วันเวลาปัจจุบัน 01 พ.ย. 2024, 06:44  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 70 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ย. 2019, 17:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เขาว่า

อ้างคำพูด:
ถ้าเป็นคนพุทธแล้วกราบพระพุทธรูปที่สร้างมาจากอิฐหินปูนทรายในรูปแบบปางต่าง ๆ อย่างสนิทใจและคิดว่าเป็นส่วนหนึ่งของศาสนา

คุณคิดว่าเขาจะยังเป็นพุทธแท้อยู่ไหมครับ...

เพจ Unseen Tour Thailand


รูปภาพ

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater

ความคิดอย่างตัวอย่างนั่น เรียกว่า คนคิดชั้นเดียว ซึ่งเป็นปกติทั่วๆไป

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ย. 2019, 18:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทวนอีกที

......................................

ไม่มีใครทำลายพระพุทธศาสนาได้


เมื่อมีการกล่าวถึงการกระทำที่บ่งบอกว่าเป็นการรุกราน เบียดเบียน ทำลายพระพุทธศาสนา ก็จะต้องมีท่านจำพวกหนึ่งเอ่ยขึ้นว่า

“ไม่มีใครทำลายพระพุทธศาสนาได้ นอกจากชาวพุทธด้วยกันเอง”

เมื่อพูดดังนี้แล้ว ก็ดูประหนึ่งว่าท่านผู้พูดได้แสดงหลักความจริงอันประเสริฐที่เพิ่งถูกค้นพบ-ในขณะที่คนอื่นๆ ล้วนแต่ยังโง่ๆ เซ่อๆ อยู่ทั้งนั้น

ความจริง คำพูดนั้น-ไม่มีใครทำลายพระพุทธศาสนาได้ นอกจากชาวพุทธด้วยกันเอง-เป็นคำที่ยังพูดไม่หมดเปลือก

ถ้าไม่คิดให้ดี ก็เป็นคำพูดที่ก่อให้เกิดความประมาทได้

ผมขออนุญาตช่วยคิดนะครับ

.....................

แนวคิดเบื้องหลังคำพูดนี้เข้าใจว่าเกิดมาจากการอ่านสัทธรรมปฏิรูปกสูตร

สัทธรรมปฏิรูปกสูตร อยู่ในคัมภีร์สังยุตตนิกาย นิทานวรรค พระไตรปิฎกเล่ม ๑๖ ข้อ ๕๓๑-๕๓๕

อรรถกถาที่อธิบายพระสูตรนี้คือ สารัตถปกาสินี ภาค ๒ หน้า ๓๑๘-๓๒๔

ถ้าอ่านในพระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ชุด ๙๑ เล่ม ก็อยู่เล่ม ๒๖ หน้า ๖๓๐-๖๓๘

ผมไม่ยกตัวพระสูตรมา แต่ปักป้ายบอกทางไว้ให้

ขอให้มีอุตสาหะตามไปศึกษากันหน่อยนะครับ อย่าเอาแต่นั่งแสดงโวหารคมคายอย่างเดียว

.....................

ไม่มีใครทำลายหลักสัจธรรมอันเป็นคำสอนในพระพุทธศาสนาได้ เพราะสัจธรรมเป็นของประจำโลก

พระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติแต่งตั้งขึ้นมาใหม่ เพียงแต่พระองค์ทรงค้นพบแล้วนำมาตรัสบอกชาวโลก

ค้นพบสิ่งที่มีอยู่แล้ว เหมือนนักวิทยาศาสตร์ค้นพบกฎต่างๆ ทางวิทยาศาสตร์

เมื่อสิ่งนั้นเป็นสัจธรรมประจำโลก ก็เป็นธรรมดาที่มันจะต้องคงอยู่ประจำโลก ไม่มีใครไปทำลายมันได้ ตราบเท่าที่โลกยังคงมีอยู่

พระพุทธศาสนามีหลักคำสอนที่เป็นสัจธรรมประจำโลก

สัจธรรมประจำโลกที่มีอยู่ในพระพุทธศาสนาจึงไม่มีใครไปทำลายได้ ตราบเท่าที่ยังมีผู้ศึกษา เรียนรู้ และปฏิบัติตามอย่างถูกต้อง

ผู้ศึกษา เรียนรู้ และปฏิบัติตามหลักคำสอนในพระพุทธศาสนา ได้ชื่อว่า “ชาวพุทธ”

ถ้าผู้ที่ได้ชื่อว่าชาวพุทธ ไม่ศึกษา ไม่เรียนรู้ และไม่ปฏิบัติตามหลักคำสอนให้ถูกต้อง หลักคำสอนที่ถูกต้องก็ไม่ปรากฏ

อย่างนี้แหละที่เรียกว่าชาวพุทธทำลายพระพุทธศาสนา คือทำให้หลักคำสอนที่ถูกต้องไม่ปรากฏ

ที่ว่ามานี้เป็นส่วนที่เป็นหลักคำสอนที่เป็นสัจธรรมประจำโลก

แต่ในพระพุทธศาสนาไม่ได้มีแต่หลักคำสอนอย่างเดียว

ยังมีตัวบุคคล
สถานที่
วัตถุ
ประเพณีพิธีการต่างๆ
อันเป็นองค์ประกอบ รวมเรียกว่า “พระพุทธศาสนา”

ที่เอามาพูดกันว่า“ไม่มีใครทำลายพระพุทธศาสนาได้ นอกจากชาวพุทธด้วยกันเอง” นั้นหมายเฉพาะส่วนที่เป็นหลักคำสอนอันเป็นสัจธรรมประจำโลกเท่านั้น

แต่องค์ประกอบอื่นๆ ของพระพุทธศาสนา คนอื่นสามารถทำลายได้ทั้งสิ้น

ทำลายวัด ทำลายพระสงฆ์ ทำลายเจดีย์วิหาร
และทำลายกิจกรรม เช่นการแสดงธรรม การปฏิบัติศาสนพิธี การบวช การตั้งโรงเรียน การสอนพระพุทธศาสนา ฯลฯ

สิ่งเหล่านี้ ใครไม่ชอบ ใครไม่ต้องการให้มี เขาสามารถทำลายได้ทั้งสิ้น และเคยมีการทำลายมาแล้วด้วย

เพราะฉะนั้น ต้องแยกให้ถูกว่าส่วนไหนทำลายได้ ส่วนไหนทำลายไม่ได้

อย่าหลับตาพูดคลุมไปว่า-ไม่มีใครสามารถทำลายพระพุทธศาสนาได้

ไม่มีองค์กรและกิจกรรมดังกล่าวนั้น
หลักสัจธรรมจะไปแสดงตัวที่ไหน

มองไปที่ผู้คนที่เดินไปมาขวักไขว่เต็มบ้านเต็มเมือง จะรู้หรือไม่ว่า-นี่ไงพระพุทธศาสนา

พระพุทธศาสนาอยู่ในใจในวิถีชีวิตของคน
แต่คนต้องอยู่ในบ้านเมือง

และพระพุทธศาสนา-เฉพาะส่วนที่ตัวหลักธรรมคำสอน-นั้น ไม่ได้เข้าไปอยู่ในใจคนได้โดยอัตโนมัติ

แต่ต้องมีการบอกกล่าว เรียนรู้ สั่งสอน อบรม
การบอกกล่าว เรียนรู้ สั่งสอน อบรม เป็นกระบวนการทางสังคม
ไม่ใช่นั่งๆ นอนๆ อยู่เฉยๆ ในบ้านใครบ้านมัน ก็เกิดขึ้นได้เอง
สังคมเอื้ออำนวย จึงทำได้
ถ้าสังคมไม่เอื้ออำนวย ก็ทำไม่ได้

ทำไมในอเมริกาจึงมีวัดพระพุทธศาสนาเกิดขึ้นได้เป็นอันมาก
แต่ทำไมในซาอุดิอาระเบียจึงไม่มีใครไปสร้างวัดพระพุทธศาสนา

ถ้าอยู่มาวันหนึ่ง ผู้ได้อำนาจรัฐในเมืองไทยใช้นโยบายเหมือนผู้ได้อำนาจรัฐในซาอุดิอาระเบีย พระพุทธศาสนาจะอยู่ในเมืองไทยได้หรือไม่

เป็นความจริง-ที่ชาวพุทธจะต้องประพฤติดีปฏิบัติชอบถูกต้องตามพระธรรมวินัย เราจึงจะรักษาพระพุทธศาสนาไว้ได้

แต่ถ้าผู้ได้อำนาจรัฐเป็นมิจฉาทิฐิ ต่อให้ชาวพุทธเคร่งครัดในพระธรรมวินัยขนาดไหน ก็อยู่ไม่ได้

จะฝันหวานขอเพียงให้พระพุทธศาสนาอยู่ในใจคนก็พอแล้ว ผู้บริหารบ้านเมืองจะทำอะไรกับบ้านเมือง เชิญตามสบายเถิด -ไม่มีใครทำลายพระพุทธศาสนาได้ นอกจากชาวพุทธด้วยกันเอง- ก็ขอให้ลองศึกษาบ้านเมืองที่เคยมีพระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองดูเถิด

...................

พระพุทธศาสนานั้นไม่มีกองกำลังติดอาวุธไว้ป้องกันตนเอง ไม่ต้องกล่าวไปถึงว่าจะมีไว้ทำร้ายใคร

พระพุทธศาสนาไปอยู่ที่ไหน ก็อาศัยผู้บริหารปกครองบ้านเมืองนั้นทำหน้าที่ “อารักขา”

ถ้าผู้บริหารบ้านเมืองเป็นสัมมาทิฐิ พระพุทธศาสนาก็อยู่ได้

ถ้าผู้บริหารบ้านเมืองไม่เอาใจใส่ ไม่เห็นความสำคัญ หรือถ้าถึงขั้นเป็นมิจฉาทิฐิ คอยขัดขวาง กีดกัน กลั่นแกล้ง พระพุทธศาสนาก็อยู่ไม่ได้ ไปไม่รอด

...................

เวลาพูดเรื่องใครจะทำลายพระพุทธศาสนา จึงต้องแยกส่วนให้ถูก อย่าสักแต่ว่าหลับตาพูดตามกันไป

นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๒
๑๐:๓๔

https://www.facebook.com/tsangsinchai/p ... 2464634478

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ย. 2019, 18:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดูๆที่เขาถกเถียงกัน ล้วนแต่คนดังทั้งนั้น :b1:

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ย. 2019, 18:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ย้อนอดีตไปเมื่อหลายปีมาแล้ว คงยังจำกันได้ คือ มีเจ้าสำนักหลายแยกแห่งหนึ่ง (ปัจจุบันแพ้ถั่วออกไปแล้ว) แอนตี้พระพุทธรูปหนักมากๆเอามือตบหัวตบหูโชว์พาว ไม่ยึดมั่นถือมั่นว่า :b32: เห็นพระพุทธรูปทองเหลืองที่ไหนเก็บมาหลอมละลายหมด :b1: แสดงว่าเข้าไม่ถึงพระพุทธรูป เข้าไม่ถึงจิตใจมนุษย์

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ย. 2019, 20:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ


กราบพระ ๓ หน

กราบหนึ่ง นึกถึงพระปัญญาคุณของพระบรมศาสดาผู้มีปัญญาสามารถกำจัดอาสวกิเลสให้หมดสิ้นจากจิตสันดานตนได้
กราบสอง นึกถึงพระบริสุทธิคุณของพระองค์ที่มีจิตใจบริสุทธิ์สะอาดปราศจากอาสวกิเลสทั้งปวง (เนื่องจากมีปัญญา)
กราบสาม นึกถึงพระมหากรุณาคุณของพระองค์ ที่แม้เมื่อพระองค์บริสุทธิ์หมดจดแล้ว ยังคิดสงสารสรรพสัตว์ผู้ถูกอาสวกิเลสครอบงำจิตใจจึงได้เสียสละยอมลำบากกายเที่ยวแสดงธรรมโปรดสัตว์ให้เป็นเช่นพระองค์บ้าง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ย. 2019, 20:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พุทธคุณ คุณของพระพุทธเจ้า มี ๙ คือ


๑. อรหํ เป็นพระอรหันต์
๒. สมฺมาสมฺพุทฺโธ ตรัสรู้เองโดยชอบ
๓. วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ
๔. สุคโต เสด็จไปดีแล้ว
๕. โลกวิทู เป็นผู้รู้แจ้งโลก
๖. อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ เป็นสารถีฝึกคนที่ฝึกได้ไม่มีใครยิ่งกว่า
๗. สตฺถา เทวมนุสฺสานํ เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
๘. พุทฺโธ เป็นผู้ตื่นและเบิกบานแล้ว
๙. ภควา เป็นผู้มีโชค

พุทธคุณทั้งหมดนั้น โดยย่อมี ๒ คือ

๑. พระปัญญาคุณ พระคุณคือพระปัญญา
๒. พระกรุณาคุณ พระคุณคือพระมหากรุณา

หรือตามที่นิยมกล่าวกันในประเทศไทย ย่อเป็น ๓ คือ

๑. พระปัญญาคุณ พระคุณคือพระปัญญา
๒. พระวิสุทธิคุณ พระคุณคือความบริสุทธิ์
๓.พระมหากรุณาคุณ พระคุณคือพระมหากรุณา

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ย. 2019, 20:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2158

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
พุทธคุณ คุณของพระพุทธเจ้า มี ๙ คือ


๑. อรหํ เป็นพระอรหันต์
๒. สมฺมาสมฺพุทฺโธ ตรัสรู้เองโดยชอบ
๓. วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ
๔. สุคโต เสด็จไปดีแล้ว
๕. โลกวิทู เป็นผู้รู้แจ้งโลก
๖. อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ เป็นสารถีฝึกคนที่ฝึกได้ไม่มีใครยิ่งกว่า
๗. สตฺถา เทวมนุสฺสานํ เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
๘. พุทฺโธ เป็นผู้ตื่นและเบิกบานแล้ว
๙. ภควา เป็นผู้มีโชค

พุทธคุณทั้งหมดนั้น โดยย่อมี ๒ คือ

๑. พระปัญญาคุณ พระคุณคือพระปัญญา
๒. พระกรุณาคุณ พระคุณคือพระมหากรุณา

หรือตามที่นิยมกล่าวกันในประเทศไทย ย่อเป็น ๓ คือ

๑. พระปัญญาคุณ พระคุณคือพระปัญญา
๒. พระวิสุทธิคุณ พระคุณคือความบริสุทธิ์
๓.พระมหากรุณาคุณ พระคุณคือพระมหากรุณา


คริคริ

มีอีกค่ะ คือ
อุเทสิกเจดีย์

tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ย. 2019, 20:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2158

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ดูๆที่เขาถกเถียงกัน ล้วนแต่คนดังทั้งนั้น :b1:

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater


ถ้าดังจริง เทพเทวดาต้องบูชาและสรรเสริญ มหาชนสักการะ


tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ย. 2019, 21:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ดูๆที่เขาถกเถียงกัน ล้วนแต่คนดังทั้งนั้น :b1:

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater


ถ้าดังจริง เทพเทวดาต้องบูชาและสรรเสริญ มหาชนสักการะ


tongue


นี่ก็เถียงคำไม่ตกฝาก คิกๆๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ย. 2019, 21:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จิตใจของคนสามัญทั่วๆไปเคว้งขว้างโหว่งเหวง ไร้ที่ยึดที่เกาะ ดังนั้น ในเบื้องต้นจำต้องหาที่่ยึดที่เกาะให้มันเกาะมันยึดไว้ จะได้ไม่เลื่อนลอยเคว้งขว้าง ตามหลักก็กสิณต่างๆนั่นไง

รูปภาพ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ย. 2019, 21:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2158

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
จิตใจของคนสามัญทั่วๆไปเคว้งขว้างโหว่งเหวง ไร้ที่ยึดที่เกาะ ดังนั้น ในเบื้องต้นจำต้องหาที่่ยึดที่เกาะให้มันเกาะมันยึดไว้ จะได้ไม่เลื่อนลอยเคว้งขว้าง ตามหลักก็กสิณต่างๆนั่นไง

รูปภาพ

คริคริ

ความไม่มีอะไรสักสิ่งเดียวให้ยึดเกาะ นี่แหละที่สุดแห่งธรรม

tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ย. 2019, 10:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
จิตใจของคนสามัญทั่วๆไปเคว้งขว้างโหว่งเหวง ไร้ที่ยึดที่เกาะ ดังนั้น ในเบื้องต้นจำต้องหาที่่ยึดที่เกาะให้มันเกาะมันยึดไว้ จะได้ไม่เลื่อนลอยเคว้งขว้าง ตามหลักก็กสิณต่างๆนั่นไง

รูปภาพ

คริคริ

ความไม่มีอะไรสักสิ่งเดียวให้ยึดเกาะ นี่แหละที่สุดแห่งธรรม

tongue


ทว่า นู๋เมโลกสวยพูดประโยคนี้ในวงเสวนานะ คนฟังยกมือพนมท่วมหัว สาธุกันทั้งห้อง ยกเว้นกรัชกาย :b32: เพราะอะไรจึงเว้น เพราะคิดว่าเป็นมโนของผู้พูดเอง คิกๆๆ
ให้อุปมาอุปไมยก็เหมือนคนเมากัญชา (กัญชา รมต.คนปัจจุบันปลดล๊อกจากสิ่งเสพติดแล้ว) ได้ที่แล้ว พากันนอนมองก้อนเมฆที่ลอยไปลอยมาในอากาศแล้วก็ชี้ให้กันและกันดู :b1: สกิดเพื่อนนี่ๆเธอดูเมฆก้อนนั้นดิ เหมือนแพะ ก้อนนั้นเหมือนแกะ ก้อนนั้นเหมือนภูเขานางนอน ฯลฯ เพื่อนที่เมากัญชาด้วยกันค้าน ข้าว่าเหมือนช้างมากกว่าว่ะ ฉันใดก็ฉันนั้น นู่เมโลกสวยเป็นต้นก็ทำนองนั้น คิดวาดภาพไป
หรืออุปมาเหมือนคนนอนหลับแล้วฝันไป ตื่นขึ้นมาไม่มีอะไรเลย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ย. 2019, 11:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คคห.กราบพระสามครั้งก็เป็นวิธีหนึ่ง อีกวิธีหนึ่ง ซึ่งลึกลงไปถึงตัวจิตใจเลย โดยใช้พระพุทธรูปนั้นเป็นสิ่งให้จิตยึดให้จิตเกาะ

อ้างคำพูด:
"คนไม่มีศิลป์ทำเพชรให้เป็นขยะ คนมีศิลปะทำขยะให้เป็นเพชร" ... "คนโลภ ใช้พุทธศิลป์ได้เพียงแค่อุปกรณ์หาทรัพย์ คนมีปัญญาถึงระดับ ใช้พุทธศิลป์เป็นอุปกรณ์ดำเนินถึงพระนฤพาน"


รูปภาพ


ตามหลักนี้

ฌานสมาบัติทั้งหลาย นอกจากจะเป็นพื้นฐานที่ดีในการปฏิบัติเพื่อบรรลุนิพพานแล้ว บางครั้งท่านยังเรียกเป็นนิพพานโดยปริยาย คือ โดยอ้อม หรือโดยความหมายบางแง่บางด้านอีกด้วย เช่น มีพุทธพจน์ตรัสเรียก ฌาน ๔ อรูปฌาน ๔ และสัญญาเวทยิตนิโรธ แต่ละอย่างๆ ว่าเป็นตทังคนิพพาน บ้าง ทิฏฐธรรมนิพพาน บ้าง สันทิฏฐิกนิพพาน บ้าง เช่น ข้อความในบาลีว่า

"ภิกษุผู้สงบจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม ฯลฯ เข้าถึงปฐมฌาน แม้เท่านี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ตรัสเรียกว่า เป็นทิฏฐธรรมนิพพาน โดยปริยาย ฯลฯ

"ภิกษุก้าวล่วงเนวสัญญานาสัญญายตนะโดยประการทั้งปวง เข้าถึงสัญญาเวทยิตนิโรธอยู่ เพราะเห็นด้วยปัญญา อาสวะทั้งหลายของเธอก็หมดสิ้นไป แม้เพียงเท่านี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ตรัสเรียกว่า เป็นทิฏฐธรรมนิพพาน โดยนิปริยาย "

ผู้ที่กำลังเจริญวิปัสสนา มองเห็นขันธ์ ๕ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีอันจะต้องผันแปรไปเป็นธรรมดา ละความโศกเศร้าเป็นต้นเสียได้ หมดความร่านรนกระวนกระวาย อยู่เป็นสุข ท่านก็เรียกว่าเป็นผู้ตทังคนิพพาน

มีพุทธพจน์น่าสนใจแห่งหนึ่ง ตรัสว่า คนที่ถูกราคะ โทสะ โมหะ ครอบงำ ย่อมคิดในทางที่จะทำตนเองให้ลำบากเดือดร้อนบ้าง ทำคนอื่นให้ลำบากเดือดร้อนบ้าง ทำทั้งตนเองและผู้อื่นให้ลำบากเดือด ร้อนทั้งสองฝ่ายบ้าง ย่อมเสวยทุกขโทมนัสทางใจบ้าง ครั้นเขาละราคะ โทสะ โมหะ ได้แล้ว เขาก็ไม่คิดในทางที่จะทำตนเองหรือทำผู้อื่น หรือทั้งสองฝ่ายให้ลำบากเดือดร้อน ไม่ต้องเสวยทุกขโทมนัสทางใจ อย่างนี้แหละเป็นสันทิฏฐิกนิพพาน
เมื่อใดบุคคลผู้นี้เสวยภาวะปลอดราคะสิ้นเชิง ภาวะปลอดโทสะสิ้นเชิง ภาวะปลอดโมหะสิ้นเชิง อย่างนี้แล คือ นิพพานที่เป็นสันทิฏฐิกะ อกาลิกะ เอหิปัสสิกะ โอปนยิกะ ปัจจัตตัง เวทิตัพพัง วิญญูหิ (ซึ่งวิญญูชน พึงทราบจำเพาะตน) *
(องฺ.ติก.20,495/202)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ย. 2019, 20:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2158

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
จิตใจของคนสามัญทั่วๆไปเคว้งขว้างโหว่งเหวง ไร้ที่ยึดที่เกาะ ดังนั้น ในเบื้องต้นจำต้องหาที่่ยึดที่เกาะให้มันเกาะมันยึดไว้ จะได้ไม่เลื่อนลอยเคว้งขว้าง ตามหลักก็กสิณต่างๆนั่นไง

รูปภาพ

คริคริ

ความไม่มีอะไรสักสิ่งเดียวให้ยึดเกาะ นี่แหละที่สุดแห่งธรรม

tongue


ทว่า นู๋เมโลกสวยพูดประโยคนี้ในวงเสวนานะ คนฟังยกมือพนมท่วมหัว สาธุกันทั้งห้อง ยกเว้นกรัชกาย :b32: เพราะอะไรจึงเว้น เพราะคิดว่าเป็นมโนของผู้พูดเอง คิกๆๆ
ให้อุปมาอุปไมยก็เหมือนคนเมากัญชา (กัญชา รมต.คนปัจจุบันปลดล๊อกจากสิ่งเสพติดแล้ว) ได้ที่แล้ว พากันนอนมองก้อนเมฆที่ลอยไปลอยมาในอากาศแล้วก็ชี้ให้กันและกันดู :b1: สกิดเพื่อนนี่ๆเธอดูเมฆก้อนนั้นดิ เหมือนแพะ ก้อนนั้นเหมือนแกะ ก้อนนั้นเหมือนภูเขานางนอน ฯลฯ เพื่อนที่เมากัญชาด้วยกันค้าน ข้าว่าเหมือนช้างมากกว่าว่ะ ฉันใดก็ฉันนั้น นู่เมโลกสวยเป็นต้นก็ทำนองนั้น คิดวาดภาพไป
หรืออุปมาเหมือนคนนอนหลับแล้วฝันไป ตื่นขึ้นมาไม่มีอะไรเลย


คริคริ
หนูไม่มีมโนให้ยึดเกาะ


แต่ที่ลุงมโนยกมา นี่แหละค่ะมโนยาวเฟื้อย แถมไม่รู้ตัว

"ให้อุปมาอุปไมยก็เหมือนคนเมากัญชา (กัญชา รมต.คนปัจจุบันปลดล๊อกจากสิ่งเสพติดแล้ว) ได้ที่แล้ว พากันนอนมองก้อนเมฆที่ลอยไปลอยมาในอากาศแล้วก็ชี้ให้กันและกันดู :b1: สกิดเพื่อนนี่ๆเธอดูเมฆก้อนนั้นดิ เหมือนแพะ ก้อนนั้นเหมือนแกะ ก้อนนั้นเหมือนภูเขานางนอน ฯลฯ เพื่อนที่เมากัญชาด้วยกันค้าน ข้าว่าเหมือนช้างมากกว่าว่ะ ฉันใดก็ฉันนั้น นู่เมโลกสวยเป็นต้นก็ทำนองนั้น คิดวาดภาพไป
หรืออุปมาเหมือนคนนอนหลับแล้วฝันไป ตื่นขึ้นมาไม่มีอะไรเลย"
tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ย. 2019, 17:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ช่วยพุทธนำไปเทียบกับพุทธปฏิมาได้เบย :b32:

[๑๓๔] ดูกรอานนท์ ถูปารหบุคคล ๔ จำพวก ถูปารหบุคคล ๔ จำพวก เป็นไฉน คือ

พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นถูปารหบุคคลจำพวกหนึ่ง

พระปัจเจกสัมพุทธเจ้า เป็นถูปารหบุคคลจำพวกหนึ่ง

สาวกของพระตถาคตเป็นถูปารหบุคคลจำพวกหนึ่ง

พระเจ้าจักรพรรดิ เป็นถูปารหบุคคลจำพวกหนึ่ง ฯ

ดูกรอานนท์ เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์อะไร พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงเป็นถูปารหบุคคล

ชนเป็นอันมากยังจิตให้เลื่อมใสว่า นี้เป็นสถูปของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พวกเขายังจิตให้เลื่อมใสในสถูปนั้นแล้ว เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์ข้อนี้แล พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงเป็นถูปารหบุคคล ฯ

http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... &preline=0

เพียงกราบไหว้แล้วทำจิตให้ผ่องใสแค่นั้นแหละ เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก ก็มีสุขคติเป็นเบื้องหน้าแล้ว

มีชาวพุทธจำนวนหนึ่ง ที่ว่า พระพุทธเจ้าไม่ได้ให้กราบไหว้นั่นนี่ ท่านสอนให้ปล่อยวาง ไม่ยึดมั่นถือมั่นว่า คิกๆๆ การไม่ยึดมั่นถือมั่นที่แท้ต้องเกิดจากปัญญาที่รู้เห็นไตรลักษณ์ถึงระดับหนึ่ง ไม่ใช่ไปอ่านๆหรือได้ยินใครเขาพูดว่า สิ่งทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น เอาเลยเอามั่ง ไม่ยึดมั่นถือมั่นมั่งตามเขาไป ทั้งๆไม่รู้ไม่รู้เห็นสภาวะที่เปลี่ยนแปลงตามกฎไตรลักษณ์นั้นเบย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 70 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 14 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร