วันเวลาปัจจุบัน 21 ก.ค. 2025, 05:02  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ม.ค. 2017, 05:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


ถาม : นิพพานเป็นอนัตตาหรือเปล่าครับ

พระอาจารย์ : นิพพานไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น นิพพานก็เป็นนิพพาน พระพุทธเจ้าท่านไม่เคยบอกว่านิพพานเป็นอัตตาหรือเป็นอนัตตา นิพพานเป็นปรมังสุขัง เราชอบไปถามปัญหาที่มันไม่เป็นกัน ไอ้เรื่องที่เป็นไม่ถามกัน อย่างร่างกายนี่มันเป็นอนัตตาไม่ถามกัน ก็ไปชอบยึดติดมัน นี่ของที่ท่านสอนให้เราว่าเป็นอนัตตาเรากลับไม่สนใจ ไอ้ของที่ท่านไม่ได้สอนว่าเป็นอนัตตาไปสนใจทำไม สนใจในเรื่องที่ท่านสอนสิ ท่านสอนว่า ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข นี้เป็นอนัตตาไม่ใช่ของเรา อย่าไปเอามา เอามาแล้วเดี๋ยวจะเสียใจ เดี๋ยวเจ้าของเขาจะมาเอาคืนไป เวลาเขาเอาไปก็มาร้องห่มร้องไห้.

ธรรมะบนเขา วันที่ ๒ มกราคม ๒๕๖๐

"บุญ"

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต






"...จะเป็นชายหรือหญิงก็ดี ถ้าตั้งใจประพฤติปฏิบัติมีศีล รักในการปฏิบัติ จิตมุ่งหวังเอาการพ้นทุกข์เป็นที่สุด ย่อมมีโอกาสเป็นพระกันได้ทุก ๆ คน

มีโอกาสที่จะบรรลุมรรคผล นิพพาน ได้เท่าเทียมกันทุกคน ไม่เลือกเพศ เลือกวัย หรือฐานะแต่อย่างใด ไม่มีอะไรจะมาเป็นอุปสรรคในความสำเร็จได้ นอกจากใจของผู้ปฏิบัติเอง..."

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ






"...ผู้มีธรรมในใจ การงานจึงสะอาด ได้มาก็สะอาด ครองสมบัติที่ได้มาก็เย็นใจ เพราะเป็นสมบัติอันบริสุทธิ์แท้ จะเอาไปทำบุญให้ทานก็เป็นบุญเป็นกุศลเต็มเม็ดเต็มหน่วย นำไปใช้ประโยชน์ในทางใด ก็เย็นใจในทางนั้น

ได้มาหรือจ่ายไปก็เป็นความบริสุทธิ์ใจปราศจากมลทิน ไม่กลัวว่าใครจะมาครหานินทาว่าร้าย ว่าไปเที่ยวกอบโกยเอาของใครมานั่งอวดโลกเขา ว่าตนเป็นเจ้ามหาสมบัติแบบดินเหนียวติดศีรษะ สำคัญว่าตนมีหงอน ความจริงก็คือ ดินเหนียวล้วนๆ ไม่ใช่หงอนอย่างแท้จริงเลย

ฉะนั้น สิ่งที่ได้มาด้วยความไม่บริสุทธิ์ แม้จะมาซึมซาบเข้าเป็นเนื้อ เป็นหนังอันเดียวกับอวัยวะแล้ว ก็ไม่บริสุทธิ์อยู่นั่นเอง..."

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปัน
วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี





"...การไปอยู่กับพระอรหันต์ อย่าอยู่กับท่านนาน เพราะเมื่อเกิดความมักคุ้นแล้ว มักทำให้ลืมตัว เห็นท่านเป็นเพื่อนเล่น คุยเล่นหัวท่านบ้าง ให้ท่านเหาะให้ดูบ้าง ถึงกับออกปากใช้ท่านเลยก็มี การกระทำเช่นนี้ ถือเป็นการปรามาสพระ ลบหลู่ครูอาจารย์ และเป็นบาปมาก ปิดกั้นทางมรรค ผล นิพพานได้ จึงขอให้พวกเราสำรวมระวังให้ดี..."
โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ





..เมื่อถึงขั้นที่ จิตสงบ เด่นดวงแล้ว
คำบริกรรม ก็ค่อยจางไปเอง ถือความเด่นดวง
ของความรู้นั้น เป็นจุดที่ตั้งของสติ จับอยู่ที่ตรงนั้น
เรื่อยๆ เลย …ทีนี้ ได้หลักเข้าไปเรื่อยๆ

ความสงบนั้น ก็จะแน่นเข้าไปเรื่อย
เพราะ สติจ่อตลอด แทนคำบริกรรม อันหนาแน่นมั่นคง
เมื่อจิตสงบแล้ว จิตย่อม "อิ่มตัว" ไม่อยากคิดถึง
ทางรูป ทางเสียง ทางกลิ่น ทางรส ซึ่งเคยวุ่นวาย
ก่อกวนเรามา เป็นเวลานานแล้ว

พอมี "สมถธรรม" คือ ความสงบ เป็นอาหาร
เครื่องหล่อเลี้ยงจิตใจ ใจก็ได้ดื่มความสงบนี้แล้ว
ไม่คิดวุ่นวาย กับ อารมณ์ภายนอก เรียกว่า "อิ่มอารมณ์"
ทีนี้ พาพิจารณาทางด้าน "ปัญญา" …พิจารณาแยกธาตุ
แยกขันธ์ แยกสกลกาย ทุกสัดทุกส่วน ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง..

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน






นึกพุทโธๆๆ พุทโธก็อยู่กับจิต จิตก็อยู่กับพุทโธ
เมื่อมีการตั้งใจนึกพุทโธ สติสัมปชัญญะจะมาเอง
หน้าที่เพียงนึกพุทโธๆๆ ไว้จนกว่าจะถึงเวลาอันสมควร
จิตจะสงบหรือไม่สงบไม่สำคัญ ให้เรานึกพุทโธไว้
โดยไม่ขาดระยะเป็นเวลานานๆ จนกระทั่งจิตมันคล่องตัว
ต่อการนึกพุทโธ ในที่สุดจิตจะนึกพุทโธๆๆเองโดยไม่ได้ตั้งใจ

เมื่อจิตนึกพุทโธเองโดยไม่ได้ตั้งใจ แสดงว่าการภาวนา
ของเรากำลังจะได้ผลแล้ว ในเมื่อจิตนึกอยู่ที่พุทโธๆๆ
พุทโธก็เป็นเครื่องรู้ของจิต เครื่องระลึกของสติ..

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ม.ค. 2017, 07:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 02:09
โพสต์: 456


 ข้อมูลส่วนตัว


... สาธุ สาธุ สาธุ ...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ม.ค. 2017, 07:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ม.ค. 2017, 09:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ต้นทาง คือ หลวงตามหาบัว แสดงไว้ว่า นิพพานคือนิพพาน
ลูกศิษย์ ก็จำมา ว่า นิพพาน คือนิพพาน

แต่
พระวินัยปิฏก แสดงไว้
Quote Tipitaka:
[๘๒๖] สังขารทั้งปวงที่ปัจจัยปรุงแต่ง ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
พระนิพพานและบัญญัติ ท่านวินิจฉัยว่า เป็นอนัตตา.
เมื่อดวงจันทร์ คือ
พระพุทธเจ้ายังไม่เกิดขึ้น เมื่อดวงอาทิตย์ คือ พระพุทธเจ้า ยังไม่อุทัย
ขึ้นมา เพียงแต่ชื่อของสภาคธรรมเหล่านั้น ก็ยังไม่มีใครรู้จัก. พระมหา-
วีรเจ้าทั้งหลาย เป็นผู้มีพระจักษุ ทรงทำทุกกรกิริยามีอย่างต่างๆ ทรง
บำเพ็ญบารมีแล้วเสด็จอุบัติในโลกเป็นไปกับพรหมโลก พระองค์ทรง
แสดงพระสัทธรรม อันดับเสียซึ่งทุกข์ นำมาซึ่งความสุข. พระอังคีรส-
ศากยมุนี ผู้อนุเคราะห์แก่ประชาทุกถ้วนหน้า อุดมกว่าสรรพสัตว์
ดุจราชสีห์ ทรงแสดงพระไตรปิฎก คือ พระวินัย ๑ พระสุตตันตะ ๑
พระอภิธรรม ๑ ซึ่งมีคุณมาก อย่างนี้ พระสัทธรรมจะเป็นไปได้ ผิว่า
พระวินัย คือ อุภโตวิภังค์ ขันธกะและมาติกา ที่ร้อยกรองด้วยคัมภีร์
บริวาร เหมือนดอกไม้ร้อยด้วยเส้นด้าย ยังดำรงอยู่. ในคัมภีร์บริวารนั้นแล
สมุฏฐานท่านจัดไว้แน่นอน ความเจือปนกัน และนิทานอื่นย่อมเห็นได้
ในพระสูตรข้างหน้า เพราะฉะนั้น ภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รักด้วยดี ใคร่ต่อ
ธรรม พึงศึกษาคัมภีร์บริวารเถิด. ในวันอุโบสถ ภิกษุและภิกษุณีย่อม
สวดสิกขาบท อันพระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติไว้ในวิภังค์ทั้ง ๒ ข้าพเจ้าจัก
กล่าวสมุฏฐานตามที่รู้ ขอท่านทั้งหลายจงฟังข้าพเจ้า. ปฐมปราชิกสิกขาบท
๑ ทุติยปาราชิกสิกขาบท ๑ ต่อแต่นั้น สัญจริตสิกขาบท ๑ สมนุภาสน-
สิกขาบท ๑ อติเรกจีวรสิกขาบท ๑ เอฬกโลมสิกขาบททั้งหลาย ๑
ปทโสธัมมสิกขาบท ๑ ภูตาโรจนสิกขาบท ๑ สังวิธานสิกขาบท ๑
เถยยสัตถสิกขาบท ๑ เทสนาสิกขาบท ๑ โจรีวุฏฐาปนสิกขาบท ๑ รวม
กับการบวชสตรีที่มารดาบิดา หรือสามีไม่อนุญาต จึงเป็นสมุฏฐาน ๑๓.
ในอุภโตวิภังค์นี้ นัยแห่งสมุฏฐาน ๑๓ นี้ วิญญูชนทั้งหลาย คิดกันแล้ว
ที่คล้ายคลึงกัน ย่อมปรากฏในสมุฏฐานอันหนึ่งๆ.

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ม.ค. 2017, 20:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 02:09
โพสต์: 456


 ข้อมูลส่วนตัว


..ขอโอกาส..

..พระอริยะผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบทั้งหลาย ย่อมเห็นว่าพระนิพพานคือ พระนิพพาน เพราะพระนิพพานมีอยู่ แต่ไม่มีผู้อยู่ในพระนิพพาน .. สิ่งทั้งหลายทั้งปวงมีอยู่ ดำรงอยู่ไม่ว่าจะมีพระพุทธเจ้ามาอุบัติหรือยัง แต่ผู้ตรัสรู้เห็นทั่วสิ่งทั้งหลายทั้งปวง อันมีพระนิพพานเป็นที่สุดนั้น มีเพียงพระพุทธเจ้า.. ผู้ทรงพระกรุณาตรัสบอกถึงสิ่งที่เป็นประโยชน์ และไม่ใช่ประโยชน์ เพื่อความหลุดพ้น ไม่ใช่เพื่อไม่หลุดพ้น เพื่อความละ ไม่ใช่เพื่อความสะสม.. เพื่อความสันโดษ ไม่ใช่เพื่อความสมาคม.. แลอาจกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า ธรรมมีอยู่ แต่ไม่มีผู้อยู่ในธรรมนั้น.. ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ม.ค. 2017, 21:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลักษณะสำคัญของนิพพาน ที่สืบเนื่องมาจากความหมายว่า “ดับ” (นิโรธ) ซึ่งนับว่าเด่นน่าสนใจ มีอยู่ ๓ อย่าง คือ

๑. ดับอวิชชา หมายถึง การเกิดญาณทัศนะอันสูงสุด หยั่งรู้สัจธรรม

๒. ดับกิเลส หมายถึง กำจัดความชั่วร้าย และของเสียต่างๆภายในจิตใจ หมดเหตุที่จะก่อปัญหาความ
เดือดร้อนวุ่นวายต่างๆ แก่ชีวิตและสังคม

๓. ดับทุกข์ หมายถึง หมดความทุกข์ บรรลุความสุขอันสูงสุด

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร