วันเวลาปัจจุบัน 19 มี.ค. 2024, 18:48  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 เม.ย. 2018, 18:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อนันตริยกรรม ๕ ประการ คือ

๑. มาตุฆาต - ฆ่ามารดา

๒. ปิตุฆาต - ฆ่าบิดา

๓. อรหันตฆาต - ฆ่าพระอรหันต์

๔. โลหิตุปบาท - ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนถึงยังพระโลหิตให้ห้อขึ้นไป

๕. สังฆเภท - ยังสงฆ์ให้แตกจากกัน


กรรมทั้ง ๕ อย่างนี้ เป็นกรรมอันหนักที่สุด ห้ามสวรรค์ ห้ามนิพพาน ตั้งอยู่ในฐานปาราชิกของผู้ถืออยู่ในพระพุทธศาสนา ห้ามไม่ให้ทำเป็นเด็ดขาด กรรมหนักฝ่ายบาป

เป็นปาราชิก หมายถึง พ่ายแพ้อย่างหนัก ห้ามสวรรค์ ห้ามนิพพานเอาทีเดียว ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 เม.ย. 2018, 19:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อนันตริยกรรม แปลว่า กรรมหนัก เริ่มต้นด้วย

(๑) มาตุฆาต ฆ่าแม่ คนฆ่าแม่นี่มันไม่ไหวแล้ว มันเลวกว่าสัตว์เดรัจฉาน เดรัจฉานนี้มันก็ไม่ฆ่าไม่กินแม่ คนฆ่าแม่นี่มันไม่ไหวละ เป็นคนใช้ไม่ได้ เพราะแม่เป็นผู้ให้กำเนิดตนมา แล้วจะไปฆ่าได้อย่างไร อย่าว่าแต่ฆ่าเลย เพียงทุบตีนี่ก็แย่แล้ว
มีเหมือนกันสมัยนี้ เสพสิ่งเสพติด กินเหล้าเมา ฆ่าแม่ ตุ้บตั้บเข้าให้ เตะตูมเข้าให้ เพราะขอเงินแล้วไม่ให้ ไอ้นี่มันแปลงชาติเป็นสัตว์นรก สัตว์เดรัจฉานไปแล้ว ไม่ได้เรื่องอะไร เป็นคนที่แย่เต็มที สอนไม่ไหวแล้ว ถ้าจะเอามาบวชก็บอกว่าบวชไม่ไหวแล้ว เดี๋ยวมันจะเตะอาตมาเข้าจะเดือดร้อน มันเตะอาจารย์เข้าก็จะเดือดร้อน

เหมือนกับอาจารย์สอนกัมมัฏฐานไปเอาใครมาสอนก็ไม่รู้ สอนแล้วถามว่า เวลาเดินสติอยู่ที่ไหน

ไอ้นั่นบอกว่า อยู่ที่ตีน ว่าอย่างนั้น อยู่ที่ส้นตีน อื้อไม่ใช่ส้นตีนพูดไม่ได้ เขาเรียกว่าอยู่ที่เท้า ส้นตีนจะเป็นไรไป ลุกขึ้นเตะอาจารย์ตูมเข้าให้ อาจารย์สลบไปเลย ต้องพาไปโรงพยาบาลเช็คสมอง อะไรในสมองมันชักจะเลือนไป เส้นโลหิตมันชักจะเสีย ไปนอนโรงพยาบาลหลายวัน

คนเตะนั้น ประสาทคงไม่ดี เราจะเอามาบวชมันก็ต้องระวังเหมือนกัน ต้องสืบก่อนว่ามันเคยเตะแม่หรือเปล่า เดี๋ยวมาเตะอาจารย์เข้าให้
เหมือนกับที่เมืองแพร่ ในพรรษาพระบวชใหม่ อาจารย์ก็สอนไปเตือนไป ไม่รู้ว่ามันโกรธอะไรขึ้นมา อาจารย์นอนอยู่บนเก้าอี้ไม้ ที่ทำด้วยไม้ชิงชันเอกเขนก มันเมาถือมีดมาแทงอาจารย์

อาจารย์ก็ดิ้นมือปัดบ้างเท้าปัดบ้าง ดิ้นอยู่อย่างนั้นแหละ ได้หลายแผลกว่าพระจะมาช่วยออกไปได้ แต่ไม่ลึกเท่านั้นไม่เข้าท้อง เพราะเอามือปัดบ้าง เท้าปัดบ้าง แทงไม่สะดวก แกร้องเสียงดังให้ช่วย พระออกมาช่วยกันจับส่งตำรวจ แล้วเอาผ้าขาวให้นุ่งไปเลยหมดเรื่องไป อย่างนี้ มันก็มีนะ มันแย่แล้ว เตะอาจารย์อย่างนั้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ค. 2018, 05:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


๒) ปิตุฆาต ฆ่าพ่อ. นี่ก็เป็นเรื่องร้าย ในประวัติของพระพุทธศาสนานี้ มีคนฆ่าพ่ออยู่คนหนึ่ง คือพระเจ้าอชาตศัตรู ที่ไปคบกับเทวทัตซึ่งเป็นยอดอันธพาลที่ชอบหาเรื่องกับพระพุทธเจ้า เทวทัตไปคบหาพระเจ้าอชาตศัตรู
ตอนนั้นยังเป็นหนุ่มยังไม่ได้เป็นพระเจ้าแผ่นดิน เทวทัตแกเจริญฌานได้ เวลามาหาก็เอางูพันตัวมาหาพระเจ้าอชาตศัตรู เหาะมาเสียด้วยนะ
พระเจ้าอชาตศัตรูเห็นเข้าก็เลื่อมใสยอมตนเป็นลูกศิษย์ เลยก็ยุพระเจ้าอชาตศัตรู บอกว่าสิ่งทั้งหลายไม่เที่ยง นี่พระเจ้าพิมพิสารยังอยู่ ราชสมบัติอาจตกแก่ใครก็ไม่รู้ อย่าประมาทจัดการเสียไวๆ ยุให้ลูกชายจับพ่อไม่ขังคุก เขาส่งอาหารไปให้ แกก็กักอาหาร
ทีหลังพระนางเวเทหิพระมารดาน่ะ เอาแป้งทาตัวแล้วไปเยี่ยมให้พระเจ้าพิมพิสารเลียตัว แกรู้ไม่ให้เยี่ยม
พระเจ้าพิมพิสารยังไม่ตาย เดินจงกรมได้อีก มองจากคุกไปมองเห็นเขาคิชฌกูฎ พระพุทธเจ้าอยู่ที่เขาคิชฌกูฎ มองเห็นภูเขาได้ก็ชื่นใจ เดินจงกรมไปมา
อชาตศัตรูเห็นยังเดินอยู่ไม่ตาย ก็เอามีดไปแหวะฝ่าเท้า เชือดให้เป็นรอยเดินไม่ได้ ผลที่สุดก็ทรมานพ่อจนตาย

ทีนี้ วันที่พอตาย มเหสีของอชาตศัตรูเกิดโอรสเป็นชาย อำมาตย์สองคนจะไปกราบทูล ไปเจอกันก็ปรึกษากันว่า เราจะกราบทูลเรื่องอะไรก่อน ต้องกราบทูลเรื่องเกิดก่อน เพราะเรื่องเกิดเป็นเรื่องสบายใจ เรื่องตายไว้ทีหลัง ก็กราบทูลว่ามเหสีของพระองค์คลอดพระโอรสแล้วพ่ะย่ะค่ะ
พอรู้ว่าเมียเกิดลูกเป็นชาย ความเป็นพ่อมันเกิดขึ้นในใจ รักลูกขึ้นมาทันที คิดถึงพ่อ เอ๊ะ พ่อคงคิดถึงเราแบบนี้
พ่อรับสั่งให้ไปปล่อยพ่อออกจากที่คุมขัง อำมาตย์อีกคนก็บอกว่า พระบิดาสวรรคตในคุกเสียแล้วพ่ะย่ะค่ะ
ตั้งแต่นั้นมาพระเจ้าอชาตศัตรูก็ตกนรก ร้อนอกร้อนใจอยู่ตลอดเวลา ไม่สบายเรื่อยทีเดียว

ทีหลังได้ไปเฝ้าพระพุทธเจ้า เวลาเดินเข้าไปหาพระพุทธเจ้าเดินขาสั่น เพราะมีความกลัว

พระองค์เห็นเลยตรัสว่า “เอหิ อชาตศัตรู พระราชกุมารเสด็จเข้ามาเถอะ” แล้วก็ไปฟังเทศน์พระพุทธเจ้า ฟังไปจนจบเรื่องแต่ก็ไม่ได้อะไร ได้แค่ความเลื่อมใสเท่านั้นเอง ไม่ได้มากไปกว่านั้น แต่ว่าก็ได้ช่วยเหลือพระพุทธศาสนาหลังพระพุทธเจ้าปรินิพพาน ช่วยในการทำสังคายนาครั้งที่ ๑ เป็นกุศลที่ได้ทำไว้นิดหน่อย แต่ที่ฆ่าพ่อไว้เป็นบาปหนัก

ทีนี้ บาปที่ทำไว้ตามมาสนองอย่างนี้ ลูกชายอชาตศัตรูโตขึ้นเป็นหนุ่ม ก็จับพระเจ้าอชาตศัตรูฆ่าเลย พอตอนลูกชายพระเจ้าอชาตศัตรูมีลูก ก็ถูกลูกฆ่า หลานของพระเจ้าอชาตศัตรูมีลูกก็จับพ่อของตนเองฆ่า ฆ่ากันสามชั่วโคตร

ประชาชนเลยเห็นว่า กษัตริย์องค์นี้ไม่ไหว อัปปรีย์จัญไร เพราะฆ่ากันมาสามชั่วกษัตริย์แล้วเลยเกิดปฏิวัติรัฐประหารเปลี่ยนบัลลังก์ ย้ายเมืองหลวง เมืองราชคฤห์นี่อยู่ไม่ไหว เลยล้างซวย ย้ายไปอยู่เมืองปาฏลีบุตรริมแม่น้ำคงคง แล้วต่อมาก็เกิดพระเจ้าอโศก ก็ทำให้เมืองปาฏลีบุตรมีชื่อเสียงต่อมา

ทีนี้ ในปัจจุบันนี้ ก็มีคนที่ทำร้ายพ่อ พอมีลูกโตก็ทำร้ายพ่ออีกเช่นกัน เออ มันเป็นอย่างนี้ ไอ้บุญกรรมที่เราทำไว้กับพ่อแม่นี่มันน่ากลัวมาก ทำดีกับพ่อแม่ ก็ได้รับผลในทางดีทันตาเห็น
ถ้าเราทำทุกข์กับพ่อแม่ ก็ได้รับความทุกข์ความเดือดร้อน
ผมเห็นมาหลายรายแล้ว ที่บ้านมีคนคนหนึ่งแกตีพ่อ พอลูกแกโตก็ตีแกอีกน่ะแหละ มันตอบแทนกัน คนเลยบอกว่านี่แหละบาปเวรที่มันตีพ่อ มันให้ผลตอบแทนกันไปในตัว
ดังนั้น มารดาบิดานี่อยู่ในฐานะเป็นปูชนียบุคคล เป็นบุคคลที่เราควรเคารพ ควรกราบไหว้ ควรบูชา คำหนักก็ไม่ควรจะเอามาใช้ ต้องเคารพมาดาบิดาเป็นที่สุด เขาเรียกว่าเป็นพระในครอบครัว เป็น เทวดาในครอบครัว เป็น พรหมในครอบครัว ของเรา

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า “ครอบครัวใด บุตรธิดาบูชาบิดามารดา ครอบครัวนั้น มีเทวดารักษา”

เทวดานั้น คือ อะไร ? คือการรักษาดูแล เคารพบิดา นั่นแหละ คุณธรรมนั้น คือตัวเทวดาที่มาคุ้มครองรักษาครอบครัวนั้น

ครอบครัวเช่นนี้ จะไม่ล่มจม จะมีความเจริญก้าวหน้าต่อไป แต่ถ้าในครอบครัวใด ลูกหญิงชายไม่เคารพบิดามารดา ไม่มีหวังที่ครอบครัวนั้นสกุลนั้นจะก้าวหน้า เพราะไม่มีฐานแล้วมันก็พังเท่านั้นเอง ไม่มีฐานเพราะไม่เคารพพ่อแม่ แล้วมันจะอยู่อย่างไร อันนี้ เป็นเรื่องที่เห็นประจักษ์กันอยู่ ที่ล่มจมกันก็เรื่องนี้ เวลาเป็นก็ไม่เคารพ ตายแล้วก็ยังไม่เคารพไม่คิดถึง ไม่ได้ตอบแทนในสิ่งดีงาม มันก็ไปไม่รอด ยิ่งได้ไปฆ่าพ่อฆ่าแม่ก็เป็นคนเลวที่สุด ไม่รู้ว่าจะกล่าวอย่างไรกันแล้ว

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ค. 2018, 08:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


๓) อรหันตฆาต ฆ่าพระอรหันต์ พระอรหันต์นี้ ท่านไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อใคร แล้วผู้ใดไปฆ่าพระอรหันต์แล้ว ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร จิตใจของคนนั้นเป็นอย่างไร เพราะไปฆ่าคนที่โลกบูชาสักการะเคารพ มันก็ไม่ไหวแล้ว จึงถือว่าเป็น อนันตริยกรรม เหมือนกัน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ค. 2018, 08:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


๔) โลหิตุปบาท ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนถึงยังพระโลหิตให้ห้อ หมายถึงทำโลหิตให้ออกจากพระกาย แม้นิดหน่อยไหลซึมๆ พอแมลงวันกินอิ่มก็พอแล้วละ เรียกว่า ทำร้ายพระพุทธเจ้า คนที่ทำร้ายพระพุทธเจ้าโลหิตห้อคือ เทวทัต โดยกลิ้งหินจากเขาคิชฌกูฏ ที่เป็นเขาสูงมีทางวนเวียนแล้วก็สันเขาเอียงอย่างนี้
พระพุทธเจ้าก็เสด็จดำเนินไปตามทางที่คดเคี้ยวไปมา ระยะทางจากเชิงเขาถึงบนเขาคิชฌกูฏนี่ประมาณกิโลเมตรหนึ่ง ที่ต้องเดินคดเคี้ยวไปเช่นนั้น ทีนี่มีหินระเกะระกะก้อนเล็กก้อนน้อย ถ้าออกกำลังหน่อยมันก็ได้เรื่องแหละ
วันนั้น พระพุทธเจ้าเสด็จเดินมา เทวทัตไปจ้องข้างบน ได้ทีก็กลิ้งหินก้อนหนึ่งหลุนๆ ลงมาเพื่อให้ไปชนพระพุทธเจ้า แต่วาก้อนหินนั้นมันไปชนต้นไม้ เมื่อชนต้นไม้ มันก็แตกเป็นสะเก็ดออกมาหน่อย ไปโดนพระชงฆ์ของพระพุทธเจ้า โดนหน้าแข้งพอเลือดไหลซิบๆ เรียกว่าทำโลหิตให้ห้อ เป็นอนันตริยกรรมของเทวทัต เพราะฉะนั้นเทวทัต จึงถูกธรณีสูบ คำว่า “ธรณีสูบ” นี้ถ้าเขาเชื่อตามแบบนั้นก็คือถูกดินสูบหายลงไปเลย

ถ้าเราไม่เชื่อแบบนั้น ก็หมายถึง ไม่มีใครมองหน้าเทวทัตอีกต่อไป ไม่มีเทวทัตในโลกนี้อีกแล้ว เรียกว่าธรณีสูบจมหายไปแล้วละ เทวทัตนี้ใจแกมันพิกล เรียกว่า แตกแหกคอกไปเป็นคนเกเรต่อพระพระพุทธเจ้า

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ค. 2018, 08:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


๕) ทีนี้ สังฆเภท น่ะหมายความว่า ทำสงฆ์ให้แตกจากกัน คำว่า “สงฆ์” น่ะหมายความว่า ด้านนี้มี ๔ รูป อีกด้านก็มี ๔ รูป เป็นสงฆ์ ๔ รูปขึ้นไปทำให้สงฆ์แตกกัน ไม่ให้ร่วมสามัคคีกัน ไม่ให้ลงโบสถ์ร่วมกัน ไม่ทำสังฆกรรมร่วมกัน ก็เรียกว่า สงฆ์แตกกัน
ถ้าเราไปยุให้พระแตกกันสององค์ นี้ไม่ถึงกับเป็นสังฆเภท เขาเรียกว่าเป็น สังฆราชี เป็นความแตกร้าวในหมู่คณะ ไม่ถึงกับแตกร้าวในหมู่สงฆ์ ไม่เป็นอนันตริยกรรม แต่ก็เป็นกรรมที่ไม่ดีเหมือนกัน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2022, 04:04 
 
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2013, 07:16
โพสต์: 2374

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b39: :b44: ขออนุโมทนา สาธุๆๆ ค่ะ
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ธ.ค. 2022, 10:11 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2863


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 เม.ย. 2023, 15:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 มิ.ย. 2007, 13:49
โพสต์: 1012


 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss :b8: :b8: :b8:

.....................................................
ทำความดีทุกๆ วัน


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 37 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร