ทราบหรือไม่...สมาธิตามคำสอนคืออะไร
สมาธิ
แปลว่าความตั้งมั่นคงของจิต
มีแล้ว
ตามปกติเป็นปกติที่จิตตั้งมั่นคงตรงทาง
มี6ทางคือ
1ทางตา
2ทางหู
3ทางจมูก
4ทางลิ้น
5ทางกาย
6ทางใจ
เข้าใจไหมคะ
แต่ละทางที่จิตตั้งมั่นคงเป็นปกติ
คือเด่วนี้เองไม่ต้องไปทำไม่รู้เพิ่ม
ตามปกติเป็นปกติที่ไม่เข้าใจคำสอน
คิดว่าต้องไปทำตามๆกันไม่มีกาลามสูตร10
พระพุทธเจ้าหลังตรัสรู้แล้วไม่ทำสิ่งใด
นอกจากแสดงธรรมให้ฟังตามปกติ
ให้ผู้ฟังที่ตั้งใจฟังคิดถูกตามได้
สมาธิมีแล้วเกิดกับจิตทุกขณะ
เห็นสีดมกลิ่นลิ้มรสฟังเสียง
กายสัมผัสใจรับทราบสิ่งต่างๆ
แต่ละทางตั้งมั่นในทางของมัน
ไม่ใช่ตาไปดมกลิ่นไม่ใช่หู
ไปดูเข้าใจไหมมันตรงทาง
คือตั่งมั่นคงตรงทางอยู่แล้ว
การฟังด้วยหูตนเองจะทำให้
ไม่เข้าใจผิดและไม่ตามใคร
เพราะคำสอนของพระพุทธเจ้า
ทรงแสดงความจริงตามปกติให้
คนฟังเข้าใจตามปกติเป็นปกติค่ะ

หมายเหตุ
สมาธิเป็นธัมมะชื่อว่าเอกัคตาเจตสิก
เอกัคตาเจตสิกนี้เกิดกับจิตทุกขณะ
เมื่อไม่ฟังพระพุทธพจน์จึงหลงคิดผิด
ทั้ง6ทางที่ตั้งมั่นตรงทางมีแล้วแต่ไม่รู้
จะรู้ตามได้ก็ตอนกำลังฟังเข้าใจเท่านั้น
ปัญญาเป็นอริยทรัพย์ต้องสะสมจากการฟัง
และการฟังเป็นบุญสูงสุดที่ประกอบปัญญาค่ะ

ลองฟังแล้วคิดพิจารณาไตร่ตรองตามช้าๆ
การคิดถูกตามทีละคำจะทำให้เข้าใจถูกตามได้

การฟังพระพุทธพจน์เพื่อเข้าใจชีวิตว่า
ขณะนี้เองมีอะไรเป็นของเราจริงๆหรือไม่
https://youtu.be/twmOhWlr65E

ปัจจุบันขณะแห่งจิต มีสามอย่างค่ะ

คือ

ขณิกะปัจจุบันแห่งจิต

สันตะติปัจจุบันแห่งจิต

และ อัทธาปัจจุบันแห่งจิต

ขนิกะปัจจุบันแห่งจิต 1 ขณะนั้น

มีพระพุทธเจ้าเพียงพระองค์เดียวที่รู้ได้ในขณิกะปัจจุบันแห่งจิต 1 ขณะ

แต่สำหรับ สันตะติปัจจุบันแห่งจิต และ อัทธาปัจจุบันแห่งจิตค่ะ

รู้ได้ทั้งพระอรหันต์และสาวกของพระพุทธองค์ค่ะ

ความจริงรู้ตามได้ตรงคำตรงขณะตามปกติเป็นปกติ
ต้องเข้าใจว่าปัจจุบันขณะของพระพุทธเจ้านั้นเป็น
ขณะจิตที่ต้องเรียนรู้เพื่อให้เข้าใจก่อนจะไปทำ
ศึกษาเพื่อให้คิดถูกตามได้ตามปกติที่คิดได้ตรงคำ
ทุกคำสอนพิสูจน์ได้ค่ะ....ดี-ชั่วคือ2คำ...คิดคือพูดในใจ
พูดคือคิดออกเสียงเวลาออกเสียงนั้นตรงจริง
ดีตรงดี...ชั่วตรงชั่ว...จะเป็นเสียงดีตรงชั่วไม่ได้
แปลว่าตามปกติคิดได้ของคนตามปกติต้องตรงคำ
คำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นความจริงไม่เปลี่ยนแปลง
ไปตามกาลเวลาเพราะเป็นรู้ความจริงตรงคำตรงขณะค่ะ
ไม่ใช่สัญญาจำคำเกิน1คำยาวๆนั่นเป็นแค่สัญญาไม่ใช่ปัญญา
และให้ทราบว่าปัจจุบันธรรมคืออริยสัจจธรรมมีก่อนกะพริบตา
เพราะจิตเกิดดับเร็วเป็นอณูวินาทีแค่คิดตรง1คำที่กายรู้แข็ง
ยังไม่ถึงสติเลยนะคะ...สติแปลว่าระลึกตามคำสอนถูกตามได้
ตรงปัจจุบันขณะเป็นปัจจุบันธรรมเป็นตัวจริงของธัมมะจริงๆ
ที่กำลังปรากฏตามปกติเป็นปกติที่ลืมตาตื่นรู้ความจริงปดติ
และให้ทราบว่ากะพริบตาไม่ทัน1คำตรงจริงที่กายใจตน
แปลว่าสะสมอวิชชาแล้วเพราะกิเลสมีทุกครั้งที่ขาดสติ
สติตรงจริงต้องรู้ความจริงก่อนกะพริบตาไม่ทันคือกิเลส
แปลว่าความจริงตามคำสอนกำลังปรากฏกับอวิชชาของตน