วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 15:19  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 97 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 7  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มิ.ย. 2016, 08:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b45:
พุทธศาสนาอย่าเอามาก รู้มากจะยากนาน
รู้เพียงแค่สรุปมานี้ก็ถึงแก่นพุทธศาสนาทางปริยัติ
รอเพียงแต่ลงมือปฏิบัติจริงแล้วรับผล
onion
เข้าใจพระพุทธศาสนาภายใน 10 นาที

1. พระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร ?
อริยสัจ 4 คือ
ทุกข์ คือความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ
สมุทัย คือเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์
นิโรธ คือความดับทุกข์
มรรค คือข้อปฏิบัติเพื่อความดับทุกข์

2. พระพุทธเจ้าทรงสอน
เรื่องอะไร ?
ทุกข์กับการดับทุกข์

3. ภาพรวมของพระพุทธศาสนา .... มีดังนี้
3.1 ให้มองโลกตามความ
เป็นจริง (จริงขั้นสมมุติ=สมมุติสัจจ์,
จริงแท้=ปรมัตถสัจจ์) อาทิ
ตัวเรามีอยู่ แต่หาใช่ตัวตน
ที่แท้จริงไม่

3.2 ให้ถือทางสายกลาง
ทางตึง (ทรมานกายให้ลำบาก) ก็ดี, ทางหย่อน (ฟุ้งเฟ้อหลงใหล มัวเมา) ก็ดี, มิใช่แนวทางของพระพุทธศาสนา
แนวทางของพระพุทธศาสนา คือ มรรคมีองค์ 8 ทางสายกลางพอดี ๆ

3.3 ให้พึ่งตนเอง
มิใช่พึ่งเทวดา โชคชะตาราศี หรือ ดวงดาว ฤกษ์ยาม

3.4 ไสยศาสตร์ การบนบานศาลกล่าว อ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ การดูฤกษ์ยาม การเจิม ฯลฯ มิใช่พุทธศาสนา

3.5 สิ่งทั้งหลายเกิดขึ้นตามเหตุปัจจัย (อิทัปปัจจยตา) มิใช่เกิดขึ้นเองลอย ๆ หรือพรหมลิขิต การจะดับทุกข์ได้ต้องดับที่เหตุ

3.6 โอวาทที่เป็นหลักเป็นประธาน (โอวาทปาฏิโมกข์) คือ ให้ละชั่ว ทำกุศลให้ถึงพร้อม และทำจิตให้บริสุทธิ์

3.7 สิ่งทั้งหลายอยู่ภายใต้กฎของไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง, ทุกขัง, อนัตตา
แม้พระนิพพาน ก็เป็นอนัตตาเช่นกัน หาใช่อัตตาตัวตนไม่

3.8 ให้เชื่อในหลักธรรม คือ ทำดี-ได้ดี, ทำชั่ว-ได้ชั่ว
ให้ทำตนอยู่เหนือดี เหนือชั่วนั่นแหละ จึงจะพบนิพพาน (คือเหนือกรรม)

3.9 จุดหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนา คือนิพพาน (ได้แก่สภาวะจิตที่สงบเย็น ปราศจากทุกข์)

3.10 สรุปธรรมทั้งปวง รวมลงในเรื่องเดียว คือ “ความไม่ประมาท”

4. การศึกษาธรรมะ 2 สมัย
4.1 สมัยปัจจุบัน คือ รู้จัก กับ รู้จำ .... อาศัยการฟัง อ่านค้นคว้า จึงมีความรู้อยู่ในสมองและในสมุด พูดธรรมะได้คล่องแต่ปฏิบัติไม่ค่อยได้ จึงได้ผลน้อย
4.2 สมัยพุทธกาล คือ รู้แจ้ง ... โดยเมื่อฟังและจำแล้ว ก็จะลงมือปฏิบัติ ทำจริงในขณะนั้นทันที ทำให้เกิดผลเป็นความรู้แจ้งเรื่องชีวิต ดับทุกข์ในขณะนั้นทันที

5. วิธีศึกษาพระพุทธศาสนา
เมื่อแรกพุทธปรินิพานนั้น สิ่งที่พระพุทธองค์ทรงสั่งให้ถือเอาเป็นศาสดาแทนพระองค์ มีเพียง 2 คือ ธรรมและวินัย
หลังจากนั้นมา 300 ปี จึงเกิดมีพระไตรปิฎกขึ้น (สุตตันตปิฎก วินัยปิฎก และอภิธรรมปิฎก) ..... บัดนี้ล่วงกาลมาถึง 2500 กว่าปี คำสอนเดิม ขั้นปรมัตถ์ค่อย ๆ หายไป หมดไป เกิดมีคำสอนใหม่ ๆ เป็นพุทธศาสนาเนื้องอกจับใส่พระโอษฐ์ ว่าเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นอันมาก
ดังนั้นในการศึกษาพระพุทธศาสนาพึงอาศัยหลักดังนี้
– ด้านปริยัติ (ความรู้เนื้อหา)
ให้อ่าน ฟัง คิด วิจัย ให้เข้าใจคือให้ปฏิบัติได้จริง .... หากสงสัย ให้อาศัยหลักกาลามสูตรเข้าพิจารณาตัดสิน มิใช่เชื่อไปเสียหมด
– ด้านปฏิบัติ
การปฏิบัติทุกอย่างของพระพุทธศาสนาไม่ว่าการทำทาน รักษาศีล ภาวนา พระพุทธองค์ทรงสอนให้ ทำเพื่อ “ละกิเลส” มิใช่เพื่อเอา หวังได้นั่นได้นี่ อันทำให้ยิ่งเพิ่ม โลภะ โทสะ โมหะ ซึ่งหาใช่พุทธศาสนาไม่
ทุกวันนี้ไหว้เพื่อเอา เพื่อขอ ทำบุญเพื่อเอาสวรรค์ นิพพาน หวังผลทั้งชาตินี้ชาติหน้า ซึ่งจะกลายเป็นพอกกิเลสยาวนาน
– ด้านปฏิเวธ (ผล)
ทำเพื่อละ จะพบนิพพาน (จิตบริสุทธิ์ มีความสะอาด สว่าง สงบ) แต่ถ้าทำเพื่อเอา จะพบกิเลสในตนพอกพูนยิ่งขึ้น ๆ ยาวนาน และยิ่งมีทุกข์มาก .... ดังนั้น จงมุ่งปฏิบัติเพื่อห่างไกลทุกข์โดยส่วนเดียว ให้ได้เห็นผลด้วยตนเอง (สันทิฏฐิโก)

6. จะศึกษาพุทธศาสนาได้
ที่ไหน ?
ให้ศึกษาในร่างกายของเราเองนี้ ที่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มิใช่จะต้องศึกษากับพระ และในวัดวาอารามเท่านั้น
จึงควรศึกษาตนเอง อย่ามัวแต่ศึกษานอกตัว หรือมัวติดอยู่แค่พิธีกรรม หรือได้แต่ทำตาม ๆ เขาไป จะเสียทีที่ได้มีโอกาสเกิดมาพบพระพุทธศาสนา ได้ลิ้มรสแค่เปลือกกระพี้ มิได้ชิมรสอันเป็นเนื้อใน อันได้แก่ธรรมรสของความเย็นอกเย็นใจ (นิพพาน)

7. เหตุแห่งทุกข์และ
การดับทุกข์
เหตุเกิดจากอุปทาน คือ การเข้าไปยึดถือว่า นี่คือ
ตัวตนของเรา นี่ของๆ เรา
การดับ โดยละอุปทานเสีย
(โดยพยายามปฏิบัติให้ “เห็นอนัตตา”) จะโดยบังคับจิตเป็นสมาธิ (เจโตวิมุตติ) หรือโดยพิจารณาธรรมด้วยปัญญา (ปัญญาวิมุตติ) ก็ได้

8. พุทธพจน์ “ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา”
คำว่า “เห็นธรรม” คือ เห็นปฏิจจสมุปบาท คือ วงจรที่ทุกข์เกิด และดับ โดยเริ่มต้นจากอวิชชา จนเกิดทุกข์

9.จุดหมายสูงสุดของ
พระพุทธศาสนา คือ นิพพาน
(สภาวะจิตที่สงบเย็น)
ปราศจากกิเลส เครื่องร้อยรัดทั้งปวง (ชาวบ้านพูดว่า เย็นอก เย็นใจ) หาพบได้ที่ใจตัวเอง

10. สรุป ... ทุกข์เกิดขึ้นที่จิต พึงรักษาจิตให้เป็นประภัสสรไว้เสมอ ระวังการกระทบ (ผัสสะ) ทางตา หู ฯลฯ ให้ดี มีสติรู้ทันว่า…เห็นสักว่าเห็น ได้ยินสักว่าได้ยิน อย่าให้เวทนา ตัณหา เกิดได้ แล้วท่านจะพบความสงบเย็นตลอดเวลา
ความทุกข์เกิดขึ้นที่จิต เพราะเห็นผิดเมื่อผัสสะ ... ความทุกข์จะไม่โผล่ ถ้าไม่โง่เมื่อผัสสะ ... ความทุกข์เกิดไม่ได้ ถ้าเข้าใจเรื่องผัสสะ

..... (จากธรรมสมโภช 80 ปี พุทธทาสภิกขุ) .....
:b8: :b27:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มิ.ย. 2016, 14:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ระยะนี้ท่านอโศกดูเหนีอยๆ ไปนะขอรับ หรือว่าทบทวนดูแล้ว ข้อคิดข้อปฏิบัติของตนที่ผ่านมาเกิดข้อผิดพลาด เป็นกำลังใจให้ขอรับ ศึกษาค้นคว้าแล้วฝึกฝนใหม่

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มิ.ย. 2016, 19:34 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เหนือยๆ...เพราะทุกข์

ทุกข์..ทำให้รู้ว่า..ตัวยังไม่ถึงไหน..

ถึงไหน..ถึงไหน...ที่จริงก็ไม่ควรจะมีคำพูดนี้ด้วยซ้ำไป.. :b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2016, 07:10 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ระยะนี้ท่านอโศกดูเหนีอยๆ ไปนะขอรับ หรือว่าทบทวนดูแล้ว ข้อคิดข้อปฏิบัติของตนที่ผ่านมาเกิดข้อผิดพลาด เป็นกำลังใจให้ขอรับ ศึกษาค้นคว้าแล้วฝึกฝนใหม่

:b13:
อุตส่าห์ถามหาเหมือนห่วงใย แต่ใจเป็นลบอยู่ตลอดเวลา

อโศกะไม่เปลี่ยนไป เพราะมั่นใจในมรรคา
อริยสัจ 4 มรรค 8 อนัตตา โพธิปักขิยธรรม 37 ประการ
ปัจจุบันเป็นที่รวมของหมู่ธรรมทุกๆอัน
จึงเชื่อและมุ่งมั่นทำสิ่งนี้และแพร่ไป

ด้วยกิจเกี่ยวกับโลกจึงมีโยกโผล่และหาย
ธรรมดา แบบไทยๆ ไปสบายอยู่สบาย
หายบ้างโผล่มาบ้างแต่ก็ยังไม่ลืมกรัชกาย
มีเวลาก็มาใหม่คุยต่อไปไม่ต้องกังวล
:b38:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2016, 07:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เหนือยๆ...เพราะทุกข์

ทุกข์..ทำให้รู้ว่า..ตัวยังไม่ถึงไหน..

ถึงไหน..ถึงไหน...ที่จริงก็ไม่ควรจะมีคำพูดนี้ด้วยซ้ำไป.. :b9: :b9:

:b13:
แสนรู้นะ กบตัวนี้ .......ทั้งๆที่ไม่รู้อะไรเลย มีแต่ความคาดเดา
:b12: :b17: :b19:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2016, 22:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ทุกข์....พึงกำหนดรู้..

นี้พระบรมศาสดาสั่งใว้...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2016, 06:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2016, 11:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ทุกข์....พึงกำหนดรู้..

นี้พระบรมศาสดาสั่งใว้...

s004
มัวแต่กำหนดรู้ทุกข์อยู่นั่นแหละ
ไม่ยอมค้นหาสมุทัย แล้วเมื่อไหร่จึงจะดับเหตุทุกข์ได้
s006


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2016, 11:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


สมุทัย....พึงละ

พระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า...สอนใว้อย่างนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2016, 13:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ทุกข์....พึงกำหนดรู้..

นี้พระบรมศาสดาสั่งใว้...

s004
มัวแต่กำหนดรู้ทุกข์อยู่นั่นแหละ
ไม่ยอมค้นหาสมุทัย แล้วเมื่อไหร่จึงจะดับเหตุทุกข์ได้
s006

:b12:
กบนอกกะลา เขียน:
สมุทัย....พึงละ

พระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า...สอนใว้อย่างนี้

:b20:
ถ้าไม่รู้ทุกข์ที่กำลังมี ก็ละสมุทัยมิได้ เพราะฉะนั้นกิเลสก็ไม่ลดแน่นอน มีแต่เพิ่มภพชาติเกิดขึ้นแล้ว
ความจริงไม่มีเรา แต่ไม่รู้น๊า อันธพาลอยู่ที่จิตตนไม่อยู่ที่จิตอื่น คนอื่น สถานที่ สิ่งแวดล้อมนะจ๊ะ
https://www.youtube.com/watch?v=fIFDQmF7JRg
:b17: :b17:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 27 มิ.ย. 2016, 21:14, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2016, 20:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ทุกข์....พึงกำหนดรู้..

นี้พระบรมศาสดาสั่งใว้...


เป็นไปได้มั๊ย...

ที่คน ๆ หนึ่งจะเกิดมา

แล้วเห็นภาพอนาคตอันเป็นเส้นทางแห่งภูมิธรรมที่จะเป็นไปของตน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2016, 00:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


พระนิพพานก็เป็นอนัตตา

อนุโมทนาคำสอนหลวงพ่อครับ

มีหลายคนคงสงสัยว่าพิพพานอยู่เหนืออนัตตา

ก็จะอธิบายได้ว่า

ยึดถือปุ๊บ
เป็นอัตตาทันที

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2016, 02:34 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ทุกข์....พึงกำหนดรู้..

นี้พระบรมศาสดาสั่งใว้...


เป็นไปได้มั๊ย...

ที่คน ๆ หนึ่งจะเกิดมา

แล้วเห็นภาพอนาคตอันเป็นเส้นทางแห่งภูมิธรรมที่จะเป็นไปของตน


เป็นได้..

แต่..
เห็น..ก็ให้สักแต่ว่าเห็น..
รู้..ก็สักแต่ว่ารู้..

ให้ถือว่า..ไม่มีอะไรแน่นอน..คับ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2016, 22:48 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


onion
"สัพเพธัมมา อนัตตา"
onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2016, 06:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


s004
ความเป็น "สักแต่ว่า"นั้น มิใช่เพียงแค่คิดเอาแล้วก็จะเกิดขึ้นมาได้
ต้องทำเอาด้วยความวิริยะอุตสาหะมานะบากบั่นจริงจัง

สัมผัสทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ จะกลายเป็นสักแต่ว่า รู้ โดยไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้เป็นยินดียินร้ายได้นั้น
ต้องเอาตัวสมุทัย ต้นเหตุแห่งทุกข์คืออุปาทานความสำคัญผิด ความเห็นผิด ความยึดผิด ว่ารูป นาม กายใจนี้เป็นอัตตาตัวกูของกูออกทิ้งหรือฆ่าให้ตายเกลี้ยงเสียก่อน จึงจะเกิดความเป็น "สักแต่ว่า" ได้ในจิตใจของคนผู้ทำความเพียรนั้น
onion
กิจทั้งหลายไม่สำเร็จด้วยการ คิด
จะสัมฤทธิ์ต่อเมื่อทำจริงได้
ขุดถอนทิ้งกู เรา ออกจากใจ
จึงจักเสร็จสมหมายในทางธรรม
onion


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 97 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 7  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร