วันเวลาปัจจุบัน 23 ก.ค. 2025, 04:25  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ค. 2017, 19:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ควรศึกษาที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ก่อน

.

=====================================

สารีบุตร ! ธรรมปริยายข้อนี้ ยังไม่เคยแสดงให้ปรากฏ
แก่หมู่ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาทั้งหลาย มาแต่กาลก่อน.


ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ?

เพราะเราเห็นว่าถ้าเขาเหล่านั้นได้ฟังธรรมปริยาย
ข้อนี้แล้ว จักพากันเกิดความประมาท;


อนึ่งเล่า ธรรมปริยายเช่นนี้ เป็นธรรมปริยาย
ที่เรากล่าว ต่อเมื่อถูกถามเจาะจงเท่านั้น; ดังนี้ แล.

====================================

.

.

บุคคล ๙ จำพวก

เช้าวันหนึ่ง ท่านพระสารีบุตรครองจีวร ถือบาตร
เข้าไปบิณฑบาตในนครสาวัตถี

ท่านเห็นว่าเวลายังเช้าเกินไปสำหรับการบิณฑบาต
จึงแวะเข้าไปในอารามของพวกปริพาชกลัทธิอื่น
ได้ทักทายปราศรัยกันตามธรรมเนียมแล้ว
นั่งลง ณ ส่วนข้างหนึ่ง.

.

ก็ในเวลานั้นแล พวกปริพาชกทั้งหลายนั้น
กำลังยกข้อความขึ้นกล่าวโต้เถียงกันอยู่
ถึงเรื่องบุคคลใด ใครก็ตาม ที่ยังมีเชื้อเหลือ

ถ้าตายแล้ว ย่อมไม่พ้นเสียจากนรก จากกำเนิดเดรัจฉาน
จากวิสัยแห่งเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต ไปได้เลยสักคนเดียว ดังนี้.

.

ท่านพระสารีบุตร ไม่แสดงว่าเห็นด้วย และไม่คัดค้าน
ข้อความของปริพาชกเหล่านั้น,

ลุกจากที่นั่งไป โดยคิดว่าทูลถวายพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว
จักได้ทราบความข้อนี้.

.

ครั้นกลับจากบิณฑบาต ภายหลังอาหารแล้ว
จึงเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า

กราบทูลถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตอนเช้าทุกประการ.
พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า :-

.

.

สารีบุตร ! พวกปริพาชกลัทธิอื่น ยังอ่อนความรู้ ไม่ฉลาด
จักรู้ได้อย่างไรกันว่า ใครมีเชื้อเหลือ ใครไม่มีเชื้อเหลือ.

สารีบุตร ! บุคคลที่มีเชื้อ (กิเลส)
เหลือ ๙ จำพวก ดังที่จะกล่าวต่อไปนี้

แม้ตายไป ก็พ้นแล้วจากนรก

พ้นแล้วจากกำเนิดเดรัจฉาน

พ้นแล้วจากวิสัยแห่งเปรต

พ้นแล้วจากอบาย ทุคติ วินิบาต.

บุคคลเก้าจำพวกเหล่านั้น เป็นอย่างไรเล่า เก้าจำพวก คือ :-

.

.

(๑) สารีบุตร ! บุคคลบางคนในกรณีนี้
เป็นผู้ทำได้เต็มที่ในส่วนศีล ทำได้เต็มที่ในส่วนสมาธิ
แต่ทำได้พอประมาณ ในส่วนปัญญา.

เพราะทำสังโยชน์ ๕ อย่าง ในเบื้องต้นให้สิ้นไป,
บุคคลนั้นเป็น อนาคามีผู้จะปรินิพพาน
ในระหว่างอายุยังไม่ทันถึงกึ่ง.

.
สารีบุตร ! นี้เป็นบุคคลผู้มีเชื้อเหลือพวกที่ ๑
ที่เมื่อตาย ก็พ้นแล้วจากนรก จากกำเนิดเดรัจฉาน
จากวิสัยแห่งเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต.

.

.

(๒) สารีบุตร ! บุคคลบางคนในกรณีนี้
เป็นผู้ทำได้เต็มที่ในส่วนศีล ทำได้เต็มที่ในส่วนสมาธิ
แต่ทำได้ พอประมาณในส่วนปัญญา.

เพราะทำสังโยชน์ ๕ อย่างในเบื้องต้นให้สิ้นไป,
บุคคลนั้นเป็น อนาคามีผู้จะปรินิพพาน
เมื่ออายุพ้นกึ่งแล้วจวนถึงที่สุด.

สารีบุตร ! นี้เป็นบุคคลผู้มีเชื้อเหลือพวกที่ ๒
ที่เมื่อตาย ก็พ้นแล้วจากนรก จากกำเนิดเดรัจฉาน
จากวิสัยแห่งเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต.

.

.

(๓) สารีบุตร ! บุคคลบางคนในกรณีนี้
เป็นผู้ทำได้เต็มที่ในส่วนศีล ทำได้เต็มที่ในส่วนสมาธิ
แต่ทำได้พอประมาณในส่วนปัญญา.

เพราะทำสังโยชน์ ๕ อย่างในเบื้องต้นให้สิ้นไป,
บุคคลนั้นเป็น อนาคามีผู้จะปรินิพพาน
โดยไม่ต้องใช้ความเพียรเรี่ยวแรง.

.
สารีบุตร ! นี้เป็นบุคคลผู้มีเชื้อเหลือพวกที่ ๓
ที่เมื่อตาย ก็พ้นแล้วจากนรก จากกำเนิดเดรัจฉาน
จากวิสัยแห่งเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต.

.

.

(๔) สารีบุตร ! บุคคลบางคนในกรณีนี้
เป็นผู้ทำได้เต็มที่ในส่วนศีล ทำได้เต็มที่ในส่วนสมาธิ
แต่ทำได้พอประมาณในส่วนปัญญา.

เพราะทำสังโยชน์ ๕ อย่างในเบื้องต้นให้สิ้นไป,
บุคคลนั้นเป็น อนาคามีผู้จะปรินิพพาน
โดยต้องใช้ความเพียรเรี่ยวแรง.

.
สารีบุตร ! นี้เป็นบุคคลผู้มีเชื้อเหลือพวกที่ ๔
ที่เมื่อตาย ก็พ้นแล้วจากนรก จากกำเนิดเดรัจฉาน
จากวิสัยแห่งเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต.

.

.

(๕) สารีบุตร ! บุคคลบางคนในกรณีนี้
เป็นผู้ทำได้เต็มที่ในส่วนศีล ทำได้เต็มที่ในส่วนสมาธิ
แต่ทำได้พอประมาณในส่วนปัญญา.

เพราะทำสังโยชน์ ๕ อย่างในเบื้องต้นให้สิ้นไป,
บุคคลนั้นเป็น อนาคามี ผู้มีกระแสในเบื้องบนไปถึงอกนิฏฐภพ.

.
สารีบุตร ! นี้เป็นบุคคลผู้มีเชื้อเหลือพวกที่ ๕
ที่เมื่อตาย ก็พ้นแล้วจากนรก จากกำเนิดเดรัจฉาน
จากวิสัยแห่งเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต.

.

.

(๖) สารีบุตร ! บุคคลบางคนในกรณีนี้ เป็นผู้ทำได้เต็มที่ในส่วนศีล
แต่ทำได้พอประมาณในส่วนสมาธิ ทำได้พอประมาณในส่วนปัญญา.

เพราะทำสังโยชน์ ๓ อย่าง ให้สิ้นไป,
และเพราะมีราคะ โทสะ โมหะ เบาบางน้อยลง,
เป็น สกทาคามี ยังจะมาสู่เทวโลกนี้อีกครั้งเดียวเท่านั้น แล้วกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้.

.
สารีบุตร ! นี้เป็นบุคคลผู้มีเชื้อเหลือพวกที่ ๖
ที่เมื่อตาย ก็พ้นแล้วจากนรก จากกำเนิดเดรัจฉาน
จากวิสัยแห่งเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต.

.

.

(๗) สารีบุตร ! บุคคลบางคนในกรณีนี้ เป็นผู้ทำได้เต็มที่ในส่วนศีล
แต่ทำได้พอประมาณในส่วนสมาธิ ทำได้พอประมาณในส่วนปัญญา.

เพราะทำสังโยชน์ ๓ อย่างให้สิ้นไป,
บุคคลนั้นเป็น โสดาบันผู้มีพืชหนเดียว
คือ จักเกิดในภพแห่งมนุษย์อีกหนเดียวเท่านั้น
แล้วกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้.

.
สารีบุตร ! นี้เป็นบุคคลผู้มีเชื้อเหลือพวกที่ ๗
ที่เมื่อตาย ก็พ้นแล้วจากนรก จากกำเนิดเดรัจฉาน
จากวิสัย แห่งเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต.

.

.

(๘) สารีบุตร ! บุคคลบางคนในกรณีนี้ เป็นผู้ทำได้เต็มที่ในส่วนศีล
แต่ทำได้พอประมาณในส่วนสมาธิ ทำได้พอประมาณในส่วนปัญญา.

เพราะทำสังโยชน์ ๓ อย่าง ให้สิ้นไป,
บุคคลผู้นั้นเป็น โสดาบัน

ผู้ต้องท่องเที่ยวไปสู่สกุล อีก ๒ หรือ ๓ ครั้ง
แล้วกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้.

.
สารีบุตร ! นี้เป็นบุคคลผู้มีเชื้อเหลือพวกที่ ๘
ที่เมื่อตาย ก็พ้นแล้วจากนรก จากกำเนิดเดรัจฉาน
จากวิสัยแห่งเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต.

.

.

(๙) สารีบุตร ! บุคคลบางคนในกรณีนี้ เป็นผู้ทำได้เต็มที่ในส่วนศีล
แต่ทำได้พอประมาณในส่วนสมาธิ ทำได้พอประมาณในส่วนปัญญา.
เพราะทำสังโยชน์ ๓ อย่างให้สิ้นไป,

บุคคลนั้นเป็น โสดาบัน
ผู้ต้องเที่ยวไปในเทวดาและมนุษย์อีก ๗ ครั้งเป็นอย่างมาก
แล้วกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้.

.
สารีบุตร ! นี้เป็นบุคคลผู้มีเชื้อเหลือพวกที่ ๙
ที่เมื่อตาย ก็พ้นแล้วจากนรก จากกำเนิดเดรัจฉาน
จากวิสัยแห่งเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต.

.

.

สารีบุตร ! ปริพาชกลัทธิอื่น ยังอ่อนความรู้ ไม่ฉลาด
จักรู้ได้อย่างไรกันว่า ใครมีเชื้อเหลือ ใครไม่มีเชื้อเหลือ.

สารีบุตร ! บุคคลเหล่านี้แล ที่มีเชื้อเหลือ ๙ จำพวก
เมื่อตายไป ก็พ้นแล้วจากนรก จากกำเนิดเดรัจฉาน
จากวิสัยแห่งเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต.

.

======================================

สารีบุตร ! ธรรมปริยายข้อนี้ ยังไม่เคยแสดงให้ปรากฏ
แก่หมู่ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาทั้งหลาย มาแต่กาลก่อน.

ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ?

เพราะเราเห็นว่าถ้าเขาเหล่านั้นได้ฟังธรรมปริยาย
ข้อนี้แล้ว จักพากันเกิดความประมาท;



อนึ่งเล่า ธรรมปริยายเช่นนี้ เป็นธรรมปริยาย
ที่เรากล่าว ต่อเมื่อถูกถามเจาะจงเท่านั้น; ดังนี้ แล.


========================================

.
นวก. อํ. ๒๓/๓๙๑-๓๙๖/๒๑๖.

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร