วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 13:27  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 159 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 11  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ต.ค. 2016, 12:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คนคิดอย่างท่านอโศกมีไม่น้อย คือ คิดว่าพระอรหันต์หมดกิเลสแล้ว ไม่คิดไม่นึกอะไร ไม่ทำอะไรแล้ว เอ๊ะยังมีชีวิตอยู่ ยังไม่ตาย ไม่คิดไม่นึกอะไร มันต่างจากก้อนหินตรงไหน คิกๆๆ

ดูที่สนทนากัน



อ้างคำพูด:
กรัชกาย
มาอีกแระตะบอย ตะงอย

ท่านอโศกชี้ลงไปสิ ตรงไหนอัตตา อย่าตอบน้ำท่วมทุ่งนะ ชี้สิชี้ไปตรงไหนอัตตา



อโศกะ

ที่สั่งในใจให้กรัชกายเขียน พูด หรือถามคำถามดังอ้างมาข้างบนนี้ไง คือตัวอัตตาของกรัชกาย สั่งใจกรัชกายให้ทำมโนกรรม วจีกรรม กายกรรมตอบ ถามในกระทู้อยู่ สังเกตเห็นบ้างไหม หรือไม่กระดิกหูเลย ธรรมะภาคปฏิบัติ การสังเกตจิต กาย ใจ ของตนเอง

ที่สั่งในใจให้กรัชกายเขียน พูด หรือถามคำถามดังอ้างมาข้างบนนี้ไง คือตัวอัตตาของกรัชกาย

กรัชกาย

ฮ้า ถ้ายังไงั้น พระอรหันต์มีพระพุทธเจ้าเป็นต้น ก็ไม่ต้องขีดต้องเขียนอะไรแล้วสิงั้น นั่งนิ่งๆไม่พูดไม่จา


อโศกะ
ชิๆ.....กรัชกาย....ยังบังอาจไปกล่าวอ้างพระพุทธเจ้า พระอรหันต์มาเทียบกับความคิดเห็นของปุถุชนคนสามัญเช่นตนเองอีกแล้ว......นี่ศัพท์สมัยใหม่เขาเรียกว่า...."โหน"
มาอ้างเพื่อยกตนไปทำสิ่งต่างๆ

มีในพระสูตรไหนบ้างที่กล่าวว่าพระพุทธเจ้าทรงนั่งเขียนหนังสือแต่งตำหรับตำรา หรือพระอรหันต์องค์ไหนที่เป็นนักเขียนชื่อดัง แม้แต่พระอานนท์ผู้มีความจำอันยอดเยี่ยม ไปค้นมาให้อ่านเร็วๆเข้านะ กรัชกาย

พระพุทธเจ้า พระอรหันตเจ้าทั้งหลาย ท่านหมดกิเลสตัณหาอัตตา มานะทิฏฐิทั้งสิ้นแล้ว ท่านอยู่ด้วยเมตตา พรหมวิหารธรรม อยู่ด้วยกิริยาจิต ไม่คิดไม่นึกทะยานอยากในสิ่งใด โปรดสัตว์โลกไปตามกำลังแห่งเหตุและปัจจัย ไม่ใช่แส่ไปดิ้นรนไปอย่างที่กรัชกายทำหรอกนะ ท่านบริสุทธิ์หมดจดแล้วจากอามิสทั้งปวง กรัชกายจงอย่าโหนหรืออย่าดึงท่านมาเทียบเพื่อยกตนอยู่เลย จักเป็นภัยใหญ่หลวงในการประพฤติปฏิบัติธรรมของกรัชกายเองนะ จะบอกให้



จาก

viewtopic.php?f=1&t=53261&p=400283#p400283

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ต.ค. 2016, 12:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เพื่อให้แลเห็นพระพุทธศาสนาครบถ้วน นำเกี่ยวกับพระวินัยมาบ้าง



นวกรรม การก่อสร้าง


นวกัมมาธิฏฐายี ผู้อำนวยการก่อสร้าง เช่น ที่พระมหาโมคคัลานะได้รับมอบหมายจากพระบรมศาสดาให้เป็นผู้อำนวยการก่อสร้างบุพพารามที่นางวิสาขาบริจาคทุนสร้างที่กรุงสาวัตถี


นวกัมมิกะ ผู้ดูแลนวกรรม, ภิกษุผู้ได้รับสมมติ คือแต่งตั้งจากสงฆ์ ให้ทำหน้าที่ดูแลการก่อสร้างและปฏิสังขรณ์ในอาราม, เป็นตำแหน่งหนึ่งในบรรดา เจ้าอธิการแห่งอาราม


เจ้าอธิการ เจ้าหน้าที่, ผู้ได้รับมอบหมายหรือแต่งตั้งให้มีหน้าที่รับผิดชอบในเรื่องราวหรือกิจการนั้นๆ

เจ้าหน้าที่ทำการแห่งสงฆ์ ภิกษุผู้ได้รับสมมติ คือแต่งตั้งจากสงฆ์ (ด้วยญัตติทุติยกรรมวาจา) ให้ทำหน้าที่ต่างๆ เกี่ยวกับการของส่วนรวมในวัด ตามพระวินัย แบ่งไว้เป็น ๕ ประเภท คือ

๑. เจ้าอธิการแห่งจีวร
๒. เจ้าอธิการแห่งอาหาร
๓. เจ้าอธิการแห่งเสนาสนะ
๔. เจ้าอธิการแห่งอาราม
๕. เจ้าอธิการแห่งแห่งคลัง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ต.ค. 2016, 13:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เจ้าอธิการแห่งคลัง ภิกษุที่สงฆ์สมมติ คือแต่งตั้งให้เป็นเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับคลังเก็บพัสดุของสงฆ์ มี ๒ อย่าง คือ ผู้รักษาคลังที่เก็บพัสดุของสงฆ์ (ภัณฑาคาริก) และผู้จ่ายของเล็กน้อยให้แก่ภิกษุทั้งหลาย (อัปปมัตตวิสัชกะ)

เจ้าอธิการแห่งจีวร คือ ภิกษุที่สงฆ์สมมติ คือแต่งตั้งให้เป็นเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับจีวร มี ๓ อย่าง คือ ผู้รับจีวร (จีวรปฏิคาหก) ผู้เก็บจีวร (จีวรนิทหก) ผู้แจกจีวร (จีวรภาชก)

เจ้าอธิการแห่งเสนาสนะ ภิกษุที่สงฆ์สมมติ คือแต่งตั้งให้เป็นเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับเสนาสนะ แยกเป็น ๒ คือ ผู้แจกเสนาสนะให้ภิกษุถือ (เสนาสนคาหาปก) และผู้จัดตั้งเสนาสนะ (เสนาสนปัญญาปก)

เจ้าอธิการแห่งอาราม ภิกษุที่สงฆ์สมมติคือแต่งตั้งให้เป็นเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับกิจการงานของวัด แยกเป็น ๓ คือ ผู้ใช้คนงานวัด (อารามิกเปสก) ผู้ใช้สามเณร (สามเณรเปสก) และผู้ดูแลการปลูกสร้าง (นวกัมมิก)

เจ้าอธิการแห่งอาหาร ภิกษุที่สงฆ์สมมติคือแต่งตั้งให้เป็นเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับอาหาร มี ๔ อย่าง คือผู้แจกภัต (ภัตตุเทศก์) ผู้แจกยาคู (ยาคุภาชก) และผู้แจกของเคี้ยว (ขัชชภาชก)

เจ้าอาวาส สมภารวัด, หัวหน้าสงฆ์ในวัด มีอำนาจและหน้าที่ปกครองดูแลอำนวยกิจการทุกอย่างเกี่ยวกับวัด

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ต.ค. 2016, 13:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ท่านอโศกขอรับ พระมหากัสสปะก็เป็นพระอรหันต์นะ ทำไมท่านยังคิดยังทำเรื่องสังคายนาพระธรรมวินัยอยู่อีกล่ะ

สังคายนาครั้งแรกพระอรหันต์ทั้งเพท้้งระยอง :b32: ดู



ครั้งที่ ๑ ปรารภเรื่องสุภัททภิกษุ ผู้บวชเมื่อแก่กล่าวจ้วงจาบพระธรรมวินัย และปรารภที่จะทำให้ธรรมรุ่งเรื่องอยู่สืบไป พระอรหันต์ ๕๐๐ รูป มีพระมหากัสสปะเป็นประธาน และเป็นผู้ถาม พระอุบาลีเป็นผู้วิสัชนาพระวินัย พระอานนท์เป็นผู้วิสัชนาพระธรรม
ประชุมสังคายนาที่ถ้ำสัตตบรรณคูหา ภูเขาเวภารบรรพต เมืองราชคฤห์ เมื่อหลังจากพุทธปรินิพพาน ๓ เดือน โดยพระเจ้าอชาตศัตรูเป็นศาสนูปถัมภก์ สิ้นเวลา ๗ เดือนจึงเสร็จ



พระอรหันต์ที่ได้รับยกย่องจากพระศาสดาในด้านต่างๆ มีมากมายหลายรูป ให้ดูรูปหนึ่ง ได้รับยกย่องเรื่องจัดที่พักอาศัย (เสนาสนะ) ชื่อ


พระทัพพมัลลบุตรเถระ เอตทัคคะในทางผู้จัดเสนาสนะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2016, 11:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ท่านอโศกมานี่สิขอรับ ถามอะไรหน่อย :b13:

พระทัพพมัลละ ซึ่งมีหน้าที่จัดเสนาสนะ ก็ดี

พระมหาโมคัลลานะ ที่ได้รับหน้าที่คุมงานก่อสร้างวัด ก็ดี

พระอรหันต์ ๕๐๐ ที่ทำสังคายนากันก็ตาม


ท่านไม่คิดไม่พูดไม่จา ไม่ออกปากสั่งคนๆนั้นพระรูปนี้ ให้ช่วยยกนั่นจับนี่บ้างหรือขอรับ


ท่านอโศกเห็นเป็นประการใดขอรับ

ส่วนกรัชกายว่า ท่านต้องคิดต้องพูดต้องจาสั่งคนนั้นคนนี้ให้ช่วยจัดทำนั่นทำนี่บ้างหรอกน่า คนยังมีชีวิตนี่ไม่ใช่ก้อนหินนี่จริงไหมขอรับ รึจะเถียง :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2016, 21:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กักกาย....ทำไมหน้าไม่อายอย่างนี้...

ไม่ได้เข้าข้างอโสกะ...แค่พูดตามจริง...

อโสกะ..ว่า..ไม่คิดไม่นึกทะยานอยากในสิ่งใด..

แต่กักกาย...ตัดเอามาเฉพาะแค่คำว่า..ไม่คิดไม่นึก..มาเล่น..

.แล้วก็กล่าวหาคนอื่นๆ..ว่าชอบคิดว่าอรหันต์ต้องนิ่งๆไม่ทำอะไร...

นี้คือความไม่มียางอาย..ของกักกาย..

กรัชกาย เขียน:
คนคิดอย่างท่านอโศกมีไม่น้อย คือ คิดว่าพระอรหันต์หมดกิเลสแล้ว ไม่คิดไม่นึกอะไร ไม่ทำอะไรแล้ว เอ๊ะยังมีชีวิตอยู่ ยังไม่ตาย ไม่คิดไม่นึกอะไร มันต่างจากก้อนหินตรงไหน คิกๆๆ

ดูที่สนทนากัน

อ้างคำพูด:
กรัชกาย
มาอีกแระตะบอย ตะงอย

ท่านอโศกชี้ลงไปสิ ตรงไหนอัตตา อย่าตอบน้ำท่วมทุ่งนะ ชี้สิชี้ไปตรงไหนอัตตา



อโศกะ

ที่สั่งในใจให้กรัชกายเขียน พูด หรือถามคำถามดังอ้างมาข้างบนนี้ไง คือตัวอัตตาของกรัชกาย สั่งใจกรัชกายให้ทำมโนกรรม วจีกรรม กายกรรมตอบ ถามในกระทู้อยู่ สังเกตเห็นบ้างไหม หรือไม่กระดิกหูเลย ธรรมะภาคปฏิบัติ การสังเกตจิต กาย ใจ ของตนเอง

ที่สั่งในใจให้กรัชกายเขียน พูด หรือถามคำถามดังอ้างมาข้างบนนี้ไง คือตัวอัตตาของกรัชกาย

กรัชกาย

ฮ้า ถ้ายังไงั้น พระอรหันต์มีพระพุทธเจ้าเป็นต้น ก็ไม่ต้องขีดต้องเขียนอะไรแล้วสิงั้น นั่งนิ่งๆไม่พูดไม่จา


อโศกะ
ชิๆ.....กรัชกาย....ยังบังอาจไปกล่าวอ้างพระพุทธเจ้า พระอรหันต์มาเทียบกับความคิดเห็นของปุถุชนคนสามัญเช่นตนเองอีกแล้ว......นี่ศัพท์สมัยใหม่เขาเรียกว่า...."โหน"
มาอ้างเพื่อยกตนไปทำสิ่งต่างๆ

มีในพระสูตรไหนบ้างที่กล่าวว่าพระพุทธเจ้าทรงนั่งเขียนหนังสือแต่งตำหรับตำรา หรือพระอรหันต์องค์ไหนที่เป็นนักเขียนชื่อดัง แม้แต่พระอานนท์ผู้มีความจำอันยอดเยี่ยม ไปค้นมาให้อ่านเร็วๆเข้านะ กรัชกาย

พระพุทธเจ้า พระอรหันตเจ้าทั้งหลาย ท่านหมดกิเลสตัณหาอัตตา มานะทิฏฐิทั้งสิ้นแล้ว ท่านอยู่ด้วยเมตตา พรหมวิหารธรรม อยู่ด้วยกิริยาจิต ไม่คิดไม่นึกทะยานอยากในสิ่งใด โปรดสัตว์โลกไปตามกำลังแห่งเหตุและปัจจัย ไม่ใช่แส่ไปดิ้นรนไปอย่างที่กรัชกายทำหรอกนะ ท่านบริสุทธิ์หมดจดแล้วจากอามิสทั้งปวง กรัชกายจงอย่าโหนหรืออย่าดึงท่านมาเทียบเพื่อยกตนอยู่เลย จักเป็นภัยใหญ่หลวงในการประพฤติปฏิบัติธรรมของกรัชกายเองนะ จะบอกให้



จาก

viewtopic.php?f=1&t=53261&p=400283#p400283


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ต.ค. 2016, 02:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การตัดตอนคำผิดๆ หรือเว้นวรรคตอนผิด ก็ทำให้ความหมายเปลี่ยนไป
เช่น
ไม่คิดไม่นึกทะยานอยากในสิ่งใด
ไม่คิดไม่นึกทะยานอยาก
ตัดเฉพาะ
ไม่คิดไม่นึก
ความหมายการสื่อสารก็ผิดแผกแตกต่างกัน

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ต.ค. 2016, 05:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กักกาย....ทำไมหน้าไม่อายอย่างนี้...

ไม่ได้เข้าข้างอโสกะ...แค่พูดตามจริง...

อโสกะ..ว่า..ไม่คิดไม่นึกทะยานอยากในสิ่งใด..

แต่กักกาย...ตัดเอามาเฉพาะแค่คำว่า..ไม่คิดไม่นึก..มาเล่น..

.แล้วก็กล่าวหาคนอื่นๆ..ว่าชอบคิดว่าอรหันต์ต้องนิ่งๆไม่ทำอะไร...

นี้คือความไม่มียางอาย..ของกักกาย..

กรัชกาย เขียน:
คนคิดอย่างท่านอโศกมีไม่น้อย คือ คิดว่าพระอรหันต์หมดกิเลสแล้ว ไม่คิดไม่นึกอะไร ไม่ทำอะไรแล้ว เอ๊ะยังมีชีวิตอยู่ ยังไม่ตาย ไม่คิดไม่นึกอะไร มันต่างจากก้อนหินตรงไหน คิกๆๆ

ดูที่สนทนากัน

อ้างคำพูด:
กรัชกาย
มาอีกแระตะบอย ตะงอย

ท่านอโศกชี้ลงไปสิ ตรงไหนอัตตา อย่าตอบน้ำท่วมทุ่งนะ ชี้สิชี้ไปตรงไหนอัตตา



อโศกะ

ที่สั่งในใจให้กรัชกายเขียน พูด หรือถามคำถามดังอ้างมาข้างบนนี้ไง คือตัวอัตตาของกรัชกาย สั่งใจกรัชกายให้ทำมโนกรรม วจีกรรม กายกรรมตอบ ถามในกระทู้อยู่ สังเกตเห็นบ้างไหม หรือไม่กระดิกหูเลย ธรรมะภาคปฏิบัติ การสังเกตจิต กาย ใจ ของตนเอง

ที่สั่งในใจให้กรัชกายเขียน พูด หรือถามคำถามดังอ้างมาข้างบนนี้ไง คือตัวอัตตาของกรัชกาย

กรัชกาย

ฮ้า ถ้ายังไงั้น พระอรหันต์มีพระพุทธเจ้าเป็นต้น ก็ไม่ต้องขีดต้องเขียนอะไรแล้วสิงั้น นั่งนิ่งๆไม่พูดไม่จา


อโศกะ
ชิๆ.....กรัชกาย....ยังบังอาจไปกล่าวอ้างพระพุทธเจ้า พระอรหันต์มาเทียบกับความคิดเห็นของปุถุชนคนสามัญเช่นตนเองอีกแล้ว......นี่ศัพท์สมัยใหม่เขาเรียกว่า...."โหน"
มาอ้างเพื่อยกตนไปทำสิ่งต่างๆ

มีในพระสูตรไหนบ้างที่กล่าวว่าพระพุทธเจ้าทรงนั่งเขียนหนังสือแต่งตำหรับตำรา หรือพระอรหันต์องค์ไหนที่เป็นนักเขียนชื่อดัง แม้แต่พระอานนท์ผู้มีความจำอันยอดเยี่ยม ไปค้นมาให้อ่านเร็วๆเข้านะ กรัชกาย

พระพุทธเจ้า พระอรหันตเจ้าทั้งหลาย ท่านหมดกิเลสตัณหาอัตตา มานะทิฏฐิทั้งสิ้นแล้ว ท่านอยู่ด้วยเมตตา พรหมวิหารธรรม อยู่ด้วยกิริยาจิต ไม่คิดไม่นึกทะยานอยากในสิ่งใด โปรดสัตว์โลกไปตามกำลังแห่งเหตุและปัจจัย ไม่ใช่แส่ไปดิ้นรนไปอย่างที่กรัชกายทำหรอกนะ ท่านบริสุทธิ์หมดจดแล้วจากอามิสทั้งปวง กรัชกายจงอย่าโหนหรืออย่าดึงท่านมาเทียบเพื่อยกตนอยู่เลย จักเป็นภัยใหญ่หลวงในการประพฤติปฏิบัติธรรมของกรัชกายเองนะ จะบอกให้



จาก

viewtopic.php?f=1&t=53261&p=400283#p400283




อ้างคำพูด:
ไม่คิดไม่นึกทะยานอยากในสิ่งใด


เอาล่ะทีนี้มาตีความคำว่าอยาก, ไม่อยาก แนวพระอรหันต์กัน

กบนอกกะลา เช่นนั้น

ไหนว่าไปสิคำว่า "อยาก" "ไม่อยาก" ตามที่คุณคิดตีความ :b14:

ว่าไป "ไม่คิด ไม่นึก ทะยานอยากในสิ่งใด"

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ต.ค. 2016, 21:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จะรออีกนานไหมเนี่ย

รูปภาพ


คนมีชีวิตไม่คิดไม่นึกไม่อยากก็ก้อนหินเท่านั้นแหละ :b32: บอกไม่เชื่อ :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ต.ค. 2016, 21:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


มาตีความหมาย...ยางอาย...ก่อนจะดีกว่าม้าง..

ถามหน่อย...คิดยังงัย...ตัดตอนคำ..มาเล่น..??
.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ต.ค. 2016, 21:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
มาตีความหมาย...ยางอาย...ก่อนจะดีกว่าม้าง..

ถามหน่อย...คิดยังงัย...ตัดตอนคำ..มาเล่น..??
.



ตัดเอาแค่นี้"ไม่คิดไม่นึก" คลุมความหมดแล้ว ไม่คิดไม่นึกเชียวหรือคน :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ต.ค. 2016, 22:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
มาตีความหมาย...ยางอาย...ก่อนจะดีกว่าม้าง..

ถามหน่อย...คิดยังงัย...ตัดตอนคำ..มาเล่น..??
.


ตัดเอาแค่นี้"ไม่คิดไม่นึก" คลุมความหมดแล้ว ไม่คิดไม่นึกเชียวหรือคน :b32:


กักกาย..ว่า..คลุมหมดแล้ว...รึ?

สงสัย...ต่อมยางอาย..ไม่ทำงาน..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ต.ค. 2016, 22:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
มาตีความหมาย...ยางอาย...ก่อนจะดีกว่าม้าง..

ถามหน่อย...คิดยังงัย...ตัดตอนคำ..มาเล่น..??
.


ตัดเอาแค่นี้"ไม่คิดไม่นึก" คลุมความหมดแล้ว ไม่คิดไม่นึกเชียวหรือคน :b32:


กักกาย..ว่า..คลุมหมดแล้ว...รึ?

สงสัย...ต่อมยางอาย..ไม่ทำงาน..



คิกๆๆ ใช่คลุมหมดแล้ว "ไม่คิดไม่นึก" ก็คนยังมีชีวิต ไม่คิดไม่นึกก็ก้อนหินแล้ว รึกบต่างดาวจะเถียง :b32:

รูปภาพ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ต.ค. 2016, 03:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b38:
"...สัญญา กับ ปัญญา..."

พระธรรมเจดีย์ (จูม พันธุโล) ถาม : เวลาโลกธรรมทั้ง ๘ อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น ผู้ที่ได้สดับแล้วเช่นข้าพเจ้าก็จำได้ว่า โลกธรรมทั้ง ๘ นี้ ไม่เที่ยงเป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา แต่ทำไมในเวลาโลกธรรมอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น ใจข้าพเจ้าจึงยินดียินร้ายไปตามโลกธรรมทั้ง ๘ นั้น

ท่านพระอาจารยมั่น ภูริทัตโต ตอบ : ผู้ที่สดับฟังที่จำทรงปริยัติธรรมไว้ได้มากนั้น เป็นแต่จำเรื่องราวในพระพุทธศาสนาที่จะนำมาประพฤติปฏิบัติ แต่ยังไม่ได้ตั้งใจประพฤติปฏิบัติอย่างพระอริยสาวก จึงละความยินดียินร้าย ในธรรมทั้ง ๘ ไม่ได้

พระธรรมเจดีย์ (จูม พันธุโล) ถาม : ข้าพเจ้าก็ปฏิบัติอยู่ คือเป็นผู้มีศีล มีธรรม และรู้เรื่องราวเข้าใจในคำสอนทั้งหลาย แต่ทำไมจึงละความยินดียินร้ายในโลกธรรมไม่ได้

ท่านพระอาจารยมั่น ภูริทัตโต ตอบ : ท่านรู้แต่ชั้นสัญญา ไม่รู้เห็นในชั้นปัญญา แต่สำคัญตนว่ารู้แล้ว เพราะนึกถึงธรรมเหล่าใดที่ได้จำทรงไว้ ก็ได้ความแจ่มแจ้งในชั้นสัญญา ไม่ใช่รู้เห็นตามความเป็นจริงซึ่งเป็นชั้นปัญญาเหมือนอย่างพระอริยสาวกที่ท่านได้เห็นความจริงคือ ไตรลักษณ์หรืออริยสัจ และได้ทำกิจตามหน้าที่ของอริยสัจทั้ง ๔ ด้วย จึงละความยินดียินร้ายในโลกธรรมทั้ง ๘ ไม่ได้

พระธรรมเจดีย์ (จูม พันธุโล) ถาม : ไตรลักษณ์และอริยสัจจ์นั้นข้าพเจ้าเข้าใจดี และอธิบายให้คนอื่นฟังอีกก็ได้ ทำไมจึงว่าข้าพเจ้าไม่รู้ หรือจะให้ข้าพเจ้าเทศน์ไตรลักษณ์และอริยสัจจ์ ๔ ให้ท่านฟังสักกัณฑ์ใหญ่ก็ได้

ท่านพระอาจารยมั่น ภูริทัตโต ตอบ : ข้าพเจ้าพูดถึงชั้นปัญญาของพระอริยสาวก ท่านก็พูดแต่ชั้นสัญญาอีกร่ำไป ท่านจงใคร่ครวญพิจารณาดูเองเถิด ถ้าความรู้ความเห็นของท่านไม่ใช่ชั้นสัญญา เป็นชั้นปัญญาแล้ว ก็คงละความยินดียินร้ายในโลกธรรมทั้ง ๘ ได้เหมือนอริยสาวก ที่ไหนจะเป็นปุถุชน

พระธรรมเจดีย์ (จูม พันธุโล) ถาม : ข้าพเจ้าไม่เข้าใจว่า ความรู้ชนิดไหนเป็นชั้นปัญญา เพราะข้าพเจ้านึกถึงธรรมทั้งหลายที่จำทรงไว้นั้น ก็ได้ความในคำสอนทั้งหลายอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง จึงสำคัญว่าเป็นชั้นปัญญา

ท่านพระอาจารยมั่น ภูริทัตโต ตอบ : ความจำทรงทั้งหลายไว้ได้มาก นี่เรียกว่าชั้นปริยัติ และนำคำสอนมาประพฤติปฏิบัติเจริญจรณะ ๑๕ จนแก่กล้าบริบูรณ์ขึ้นอีกแล้ว นี่เรียกว่าชั้นปฏิบัติ เมื่อวิชชาและวิมุตติเกิดขึ้น นี่เรียกว่าชั้นปฏิเวธ

พระธรรมเจดีย์ (จูม พันธุโล) ถาม : ข้าพเจ้าเข้าใจผิด และเป็นผู้ประมาทมาก ไม่ได้เจริญจรณะทั้ง ๑๕ ให้บริบูรณ์ ขึ้นในตน จึงไม่ถึงวิชชาและวิมุตติ ความศึกษาของข้าพเจ้า นั้นคงเป็นหมันเสียแล้ว

ท่านพระอาจารยมั่น ภูริทัตโต ตอบ : เมื่อท่านรู้ตัวได้เช่นนี้เป็นความดีสำคัญทีเดียว จะได้ตั้งใจเจริญจรณะ ๑๕ ให้แก่กล้าบริบูรณ์ จะได้ถึงซึ่งวิชชาและวิมุตติ

พระธรรมเจดีย์ (จูม พันธุโล) ถาม : จะทำในใจแยบคายได้อย่างไร จึงจะไม่ประมาทและมีความเพียรตั้งใจเจริญจรณะ ๑๕ ให้บริบูรณ์ขึ้น

ท่านพระอาจารยมั่น ภูริทัตโต ตอบ : ความไม่ประมาทก็มีอยู่ในจรณะ ๑๕ คือ ศรัทธา ศีล วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา ก็พอครบสิกขา ๓ อยู่แล้ว แต่ท่านไม่เจริญให้มากขึ้น จึงไม่มีบริบูรณ์ในตน

พระธรรมเจดีย์ (จูม พันธุโล) ถาม : ข้อนั้นจริงอยู่ แต่ข้าพเจ้าคิดว่าจะต้องทำในใจให้แยบคายอย่างไรอีก เพื่อให้มีกำลังใจแข็งแรงและพากเพียรให้ยิ่งขึ้น ขอท่านจงแนะนำให้ข้าพเจ้ายินดีในความไม่ประมาท และเห็นภัยในความประมาท

ท่านพระอาจารยมั่น ภูริทัตโต ตอบ : ต้องพิจารณาให้เห็นภัยในสังสารวัฏฏ์ หรือพิจารณาเห็นภัยในทุคติและกำเนิดสัตว์ดิรัจฉานว่า
ผู้ที่ประมาทแล้วนั้นต้องเวียนเกิดในวัฏฏะ ๓ เป็นเขตแดนแห่งมัจจุราชคือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ตายแล้วไปเกิดๆ แล้วแก่เจ็บตาย ไม่มีที่สุดเวียนอยู่ใน ๓ ภพ ๓ ภพนั้นลำบากมาก เพราะประกอบด้วยชาติ ชรา มรณะ สมัยใดเสพสัตบุรุษและฟังธรรมก็ทำกรรมเป็นบุญ จึงได้เกิดสุคติ สมัยใดเสพอสัตบุรุษก็ทำกรรมเป็นบาปเพราะผู้ที่ยังละอาสวะไม่ได้ก็ทำกรรมเป็นบาป ต้องไปเกิดในทุคติและกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน เสวยทุกขเวทนาหยาบกล้าเผ็ดร้อน เหลือที่จะพรรณนา เพราะยังไม่ปิดประตูอบาย คือยังไม่บรรลุโสดาปัตติผล เราจะประพฤติปฏิบัติได้ในเวลายังมีชีวิตอยู่เท่านั้น ถ้าความตายมาถึงเข้าก็ไม่มีโอกาสที่จะทำความดีได้ และลมหายใจก็ไม่ได้นัดกับเราว่า จะหยุดลงวันใด เพราะฉะนั้นเราจึงควรพากเพียรให้ถึงซึ่งมรรคและผล จะได้พ้นภัยในอบายและภัยในสงสารวัฏฏ์ ดังพระพุทธสุภาษิตในภัทเทกรัตตสูตร มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ หน้า ๓๔๙ ว่า..

อชฺเชว กิจฺมาตปฺปํ ควรรีบทำความเพียรในวันนี้ทีเดียว
โก ชญฺญา มรณํ สุเว ใครเล่าจะรู้ว่าความตายจะมีมาในวันพรุ่งนี้
น หิ โน สงฺครนฺเตน ความผัดเพี้ยนด้วยพญามัจจุราช
มหาเสเนน มจฺจุนา ผู้มีเสนาใหญ่นั้น ย่อมไม่ได้เลยทีเดียว

พระธรรมเจดีย์ (จูม พันธุโล) ถาม : ข้าพเจ้าฟังท่านบรรยายภัยในสังสารวัฏและภัยในอบายทำให้ข้าพเจ้าสะดุ้งกลัวและตั้งใจละความประมาท เจริญความไม่ประมาทให้สมบูรณ์ขึ้นในตน เพื่อถึงซึ่ง มรรคและผล

ท่านพระอาจารยมั่น ภูริทัตโต ตอบ : สาธุ ข้าพเจ้าขออนุโมทนาความตั้งใจชอบเช่นนั้นของท่านด้วย...

ที่มา : จากหนังสือ ธัมมานุธัมมปฏิบัติ ปฏิปัตติวิภาค
พระธรรมเจดีย์ (จูม พันธุโล) ถาม
ท่านพระอาจารยมั่น ภูริทัตโต ตอบ

onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ต.ค. 2016, 08:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จะตั้งโจทก์ให้ท่านอโศกทำนะขอรับ :b14: เอ้า

ถ้าไฟไหม้กะลังไหม้บ้านที่ตนเองอาศัยอยู่ ท่านอโศกจะดับเลย หรือรอให้ถึงพรุ่งนี้มะรืนนี้มะเรื่องหนึ่งก่อนจึงค่อยดับ จึงค่อยโทรแจ้งหน่วยดับเพลิงขอรับ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 159 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 11  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 111 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร