วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 14:52  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2016, 05:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


พระพุทธองค์ทรงกล่าวสรุป ถึงเนื้อหาของการแสดงพระปฐมเทศนาไว้ในสัจจวิภังคสูตร มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ ว่า
... ภิกษุทั้งหลาย! ตถาคตผู้อรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ประกาศอนุตตรธรรมจักรให้เป็นไปแล้ว ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ใกล้นครพาราณสี, เป็นพระธรรมจักรที่สมณะพราหมณ์, เทพ มาร พรหม หรือใคร ๆ ในโลก จะต้านทานให้หมุนกลับไม่ได้ (คือความจริงที่ไม่มีผู้ใดปฏิเสธได้) ข้อนี้คือ การบอก การแสดง การบัญญัติ การแต่งตั้ง การเปิดเผย การจำแนก และการทำให้ง่าย ซึ่งความจริงอันประเสริฐสี่ประการ
สี่ประการนั้นได้แก่
ความจริงอันประเสริฐ คือความทุกข์,
ความจริงอันประเสริฐ คือเหตุให้เกิดทุกข์,
ความจริงอันประเสริฐ คือความดับไม่เหลือแห่งทุกข์,
และความจริงอันประเสริฐ คือทางที่ทำให้ผู้ปฏิบัติตามลุถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์...

— มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ สัจจวิภังคสูตร






"คนที่ทำบุญสุนทานอยู่บ่อยๆ แทนที่เขาจะอดอยากยากจน ไปขอเขาอยู่เขากิน ไม่เป็นอย่างนั้น เขาแสวงหาสมบัติพัสถานต่างๆ ก็ได้มาสมบูรณ์พูนสุข
คนที่ตระหนี่เหนียวแน่นกอบโกยกันอยู่ตลอดเวลา ไม่เคยทำบุญสุนทานอะไร แทนที่เขาจะรวยมั่งมี เขาก็ไม่มีเท่าไรถึงได้มากก็เหมือนน้อยด้วยใจที่ไม่รู้จักพอ ส่วนคนที่เขาทำบุญสุนทาน แทนที่เขาจะยากจนเขาก็ไม่ยากจนเท่าไร ยังพอเป็นพอไป แม้นได้น้อยก็เหมือนมากด้วยความพอใจ ด้วยอำนาจผลของทานดลบันดาลมาให้ ย่อมไม่เดือดร้อนทั้งในชาตินี้และชาติต่อๆ ไป"

พระอาจารย์สิงห์ทอง ธัมมวโร





คนมีปัญญา ย่อมมีทางออก
แม้จิตมันจะลุ่มหลงมัวเมา
ไปตามอำนาจกิเลส
.
คนมีปัญญาแล้ว
ต้องเอาชนะจิตกิเลสของตนได้
ด้วยปัญญา ด้วยการภาวนา
ด้วยการทำความดี
.
เมื่อความดีพอ ความชั่วมันก็หายไป
ความดีขึ้นมาแทนที่
ชื่อว่า " นัตถิ ปัญญาสมา อาภา "
แสงสว่างเสมอด้วยปัญญาไม่มี
.
‪#‎วาทะธรรมคำสอนหลวงปู่สิม‬ พุทธาจาโร





ธรรมะก่อนนิทรา : สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช
คืนที่ ๙๙๙ การอบรมปัญญา : สังขาร (๒)

จึงต้องมีความโศก มีความคร่ำครวญรำพัน มีไม่สบายกายไม่สบายใจ มีความคับแค้นใจ ที่เป็นตัวทุกข์ทางใจต่างๆ อยู่ตลอดเวลา เพราะว่าขันธ์เป็นที่ยึดถือนี้ต้องแปรปรวนเปลี่ยนแปลงไป แต่เมื่อจิตใจยังมีความยึดถืออยู่ ก็ย่อมยึดถือไว้ไม่ต้องการจะให้แปรปรวนเปลี่ยนแปลงไป

เมื่อพบความแปรปรวนเปลี่ยนแปลงไป อันเป็นไปโดยที่ไม่สมปรารถนา จึงต้องเป็นทุกข์ร้อนต่างๆ น้อยหรือมาก ตามแต่ว่าจะยึดถือไว้น้อยหรือมากเพียงไร และความยึดถือนี้เองก็เป็นตัวกิเลส ความทุกข์ต่างๆ ก็เป็นผลของกิเลส และแม้จะยึดถือไว้เพียงไรขันธ์ ๕ นี้ก็ต้องแก่ต้องเจ็บต้องตายไปตามธรรมดานั้นเอง เพราะฉะนั้นเมื่อไปยึดเอาไว้ที่จะไม่ให้แก่ไม่ให้เจ็บไม่ให้ตาย ก็ต้องเป็นทุกข์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2016, 20:15 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2943


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร