วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 14:41  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 57 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2016, 13:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

http://pantip.com/topic/35311405

ไปเอามาจากพันทิบอีกแล้วครับ เขาเถียงกันเรื่องคำพุทธเจ้าเอา สาวกไม่เอา
ผมเห็นว่ามันเข้ากันดีกับปัญหาของสมาชิกลานธรรมจักหลายคน
บางคนหลงโวหารซะจนไม่รู้เหนือรู้ใต้ คือพูดดะอ้างไปเรื่อยโดยไม่รู้หรอกว่า
อะไรเป็นคำของพระพุทธเจ้า อะไรเป็นคำสาวก อะไรเป็นตำราสอนเด็กและอะไรเป็น
พระธรรมสอนสอนอริยะ :b13:

ปล.แก้ไขรูปเพื่อความเหมาะสมกับหน้ากระทู้ครับ
เพื่อให้แน่ใจว่าเอามาจากพันทิบ จึงได้วางลิ้งไว้เป็นการยืนยัน :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2016, 15:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
รูปภาพ

http://pantip.com/topic/35311405

ไปเอามาจากพันทิบอีกแล้วครับ เขาเถียงกันเรื่องคำพุทธเจ้าเอา สาวกไม่เอา
ผมเห็นว่ามันเข้ากันดีกับปัญหาของสมาชิกลานธรรมจักหลายคน
บางคนหลงโวหารซะจนไม่รู้เหนือรู้ใต้ คือพูดดะอ้างไปเรื่อยโดยไม่รู้หรอกว่า
อะไรเป็นคำของพระพุทธเจ้า อะไรเป็นคำสาวก อะไรเป็นตำราสอนเด็กและอะไรเป็น
พระธรรมสอนสอนอริยะ :b13:

ปล.แก้ไขรูปเพื่อความเหมาะสมกับหน้ากระทู้ครับ
เพื่อให้แน่ใจว่าเอามาจากพันทิบ จึงได้วางลิ้งไว้เป็นการยืนยัน :b13:



จะออกแนวๆคึกคักตะกั่วป่านะน่า แต่หารู้ไม่ว่า สิ่งที่ตัวเองพูดมีเป็นอัตตโน อรรถกถาก็ไม่ใช่ แต่เป็นอัตตโนมติ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2016, 17:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รู้จักอรรถกถาดีพอมั้ย :b32:

รูปภาพ


รวมโฮฮับเข้าไปด้วย :b13:

โฮฮับเป็นสาวกด้วยไหมน๊า มีช้อยให้เลือก

1 เป็น

2. ไม่เป็น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2016, 18:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไอ้ที่เอามาเป็นประเด็นถกเถียงกัน ผมว่ามันมั่วทั้งคู่
ฝ่ายที่บอกว่า ต้องยึดเอาคำของพุทธองค์ไม่เอาคำของสาวก.... ที่พูดก็ถูก แต่มันผิดที่ความเข้าใจของคนพูด
และที่พูดว่า เชื่อได้ทั้งของพระพุทธองค์และของสาวก.....นี่ก็ถูกแต่ผิดที่ความเข้าใจ
แล้วที่ผมว่ามันผิดที่ความเข้าใจ มันเป็นอย่างไร เขาไม่เข้าใจตรงไหน

ที่ว่าต้องเชื่อพระพุทธองค์นี่ถูกร้อยเปอร์เซ็น แต่ผู้พูดดันไปเข้าใจผิดในเนื้อหา
นั้นก็คือ เข้าใจผิดในสิ่งที่เรียกว่า คำพูดของพุทธองค์ ก็คือไม่รู้ว่าเนื้อหาหรือบัญญัติใดคือคำพูดของพุทธองค์ ซึ่งก็คือพุทธพจน์นั้นเอง

กับอีกฝ่ายนี่ยิ่งไปกันใหญ่ ปากบอกว่าเชื่อทั้งสองทั้งพระพุทะองค์และสาวก
แต่การกระทำจากความเข้าใจผิด ดันเอาคำของสาวกมาเป็นคำของพุทธองค์หรือพุทธพจน์นั้นเอง
พูดให้ชัดก็คือเอาโวหารของสาวกมาเป็นพุทธพจน์ด้วยความเข้าใจผิด

จะบอกให้ครับ โดยหลักที่แท้จริงนั้น เราต้องยึดเอาพุทธพจน์เป็นหลัก
และเอาโวหารหรือคำของสาวกเป็นรอง

พุทธพจน์จะต้องเป็นคำเดิมๆไม่มีการเปลี่่ยนแปลง เช่น คำว่า สังขาร ก็ต้องว่าสังขาร
คำว่ากายก็ต้องว่า ไม่ใช่เอาคำว่า สังขารกับกายมารวมกัน แล้วบอกว่า นี่คือกายสังขาร
พุทธพจน์ไม่มีคำว่า กายสังขาร มีแต่คำว่า กายกับสังขาร มันเป็นคนละองค์ธรรมกัน

การจะเข้าใจในพุทธพจน์ จะต้องอาศัยโวหารหรือคำพูดของสาวกมาอธิบายความ
โดยหลักชัดๆก็คือ เอาคำพูดของพุทธองค์(พุทธพจน์)เป็นหลัก
แล้วจึงเอาคำของสาวกมาอธิบายให้เห็นถึงลักษณะของพุทธพจน์
การอธิบายลักษณะพุทธพจน์ ไม่ใช่การเอาพุทธพจน์ไปแปลไทยจนเกิดเป็นคำใหม่
ถ้าเป็นแบบนี้ เราสามารถตราหน้าได้ว่า ไม่เอาคำของสาวก
:b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2016, 18:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
รู้จักอรรถกถาดีพอมั้ย :b32:

รูปภาพ

รวมโฮฮับเข้าไปด้วย :b13:
โฮฮับเป็นสาวกด้วยไหมน๊า มีช้อยให้เลือก
1 เป็น
2. ไม่เป็น


บอกให้นิมนต์หลวงพ่อมาคุยเอง ทำไมชอบสะแหล่นเสนอหน้า ทั้งที่ไม่รู้น้า :b32:

ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ฝากไปบอกหลวงพ่อด้วยแล้วกันว่า

หลวงพ่อปยุตครับท่านกำลังเข้าใจผิดในสิ่งที่ท่านอ้างนะครับ
ที่ว่าเข้าใจผิดอย่างไร นั้นก็คือที่ท่านไม่เข้าใจความเป็นอรรถกถาครับ

ท่านอ้างว่าพระไตรปิฎกแปลไทย อาศัยแปลจากอรรถกถา....มั่วแล้วครับ
คัมภีร์อรรถกถา เป็นคัมภีร์ที่ใช้อธิบายความเนื้อหาในพระไตรปิฎก

พระไตรปิฎกเดิมเป็นบาลี และอรรถกถาเดิมก็เป็นบาลี
พระไตรปิฎกแปลไทยเดิม มันต้องแปลจากบาลีพระไตรปิฎกซิครับ
และคัมภีร์อรรถกถาแปลไทยก็แปลจาก คัมภีร์อรรถกถาบาลี


หลวงพ่อมั่วอย่างจังครับ ที่ว่าพระไตรปิฎกแปลไทยแปลจากคัมภีร์อรรถกถา :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2016, 19:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
:b12:
ถามว่าพระสาวกที่ฟังพระพุทธพจน์จากพระโอษฐ์โดยตรง
ล้วนแต่ระดับจิตชั้นอริยบุคคลที่ดับความหลงผิดว่ามีตัวตน
แล้วท่านเหล่านั้นกล่าวคำของพระพุทธเจ้าด้วยความเข้าใจ
แม้ภายหลังเมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้ว
ก็ล้วนแต่พระอรหันต์ที่ร่วมกันสังคายนามีบันทึกพระไตรปิฎก
มาจนถึงยุคนี้ที่คนในยุคสมัยนี้แม้จะไม่ได้ยินจากพระโอษฐ์ก็ตาม
แต่ทุกคำในพระไตรปิฎกล้วนแสดงความจริงเป็นสัจจธรรมเสมอค่ะ
พระพุทธเจ้าตรัสให้พระธรรมและพระวินัยเป็นศาสดาแทนพระองค์
และพุทธศาสนาจะดำรงอยู่ได้ในจิตใจผู้ที่เข้าใจถูกต้องตามคำสอนน๊า
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2016, 19:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มีบางคนบอกว่า เก่งจริงให้เอาคำของพุทธองค์มาแสดง
ผมไม่สนใจ เพราะเห็นว่าแกไม่รู้เรื่องแต่ต้น แกก็เลยเอาสิ่งที่แกอ้างมาโชว์
ผมก็เลยถือวิสาสะเอามาเป็นตัวอย่างในกระทูนี้เสียเลย

เช่นนั้น เขียน:
มันมีที่มาที่ไปของธรรมแต่ละตัว
ก็ยกคำพระพุทธองค์มาแสดงสิโฮฮับ
ไม่ใช่การอธิบายจากคนไม่รู้ภาษา

[quote-tipitaka][๑๔๗] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่าน
อนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ... พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย ภิกษุย่อมจงใจ ย่อมดำริ และครุ่นคิดถึงสิ่งใด สิ่งนั้นย่อมเป็น
อารัมณปัจจัยเพื่อความตั้งอยู่แห่งวิญญาณ เมื่อมีอารัมณปัจจัย ความตั้งมั่นแห่ง
วิญญาณจึงมี เมื่อวิญญาณนั้นตั้งมั่นแล้ว เจริญขึ้นแล้ว ความหยั่งลงแห่งนามรูป
จึงมี เพราะนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะ เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมี
ผัสสะ เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา
เพราะตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ เพราะ
ภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติ เพราะชาติเป็นปัจจัย จึงมีชราและมรณะ โสกปริเทว-
*ทุกขโทมนัสและอุปายาส ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการ
อย่างนี้ ฯ


คุณเช่นนั้นแกท้าให้ผมเอาคำของพุทธองค์มาแสดง สุดท้ายแกทนไม่ได้แกก็เลยเอามาแสดง
ซึ่งแท้จริงแล้ว มันก็เป็นแค่พระสูตรแปลไทยบทหนึ่ง

นี่คือตัวอย่างของคนที่ไม่ด้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย วันๆก็ดีแต่อ้างชื่อพระพุทธองค์
อยากถามคุณเช่นนั้นครับว่า ไอ้พระสูตรแปลไทยที่เอามาอ้าง มันเป็นคำของพุทธองค์จริงๆหรือครับ

พุทโธ่เอ้ย! ก็บอกแล้วว่า เบสิกยังไม่รู้ แค่นจะเอาธรรมสูงๆ
พระสูตรที่คุณอ้างเขาเรียกพระสูตรแปลไทย และผู้แปลคือ คณะสงฆ์หรือพวกมหาในโรงเรียนสงฆ์
เนื้อหาในในล้วนเป็นโวหารของผู้แปล สรุปมันก็คือคำพูดของผู้แปลล้วนๆ
ปล.ผมไม่ได้หมายความว่า ไม่ให้เชื่อพระไตรปิฎกแปลนะครับ มันมีทั้งส่วนที่ถูกและผิดครับ

โดยหลักการแล้วท่านให้ดูที่บาลีพระไตรปิฎก บาลีพระไตรปิฎกเป็นการเอาพุทธพจน์มาถ่ายทอด
ซึ่งลักษณะของพุทธพจน์ จะเป็นคำๆ ทุกคำมีความหมายในตัวเอง
พุทธพจน์ไม่มีการผสมคำ พุทธพจน์ไม่มีการแปลจะต้องเข้าด้วยลักษณะ
เพราะสิ่งที่พระพุทธองค์บัญญัติ ไม่ใช่สิ่งที่ปรากฎให้เห็นได้

สรุปให้ฟังครับว่า พระไตรปิฎกแปลไทยมันก็คือโวหารของสาวกรุ่นหลังมากๆนั้นเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2016, 21:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
มีบางคนบอกว่า เก่งจริงให้เอาคำของพุทธองค์มาแสดง
ผมไม่สนใจ เพราะเห็นว่าแกไม่รู้เรื่องแต่ต้น แกก็เลยเอาสิ่งที่แกอ้างมาโชว์
ผมก็เลยถือวิสาสะเอามาเป็นตัวอย่างในกระทูนี้เสียเลย

เช่นนั้น เขียน:
มันมีที่มาที่ไปของธรรมแต่ละตัว
ก็ยกคำพระพุทธองค์มาแสดงสิโฮฮับ
ไม่ใช่การอธิบายจากคนไม่รู้ภาษา

[quote-tipitaka][๑๔๗] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่าน
อนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ... พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย ภิกษุย่อมจงใจ ย่อมดำริ และครุ่นคิดถึงสิ่งใด สิ่งนั้นย่อมเป็น
อารัมณปัจจัยเพื่อความตั้งอยู่แห่งวิญญาณ เมื่อมีอารัมณปัจจัย ความตั้งมั่นแห่ง
วิญญาณจึงมี เมื่อวิญญาณนั้นตั้งมั่นแล้ว เจริญขึ้นแล้ว ความหยั่งลงแห่งนามรูป
จึงมี เพราะนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะ เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมี
ผัสสะ เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา
เพราะตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ เพราะ
ภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติ เพราะชาติเป็นปัจจัย จึงมีชราและมรณะ โสกปริเทว-
*ทุกขโทมนัสและอุปายาส ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการ
อย่างนี้ ฯ


คุณเช่นนั้นแกท้าให้ผมเอาคำของพุทธองค์มาแสดง สุดท้ายแกทนไม่ได้แกก็เลยเอามาแสดง
ซึ่งแท้จริงแล้ว มันก็เป็นแค่พระสูตรแปลไทยบทหนึ่ง

นี่คือตัวอย่างของคนที่ไม่ด้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย วันๆก็ดีแต่อ้างชื่อพระพุทธองค์
อยากถามคุณเช่นนั้นครับว่า ไอ้พระสูตรแปลไทยที่เอามาอ้าง มันเป็นคำของพุทธองค์จริงๆหรือครับ

พุทโธ่เอ้ย! ก็บอกแล้วว่า เบสิกยังไม่รู้ แค่นจะเอาธรรมสูงๆ
พระสูตรที่คุณอ้างเขาเรียกพระสูตรแปลไทย และผู้แปลคือ คณะสงฆ์หรือพวกมหาในโรงเรียนสงฆ์
เนื้อหาในในล้วนเป็นโวหารของผู้แปล สรุปมันก็คือคำพูดของผู้แปลล้วนๆ
ปล.ผมไม่ได้หมายความว่า ไม่ให้เชื่อพระไตรปิฎกแปลนะครับ มันมีทั้งส่วนที่ถูกและผิดครับ

โดยหลักการแล้วท่านให้ดูที่บาลีพระไตรปิฎก บาลีพระไตรปิฎกเป็นการเอาพุทธพจน์มาถ่ายทอด
ซึ่งลักษณะของพุทธพจน์ จะเป็นคำๆ ทุกคำมีความหมายในตัวเอง
พุทธพจน์ไม่มีการผสมคำ พุทธพจน์ไม่มีการแปลจะต้องเข้าด้วยลักษณะ
เพราะสิ่งที่พระพุทธองค์บัญญัติ ไม่ใช่สิ่งที่ปรากฎให้เห็นได้

สรุปให้ฟังครับว่า พระไตรปิฎกแปลไทยมันก็คือโวหารของสาวกรุ่นหลังมากๆนั้นเอง

:b32: :b32: :b32:

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2016, 21:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b6: :b6: :b6:

คนจะขึ้นสวรรค์..ใครจะฉุดอยู่
คนจะตกนรก..ใครจะรั้งได้..

:b22: :b22:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2016, 01:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
รูปภาพ

http://pantip.com/topic/35311405

ไปเอามาจากพันทิบอีกแล้วครับ เขาเถียงกันเรื่องคำพุทธเจ้าเอา สาวกไม่เอา
ผมเห็นว่ามันเข้ากันดีกับปัญหาของสมาชิกลานธรรมจักหลายคน
บางคนหลงโวหารซะจนไม่รู้เหนือรู้ใต้ คือพูดดะอ้างไปเรื่อยโดยไม่รู้หรอกว่า
อะไรเป็นคำของพระพุทธเจ้า อะไรเป็นคำสาวก อะไรเป็นตำราสอนเด็กและอะไรเป็น
พระธรรมสอนสอนอริยะ :b13:

ปล.แก้ไขรูปเพื่อความเหมาะสมกับหน้ากระทู้ครับ
เพื่อให้แน่ใจว่าเอามาจากพันทิบ จึงได้วางลิ้งไว้เป็นการยืนยัน :b13:


ถ้าเป็นคาถาของสาวก

พระพุทธเจ้าต้องเป็นผู้รับรอง

หมายถึงในพระไตรปิฎก

จะมีเรื่องราวของสาวกทั้งหลาย

ล้วนแล้วแต่ผ่านการประชุมต่อหน้าพระพุทธเจ้า

การเอาแต่พระพุทธพจน์
แสดงว่าปฏิเสธสิ่งที่พระพุทธเจ้ารับรอง

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2016, 05:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
มีบางคนบอกว่า เก่งจริงให้เอาคำของพุทธองค์มาแสดง
ผมไม่สนใจ เพราะเห็นว่าแกไม่รู้เรื่องแต่ต้น แกก็เลยเอาสิ่งที่แกอ้างมาโชว์
ผมก็เลยถือวิสาสะเอามาเป็นตัวอย่างในกระทูนี้เสียเลย

เช่นนั้น เขียน:
มันมีที่มาที่ไปของธรรมแต่ละตัว
ก็ยกคำพระพุทธองค์มาแสดงสิโฮฮับ
ไม่ใช่การอธิบายจากคนไม่รู้ภาษา

[quote-tipitaka][๑๔๗] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่าน
อนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ... พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย ภิกษุย่อมจงใจ ย่อมดำริ และครุ่นคิดถึงสิ่งใด สิ่งนั้นย่อมเป็น
อารัมณปัจจัยเพื่อความตั้งอยู่แห่งวิญญาณ เมื่อมีอารัมณปัจจัย ความตั้งมั่นแห่ง
วิญญาณจึงมี เมื่อวิญญาณนั้นตั้งมั่นแล้ว เจริญขึ้นแล้ว ความหยั่งลงแห่งนามรูป
จึงมี เพราะนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะ เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมี
ผัสสะ เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา
เพราะตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ เพราะ
ภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติ เพราะชาติเป็นปัจจัย จึงมีชราและมรณะ โสกปริเทว-
*ทุกขโทมนัสและอุปายาส ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการ
อย่างนี้ ฯ


คุณเช่นนั้นแกท้าให้ผมเอาคำของพุทธองค์มาแสดง สุดท้ายแกทนไม่ได้แกก็เลยเอามาแสดง
ซึ่งแท้จริงแล้ว มันก็เป็นแค่พระสูตรแปลไทยบทหนึ่ง

นี่คือตัวอย่างของคนที่ไม่ด้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย วันๆก็ดีแต่อ้างชื่อพระพุทธองค์
อยากถามคุณเช่นนั้นครับว่า ไอ้พระสูตรแปลไทยที่เอามาอ้าง มันเป็นคำของพุทธองค์จริงๆหรือครับ

พุทโธ่เอ้ย! ก็บอกแล้วว่า เบสิกยังไม่รู้ แค่นจะเอาธรรมสูงๆ
พระสูตรที่คุณอ้างเขาเรียกพระสูตรแปลไทย และผู้แปลคือ คณะสงฆ์หรือพวกมหาในโรงเรียนสงฆ์
เนื้อหาในในล้วนเป็นโวหารของผู้แปล สรุปมันก็คือคำพูดของผู้แปลล้วนๆ
ปล.ผมไม่ได้หมายความว่า ไม่ให้เชื่อพระไตรปิฎกแปลนะครับ มันมีทั้งส่วนที่ถูกและผิดครับ

โดยหลักการแล้วท่านให้ดูที่บาลีพระไตรปิฎก บาลีพระไตรปิฎกเป็นการเอาพุทธพจน์มาถ่ายทอด
ซึ่งลักษณะของพุทธพจน์ จะเป็นคำๆ ทุกคำมีความหมายในตัวเอง
พุทธพจน์ไม่มีการผสมคำ พุทธพจน์ไม่มีการแปลจะต้องเข้าด้วยลักษณะ
เพราะสิ่งที่พระพุทธองค์บัญญัติ ไม่ใช่สิ่งที่ปรากฎให้เห็นได้

สรุปให้ฟังครับว่า พระไตรปิฎกแปลไทยมันก็คือโวหารของสาวกรุ่นหลังมากๆนั้นเอง



โฮฮับเป็นสาวกไหม

1. เป็น
2. ไม่เป็น
3. อัตตโนมติ


ถึงได้ด้นเอาเองมากมาย หรือคิดว่า จะจินตการว่าที่ตนเองด้นเดาไปนั่นเป็นพุทธพจน์ คือ คำพูดของพระพุทธเจ้า ครั้งกระโน้น :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2016, 07:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
:b6: :b6: :b6:

คนจะขึ้นสวรรค์..ใครจะฉุดอยู่
คนจะตกนรก..ใครจะรั้งได้..

:b22: :b22:


กระทู้นี้ไม่ต้อนรับพวกงมงายไร้สาระครับ ถ้าจะคุยเรื่องนรกสวรรค์
แนะนำครับ.......วัดแถวคลองหลวง :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2016, 07:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โฮฮับ เขียน:
มีบางคนบอกว่า เก่งจริงให้เอาคำของพุทธองค์มาแสดง
ผมไม่สนใจ เพราะเห็นว่าแกไม่รู้เรื่องแต่ต้น แกก็เลยเอาสิ่งที่แกอ้างมาโชว์
ผมก็เลยถือวิสาสะเอามาเป็นตัวอย่างในกระทูนี้เสียเลย

เช่นนั้น เขียน:
มันมีที่มาที่ไปของธรรมแต่ละตัว
ก็ยกคำพระพุทธองค์มาแสดงสิโฮฮับ
ไม่ใช่การอธิบายจากคนไม่รู้ภาษา

[quote-tipitaka][๑๔๗] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่าน
อนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ... พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย ภิกษุย่อมจงใจ ย่อมดำริ และครุ่นคิดถึงสิ่งใด สิ่งนั้นย่อมเป็น
อารัมณปัจจัยเพื่อความตั้งอยู่แห่งวิญญาณ เมื่อมีอารัมณปัจจัย ความตั้งมั่นแห่ง
วิญญาณจึงมี เมื่อวิญญาณนั้นตั้งมั่นแล้ว เจริญขึ้นแล้ว ความหยั่งลงแห่งนามรูป
จึงมี เพราะนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะ เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมี
ผัสสะ เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา
เพราะตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ เพราะ
ภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติ เพราะชาติเป็นปัจจัย จึงมีชราและมรณะ โสกปริเทว-
*ทุกขโทมนัสและอุปายาส ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการ
อย่างนี้ ฯ


คุณเช่นนั้นแกท้าให้ผมเอาคำของพุทธองค์มาแสดง สุดท้ายแกทนไม่ได้แกก็เลยเอามาแสดง
ซึ่งแท้จริงแล้ว มันก็เป็นแค่พระสูตรแปลไทยบทหนึ่ง

นี่คือตัวอย่างของคนที่ไม่ด้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย วันๆก็ดีแต่อ้างชื่อพระพุทธองค์
อยากถามคุณเช่นนั้นครับว่า ไอ้พระสูตรแปลไทยที่เอามาอ้าง มันเป็นคำของพุทธองค์จริงๆหรือครับ

พุทโธ่เอ้ย! ก็บอกแล้วว่า เบสิกยังไม่รู้ แค่นจะเอาธรรมสูงๆ
พระสูตรที่คุณอ้างเขาเรียกพระสูตรแปลไทย และผู้แปลคือ คณะสงฆ์หรือพวกมหาในโรงเรียนสงฆ์
เนื้อหาในในล้วนเป็นโวหารของผู้แปล สรุปมันก็คือคำพูดของผู้แปลล้วนๆ
ปล.ผมไม่ได้หมายความว่า ไม่ให้เชื่อพระไตรปิฎกแปลนะครับ มันมีทั้งส่วนที่ถูกและผิดครับ

โดยหลักการแล้วท่านให้ดูที่บาลีพระไตรปิฎก บาลีพระไตรปิฎกเป็นการเอาพุทธพจน์มาถ่ายทอด
ซึ่งลักษณะของพุทธพจน์ จะเป็นคำๆ ทุกคำมีความหมายในตัวเอง
พุทธพจน์ไม่มีการผสมคำ พุทธพจน์ไม่มีการแปลจะต้องเข้าด้วยลักษณะ
เพราะสิ่งที่พระพุทธองค์บัญญัติ ไม่ใช่สิ่งที่ปรากฎให้เห็นได้

สรุปให้ฟังครับว่า พระไตรปิฎกแปลไทยมันก็คือโวหารของสาวกรุ่นหลังมากๆนั้นเอง



โฮฮับเป็นสาวกไหม

1. เป็น
2. ไม่เป็น
3. อัตตโนมติ


ถึงได้ด้นเอาเองมากมาย หรือคิดว่า จะจินตการว่าที่ตนเองด้นเดาไปนั่นเป็นพุทธพจน์ คือ คำพูดของพระพุทธเจ้า ครั้งกระโน้น :b32:


พี่โฮไม่ใช่สาวก พี่โฮเป็นแค่ผู้ที่ศึกษาเนื้อหาคำสอนของศาสนาพุทธ
ตอนแรกออกจะแอนตี้พุทธ เพราะเห็นว่าสอนในเรื่องงมงาย พระพุทธองค์เกิดแล้วเดินได้เลย
พระพุทธองค์ทรงไปสวรรค์เพื่อสอนพระมารดาเอยฯลฯ ทั้งหมดทั้งมวลผมเห็นเป็นเรื่องไร้สาระ

แต่ต่อมาโตขึ้นรู้จักพิจารณาก่อนตัดสินใจถึงได้รู้ว่า ไอ้เรื่องงมงาย อิทธิฤทธิบางเรื่อง
มันก็เป็นเนื้อหาที่เอามาจากพระไตรปิฎก ที่ผ่านการสังคายนามาไม่รู้กี่ครั้ง
ยิ่งพระไตรปิฎกแปลไทยเกิดจากการแปลของผู้แปลหลากหลาย จริงบ้างรู้บ้างไม่รู้บ้าง

เหตุจึงทำให้รู้จักแยกแยะ เมื่อรู้จักแยกแยะ ก็เอะใจว่า สอนของพุทธที่แท้จริงต้องเป็นแบบนี้
ต้องพิจารณาที่กายใจตนเอง อย่าหลงเชื่อบัญญัติง่ายๆ เพราะมันไม่รู้ว่าใครต่อใครมามั่วบ้าง
อาศัยแค่มีตำแหน่งพัดยศ นึกจะสังคายนาก็สังคายนา เอามิจฉาทิฐิของตนสอดไส้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2016, 07:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:

ถ้าเป็นคาถาของสาวก
พระพุทธเจ้าต้องเป็นผู้รับรอง
หมายถึงในพระไตรปิฎก
จะมีเรื่องราวของสาวกทั้งหลาย
ล้วนแล้วแต่ผ่านการประชุมต่อหน้าพระพุทธเจ้า

การเอาแต่พระพุทธพจน์
แสดงว่าปฏิเสธสิ่งที่พระพุทธเจ้ารับรอง


ถามหน่อยครับแล้วพระไตรปิฎกที่คุณอ่านเนี้ย.....ใครรับรองครับ
อย่าบอกนะว่าในพระไตรปิฎกบอกว่าพระพุทธองค์รับรอง แบบนี้ท่านเรียกรับรองตัวเองครับ ใช่ไม่ได้

ในความเป็นจริงแล้ว ต้องเอาทั้งที่เป็นพุทธพจน์และคำของสาวกนั้นแหล่ะครับ
แต่ในฐานะที่เป็นสาวก จะไปเปลี่ยนแปลงพุทธพจน์ไม่ได้ เป็นได้แค่เอาพุทธพจน์มาเป็นหลัก
แล้วก็อธิบายถึงที่มาที่ไปและลักษณะของพุทธพจน์

จะยกตัวอย่าง คำของสาวกที่ใช้ไม่ได้ ไม่ควรเชื่อ(คหส่วนตัว) นั้นก็คือ
คำบางคำในพจนานุกรม และ โวหารบางคำที่อยู่ในพระไตรปิฎก

อย่างเช่น คำว่า กายสังขาร วจีสังขาร และจิตสังขาร
แล้วสรุปว่า สังขารมี๓......แบบนี้มันตลกมั้ยครับ
สังขารก็อย่างหนึ่ง กาย วจีและจิต ก็อย่างหนึ่ง....
ดันเอาไปผสมปนเปกันจนเกิดคำใหม่(สัทธรรมปฏิรูป)

คุณstudentครับ ถ้าครูบาอาจารย์ท่านใดมาสอนคุณว่า ..สังขารเป็นพุทธพจน์
แล้วอธิบายลักษณะของสังขารให้ฟังว่า สังขารเป็นอนัตตาเกิดแล้วก็ดับทันทีตามเหตุที่ดับไป
และสังขารมีอำนาจทำให้กายใจมีการปรุงแต่ง......นี่แหล่ะคำของสาวกที่ควรเชื่อ

ไม่ใช่มาบอกว่า เวทนามี๓เอย สังขารมี๓เอย.....เลอะเทอะเลื่อนเปื้อน! องค์ธรรมเป็นอนัตตา
แค่ตัวมันเองให้ทนอยู่เป็นสภาวธรรมยังไม่ได้ ดันมาบอกว่า มี๓....ตลกสิ้นดีครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2016, 08:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โฮฮับเป็นสาวกไหม

1. เป็น
2. ไม่เป็น
3. อัตตโนมติ

ถึงได้ด้นเอาเองมากมาย หรือคิดว่า จะจินตการว่าที่ตนเองด้นเดาไปนั่นเป็นพุทธพจน์ คือ คำพูดของพระพุทธเจ้า ครั้งกระโน้น :b32:


กรัชกายไปนิมนต์หลวงพ่อปยุตมาแก้ต่างความเห็นของพี่โฮหรือยัง
เนี้ยความเห็นนี้.............


โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
รู้จักอรรถกถาดีพอมั้ย :b32:

รูปภาพ

รวมโฮฮับเข้าไปด้วย :b13:
โฮฮับเป็นสาวกด้วยไหมน๊า มีช้อยให้เลือก
1 เป็น
2. ไม่เป็น


บอกให้นิมนต์หลวงพ่อมาคุยเอง ทำไมชอบสะแหล่นเสนอหน้า ทั้งที่ไม่รู้น้า :b32:

ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ฝากไปบอกหลวงพ่อด้วยแล้วกันว่า

หลวงพ่อปยุตครับท่านกำลังเข้าใจผิดในสิ่งที่ท่านอ้างนะครับ
ที่ว่าเข้าใจผิดอย่างไร นั้นก็คือที่ท่านไม่เข้าใจความเป็นอรรถกถาครับ

ท่านอ้างว่าพระไตรปิฎกแปลไทย อาศัยแปลจากอรรถกถา....มั่วแล้วครับ
คัมภีร์อรรถกถา เป็นคัมภีร์ที่ใช้อธิบายความเนื้อหาในพระไตรปิฎก

พระไตรปิฎกเดิมเป็นบาลี และอรรถกถาเดิมก็เป็นบาลี
พระไตรปิฎกแปลไทยเดิม มันต้องแปลจากบาลีพระไตรปิฎกซิครับ
และคัมภีร์อรรถกถาแปลไทยก็แปลจาก คัมภีร์อรรถกถาบาลี


หลวงพ่อมั่วอย่างจังครับ ที่ว่าพระไตรปิฎกแปลไทยแปลจากคัมภีร์อรรถกถา :b32:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 57 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 140 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร