วันเวลาปัจจุบัน 25 ก.ค. 2025, 03:29  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 13 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2017, 12:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8586


 ข้อมูลส่วนตัว




20108625_1250880711708224_3356301006817548922_n.jpg
20108625_1250880711708224_3356301006817548922_n.jpg [ 67 KiB | เปิดดู 3680 ครั้ง ]
ท่อนไม้ที่ลอยออกไปได้ถึงทะเล
ภิกษุทั้งหลาย ! พวกเธอได้เห็นท่อนไม้ใหญ่นั้น
ซึ่งลอยมาโดยกระแสแม่น้ำคงคา หรือไม่ ?
“ได้เห็นแล้ว พระเจ้าข้า !”
ภิกษุทั้งหลายกราบทูล.
ภิกษุทั้งหลาย ! ถ้าท่อนไม้นั้น
จะไม่เข้าไปติดเสียที่ฝั่งในหรือฝั่งนอก,
ไม่จมเสียในท่ามกลางน้ำ,
ไม่ขึ้นไปติดแห้งอยู่บนบก,
ไม่ถูกมนุษย์จับไว้,
ไม่ถูกอมนุษย์จับไว้,
ไม่ถูกเกลียวน้ำวนวนไว้,
ไม่เน่าเสียเองในภายในไซร้,
ท่อนไม้เช่นที่กล่าวนี้
จักลอยไหลพุ่งไปสู่ทะเล
เพราะเหตุว่า
ลำแม่น้ำคงคา โน้มน้อม ลุ่มลาด เอียงเท ไปสู่ทะเล. ข้อนี้ฉันใด;
ภิกษุทั้งหลาย ! แม้พวกเธอทั้งหลายก็ฉันนั้น :
ถ้าพวกเธอไม่เข้าไปติดเสียที่ฝั่งใน,
ไม่เข้าไปติดเสียที่ฝั่งนอก,
ไม่จมเสียในท่ามกลาง,
ไม่ขึ้นไปติดแห้งอยู่บนบก,
ไม่ถูกมนุษย์จับไว้,
ไม่ถูกอมนุษย์จับไว้,
ไม่ถูกเกลียวน้ำวนวนไว้,
ไม่เน่าเสียเองในภายในไซร้,
พวกเธอก็จะเลื่อนไหลไปสู่นิพพาน
เพราะเหตุว่า
สัมมาทิฏฐิ มีธรรมดาที่โน้มน้อม ลุ่มลาด เอียงเท ไปสู่นิพพาน.

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2017, 19:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8586


 ข้อมูลส่วนตัว




20170720_064023.png
20170720_064023.png [ 404.65 KiB | เปิดดู 3604 ครั้ง ]
ครั้นสิ้นกระแสพระดำรัสแล้ว ภิกษุรูปหนึ่ง
ได้กราบทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
"ข้าแต่พระองค์ ผู้เจริญ! อะไรเล่า เป็นฝั่งใน หรือฝั่งนอก?
อะไรชื่อว่าจมในท่ามกลาง?
อะไรชื่อว่าขึ้นไปติดแห้งอยู่ บนบก?
อะไรที่ถูกมนุษย์จับไว้?
อะไรที่ถูกอมนุษย์จับไว้?
อะไรชื่อว่าถูกเกลียวน้ำวนวนไว้?
อะไรขื่อว่า เน่าเสียเองภายใน?"

ภิกษุ ท.! คำว่า "ฝั่งใน" เป็นชื่อของ อายตนภายใน ๖.
คำว่า "ฝั่งนอก" เป็นชื่อของ อายตนะภายนอก ๖.
คำว่า "จมเสียในท่ามกลาง" เป็นชื่อของ นันทิราคะ.
คำว่า "ขึ้นไปติดแห้งอยู่ บนบก" เป็นชื่อของอัสมิมานะ (ความสำคัญว่าเรามีเราเป็น).
คำว่า "ถูกมนุษย์จับไว้" ได้แก่ ภิกษุใน กรณีนี้เป็นผู้ระคนด้วยพวก
คฤหัสถ์ เพลิดเพลินด้วยกัน โศกเศร้าด้วยกัน, มีสุข เมื่อคฤหัสถ์เหล่า
นั้นมีสุข, เป็นทุกข์ เมื่อคฤหัสถ์เหล่านั้นเป็นทุกข์, ประกอบการงานใน
กิจการที่บังเกิดขึ้นแก่คฤหัสถ์เหล่านั้นด้วยตน. ภิกษุนี้เราเรียกว่า ผู้
ถูกมนุษย์จับไว้.
คำว่า "ถูกอมนุษย์จับไว้" ได้แก่ ภิกษุบางรูปในกรณีนี้ ประพฤติ
พรหมจรรย์โดยตั้งความปรารถนาเทพนิกายชั้นใดชั้นหนึ่ง ว่า "ด้วย
ศีลนี้ หรือด้วยวัตรนี้ หรือว่าด้วยตะบะ นี้ เราจักได้เป็นเทวดาผู้มีศักดา
ใหญ่ หรือเป็นเทวดาผู้มีศักดาน้อยอย่างใดอย่างหนึ่ง" ดังนี้. ภิกษุนี้
เรา เรียกว่า ผู้ถูกอมนุษย์จับไว้.
คำว่า "ถูกเกลียวน้ำวนวนไว้" เป็นชื่อของกามคุณ ๕.

ภิกษุเป็นผู้เน่า เสียเองในภายใน คืออย่างไรเล่า? คือภิกษุบางรูปใน
กรณีนี้ เป็นคนทุศีล มีความเป็นอยู่ลากมกไม่ สะอาด มีความประพฤติ
ชนิดที่ตนเอง นึกแล้วก็กินแหนงตัวเอง มีการกระทำที่ต้องปกปิด ซ่อน
เร้น ไม่ใช่ สมณะก็ ปฏิญาณว่าเป็นสมณะ ไม่ใช่คนประพฤติ
พรหมจรรย์ ก็ปฏิญญาณว่าเป็นคนประพฤติพรหมจรรย์ เป็นคนเน่า
ใน เปียกแฉะ มีสัญชาติหมักหมม เหมือนบ่อที่เทขยะมูลฝอย. ภิกษุนี้
เราเรียกว่า ผู้เน่าเสียเองในภายใน แล.

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ค. 2017, 11:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8586


 ข้อมูลส่วนตัว




20170720_110922.jpg
20170720_110922.jpg [ 218.25 KiB | เปิดดู 3661 ครั้ง ]
ไม่ไปติดเสียบนบก ย่อมออกไปสู่ทะเล

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ค. 2017, 14:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8586


 ข้อมูลส่วนตัว




20170720_145248.jpg
20170720_145248.jpg [ 98.57 KiB | เปิดดู 3604 ครั้ง ]
ถูกมนุษย์จับไว้่เสียบ้าง

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ค. 2017, 15:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว




Tabbi-okras.png
Tabbi-okras.png [ 202.31 KiB | เปิดดู 3598 ครั้ง ]
:b8: :b8: :b8:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ค. 2017, 18:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8586


 ข้อมูลส่วนตัว




20170720_183916.jpg
20170720_183916.jpg [ 149.11 KiB | เปิดดู 3641 ครั้ง ]
ต้องจมลงระหว่างทางบ้าง

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ค. 2017, 21:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว




Reptile1.png
Reptile1.png [ 66.54 KiB | เปิดดู 3598 ครั้ง ]
ผมจำไม่ได้ว่า...ใครน่า??..ที่แอบได้ยิน..แล้วได้ประโยชน์จะเหตุการณ์นี้..
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2017, 06:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8586


 ข้อมูลส่วนตัว




tree-576846_640.png
tree-576846_640.png [ 51.86 KiB | เปิดดู 3598 ครั้ง ]
กบนอกกะลา เขียน:
ผมจำไม่ได้ว่า...ใครน่า??..ที่แอบได้ยิน..แล้วได้ประโยชน์จะเหตุการณ์นี้..


เป็นการเทศนาโปรดเหล่าภิกษุที่มาประชุมทั่วไป
คำเทศนานี้ไม่เน้นตัวบุคคลที่ฟังได้ประโยชน์
แต่เน้นคำสอนที่เป็น"พุทธวจน"

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2017, 12:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว




58bf1930e443f41d77c7348f.png
58bf1930e443f41d77c7348f.png [ 50.08 KiB | เปิดดู 3598 ครั้ง ]
ผมหมายถึง...ตามท้องเรื่อง...พระองค์แสดงธรรมใกล้แม่น้ำ...คนเลี้ยงวัวหรือควาย..นี้แหละ..ที่อยู่ใกล้ๆ..ได้ยิน..ฟังแล้วก็คิดตามกระแสพระดำรัส...แล้วเห็นธรรม....ซึ่งก็จำไม่ได้ว่าท่านชืออะไร...
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2017, 13:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8586


 ข้อมูลส่วนตัว




tumblr_static_tumblr_n270tcetgv1rdijxoo1_250.gif
tumblr_static_tumblr_n270tcetgv1rdijxoo1_250.gif [ 847.28 KiB | เปิดดู 3598 ครั้ง ]
กบนอกกะลา เขียน:
ผมหมายถึง...ตามท้องเรื่อง...พระองค์แสดงธรรมใกล้แม่น้ำ...คนเลี้ยงวัวหรือควาย..นี้แหละ..ที่อยู่ใกล้ๆ..ได้ยิน..ฟังแล้วก็คิดตามกระแสพระดำรัส...แล้วเห็นธรรม....ซึ่งก็จำไม่ได้ว่าท่านชืออะไร...


ผมก็เช่นเดียวกัน พยายามค้นหาก็ไม่พบ เกินกำลังครับ พบเมื่อไหร่จะนำมาบอกครับ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2017, 23:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




20170721_213130.jpg
20170721_213130.jpg [ 43.15 KiB | เปิดดู 3585 ครั้ง ]
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=18&A=4908&Z=4963&pagebreak=0
Quote Tipitaka:
ทารุขันธสูตรที่ ๑

[๓๒๔] ก็โดยสมัยนั้นแล นายนันทโคบาลยืนอยู่ในที่ไม่ไกลพระผู้มี-
*พระภาค ณ ที่นั้นแล นายนันทโคบาลได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ไม่เข้าใกล้ฝั่งนี้ ไม่เข้าใกล้ฝั่งโน้น ไม่จมลงใน
ท่ามกลาง ไม่ติดบนบก ไม่ถูกมนุษย์จับ ไม่ถูกอมนุษย์จับ ไม่ถูกเกลียวน้ำวนๆ ไว้
จักไม่เน่าในภายใน ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ขอประทานพระวโรกาส
ข้าพระองค์พึงได้บรรพชาอุปสมบทในสำนักของพระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาค
ตรัสว่า ดูกรนันทะ ถ้าอย่างนั้น ท่านจงมอบโคให้เจ้าของเถิด ฯ
น. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ โคที่ติดลูกจักไปเอง ฯ
พ. ท่านจงมอบโคให้แก่เจ้าของเถิด นันทะ ฯ
ครั้งนั้นแล นายนันทโคบาลมอบโคให้แก่เจ้าของแล้ว เข้าไปเฝ้าพระผู้มี-
*พระภาคถึงที่ประทับ ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ข้าพระองค์มอบโคให้เจ้าของแล้ว ข้าพระองค์พึงได้บรรพชาอุปสมบทในสำนักของ
พระผู้มีพระภาค นายนันทโคบาลได้บรรพชาอุปสมบทแล้วในสำนักของพระผู้มี-
*พระภาค ก็แลท่านพระนันทะอุปสมบทแล้วไม่นาน เป็นผู้ๆ เดียว หลีกออกจาก
หมู่ ไม่ประมาท มีความเพียร มีตนส่งไปแล้วอยู่ ไม่นานนัก ก็ทำให้แจ้งซึ่ง
ที่สุดแห่งพรหมจรรย์อันยอดเยี่ยม ซึ่งกุลบุตรทั้งหลายผู้ออกบวชเป็นบรรพชิตโดย
ชอบต้องการนั้น ด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตนเองในปัจจุบันเข้าถึงอยู่ รู้ชัดว่า ชาติ
สิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็น
อย่างนี้มิได้มี ก็ท่านพระนันทะได้เป็นพระอรหันต์องค์หนึ่ง ในจำนวนพระอรหันต์
ทั้งหลาย ฯ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ค. 2017, 07:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8586


 ข้อมูลส่วนตัว




aniManMath-new.gif
aniManMath-new.gif [ 55.67 KiB | เปิดดู 3579 ครั้ง ]
ขอบคุุณครับ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ค. 2017, 08:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว




20170726_163033.jpg
20170726_163033.jpg [ 151.65 KiB | เปิดดู 3530 ครั้ง ]
เช่นนั้น เขียน:
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=18&A=4908&Z=4963&pagebreak=0
Quote Tipitaka:
ทารุขันธสูตรที่ ๑

[๓๒๔] ก็โดยสมัยนั้นแล นายนันทโคบาลยืนอยู่ในที่ไม่ไกลพระผู้มี-
*พระภาค ณ ที่นั้นแล นายนันทโคบาลได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ไม่เข้าใกล้ฝั่งนี้ ไม่เข้าใกล้ฝั่งโน้น ไม่จมลงใน
ท่ามกลาง ไม่ติดบนบก ไม่ถูกมนุษย์จับ ไม่ถูกอมนุษย์จับ ไม่ถูกเกลียวน้ำวนๆ ไว้
จักไม่เน่าในภายใน ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ขอประทานพระวโรกาส
ข้าพระองค์พึงได้บรรพชาอุปสมบทในสำนักของพระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาค
ตรัสว่า ดูกรนันทะ ถ้าอย่างนั้น ท่านจงมอบโคให้เจ้าของเถิด ฯ
น. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ โคที่ติดลูกจักไปเอง ฯ
พ. ท่านจงมอบโคให้แก่เจ้าของเถิด นันทะ ฯ
ครั้งนั้นแล นายนันทโคบาลมอบโคให้แก่เจ้าของแล้ว เข้าไปเฝ้าพระผู้มี-
*พระภาคถึงที่ประทับ ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ข้าพระองค์มอบโคให้เจ้าของแล้ว ข้าพระองค์พึงได้บรรพชาอุปสมบทในสำนักของ
พระผู้มีพระภาค นายนันทโคบาลได้บรรพชาอุปสมบทแล้วในสำนักของพระผู้มี-
*พระภาค ก็แลท่านพระนันทะอุปสมบทแล้วไม่นาน เป็นผู้ๆ เดียว หลีกออกจาก
หมู่ ไม่ประมาท มีความเพียร มีตนส่งไปแล้วอยู่ ไม่นานนัก ก็ทำให้แจ้งซึ่ง
ที่สุดแห่งพรหมจรรย์อันยอดเยี่ยม ซึ่งกุลบุตรทั้งหลายผู้ออกบวชเป็นบรรพชิตโดย
ชอบต้องการนั้น ด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตนเองในปัจจุบันเข้าถึงอยู่ รู้ชัดว่า ชาติ
สิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็น
อย่างนี้มิได้มี ก็ท่านพระนันทะได้เป็นพระอรหันต์องค์หนึ่ง ในจำนวนพระอรหันต์
ทั้งหลาย ฯ


:b8: :b8: :b8:
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 13 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร