วันเวลาปัจจุบัน 28 ต.ค. 2025, 17:30  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.พ. 2017, 20:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5408


 ข้อมูลส่วนตัว


"..หนังคนตาย เป็นยังไงบ้าง หนังคนเป็น เป็นยังไงบ้างมันหนังอันเดียวกันทำไมเห็นหนังคนเป็นแล้ว ตื่นเต้นเห็นหนังคนตายแล้วกลัวผีหนังอันเดียวกันกลัวมันอะไร.."โอวาทธรรมคำสอน..องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโนเรื่อง

"โยมอย่าไปตกนรก ร่วมกับเขา"โยม.. หลวงปู่เจ้าขา โยมรู้สึกเสื่อมศรัทธากับพระสงฆ์ทุกวันนี้จังเลยเจ้าค่ะหลวงปู่.. ทำไมหล่ะโยม.. ก็มีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับพระออกมาบ่อยจังเลย ทั้งมั่วสุม ทั้งเรื่องสีกา พระตุ๊ดเณรแต๋ว ล่าสุดมีข่าวพระมีเครื่องบินอีกหลวงปู่.. เขาเอาอะไรทำพระหล่ะโยม.. ไม่เข้าใจเจ้าค่ะหลวงปู่.. พระพุทธรูปเขาเอาอิฐ หิน ปูน ทราย ทองคำ เงิน ทำพระเหล่านั้น ไม่มีข่าวเรื่องนี้เลยใช่ไหมโยม.. เจ้าค่ะหลวงปู่.. แต่พระอย่างหลวงปู่เขาเอาคนทำ พระสงฆ์อื่นๆ เขาก็เอาคนทำ จึงมีเรื่องแบบนี้ แต่คุณต้องเข้าใจนะเรื่องการปฏิบัติ เรื่องการพระศาสนาเป็นเรื่องส่วนบุคคล ใครทำดีผลดีย่อมสนอง ใครทำชั่วผลชั่วย่อมติดตาม คุณ..ความคิดหน่ะ เป็นกรรมที่ไม่มีวิบากนะ แต่การพูด การกระทำ เมื่อพูด เมื่อทำออกไปแล้วย่อมมีวิบาก พูดไม่ดีก็เสีย การที่เขาทำชั่ว มันเป็นเรื่องของเขาไม่ใช่เรื่องของเรา ถ้าเราไปวิจารณ์ ไปแสดงออกแล้ว เราย่อมมีส่วนในกรรมนั้น เพราะเราเอาใจส่งไปหาเขา แทนที่เขาจะตกนรกคนเดียว เรากับไปสมัครตกนรกกับเขาด้วย เหมือนที่โยมรู้สึกอยู่ตอนนี้โยม.. ยังไงเจ้าค่ะหลวงปู่.. ก็โยมไม่รู้สึกทุกข์กับข่าวที่ได้รับหรือ...โยม..ทุกข์เจ้าค่ะ แต่ทุกข์เพราะห่วงศาสนานะเจ้าค่ะหลวงปู่.. ทุกข์ไหมหล่ะ ทุกข์นั้นหล่ะ นรกทางใจอย่างที่อาตมาว่า ส่งจิตออกไปหาเขา มันก็ทุกข์มันก็ตกนรก คุณ..จำไว้นะ ทุกคนล้วนเดินเข้าหาพระนิพพาน เหมือนกันหมด ช้าหรือเร็ว ขึ้นอยู่กับกำลังบุญ คือความพยายามทำความดี พัฒนาตนเองไปเรื่อยๆ เหมือนรถที่วิ่งไปกรุงเทพนั้นหล่ะ จุดหมายคือกรุงเทพ จะเอารถอะไรไป มันก็ถึงกรุงเทพ คุณอาจจะมีบุญมากหน่อย ถึงมีรถเก๋งขี่ไป แต่คนอื่นเขาอาจเดินไป แต่มันก็ถึงกรุงเทพเหมือนกัน ช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง สำคัญคือ คุณต้องบังคับพวงมาลัยรถเรา อย่าไปออกคำสั่งรถคันอื่น ขับอย่างนี้ ขี่อย่างนั้น ต่างคนต่างตั้งหน้าขับไป สักวันต้องถึงกรุงเทพ อย่ามัวแต่ไปวิจารณ์เขา พระก็ดี โยมก็ดี การปฏิบัติเป็นเรื่องของบุคคล เขาทำชั่วเขาตกนรก โยมอย่าส่งใจไปร่วมกับเขา อย่าไปร่วมตกนรกกับเขา ตั้งใจปฏิบัติตามหน้าที่ของเรา เจริญพร.ปุจฉา-วิสัชนาธรรมคำสอน..พระญาณวิสาลเถร (องค์หลวงปู่หา สุภโร) หรือ หลวงปู่ไดโนเสาร์ วัดสักกะวัน(ภูกุ้มข้าว) ต.โนนบุรี อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์"

...โลกวุ่นวายอยู่เพราะคนเรานั้นหลงโลก ไม่รู้เท่าทันโลก มาหลงดิน มาหลงน้ำ หลงไฟ ลม กันอยู่ มาหลงสมบัติโลกว่าเป็นของตน จึงคิดสร้างโลก สร้างดิน สร้างน้ำ สร้างไฟ สร้างลมกันอยู่ มาเป็นเปรต เป็นผี เฝ้าน้ำเฝ้าดินกันอยู่เมื่อรู้ไม่เท่าทันความหลงของตนเอง มันก็จึงวุ่นวายไม่รู้จักจบสิ้น มาแย่งชิงเอาสิ่งที่ตัวเองก็นำไปด้วยไม่ได้ ในที่สุดทุกอย่างจะต้องทิ้งไว้กับโลก เป็นสมบัติโลก จะใช้เป็นของตัวได้ก็เพียงแค่ชั่วครั้งชั่วคราวที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่ตัวเองก็รู้ไม่ทัน..."โอวาทธรรมคำสอน..องค์หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต“

...คนเราจะเป็นสุข เมื่อรู้จักพอดีไม่มีใครได้อะไรตลอดไป หรือเสียอะไรตลอดไปไม่มีใครหรือสิ่งไหนคงอยู่ตลอดไป โดยไม่สูญสิ้นขอเพียงแค่รู้จักพอดี ทุกคนจะเป็นสุข...”โอวาทธรรมคำสอน..องค์หลวงปู่บุดดา ถาวโรพระบรมครูของเรา ท่านเห็นว่าสังขารทั้งหลายทั้งปวงเป็นของไม่เที่ยงเพราะฉะนั้นท่านจึงสอนให้เราทั้งหลาย..ปล่อยวางเมื่อถึงเวลาสุดท้ายของทุกคนเพราะว่ามันเอาไปไม่ได้จำเป็นมันก็ต้องวางอยู่นั่นเองล่ะแต่เราก็วางมันไว้ก่อนซะ..จะไม่ดีกว่าหรือ?เราแบกก็รู้สึกว่า มันหนักเมื่อมันหนักแล้ว เราก็ทิ้งมันซะก่อนจะไม่ดีหรือ?จะไปทนแบกมันทำไมหลวงพ่อชา สุภัทโทรากแก้วพุทธศาสนาอยู่ที่ จิตตภาวนา เวลานี้พวกเราชาวพุทธได้แต่ กระพี้ ไม่ได้แก่น คือ การให้ทาน รักษาศีล ทำความดีประเภทต่างๆ เป็น กระพี้ ทั้งนั้นเมื่อเทียบเข้าไปหลัก จิตตภาวนา นั้นคือ แก่นแท้ ถ้าใครได้ปฏิบัติเข้าไปตรงนี้แล้วได้สัมผัสกับ แก่นแท้ มากน้อยเพียงไร ความดีนี้จะกระจายออกมา ความละเอียดลออทุกอย่าง จะออกมาจาก จิตตภาวนา ทั้งนั้น..หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน..บุคคลผู้มีปัญญา คือบุคคลผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร แต่ส่วนมากคนไม่ค่อยเห็น มักติดกันซะส่วนใหญ่ ไปหลงคิดว่ามันดี มันคือความบันเทิง มันคือความสุข..หลวงปู่ผ่าน ปัญญาปทีโป..ความจริงการปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้านั้นไม่มีอะไรลำบาก ไม่มีอะไรยุ่งยากการปฏิบัติตามทางของพระองค์ไม่มีทุกข์ เพราะทางของพระองค์คือ "ปล่อยวาง" ให้หมดทุกสิ่งทุกอย่าง..หลวงพ่อชา สุภัทโท..ร่างกายไม่ใช่ของสวยงามอะไร เขาเกิดมาเพื่อแก่ เพื่อเจ็บ เพื่อตายเท่านั้นเอง อวัยวะแต่ละส่วนๆ ก็ล้วนเป็นของปฏิกูลด้วยกันทั้งนั้น พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่าร่างกายเป็นของปฏิกูล เป็นของน่าเกลียดเป็นของไม่สวยไม่งามจะสวยงามอะไร ก็ของมันต้องล้าง กันอยู่ทุกวัน ถ้ามันไม่ล้างแล้วมันจะขนาดไหน นี่ ความจริงเป็นอย่างนี้ แต่เราพยายามปกปิดกัน พยายามที่เอาอันนั้นมาปิด เอาอันนั้นมาเคลือบ เอาอันนั้นมาย้อม อันนี้เป็นการปกปิดเป็นการหลอกลวงกันอยู่เสมอ ความเป็นจริงเราไม่ค่อยจะให้มันปรากฏออกมา..หลวงปู่แบน ธนากโร..เหนื่อยก็ไม่พัก หนักก็ไม่วาง โลกนี้มันก็สม่ำเสมอดีอยู่หรอก ที่มันไม่สม่ำเสมอนั้นเพราะจิตของเราหลงไปอุปาทานมั่นหมายมันเสียแล้วเช่น ต้นไม้ในป่านี้แหละ ต้นนี้มันโตไป ต้นนี้มันเล็กไป ต้นนี้มันสูงไป ต้นนี้มันเตี้ยไป นี่เราก็พูดแต่เรื่องของเรา ต้นไม้มันก็ไม่ว่าของมันยาวหรือสั้น มันก็เป็นของมันอยู่อย่างนั้นอารมณ์เกิดมาจาก ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจมันก็เป็นอยู่ของมันอยู่อย่างนั้นถ้าจิตมันรู้เรื่องแล้วก็ปล่อยๆ มันไป ทางตาก็ดี ทางหูก็ดี ทางจมูกก็ดี ทางลิ้นก็ดี ทางกายก็ดี ทางใจก็ดี ถ้าเห็นสภาพมันเป็นอย่างนั้น มันก็ปล่อย รับรู้แล้วมันก็ปล่อยอารมณ์ทั้งหลายนั้นมันก็เสมอกัน ไม่มีอะไรดี ไม่มีอะไรชั่ว มันจะดี หรือมันจะชั่ว ก็เพราะเราไปมีอุปาทานมั่นหมายมันเท่านั้นตัวอารมณ์มันเป็นอยู่อย่างนั้นของมัน ถูกสมมติขึ้นมาในจิตใจของเรา เราก็ไปสำคัญมั่นหมายว่า มันเป็นที่จิตอย่างนั้น จากนั้นเราไปแบกมัน มันก็หนัก ความหนักนั้นก็ทำให้เกิดทุกข์ขึ้นมา ทีนี้จะวางก็วางไม่ได้...ทำไมจึงวางไม่ได้ ? ก็เพราะนึกว่าของหนักนั้นมันดี คิดว่าวางแล้ว มันจะไม่ได้ดี จึงไม่ยอมวางมัน อย่างบุรุษคนหนึ่งแบกต้นไม้มา ถามว่าหนักไหม ? หนักก็วางมันเสียที่นี่ เขาไม่ยอมวางเพราะกลัวจะไม่ได้ สิ่งที่ได้จากการวางนั้นมีอยู่ แต่เขาไม่เห็นมันก็แบกไป ดันไป จนกว่าจะตายนั่นเองหลวงพ่อชา สุภัทโทการปฏิบัติ ถ้าอยากเป็นเร็วๆ มันก็ไม่เป็น หรือไม่อยากให้เป็น มันก็ประมาทเสีย ไม่เป็นอีกเหมือนกัน อยากเป็นก็ไม่ว่า ไม่อยากเป็นก็ไม่ว่า ทำใจให้เป็นกลางๆ ตั้งใจให้แน่วแน่ในกัมมัฏฐานที่เรายึดมั่นอยู่นั้น แล้วภาวนาเรื่อยไป. หลวงปู่ดู่ พฺรหฺมปญฺโญ"อย่าพากันเล่นมากนะครูบาอาจารย์...เหลือน้อยลงทุกทีแล้วนะฝ่ายปฏิบัติสักหน่อยมัน...ก็จะเป็นทางโลกไปหมดแล้วนะ"หลวงปู่ลี กุสลธโร#วางใจเป็นกลางละวางความทุกข์...ความทุกข์ที่บังเกิดขึ้นที่จิตเพราะอาศัยความยินดียินร้ายเป็น #ตัวสมุทัย หนุนให้เกิดทุกข์ทุกข์ตัวนี้ คือทุกข์อริยสัจที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้เมื่อเรามีสติกำหนดอารมณ์จิตของเราอยู่ตลอดเวลา สุขทุกข์เกิดสลับกันไปเมื่อสติสัมปชัญญะตัวนี้เด่นขึ้นมามีพลังแก่กล้าเมื่อใดเราสามารถที่จะกำหนดรู้รู้ธรรมะตามความเป็นจริงเมื่อจิตของท่านสามารถที่จะดำรงอยู่ในความเป็นปรกติไม่หวั่นไหวต่อเหตุการณ์นั้นๆความเป็นปกติจิตปรากฏเด่นชัดอยู่ตลอดเวลา ตัวปกติของจิตนั่นแหละคือ #นิโรธเพราะฉะนั้น #การกำหนดรู้อารมณ์จิตจึงเป็นสิ่งสำคัญ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.พ. 2017, 23:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 02:09
โพสต์: 456


 ข้อมูลส่วนตัว


...สาธุ สาธุ สาธุ...


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร