วันเวลาปัจจุบัน 03 ส.ค. 2025, 00:05  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ธ.ค. 2015, 15:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8591


 ข้อมูลส่วนตัว




imagesCADCKOAT.jpg
imagesCADCKOAT.jpg [ 35.78 KiB | เปิดดู 2763 ครั้ง ]
พระพุทธเจ้าทรงแสดงปัญญาไว้ถึง 3 ระดับ ซึ่งปัญญาทุกประเภทนั้นต้องสอดคล้อง
ไปในทิศทางเดียวกัน ไม่มีอะไรสำคัญมากน้อยไปกว่ากัน เนื่องจากการจะข้ามสะพานไปได้
ต้องเดินผ่านตั้งแต่ ต้นสะพาน ผ่านกึ่งกลางสะพาน แล้วจึงจะถึงปลายสะพาน ข้ามฟากได้
ปัญญา 3 ระดับก็เป็นฉันนั้น คือเริ่มจาก เข้าใจว่าอะไรคือ กุศลและอกุศล, เข้าใจกระบวนธรรมชาติ
ตั้งแต่กฎแห่งกรรม ถึงไตรลักษณ์, และสุดท้าย จึงตระหนักถึงสภาวะของทุกข์และแนวทางการดับทุกข์

เริ่มมีแนวคิดที่ถูกต้อง ยังต้องตามด้วยปัญญาที่เท่าทันด้วย แม้จะมีแนวคิดที่ถูกต้อง
แต่มนุษย์มักหลงกลกิเลส เพราะกิเลสไม่อยากให้มนุษย์ได้ดี เราจึงต้องใช้ปัญญาสอดส่องดูแล
และควบคุมตนเองไม่ให้พ่ายแพ้กิเลส ควบคุมความคิดให้ระมัดระวัง แต่ปัญญาจะมีได้นั้น
จะขาดเสียไม่ได้อยู่อย่างหนึ่งคือ การศึกษา เมื่อศึกษาจึงเกิดปัญญา เมื่อมีปัญญาจึงมีความคิด
เมื่อมีความคิดจึงตั้งใจเมื่อตั้งใจแล้วจึงปฏิบัติใช่ไหม เราอยู่ในโลกนี้แม้มีเพียงความรัก

แต่ถ้าไม่ศึกษาในความรักให้ดี ก็จะกลายเป็นคนตาบอด แม้มีความเมตตาแต่ถ้าไม่ศึกษาให้ดีแล้ว
ก็จะกลายเป็นคนโง่งม โดนเขาเอาความดีที่เราอยากทำนั้นไปใช้หลอกลวงผู้อื่น
แม้เรามีความกล้าหาญ แต่ความกล้าหาญนั้นไม่ได้ศึกษาให้ดี ความกล้านั้นจะกลายเป็นมุทะลุเอาแต่ใจกล้าเบบผิดๆ กล้าแบบเอาชีวิตไปเสี่ยง แม้จะมีใจรับฟัง แต่ถ้าเอาแต่ฟังไม่ศึกษาสิ่งที่ฟัง ไม่ศึกษาสิ่งที่พิจารณา ก็เป็นอันตราย โดนเขาจูงไปไม่รู้ตัว

การศึกษาทำให้เกิดปัญญา เกิดความคิด ทำให้เกิดความตั้งใจว่าจะเป็นสิ่งใด เป็นอะไรจากสิ่งที่ศึกษากัน เป็นคนเหมือนเดิม หรือเป็นพุทธะ วันนี้เรามาศึกษาเพื่อเป็นพุทธะ แต่ก่อนจะเป็นพุทธะต้องเป็นคนให้ดีก่อน เมื่อเป็นคนดีได้จึงก้าวไปสู่การเป็นพุทธะได้ ช่วงที่จะก้าวเป็นคนดี เป็นพุทธะช่วงนั้นต้องรู้จักเอาความดีช่วยคน ทำไมจึงต้องช่วยหากท่านมีทรัพย์ แต่เก็บทรัพย์ไว้ในดิน เรียกว่ามีทรัพย์หรือไร้ทรัพย์
ถ้าท่านมีความรู้เก็บความรู้ใว้ ไม่เคยพูดไม่เคยถ่ายทอดให้ใคร เรียกว่ารู้หรือไม่รู้ และถ้ารู้แล้วเอาแต่โอ้อวด แต่ไม่ถ่ายทอดอย่างจริงใจเรียกว่ารู้หรือไม่รู้

ฉะนั้น การถ่ายทอดก็ต้องระมัดระวัง ถ่ายทอดแบบไม่อวด บางคนมีทรัพย์ เก็บทรัพย์ไว้
นี่ถ็ไม่ถูกต้อง บางคนมีทรัพย์ได้แต่อวดทรัพย์ นี่ก็ไม่ถูกทาง ฉะนั้นมีสิ่งดี จงนำสิ่งดีออกใช้
ใช้แบบไม่ยึดติด ใช้แบบเปิดใจกว้าง พร้อมที่จะแก้ไขและพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น
พร้อมที่จะช่วยเหลือคนที่ตกทุกข์ได้ยาก

สังคมที่เป็นแบบที่เป็นอยู่ปัจจุบันนี้ เราจะช่วยให้ดีได้ต้วยตัวเองเป็นผู้เริ่มต้น แผ่นดินที่แห้งแล้งรอน้ำ
และรอต้นหญ้าที่แกร่งกล้าไปอยู่ในดินแดนนั้นโลกที่สกปรกโสมมรอพุทธะที่องอาจพร้อมจะนำ
คุณธรรมไปเบ่งบาน ชะล้างโลกนี้ให้กลับสะอาดเหมือนเดิม แต่ปัจจุบันตัวท่านไม่อยากทำดีเพราะอะไร หนึ่ง กลัวคำพูดคน สอง ทำแล้วอาย ทำดีไปแล้วกลัวโดนเขาล้อ โดนเขาว่าพอบอกว่าเราเป็นคนดี
ก็ถูกเพื่อนถากถางทำไมต้องกลัว ถ้าท่านอยากได้ดี อยากให้มีดี อยากให้เพื่อนดีด้วยเราไม่ต้องกลัว
ไม่เช่นนั้นท่านคงไม่รู้จักพระพุทธองค์ไม่รู้จักสิ่งศักดิ์สิทธิ์ถ้าท่านกลัวการทำดี เพราะคนไม่อยากได้ดี
ถ้ามีแต่คนชั่วร้าย แล้วพุทธะไม่ทำดีแล้วจะมีความดีหลงเหลือในโลกนี้ไหมท่านลองคิดให้ดีๆ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ธ.ค. 2015, 17:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8591


 ข้อมูลส่วนตัว


ปัญญาจะเกิดได้ต้องควบคู่กับการศึกษาศึกษาทางโลกก็ได้ปัญญาทางโลก
ศึกษาทางธรรมก็ได้ปัญญาทางธรรม ถ้าเกิดว่าเรามีกิเลส มีความโลภ มีตัณหา สิ่งเหล่านี้
ล้วนทำให้เราต้องทุกข์ แล้วเป็นอุปสรรคทำให้เราไม่สามารถข้ามภพข้ามชาติได้ใช่หรือไม่
แล้วเราจะตัดที่ไหนลองใช้ปัญญาของท่าน (ตัดกิเลส ตัดความอยาก) ถามว่า กิเลสอยู่ที่ไหน
ความอยากอยู่ที่ไหน ต้องใช้ปัญญาตัดให้ถูกที่ใช่ไหม

เหมือนท่านอยากเห็นนกท่านต้องไปมองที่ไหน(รัง, ฟ้า, ต้นไม้) ถูกทั้งสาม
คำตอบนะอยากเห็นปลาต้องไปมองที่ (น้ำ) นั่นก็คือ เราอยากหาว่าสิ่งนี้อยู่ที่ไหน
เราต้องไปหาให้เจอว่ามาจากตรงไหนใช่หรือไม่ แล้วกิเลส อารมณ์เล่ามาจากที่ใด (ใจ)
ฉะนั้น เราจะตัดก็ต้องตัดที่ใจ แต่ใจนั้นจะตัด ใช่ตัดตอนนั่งท่องมนต์นั่งไหว้พระตัดได้ไหม

ตอนเราสวดมนต์ตอนนั้นเรามีกิเลส มีอารมณ์ มีตัณหาไหม (ไม่มี) บางครั้งก็ยังมีคั่งค้างอยู่
ยังเป็นตะกอนเกาะอยู่ที่ใจ ใครกล้ายอมรับบ้างว่าตอนนี้ใจสะอาดไม่มีความเกลียดอยู่ในใจ
ท่านจะสวดมนต์ทุกขณะได้หรือไม่ (ไม่ได้) นั่นก็คือ เราไม่สามารถสวดมนต์แต่เพียงอย่างเดียวได้
แล้วปัญญาท่านจะเอามาจากอะไรถึงจะดับได้ทุกขณะ (สติ) เราจะทำอย่างไรปัญญาเราถึงจะสามารถ
ตัดกิเลสได้ทุกขณะเวลา นั่นก็คือ ต้องมีสติและปัญญาให้เท่าทันทุกขณะจิต ทุกขณะอารมณ์

มนุษย์มักอยู่ได้ด้วยอารมณ์ของตน เดินเคลื่อนไหวไปตามแรงผลักดันของอารมณ์ตน
เรามีอารมณ์ก็เพราะเรามีความรัก ความโลภ ความโกรธ ความหลง เมื่อเรายังมีอารมณ์เหล่านี้
ใจเราจะไม่สามารถที่จะตัดภพตัดชาติตัดอารมณ์กิเลสได้ เราก็จะต้องว่ายเวียนเกี่ยวกรรมไปเรื่อยๆ
น่ากลัวนะ วันนี้เกี่ยวคนนี้ที วันต่อไปเกี่ยวคนนั้นที เราเกี่ยวเขาเราว่าเราปล่อยแล้ว แต่เขาไม่ปล่อย

ฉะนั้นเกี่ยวน้อยๆ สร้างเหตุน้อย ผลจะได้ไม่ส่งกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีกเขาจะได้ไม่ต้องกลับมา
ทำร้ายท่านอีก การศึกษาธรรมนอกจากจะทำให้เรารู้จักตัวตนเองได้อย่างแท้จริงแล้ว ยังเข้าใจ
รู้แจ้งชีวิต และนำพาชีวิตไปถูกทาง

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ธ.ค. 2015, 07:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8591


 ข้อมูลส่วนตัว


ปัญญาย่อมส่งผลแม้ในชาตินี้และชาติหน้าไม่ยอมทอดทิ้งกันเลยในระหว่างทาง
ปัญญาเป็นสิ่งมีค่าทำให้เรารอดพ้นจากความชั่วร้ายทั้งปวง ปัญญาทำให้เราประเสริฐยิ่งกว่าอื่นใด
คนปัญญาจะเกิดได้จากการฝึกฝนเหมือนมีดจะคมได้ต้องหมั่นลับกับหิน และควรจะเรียนรู้ได้
จากสิ่งใดบ้างจากผู้มีประสบการณ์มาแล้วถ่ายทอดเป็นหนังสือ จากการน้อมยอมรับฟังใฝ่หาผู้รู้
เรียนรู้จากประสบการณ์ชีวิตที่เราดำเนินอยู่และในที่ผ่านมา

เรียนรู้ได้จากการที่เรายอมบอกว่าเราเป็นผู้ไม่รู้เราโง่เขลา และมีใจอยากเรียนรู้พยายามนอบน้อมเข้าหา
จะเรียนรู้ได้อย่างไรถ้าเราไม่สนใจ จะเรียนรู้ได้อย่างไรถ้าเรายังหยิ่งผยองในจิต
จะเรียนรู้ได้อย่างไรคิดว่าตัวเองฉลาดแล้ว จะเรียนรู้ได้อย่างไรที่ดูถูกตัวเองว่าปัญญาไม่ดี

จะเรียนรู้ได้อย่างไรในเมื่อคิดว่าสิ่งนี้ไม่ใช่ทางของเรา และสุดท้ายคิดว่าเราไม่มีเวลา
เป็นการปฏิเสธที่นิ่มนวล ฉะนั้นเรียนรู้สิ่งใดก็ตามอย่าลืมว่าต้องอ่อนน้อมถ่อมตน
และยอมรับว่าเราไม่รู้และเราอยากเรียน ทุกความรู้ย่อมมีครูมาก่อน
จะเป็นบาปไหมที่มองเห็นความรู้อยู่ซึ่งๆหน้าแต่คว้ามาใส่ตนไม่ได้....

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มี.ค. 2016, 08:28 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2960


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มี.ค. 2016, 13:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8591


 ข้อมูลส่วนตัว


ปัญญา ทำให้เกิดได้ ๓ วิธี คือ

๑. เกิดขึ้นได้โดยการสดับตรับฟัง การศึกษาเล่าเรียน (สุตมยปัญญา)
๒. เกิดขึ้นได้โดยการคิดค้น การตรึกตรอง (จินตามยปัญญา)
๓. เกิดขึ้นได้โดยการอบรมจิต การเจริญภาวนา (ภาวนามยปัญญา)

ปัญญาทั้ง ๓ นี้จะต้องสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน จะขาดเสียอย่างหนึ่งอย่างใดไม่ได้เลย
ปัญญาที่ได้จากศึกษาเล่าเรียนหรืออ่านจากตำราก็ใช่ว่าจะต้องเชื่อทั้งหมด ยังต้องใช้ปัญญาขั้น
จินตามยปัญญา ใคร่ครวญตรึกตรองว่าสมควรจะเป็นไปได้หรือไม่ เมื่อเป็นดังนั้นก็ต้องใช้ปัญญา
ระดับสูงคือภาวนามยปัญญาเข้ามาไถ่ถอนเพื่อความเห็นแจ้งรู้จริง

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มี.ค. 2016, 10:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
ขออนุโมทนากับลุงหมานด้วยค่ะ
:b8:
ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นค่ะ
:b1:
เพราะความไม่รู้คือกิเลสมีมากมายคือไม่รู้ความจริงที่จิตกำลังมีจริงๆค่ะ
แค่กะพริบตา1ครั้งเกิดดับนับไม่ถ้วนเลยค่ะจะฟังหรือไม่ฟังก็เกิดดับแล้วค่ะ
ขอแนะนำการฟังคำจริงที่พิสูจน์ได้ฟังเวลาไหนดีเวลานั้นที่ทำให้สติเริ่มรู้ตัวค่ะ
แต่ต้องเพียรตั้งใจฟังแล้วไตร่ตรองแค่ตั้งจิตไว้ชอบเพื่อเข้าใจตั้งแต่ต้นจนจบค่ะ
ฟังแล้วคิดต่อหรือระหว่างที่ฟังวอกแวกไปคิดเรื่องอื่นเป็นอกุศลจิตของผู้ฟังค่ะรู้ได้
เวลาฟังเท่านั้นที่ไม่คิดเรื่องอื่นเป็นปัญญาเกิดดับเวลาไม่ฟังอยู่ไปวันๆคิดเองอกุศลค่ะ
:b12:
https://www.youtube.com/watch?v=oGpQg2Td-9g
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ค. 2018, 15:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8591


 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss Kiss Kiss

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron