วันเวลาปัจจุบัน 26 ก.ค. 2025, 03:50  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ม.ค. 2017, 06:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


"อุทิศโดยไม่เอ่ยชื่อ"

ถาม : เมื่อทำทาน เช่นใส่บาตรถวายสังฆทานแล้วผมอุทิศให้กับพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย และญาติพี่น้อง บางคนก็เอ่ยชื่อบางคนก็ไม่เอ่ยชื่อ ไม่ทราบว่าเขาเหล่านั้นจะได้รับบุญทุกท่านไหมครับ

พระอาจารย์ : เขาต้องเป็นผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว แล้วสองเขาต้องอยู่ในฐานะของขอทาน คือไม่มีบุญติดตัวไป พวกที่มีบุญติดตัวไปเขาก็จะไปเป็นเทวดา ไปเป็นเศรษฐีบุญ พวกที่เป็นเทวดาเขาก็ไม่ต้องมารอรับส่วนบุญ

เพราะบุญที่เราส่งไปนี้เป็นเหมือนเงินที่เราให้ขอทาน เอาเงินที่ให้ขอทานไปให้เศรษฐีเขาก็รู้สึกเฉยๆ
เช่นเราเอาเงินให้เศรษฐีที่มีเงินร้อยล้าน ส่งไปให้เขาร้อยบาทอย่างนี้เขาจะรู้สึกอย่างไร
เขาก็รู้สึกเฉยๆ

แต่ถ้าเราส่งร้อยบาทไปให้ขอทานนี้เขาก็จะดีใจ เงินอุทิศนี้เป็นเป็นเหมือนเงินให้ขอทานเราส่งไปได้ไม่มาก ได้ร้อยละนิด ร้อยละไม่ถึงหนึ่งมั้ง เงินที่เราทำบุญทั้งหมดนี้ส่งไปให้ผู้ที่ล่วงลับไป ได้เพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้นเอง เพราะว่ามันไม่เป็นสิ่งที่จะทำได้มากกว่านั้น

ดังนั้น จะส่งไปได้อุทิศได้ถึงแม้จะไม่เอ่ยชื่อ แต่ขอให้เราพูดถึงความสัมพันธ์ของเรากับเขาก็แล้วกัน
ว่าเขาเป็นอะไรกับเรา เป็นญาติพี่น้อง เป็นปู่ย่าตายาย แค่นี้มันก็จะรู้แล้วว่าเป็นใคร แล้วพอเขารอรับอยู่เขาก็บอกว่า เฮ้ยๆ กูเป็นปู่ของมันเว้ย.

ธรรมะบนเขา วันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๙

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต





คำว่า กรรมดีและกรรมชั่วนั้น มันเป็นกฎของธรรมชาติ
เป็นผลตอบแทนให้แก่เหตุอย่าง ตรงไปตรงมา
จะเรียกว่าศาลโลกที่ตัดสินคดี ให้แก่มนุษย์ทั้งหลายก็ว่าได้
ผู้ที่เวียนว่ายเกิดตายอยู่ในภพทั้งสาม
จะต้องถูกศาลวัฏจักร ตัดสินชี้ขาดให้ทั้งหมด

ฉะนั้นจิตวิญญาณที่ชอบเที่ยวเร่ร่อน ไปตามวัฏฏะ
จะต้องอยู่ในขอบเขต ของกฎแห่งกรรมด้วยกันทั้งนั้น
ผู้ที่นับถือในศาสนาอะไร หรือผู้ที่ไม่นับถือศาสนาอะไร
จะต้องอยู่ในอำนาจ กฎแห่งกรรมด้วยกัน
ไม่มีจิตวิญญาณใด อยู่เหนือกรรมนี้ไปได้เลย..

หลวงพ่อทูล ขิปฺปปญฺโญ..




คนเราถ้ามีกิเลสเต็มตัวแล้ว มันก็เหมือนหมูเราดีๆนี่เอง กินแล้วนอนๆจนอ้วนพีเขาก็นำไปขึ้นเขียงสับบั่นเท่านั้น!..ฉะนั้น..ผู้ปฏิบัติธรรมเขาจึงไม่เลี้ยงกิเลส เขาทำลายกิเลสกันทั้งนั้น..
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน..






ขาดการภาวนา ก็เหมือนคนตาบอด
บุคคลที่มี ทาน ศีล แต่ขาดการภาวนานั้นเปรียบเหมือนบุคคลที่มีเสบียงพร้อมแล้วมีร่างกายที่สมบูรณ์ มีกำลังวังชาดี
แต่บุคคลนั้น เป็นเหมือนบุคคลที่ตาบอด
เขาย่อมไม่สามารถจะเดินทางไปสู่พระนิพพานได้ ความไม่ประมาทเป็นผู้มีสติจดจ่ออยู่ที่กายและใจทุกอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอนไม่มีการเผลอสติจากอิริยาบถเหล่านี้จึงจัดว่า เป็นผู่ไม่ประมาท...




โอวาทธรรมพระอริยสงฆ์เจ้า พระครูญาณทัสสี (หลวงปู่คำดี ปภาโส)
วัดถ้ำผาปู่ อ.เมือง จ.เลย






"ความเป็นมงคลนั้นเริ่มจากการพูด ถ้าพูดเป็นมงคลก็จะมีแต่สิ่งดีๆเข้ามา ยกตัวอย่างเหมือนบ้าน ถ้าเจ้าของบ้านอยากให้บ้านเป็นมงคล ก็หมั่นสวดมนต์ พูดแต่สิ่งที่ดีที่เป็นมงคล ไม่นินทาว่าร้ายไม่พูดสิ่งที่เรียกว่าอัปมงคล ถ้าทำได้เช่นนี้บ้านนั้นก็จะมีแต่ความเป็นมงคล ความเป็นมงคลนั้นอยู่ที่ตัวของเรา เราต้องทำด้วยตัวเอง"

-ท่านพ่อลี ธัมมธโร




การเริ่มต้นปฏิบัติวิปัสสนาภาวนานั้น จะเริ่มต้นโดยวิธีไหนก็ได้ เพราะผลมันเป็นอันเดียวกันอยู่แล้ว ที่ท่านสอนแนวปฏิบัติไว้หลายแนวนั้น เพราะจริตของคนไม่เหมือนกัน

จึงต้องมีวัตถุ สี แสง และคำสำหรับบริกรรม เช่น พุทโธ อรหัง เป็นต้น เพื่อหาจุดใดจุดหนึ่งให้จิตรวมอยู่ก่อน เมื่อจิตรวม สงบแล้ว คำบริกรรมนั้นก็หลุดหายไปเอง แล้วก็ถึงรอยเดียวกัน รสเดียวกัน คือ มีวิมุติเป็นแก่น มีปัญญาเป็นยิ่ง..
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล..





"...ใจของคนเรานี่ มันคลุกคลีอยู่แต่ด้วยเรื่องโลก ต่างๆ นานา และก็ทำให้ใจไม่สบาย ทำใจให้วุ่นวายเดือดร้อนกระวนกระวาย เพราะเราไปเข้าใจว่า เรื่องโลกนั้นเป็นสาระแก่นสาร จึงทุ่มเทจิตใจเข้าไป อย่างไม่มีการตรึกตรองพิจารณา

ถ้าเปรียบอย่างหนึ่งเปรียบเหมือนแมลงเม่า เมื่อได้เห็นเปลวไฟอย่างนั้นแล้ว พากันบินโถมเข้าไป ผลที่สุดก็ไหม้ลงร่วงอยู่ในกองไฟทั้งหมด

ชีวิตของเราก็ย่อมเป็นเช่นนั้น ไม่เป็นสาระแก่นสาร ตามที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่า คนเราเกิดขึ้นแล้วย่อมมีความตาย มีความแก่ มีความเจ็บ มีความพลัดพรากจากสิ่งทั้งปวงในโลก..."

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงปู่เจี๊ยะ จุนฺโท
วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม
ต.คลองควาย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี





".. ต้องการให้โลกไม่มีปัญหา

เหมือนกับต้องการให้มหาสมุทรไม่มีคลื่น

มันเป็นธรรมชาติของมัน

เพราะทุกสิ่งทุกอย่าง

เป็นไปตามเหตุตามปัจจัยของมัน

เรียกว่ามันถูกต้อง มันถูกต้องของมัน

บางทีที่ไม่ถูกต้อง คือ ความคิดของเรา

ที่อยากให้มันเป็นอย่างอื่น .."

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์พระอาจารย์ชยสาโรภิกขุ






แรกๆ ยังพร่ามัวอยู่
ก็ลังเลใจ
ในช่วงนี้ต้องพึ่งศรัทธาความเชื่อมั่นว่า
การหลุดพ้นจากกิเลสเท่านั้น
ที่สามารถตอบสนองความต้องการแท้จริงของชีวิต
และ ข้าพเจ้าสามารถละกิเลสได้
ด้วยความเพียร

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
in the beginning the way ahead is indistinct
we doubt and hesitate
but faith sustains us
confidence that nothing but freedom from defilement
can answer the deepest needs of the human heart
and that this ultimate freedom truly can be ours
through wise effort

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์พระอาจารย์ชยสาโรภิกขุ






"...ดับความโง่อันเดียวเท่านั้น ผลดับหมด

เพราะธรรมทั้งหลายไหลมาแต่เหตุ

ธรรมทั้งหลายคือ ดีก็ดี ชั่วก็ดี

ไหลมาแต่เหตุคือความโง่ ความไม่เข้าใจ

คิดว่าเป็นตัวเป็นตน

ก็จึงได้รับผลเป็นสุขเป็นทุกข์สืบไป

ท่านเรียกว่า วัฏฏะ การวน วนไม่มีที่สิ้นสุด

ขอให้รู้เท่าแล้วอย่าไปยึดมันเท่านั้นแหละ..."

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงปู่ขาว อนาลโย





"...ความสุขในโลกเปรียบเหมือนความฝัน และของขอยืมเขามา ทรัพย์สมบัติข้าวของเงินทองหมดทั้งสิ้นไม่ใช่ของเรา เป็นของกลางสำหรับแผ่นดิน ตายแล้ว ทิ้งหมด เอาไปไม่ได้ อย่าหลงมัวเมาไปเลย แต่ความแก่ ความเจ็บ ความตายนี้ เป็นของเราแท้ๆ หนีไม่พ้น..."
โอวาทธรรมคำสอน..
สมเด็จพระวันรัต (ทับ พุทฺธสิริ)






ผู้ใดที่มีทุกข์ จงให้รู้ไว้ ...
นั้นแล ผู้นั้นถือว่ามีบุญวาสนา
ผู้ใดที่มีทุกข์มาก ผู้นั้นกำลังเสวยวิบาก
เพราะใครที่มีทุกข์มากแค่ไหน
ให้จงจำไว้ กำลังได้ชดใช้หนี้กรรม
แม้กรรมนั้นเป็นกรรมทางใจที่ทุกข์ทรมาน
ถ้าเลือกด้วยมีอัฐมีเบี้ยไปทดแทน
ก็หาว่าคุ้มค่ากันไม่

เพราะอัฐเบี้ยนั้น เมื่อเราใช้จ่ายหรือซื้อไปแล้ว
ไม่สามารถซื้อความรู้สึกกลับคืนมาได้
แต่ถ้าใจเราไปสัมผัสกับทุกข์ที่แท้จริงแล้ว
นี่แล คือธรรม คือเหตุ คือมรรค
ถ้าโยมไม่เห็นทุกข์ถึงที่สุด
โยมจะไม่เห็นทางมรรคเลย
โยมก็จะมีการ ลดละ ตัวตน
ของโยมได้ ไม่มีทาง

แต่ผู้ใดที่มีทุกข์มากแค่ไหน
ผู้นั้นจะเห็นทางสว่าง ต่อเมื่อผู้นั้นมีสติ
ระลึกถึงบุญกุศลที่ได้กระทำมาอยู่บ่อยๆ

คติธรรมคำสอน สมเด็จฯโต


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ม.ค. 2017, 07:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 02:09
โพสต์: 456


 ข้อมูลส่วนตัว


... สาธุ สาธุ สาธุ ...


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร