วันเวลาปัจจุบัน 26 ก.ค. 2025, 11:21  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ธ.ค. 2016, 04:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


“..สิ่งที่วิเศษที่สุดก็คือศีล ถ้ามีศีลบริสุทธิ์
แล้วไม่ต้องไปคำนึงถึงอะไร
สิ่งที่จะได้ประโยชน์อย่างแท้จริงในปัจจุบันนี่

ใครมีเมีย รักสงสารเมียของ ตนเองให้มากๆ
ใครมีผัว รักสงสารผัวของตัวเองให้มากๆ
ใครมีลูก รักเมตตาปรานีต่อลูกให้มากๆ
ใครมีพ่อมีแม่รักเคารพบูชา พ่อแม่ให้มากๆ
เลี้ยงดูท่านให้มีความสุข..

ถ้าใครทำได้ มันจะมีฤทธิ์เดช เรียกว่า บุญฤทธิ์
คนมี บุญฤทธิ์ นี่ ไปที่ไหนก็สงบเยือกเย็น
ไม่ไปก่อกรรมทำเข็ญ ให้ใครเดือดร้อน
มีแต่พวกภูตผีปิศาจ ที่มันไม่นิยมชมชอบ
ในคุณธรรมนั่นแหละ มันจะร้อนเป็นไฟ...”

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย







การศึกษาธรรมด้วยการอ่าน การฟัง สิ่งที่ได้ก็คือ สัญญา (ความจำได้)
การศึกษาธรรมด้วยการลงมือปฏิบัติ สิ่งที่เป็นผลของการปฏิบัติคือ ภูมิธรรม

การปฏิบัติให้มุ่งปฏิบัติเพื่อสำรวม เพื่อความละ เพื่อความคลายกำหนัดยินดี เพื่อความดับทุกข์ ไม่ใช่เพื่อเห็นสวรรค์วิมาน หรือแม้พระนิพพานก็ไม่ต้องตั้งเป้าหมายเพื่อจะเห็นทั้งนั้น ให้ปฏิบัติไปเรื่อยๆ ไม่ต้องอยากเห็นอะไร เพราะนิพพานมันเป็นของว่าง ไม่มีตัวตน หาที่ตั้งไม่มี หาที่เปรียบไม่ได้ ปฏิบัติไปจึงรู้เอง อย่าส่งใจไปดู ไปรู้ในสิ่งอื่นการภาวนาท่านให้ดูใจของตนเองเท่านั้น
ท่านไม่ให้ดูสิ่งอื่น หลักธรรมที่แท้นั้นคือจิตให้กำหนดดูจิตให้เข้าใจจิตตัวเองให้ลึกซึ้งเมื่อเข้าใจจิตตัวเองได้ลึกซึ้งแล้ว
นั่นแหละได้แล้วซึ่งหลักธรรม การภาวนานั้นคือการเจริญจิตให้มีสติสมบูรณ์สามารถรู้เท่าทันเหตุแห่งทุกข์
จะได้ละเหตุนั้นก่อนจึงจะไม่ต้องรับทุกข์
...หลวงปู่ดูลย์ อตุโล






"...สุขโลกีย์ มันก็ดีแต่ใหม่ๆ สดๆ ร้อนๆ เท่านั้น เหมือนข้าวสุกที่เราตักใส่จานใหม่ ๆ ยังร้อน ๆ ควันขึ้น ก็น่ารับประทาน

แต่พอตักไว้นานจนเย็นชืดก็จะกินไม่อร่อย ยิ่งทิ้งไว้จนแข็งเป็นข้าวเย็น ก็ยิ่งกลืนไม่ลง พอข้ามวันก็เหม็นบูด ต้องเททิ้ง กินไม่ได้เลย..."

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์ท่านพ่อลี ธมฺมธโร







"...เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นของธรรมดาทุกข์
พ้นจากสิ่งเหล่านี้ แล้วเป็นธรรมดาสุข

ใจใดเห็นภัยในสังสารวัฎอย่างเต็มที่
ใจนั้นก็ดับตัณหาและสมุทัยไปในตัว

ขณะเดียวกัน
สติปัญญาก็พลันทันกัน เป็นกองทัพธรรม
เพราะปัญญาเป็นหัวหน้านำ ไม่ใช่สมาธิหัวตอ..."

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ธ.ค. 2016, 11:00 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 02:09
โพสต์: 456


 ข้อมูลส่วนตัว


... สาธุ สาธุ สาธุ ...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ธ.ค. 2016, 21:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b38:
ศีล บริสุทธิ์ได้ด้วยปัญญา สติ วิริยะ ตบะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน และหมดอุปาทานในกายใจ
onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ธ.ค. 2016, 06:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


มีหลายต่อหลายคน..สับสนเรื่องศีล..กับกิเลส

ศีล..คือเจตนา...เจตนาใน 5ข้อ 8ข้อ 10 ข้อ หรือกี่ข้อก็ว่าไป...ทำได้ก็เรียกว่าบริสุทธิ์ได้

ทำได้..นี้...ต้องพร้อมทั้ง..กาย..วาจา..ใจ

กาย..วาจา..นี้ดูง่าย..ไม่ทำไม่พูด..ก็ถือว่ามีกายสุจริต

แต่ที่มักสับสน..ก็คือ..ใจ..นี้แหละ...

สับสนว่า..หากใจยังคิดอยู่...เช่นคิดจะโกหก..คิดจะนินทา..อยู่....ก็เป็นการผิดศีลไปแล้วหรือ.?.
พอคิดว่าตนผิดศีล..ก็กลายเป็นเศร้าหมองไป...

อันนี้..เรียกว่า..หลง...คือหลง..ไม่รู้ว่าอันไหนเป็นเจตนา..อันไหนเป็นสังขารปรุงแต่ง...

ศีล....เป็นการเจตนา...ย่ำ..เจตนา..เจตนาคือความตั้งใจที่จะทำ...

ส่วนสังขารปรุงแต่ง...เป็นกระบวนการทำงานปกติของขันธ์...

ถ้าคนที่สับสนวุ่นวายใจเพราะตรงนี้.เข้าใจว่าตนผิดศีล.....การมีสติ..ระลึกรู้ทัน..ก็จะมาช่วยตรงนี้..ช่วยให้เห็น..อันไหน...เจตนาผิดศีล..หรือว่า..อันไหน...มันปรุงแต่งไปตามปกติของขันธ์...

เรายังเป็นผู้มีกิเลส...เจตนา..จึงต้องตั้งใว้..มีสติกำกับเจตนา...คนมีกิเลสก็มีศีลบริสุทธ์ได้

ส่วนผู้หมดกิเลส....เจตนาที่จะผิดศีลไม่มีไปเอง...เจตนาจะรักษาศีลเลยไม่มี...เป็นศีลตามธรรมชาติของจิตใจไป..

มันจึงต่างกัน..ระหว่าง...ศีล..กับ..กิเลส....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ธ.ค. 2016, 08:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:

ศีล บริสุทธิ์ได้ด้วยปัญญา สติ วิริยะ ตบะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน และหมดอุปาทานในกายใจ[/size]


ลองนับสิมีกี่ตัว

ปัญญา
สติ
วิริยะ
ตบะ
ขันติ
สัจจะ
อธิษฐาน
อุปาทาน

เหมือนหว่านแหด้วยศัพท์แสงซึ่งใช้บัญญัติสภาวธรรม

คคห. 47 จขกท.เอง ซึ่งเขายอมรับความจริง

อ้างคำพูด:

ปกติดิฉันรักษาศิลห้าประจำอยู่แล้วค่ะ ขอบคุณค่ะ

ส่วนเรื่องเลิกทำสมาธิ หากนับเรื่องงาน ก็ลำบาก
และเรื่องฝึกสตินี้ยากจังค่ะ ในห้านาทีหลงไม่รู้กี่รอบ แต่ดิฉันไม่อยากผูกตัวเองกับการต้องเป็นคนโรคจิตไปตลอดชีวิต
ค่ายาก็แพง แถมผลกระทบยิ่งร้ายท้องผูกมากมาย และยังไม่รู้จะหายไหม เพราะทานมาครึ่งปีอาการก็ยังอยู่
ยังไงก็ต้องพยายามฝึกสติให้ได้ค่ะ

ขอบคุณค่ะ

http://topicstock.pantip.com/religious/ ... 85609.html



กรัชกายสงสารคนทำจริงๆ :b1: แต่ท่านอโศกนี่กลับไม่มีความรู้สึกเช่นนั้น เพราะอะไร ? เพราะว่าไม่ได้ทำอะไรเลย :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2016, 21:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12:
ไม่ทำจริงมาพอควรก็ไม่มีอะไรจะมาพูดมาโพสต์หรอกกรัชกราย!!!

กรัชกายสิชัดเจนว่าไม่ทำจริง ไม่ทำอะไรเลยมีแต่ไปลอกอารมณ์คนอื่นมาฌะสต์ถามเปรอะไปทั่วทั้งลาน เลิกเสียเถอะ
grin


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ธ.ค. 2016, 09:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:

ไม่ทำจริงมาพอควรก็ไม่มีอะไรจะมาพูดมาโพสต์หรอกกรัชกราย!!!

กรัชกายสิชัดเจนว่าไม่ทำจริง ไม่ทำอะไรเลยมีแต่ไปลอกอารมณ์คนอื่นมาฌะสต์ถามเปรอะไปทั่วทั้งลาน เลิกเสียเถอะ


แถวๆบ้านเรียก เพ้อเจ้อ ฟุ้งซ่าน :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ธ.ค. 2016, 21:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:

ไม่ทำจริงมาพอควรก็ไม่มีอะไรจะมาพูดมาโพสต์หรอกกรัชกราย!!!

กรัชกายสิชัดเจนว่าไม่ทำจริง ไม่ทำอะไรเลยมีแต่ไปลอกอารมณ์คนอื่นมาฌะสต์ถามเปรอะไปทั่วทั้งลาน เลิกเสียเถอะ


แถวๆบ้านเรียก เพ้อเจ้อ ฟุ้งซ่าน :b32:

:b32:
อ๋อ!!!!!

แถวข้างบ้านกรัชกายเขาเรียกกรัชกายว่ายังงั้นหรือครับ
ก็คงจริงอย่างเขาว่า ไปอ่านดูที่นี่สิ
smiley

viewtopic.php?f=1&t=53521
:b38:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ม.ค. 2017, 19:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:

ไม่ทำจริงมาพอควรก็ไม่มีอะไรจะมาพูดมาโพสต์หรอกกรัชกราย!!!

กรัชกายสิชัดเจนว่าไม่ทำจริง ไม่ทำอะไรเลยมีแต่ไปลอกอารมณ์คนอื่นมาฌะสต์ถามเปรอะไปทั่วทั้งลาน เลิกเสียเถอะ


แถวๆบ้านเรียก เพ้อเจ้อ ฟุ้งซ่าน :b32:

:b32:
อ๋อ!!!!!

แถวข้างบ้านกรัชกายเขาเรียกกรัชกายว่ายังงั้นหรือครับ
ก็คงจริงอย่างเขาว่า ไปอ่านดูที่นี่สิ
smiley

viewtopic.php?f=1&t=53521
:b38:


อะไรดูแล้วไม่เห็นมีอะไรชัดเจนสักอย่าง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร