าน :b53:

เดี๋ยวมาต่อ

รอคะ :b53: (อ่อนอภิธรรม ลุงคุยอภิธรรมเยอะๆนะคะ เมยจะได้ถาม)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2018, 15:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8585


 ข้อมูลส่วนตัว




20180912_192250.png
20180912_192250.png [ 606.92 KiB | เปิดดู 2935 ครั้ง ]
สายน้ำเมย เขียน:
ลุงหมาน เขียน:
สายน้ำเมย เขียน:
:b8: ต่อคะลุง เมยตามอ่าน :b53:

เดี๋ยวมาต่อ

รอคะ :b53: (อ่อนอภิธรรม ลุงคุยอภิธรรมเยอะๆนะคะ เมยจะได้ถาม)

อยากให้ถามอยู่แล้ว

เรื่องกรรมทรงแสดงไว้ทั้งพระสูตรและอภิธรรม
กรรม ๓ อย่าง ได้แก่ ๑.กายกรรม ๒.วจีกรรม ๓.มโนกรรม
กรรม ๖ อย่าง ได้แ่ก่ ๑.กายสังขาร ๒.วจีสังขาร ๓.มโนสังขาร
๔.ปุญญาภิสังขาร ๕.อปุญญาภิสังขาร ๖.อเนญชาภิสังขาร
และ กรรม ๑๒ ต้องเข้าใจที่ละเล็กน้อยคอยไป ถ้าอ่่านพบที่ใดก็อย่าเพิ่งค้ดค้านว่าไม่จริง

แต่ขอให้จำไว้อย่างหนึ่ง "กรรม" ก็ได้แก่ "เจตนาเจตสิก"

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2018, 15:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2018, 00:09
โพสต์: 203

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณล่วงหน้านะคะ ลุง :b8:



แต่ขอเกริ่นไว้ก่อน ถ้าเมยถาม ขอให้ลุงคิดไว้ก่อนเลย ว่าเมยไม่รุ้

ไม่ใช่เมยรุ้แล้วแต่ลองของกับลุง

เพราะบางครั้งเมยยก็รู้ว่า สิ่งที่เมยพูดคล้ายคนกวนต.. อยู่บ้าง

แต่ที่่ถาม เพราะไม่รู้ และรู้ไม่หมด รู้ไม่จริง เป็นหลักใหญ่นะคะ :b53: :b55:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2018, 17:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2018, 00:09
โพสต์: 203

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
แต่ขอให้จำไว้อย่างหนึ่ง "กรรม" ก็ได้แก่ "เจตนาเจตสิก"


มุมเมย เมยเข้าใจคะ ว่าเจตนาเจตสิก..แต่เมยมองว่า ไม่ใช่ตัวเดียวที่ทำให้เกิดกรรม..

เจตสิกที่อยู่หลัง เจตนาเจตสิก ก็ทำให้เกิดกรรมเหมือนกัน...เมยเข้าใจถูกไหมคะลุง? :b55:

(จริงๆ เมยสนใจรูปปรมัตถ์ ที่ทำงาน ตามเหตุปัจจัยที่เกิดขึ้นมา ว่ารูปปรมัตถ์มีผลต่อ จิตเจตสิก แบบไหนบ้าง)
.
.
.
แต่ค่อยๆเรียนรู้ไป เรื่อยๆได้คะ..ใน รุป จิต เจตสิก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2018, 17:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2018, 00:09
โพสต์: 203

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
สายน้ำเมย เขียน:
ลุงหมาน เขียน:
สายน้ำเมย เขียน:
:b8: ต่อคะลุง เมยตามอ่าน :b53:

เดี๋ยวมาต่อ

รอคะ :b53: (อ่อนอภิธรรม ลุงคุยอภิธรรมเยอะๆนะคะ เมยจะได้ถาม)

อยากให้ถามอยู่แล้ว

เรื่องกรรมทรงแสดงไว้ทั้งพระสูตรและอภิธรรม
กรรม ๓ อย่าง ได้แก่ ๑.กายกรรม ๒.วจีกรรม ๓.มโนกรรม
กรรม ๖ อย่าง ได้แ่ก่ ๑.กายสังขาร ๒.วจีสังขาร ๓.มโนสังขาร
๔.ปุญญาภิสังขาร ๕.อปุญญาภิสังขาร ๖.อเนญชาภิสังขาร
และ กรรม ๑๒ ต้องเข้าใจที่ละเล็กน้อยคอยไป ถ้าอ่่านพบที่ใดก็อย่าเพิ่งค้ดค้านว่าไม่จริง

แต่ขอให้จำไว้อย่างหนึ่ง "กรรม" ก็ได้แก่ "เจตนาเจตสิก"


ด้วยนิสัยคะ อ่านแล้วค้านก่อน ว่าจริงไหม..ไม่เชื่อเต็มร้อย แต่ต้องพิสูจน์ด้วยการปฎิบัติก่อน

ปฎิบัติตามคำสอน เห็นชัดแจ้งตามคำสอนที่บอกไว้ ในเรื่องผล..เจอเองค่อยเชื่อคะ

อภิธรรมก็เหมือนกันคะ..ต้องลองด้วยตัวเองก่อน จึง เออ ใช่ ใช่ตามคำสอนพระสัมมา :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2018, 05:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8585


 ข้อมูลส่วนตัว




haywagon_png_by_camelfobia-d5mfooa.png
haywagon_png_by_camelfobia-d5mfooa.png [ 377.29 KiB | เปิดดู 2910 ครั้ง ]
สายน้ำเมย เขียน:
อ้างคำพูด:
แต่ขอให้จำไว้อย่างหนึ่ง "กรรม" ก็ได้แก่ "เจตนาเจตสิก"


มุมเมย เมยเข้าใจคะ ว่าเจตนาเจตสิก..แต่เมยมองว่า ไม่ใช่ตัวเดียวที่ทำให้เกิดกรรม..

เจตสิกที่อยู่หลัง เจตนาเจตสิก ก็ทำให้เกิดกรรมเหมือนกัน...เมยเข้าใจถูกไหมคะลุง? :b55:

(จริงๆ เมยสนใจรูปปรมัตถ์ ที่ทำงาน ตามเหตุปัจจัยที่เกิดขึ้นมา ว่ารูปปรมัตถ์มีผลต่อ จิตเจตสิก แบบไหนบ้าง)
.
.
.
แต่ค่อยๆเรียนรู้ไป เรื่อยๆได้คะ..ใน รุป จิต เจตสิก


กรรม ได้แก่เจตนาตัวเดียว แต่ตัวเจตสิกเหล่าที่เกิดร่วมกันก็ทำตามหน้าที่ของเขา หน้าที่ของเจตสิกเหล่านั้นก็ต้องคล้อยตามเจตนาเจสิกได้ทั้งหมดจะไม่ขัดกัน ถ้าไม่ได้ศึกษาคำสอนให้ชัดเจนแล้วจะดูเหมือนเป็นอันเดียวกัน
เช่นว่า การเห็นเกิดขึ้นนั้นที่จริงแล้วที่เห็นนั้นไม่ใช่ตาเห็น สิ่งที่เห็นได้คือ จิต ที่เรียกว่าจักขุวิญญาณจิต แต่ว่าจักขุวิญญาณจะเห็นได้นั้นต้องอาศัยตาเกิดจึงจะเห็นได้ การเห็นได้ก็จะต้องมี่รูปารมณ์มาปรากฎในระยะที่สมควรไม่ไกลเกินไปหรือใกล้เกินไป และจะต้องอาศัยแสงสว่างเป็นปัจจัยทำจักขุวิญญาณเห็นได้ ฉะนั้นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมานั้นจะต้องพร้อมกันจึงจะเห็นได้ ถ้าสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่พร้องเพรียงกันการเกิดขึ้นก็จะไม่ปรากฏให้การเห็นปรากฏขึ้นเลย ฉะนั้นการเห็นจะตัองอาศัยปัจจัยหลายอย่างจึงจะเกิดขึ้นได้ และการเห็นนั้นแหละที่เป็นการที่ทำให้ขันธ์ ๕ เกิดขึ้นอีกด้วย เมื่อขันธ์ ๕ เกิดขึ้นตรงที่ตา แล้ว"ตัณหาอุปาทาน" ก็เข้ายึดทันทีว่าเราเห็นเมื่ออุปาทานยึดในการเห็นหรือว่ายึดในขันธ์ ๕ นั้นมันจะไปสร้าง "กรรม"ให้เกิดขึ้นทีนี้ภพชาติก็จะตามมาด้วย... ถ้าเรียนอภิธรรมให้เข้าจะเห็นจริง
มาเรียนเถอะน้องเมย เดี๋ยวพอเข้ามาเรียนในไลน์แล้วจะมีหนังสือส่งไปให้ถึงบ้านฟรี (น้องเมยเล่นไลน์หรือเปล่า)

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2018, 05:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8585


 ข้อมูลส่วนตัว




coach-2838235_960_720.png
coach-2838235_960_720.png [ 348.23 KiB | เปิดดู 2910 ครั้ง ]
สายน้ำเมย เขียน:

ด้วยนิสัยคะ อ่านแล้วค้านก่อน ว่าจริงไหม..ไม่เชื่อเต็มร้อย แต่ต้องพิสูจน์ด้วยการปฎิบัติก่อน

ปฎิบัติตามคำสอน เห็นชัดแจ้งตามคำสอนที่บอกไว้ ในเรื่องผล..เจอเองค่อยเชื่อคะ

อภิธรรมก็เหมือนกันคะ..ต้องลองด้วยตัวเองก่อน จึง เออ ใช่ ใช่ตามคำสอนพระสัมมา :b8:


นิสัยกวนตีนนี้เปลี่ยนแปลงได้แน่นอนถ้าได้เข้าใจคำสอนโดยเฉพาะพระอภิธรรมครับ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2018, 09:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2018, 00:09
โพสต์: 203

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
นิสัยกวนตีนนี้เปลี่ยนแปลงได้แน่นอนถ้าได้เข้าใจคำสอนโดยเฉพาะพระอภิธรรมครับ


:b32: เมยจะลองดูอีกสักทีคะ..ว่าอภิธรรม จะเกลา จริตของเมยได้ไหม :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2018, 09:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2018, 00:09
โพสต์: 203

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
กรรม ได้แก่เจตนาตัวเดียว แต่ตัวเจตสิกเหล่าที่เกิดร่วมกันก็ทำตามหน้าที่ของเขา หน้าที่ของเจตสิกเหล่านั้นก็ต้องคล้อยตามเจตนาเจสิกได้ทั้งหมดจะไม่ขัดกัน ถ้าไม่ได้ศึกษาคำสอนให้ชัดเจนแล้วจะดูเหมือนเป็นอันเดียวกัน


เมยก็เข้าใจที่ลุงบอกนะคะ..แต่ขอแย้งอีกคะ..เมยอ่านข้อความของลุงแล้ว ในหัวเมยมีคำถามขึ้นมาว่า..อ้าว แล้วผัสสะเจตสิกหล่ะ..เมื่อมันผัสสะ และเรายึดมั่นผัสสะ(มันต้องยึดมั่นอยู่แล้ว เพราะเราเป็นผุ้ที่ยังไม่จบกิจ)..ภพชาติเกิด..กรรมก็เกิดด้วยแล้ว...นี่เป็นสิ่งที่มันผุดขึ้นมาในหัว..ตอนอ่านนะคะ...ลุงว่าไงคะ ในความเห็นของเมย
.
.
.
และอีกมุม สำหรับผู้จบกิจ


เมื่อท่านมีเจตนา ทำสิ่งใดสิ่งนึง เหตุใด ไม่เป็นกรรมคะ..ในเมื่อมีเจตนาเจตสิก เกิดขึ้นมาด้วย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2018, 10:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8585


 ข้อมูลส่วนตัว


สายน้ำเมย เขียน:

เมยก็เข้าใจที่ลุงบอกนะคะ..แต่ขอแย้งอีกคะ..เมยอ่านข้อความของลุงแล้ว ในหัวเมยมีคำถามขึ้นมาว่า..อ้าว แล้วผัสสะเจตสิกหล่ะ..เมื่อมันผัสสะ และเรายึดมั่นผัสสะ(มันต้องยึดมั่นอยู่แล้ว เพราะเราเป็นผุ้ที่ยังไม่จบกิจ)..ภพชาติเกิด..กรรมก็เกิดด้วยแล้ว...นี่เป็นสิ่งที่มันผุดขึ้นมาในหัว..ตอนอ่านนะคะ...ลุงว่าไงคะ ในความเห็นของเมย
.
.
.
และอีกมุม สำหรับผู้จบกิจ


เมื่อท่านมีเจตนา ทำสิ่งใดสิ่งนึง เหตุใด ไม่เป็นกรรมคะ..ในเมื่อมีเจตนาเจตสิก เกิดขึ้นมาด้วย


จร้า...ตรงนี้อาจจะเข้าใจยากสักหน่อย แต่ว่าเข้าใจปฏิจจสมุปบาทจะไม่ยากเลย
แต่ก็จะลองอธิบายดูว่าจะเข้าใจตามได้แค่ไหน เพราะมีความตั้งใจถาม

ผัสสะ เกิดขึ้นเพราะอาศัยสิ่ง ๓ สิ่งมาประจวบพร้อมกันคือ รูปารมณ์ ๑ จักขุปสาท ๑ จิต ๑
ดังนั้นตรงนี้จะเห็นได้ว่าการเกิดขึ้นตรงนี้เรียกว่าผัสสะ มีเพียงการเกิดขึ้นของ "รูปกับนาม" เท่านั้น
ขอขยายรูปกับนามให้ชัดเจนอีกนิดนึง (รูปารมณ์ ๑จักขุปสาท ๑)=รูป (จิต ๑ )=นาม
ทีนี้ก็ต้องขยาย "นาม" ได้แก่ จิตกับเจตสิก ที่นี้ จิต ๑ มีเจตสิกเกิดร่วมด้วย ๗ ดวง คือ
ผัสสะ ๑ เวทนา ๑ สัญญา ๑ เจตนา ๑ เอกัคคตา ๑ ชีวิตินทรีย์ ๑ มนสิการ ๑

ในขบวนเการเกิดผัสสะนี้ จะไม่มี ( ตัณหา อุปาทาน กรรม)เกิดร่วมชึ้นเลยฉะนั้นเมื่อมันไม่มี
การเข้าไปยินดีความพอใจเข้าไปยึดถือตรงผัสสะจึงไม่มีไม่เกิดขึ้นอย่างแต่นอน เมือมีสติเข้าไปรู้ชัด
ตรงนี้ ขบวนการของขันธ์ ๕ ก็จะหยุดหมุนดำเนินไปด้วย (ตัณหา ทิฏฐิ กรรม)เพราะว่า ตัณหาจะเกิดได้
ต้องอาศัยเวทนาในกลุ่มของผัสสะเป็นผู้ล้อหมุนมาให้ ตัณหา อุปาทาน กรรม ภพ ชาติ หมุนต่อไป
ถ้าสติปัญญามารู้ทันตรงนี้ภพชาติก็จะขาดลงทันที แน่นอนได้ว่าเมื่อภพชาติขาดเสียล้วการเกิดก็จะไม่มีอีกแน่นอน

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2018, 13:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
สายน้ำเมย เขียน:

เมยก็เข้าใจที่ลุงบอกนะคะ..แต่ขอแย้งอีกคะ..เมยอ่านข้อความของลุงแล้ว ในหัวเมยมีคำถามขึ้นมาว่า..อ้าว แล้วผัสสะเจตสิกหล่ะ..เมื่อมันผัสสะ และเรายึดมั่นผัสสะ(มันต้องยึดมั่นอยู่แล้ว เพราะเราเป็นผุ้ที่ยังไม่จบกิจ)..ภพชาติเกิด..กรรมก็เกิดด้วยแล้ว...นี่เป็นสิ่งที่มันผุดขึ้นมาในหัว..ตอนอ่านนะคะ...ลุงว่าไงคะ ในความเห็นของเมย
.
.
.
และอีกมุม สำหรับผู้จบกิจ


เมื่อท่านมีเจตนา ทำสิ่งใดสิ่งนึง เหตุใด ไม่เป็นกรรมคะ..ในเมื่อมีเจตนาเจตสิก เกิดขึ้นมาด้วย


จร้า...ตรงนี้อาจจะเข้าใจยากสักหน่อย แต่ว่าเข้าใจปฏิจจสมุปบาทจะไม่ยากเลย
แต่ก็จะลองอธิบายดูว่าจะเข้าใจตามได้แค่ไหน เพราะมีความตั้งใจถาม

ผัสสะ เกิดขึ้นเพราะอาศัยสิ่ง ๓ สิ่งมาประจวบพร้อมกันคือ รูปารมณ์ ๑ จักขุปสาท ๑ จิต ๑
ดังนั้นตรงนี้จะเห็นได้ว่าการเกิดขึ้นตรงนี้เรียกว่าผัสสะ มีเพียงการเกิดขึ้นของ "รูปกับนาม" เท่านั้น
ขอขยายรูปกับนามให้ชัดเจนอีกนิดนึง (รูปารมณ์ ๑จักขุปสาท ๑)=รูป (จิต ๑ )=นาม
ทีนี้ก็ต้องขยาย "นาม" ได้แก่ จิตกับเจตสิก ที่นี้ จิต ๑ มีเจตสิกเกิดร่วมด้วย ๗ ดวง คือ
ผัสสะ ๑ เวทนา ๑ สัญญา ๑ เจตนา ๑ เอกัคคตา ๑ ชีวิตินทรีย์ ๑ มนสิการ ๑

ในขบวนเการเกิดผัสสะนี้ จะไม่มี ( ตัณหา อุปาทาน กรรม)เกิดร่วมชึ้นเลยฉะนั้นเมื่อมันไม่มี
การเข้าไปยินดีความพอใจเข้าไปยึดถือตรงผัสสะจึงไม่มีไม่เกิดขึ้นอย่างแต่นอน เมือมีสติเข้าไปรู้ชัด
ตรงนี้ ขบวนการของขันธ์ ๕ ก็จะหยุดหมุนดำเนินไปด้วย (ตัณหา ทิฏฐิ กรรม)เพราะว่า ตัณหาจะเกิดได้
ต้องอาศัยเวทนาในกลุ่มของผัสสะเป็นผู้ล้อหมุนมาให้ ตัณหา อุปาทาน กรรม ภพ ชาติ หมุนต่อไป
ถ้าสติปัญญามารู้ทันตรงนี้ภพชาติก็จะขาดลงทันที แน่นอนได้ว่าเมื่อภพชาติขาดเสียล้วการเกิดก็จะไม่มีอีกแน่นอน


สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมค่ะ

ไม่มีชีวิตไหน ในโลกนี้ ไม่สร้างกรรมแม้แต่เสี้ยววินาที

กรรมอันเป็นกุศล อกุศล อัพพยา

กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม บรรจุมาสำเร็จแล้วตั้งแต่วันแรกที่มาเกิด

เมื่อชาติภพดับลง วิบากกรรม ก้ยังดำเนินต่อไป พระพุทธองค์ และพระอรหันนต์
ยังต้องรับวิบากที่เหลือ จนกว่าละขันธ์ เป็นอนุปาทิเสสนิพพาน ค่ะ

ส่วนเจตนาเจตสิกนั้น ผู้จบกิจ ไม่มีค่ะ ดับไปหมดตามปฎิจจสมุบาทก่อนหน้าแล้ว




โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2018, 13:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8585


 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมค่ะ

ไม่มีชีวิตไหน ในโลกนี้ ไม่สร้างกรรมแม้แต่เสี้ยววินาที

กรรมอันเป็นกุศล อกุศล อัพพยา

กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม บรรจุมาสำเร็จแล้วตั้งแต่วันแรกที่มาเกิด

เมื่อชาติภพดับลง วิบากกรรม ก้ยังดำเนินต่อไป พระพุทธองค์ และพระอรหันนต์
ยังต้องรับวิบากที่เหลือ จนกว่าละขันธ์ เป็นอนุปาทิเสสนิพพาน ค่ะ




การตัดกรรมมิใช่การตัดกรรมในชาตินี้ แต่เป็นการตัดกรรมในภพหน้า คือภพที่จะไปเกิดอีกไม่มี
และการตัดกรรมก็มิใช่จะตัดกรรมกันโดยตรงๆ แต่จะต้องตัดที่เหตุของการเกิดกรรม
เหตุของการเกิดกรรมก็คือ ตัณหา อุปาทาน

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 55 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร