วันเวลาปัจจุบัน 20 ก.ค. 2025, 07:29  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2017, 04:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


"...คำว่า จิตไม่นิ่ง ก็คือ มันไม่ผ่องใสนั่นเอง แล้วมันก็บอกอยู่ชัดๆแล้ว เนื้อความว่ากิเลส คือ ความเศร้าหมองของจิต จิตไม่นิ่งเพราะกิเลส มันก็เศร้าหมอง มันขุ่นมัว หลับตาดูจิตของเราเดี๋ยวนี้ก็ได้

ถ้าจิตของเรายังฟุ้งซ่าน ส่งโน่น ส่งนี่อยู่ เรียกว่า มันกระเพื่อมอยู่ มันมีเศร้าหมอง จะไปชำระ จะไปเห็นเรื่องของจิตนั้นเป็นไปไม่ได้

ครั้นจิตมันนิ่งแน่วลงไปแล้ว กิเลสอะไรก็ช่างจะปรากฏขึ้นมาในที่นั่นเลย ถึงแม้จิตจะแว๊บลงไปนิดเดียวก็ตาม มันเห็นเลย หรือขณะที่จิตนิ่งอยู่

เมื่อจิตวูบวาบออกไปนิดเดียวก็ตาม คือมันจะส่งออกไปหาอารมณ์อะไรที่เกิดขึ้น ย่อมเห็นในขณะที่จิตอยู่ในอารมณ์เดียวนั้น อันนี้เรียกว่า ตามรู้จิต เห็นจิต..."

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี





“ ไม่มีใครฝืนธรรมะของพระพุทธเจ้าไปได้ ใช่จริงๆ
คำพูดของท่านที่เก็บไว้ “ เกิดดับ “ เกิดแล้วไม่ดับไม่มี
แก่มาแล้ว ให้พิจารณาความแก่ ความตาย
ว่าเรามันแก่แล้ว มันใกล้ตายแล้ว มันไม่เลือกล่ะ
ว่าหนุ่มว่าแก่ ตายหมด “

หลวงปู่เพียร วิริโย




ขอให้ลงมือทำทันที ข้ารับรองว่า ต้องสำเร็จ
ส่วนจะช้าหรือเร็วนั้น อยู่ที่ความเพียรของผู้ปฏิบัติ..
หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ




อย่าพากันไว้ใจในชีวิตของตน ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง ไม่แน่นอน วันนี้ เรามีชีวิตอยู่ หายใจอยู่.. วันหลังมา! ชีวิตจะเป็นจั๋งใด๋ ดีหรือไม่ ? ชีวิตของเรานั้น วันหลัง จะเป็นอย่างไรในพรรษานี้? พวกเราทั้งหลายเชื่อหรือ? ชีวิตเรา จะตลอดพรรษา ... เพราะความตาย เป็นของไม่มีกาลเวลา

รู้อื่นหมื่นแสน ยังไม่แม้นเท่ารู้ตน.. รู้อื่นหมื่นล้าน ยังไม่พ้นพาลเหมือนดีตน ชนะอื่นหมื่นโกฏิ ยังไม่พ้นโทษเหมือนชนะตน.. รู้ตนดี ตนชนะตน นั้นยอมคนผู้ชนะดี
หลวงปู่จวน กุลเชฏโฐ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2017, 05:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
จิตไม่นิ่งเพราะสังขาร ปรุงแต่ง คิดนึก เห็นโน่นเห็นนี่ มีเรื่องมีราวอยู่ตลอดเวลา สาเหตุแรกก็คือกิเลสนิวรณ์ทั้ง 5 ตามมาด้วยวิบากแห่งการกระทำที่คอยผุดเกิดขึ้นมาย้ำซ้ำกระทุ้งให้เกิดกรรมใหม่ เมื่อไม่รู้วิธีทำลาย
จึงวุ่นวายเป็นทุกข์สุขไม่มี

ต่อเมื่อพบพุทธธรรมนำมาอบร่ำชีวี ทั้งสมถะวิปัสสนาเครื่องทำดี ชีวีจึงรอดปลอดภัย

"สำรวมกายใจมานิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์จนมันดับไปหรือเปลี่ยนไปต่อหน้าต่อตา"

นี่คือพุทธวิชาที่ประยุกต์เป็นภาษาของคนยุคปัจจุบัน ลองทำจริงกันดูจะรู้คุณค่าของวิชชาธรรม
smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2017, 05:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


คิดว่าจะแว๊บหายไปซะอีก.. :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2017, 05:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b8:
จิตไม่นิ่งเพราะสังขาร ปรุงแต่ง คิดนึก เห็นโน่นเห็นนี่ มีเรื่องมีราวอยู่ตลอดเวลา สาเหตุแรกก็คือกิเลสนิวรณ์ทั้ง 5 ตามมาด้วยวิบากแห่งการกระทำที่คอยผุดเกิดขึ้นมาย้ำซ้ำกระทุ้งให้เกิดกรรมใหม่ เมื่อไม่รู้วิธีทำลาย
จึงวุ่นวายเป็นทุกข์สุขไม่มี

ต่อเมื่อพบพุทธธรรมนำมาอบร่ำชีวี ทั้งสมถะวิปัสสนาเครื่องทำดี ชีวีจึงรอดปลอดภัย

"สำรวมกายใจมานิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์จนมันดับไปหรือเปลี่ยนไปต่อหน้าต่อตา"

นี่คือพุทธวิชาที่ประยุกต์เป็นภาษาของคนยุคปัจจุบัน ลองทำจริงกันดูจะรู้คุณค่าของวิชชาธรรม
smiley



จิตไม่นิ่งนี่แหละท่านถึงให้ฝึกจิตไงล่ะ เออ ฝึกครับฝึก ไม่ใช่สร้างวาทกรรมกินไปวันๆ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2017, 05:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทูรงฺคมํ เอกจรํ อสรีรํ คุหาสยํ
เย จิตฺตํ สญฺญเมสฺสนฺติ โมกฺขนฺติ มารพนฺธนาติ.


ชนเหล่าใด จักสำรวมจิต อันไปในที่ไกล เที่ยวไปดวงเดียว ไม่มีรูปร่าง มีถ้ำคือกายนี้เป็นที่อาศัย ชนเหล่านั้น ย่อมพ้นจากเครื่องผูกแห่งมาร.


ทุนฺนิคฺคหสฺส ลหุโน ยตฺถ กามนิปาติโต
จิตฺตสฺส ทมโถ สาธุ จิตฺตํ ทนฺตํ สุขาวหนฺติ.


การฝึกจิตอันข่มได้ยาก เป็นธรรมชาติเร็ว มักตกไปในอารมณ์ตามความใคร่ เป็นการดี
(เพราะ) จิตที่ฝึกแล้วเป็นเหตุนำสุขมาให้.


สุทุทฺทสํ สุนิปุณํ ยตฺถกามนิปาตินํ
จิตฺตํ รกฺเขถ เมธาวี จิตฺตํ คุตฺตํ สุขาวหนฺติ.


บุคคลผู้มีปัญญา พึงรักษาจิต ที่เห็นได้ยากแสนยาก ละเอียดยิ่งนัก มักตกไปในอารมณ์ตามความใคร่
(เพราะ) จิตที่คุ้มครองไว้ได้แล้ว เป็นเหตุนำสุขมาให้.



ผนฺทนํ จปลํ จิตฺตํ ทุรกฺขํ ทุนฺนิวารยํ
อุชํุ กโรติ เมธาวี อุสุกาโรว เตชนํ
วาริโชว ถเล ขิตฺโต โอกโมกตอุพฺภโต
ปริผนฺทติทํ จิตฺตํ มารเธยฺยํ ปหาตเวติ.


จิตเป็นธรรมชาติดิ้นรน กวัดแกว่ง รักษายาก ห้ามได้ยาก
นักปราชญ์ ย่อมกระทำจิตให้ตรง เหมือนช่างศรดัดลูกศรให้ตรง ฉะนั้น
จิตนี้อันพระโยคาวจร ยกขึ้นจากอาลัยคือกามคุณ ๕ ซัดไปในวิปัสสนากรรมฐาน
เพื่อละบ่วงมาร ย่อมดิ้นรน เปรียบเหมือนปลาที่ถูกจับขึ้นจากที่อยู่คือน้ำ โยนไปบนบก ดิ้นรนอยู่ฉันนั้น.

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 10 ม.ค. 2017, 18:38, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2017, 07:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 02:09
โพสต์: 456


 ข้อมูลส่วนตัว


... สาธุ สาธุ สาธุ ...


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร