วันเวลาปัจจุบัน 20 ก.ค. 2025, 11:07  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มิ.ย. 2016, 04:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


“ต้องหยุดความอยาก”
การจะหยุดความอยากได้ ก็ต้องรู้ว่าสิ่งที่อยากได้นั้น ไม่สามารถให้ความสุขที่แท้จริงที่ถาวร นอกจากไม่ให้ความสุขแล้วยังให้ความทุกข์ด้วย ลองพิจารณาดู ทุกวันนี้เราทุกข์กับอะไร ทุกข์กับสิ่งที่เรามีไม่ใช่เหรอ สิ่งที่เราไม่มีเราไม่ทุกข์ คนที่มีสามีมีภรรยา ก็จะทุกข์กับสามีทุกข์กับภรรยา คนที่มีลูกก็จะทุกข์กับลูก มีทรัพย์ก็จะทุกข์กับทรัพย์ มียศก็จะทุกข์กับยศ มีความสุขทางตาหูจมูกลิ้นกาย ก็จะทุกข์กับความเสื่อมของรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะ ของตาหูจมูกลิ้นกาย ที่ต้องรักษาให้ดีเพื่ออะไร ก็เพื่อจะได้ใช้ตาดูรูป รักษาหูเพื่อจะได้ยินเสียง ที่จะทำให้เราสุข แต่รักษาอย่างไรไม่ช้าก็เร็วก็ต้องเสื่อมหมดไป ตาหูจมูกลิ้นกายไม่เที่ยง ต้องเสื่อมหมดไป รูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะที่ได้เสพสัมผัสก็ไม่เที่ยง มาแล้วก็ไป ดูภาพยนตร์เสร็จแล้วก็หมดไป ถ้าอยากจะดูอีกก็ต้องกลับไปดูอีก ถ้าอยากจะฟังก็ต้องกลับไปฟังอีก พอฟังเสร็จก็หายไปหมด ต้องฟังอยู่เรื่อยๆ ดูอยู่เรื่อยๆ ดื่มอยู่เรื่อยๆ รับประทานอยู่เรื่อยๆ ถึงจะมีความสุข
กัณฑ์ที่ ๔๕๕ วันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๖ (จุลธรรมนำใจ ๓๓)
“ต้องหยุดความอยาก”
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต







สำคัญที่จิต

..... ถ้าหากว่าจิตใจของบรรดาท่านทั้งหลายโดยถ้วนหน้า จิตทรงอยู่ในพรหมวิหาร ๔ ประการ เรื่องความเป็นพระโสดาบันไม่มีความสำคัญสำหรับท่าน ทั้งนี้เพราะอะไร ก็เพราะว่า เรื่องความเป็นพระโสดาบันก็เป็นของเล็ก

.....เพราะพระโสดาบันก็ดี พระสกิทาคามีก็ดี มีความสำคัญอยู่ที่ศีล ถ้าหากว่าศีลของเราบริสุทธิ์ ก็มีความเป็นพระโสดาบันได้ ทีนี้ถ้าเรามีจิตเมตตากรุณาทั้ง ๒ ประการ แม้ไม่มีมุทิตา อุเบกขาก็ตาม ศีลของเราก็บริสุทธิ์แล้ว

โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (วัดท่าซุง)






อาการเหนื่อยจะหายได้รวดเร็ว

.....ขอท่านทั้งหลาย เวลาทำงานทำการก็ดี เดินไปไหนทำกิจธุระใดๆ ก็ดี ขณะเมื่อมันเหนื่อย เวลาที่เหนื่อยรู้สึกว่าใจสั่น มันเหนื่อยหนัก นั่งพัก พอนั่งพักเริ่มจับลมหายใจเข้าออก กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกทันที ทำแบบสบาย จิตจะมีความเป็นสุข แล้วก็อาการเหนื่อยจะหายได้รวดเร็ว เพราะว่าอานาปานุสสติกรรมฐาน เป็นการระงับทุกขเวทนาทางกาย นี้จุดหนึ่ง

..... และอีกจุดหนึ่งขณะที่เราเหนื่อยๆ สมมติว่าวันนี้ผมไปเห็นพระดายหญ้า ทำงานกันหลายอย่าง ขณะที่ท่านทำงานกันแบบนั้นท่านก็เหนื่อย หาแท่นที่นั่งพัก ที่นั่งพักจะมีเสียงเอะอะโวยวายอะไรก็ช่าง

.....พอนั่งพักลงมาแล้วจับลมหายใจเข้าออกทันที พอจับปับ อาการอย่างใดอย่างหนึ่งที่เป็นอาการของปีติมันจะเกิดขึ้น อย่างนี้แสดงว่าจิตของท่านเข้าสมาธิได้รวดเร็ว

.....อาการอย่างนี้ควรจะฝึกไว้เสมอๆ เพราะมันเป็นประโยชน์มาก ทำให้เราคล่องในการทรงสมาธิ เวลาที่จิตถึงฌานสมาบัติ เราสามารถจะเข้าฌานได้ตามอัธยาศัย

โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (วัดท่าซุง)







สรรเสริญ กับนินทา

..... สรรเสริญ กับนินทา พ่อบอกแล้ว พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า “นัตถิโลเก อนินทิโต” คนไม่ถูกนินทาเลยไม่มีในโลก
และคนไม่ถูกสรรเสริญเลยก็ไม่มีในโลก

โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง
จาก หนังสือ เรื่องจริงอิงนิทาน (พิเศษ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มิ.ย. 2016, 07:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


s004
หยุดความอยากด้วยเหตุผล กับหยุดความอยากด้วยการเอา "ผู้อยาก" ออกให้ได้ อันไหนจะชะงัดกว่ากันหนอ?

พระโสดาบัน พระสกิทาคามี สำคัญที่ศีล หรือ สำคัญที่ ความเห็น กันแน่นะครับ?
s006


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2016, 05:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


ความอยากเมื่อพูดอีกนัยหนึ่งคือ โลภะ เมื่อมีความอยากแล้วไม่ได้ดั่งใจก็เป็นทุกข์ แต่การที่จะหยุดความอยากได้ต้องเจริญสติหรือวิปัสสนา ในขณะที่ไม่ใช่พระอริยะยังเป็นปุถุชนอยู่ก็มีความอยากเป็นธรรมดา เราไม่สามารถบังคับบัญชาไม่ให้เกิดความอยากได้ เช่นเราอยากไปเที่ยว เราอยากกินนั้นกินนี้ เราอยากไปต้องการเงินเดือนขึ้น เราอยาก.... เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดความอยากเราก็ควรที่จะรู้ด้วยสติ คือในขณะนั้นความอยากเกิดขึ้นเราก็รู้ แล้วสักพักความอยากนั้นก็หายไป

พระโสดาบันบุคคลที่เป็นพระโสดาบันได้ต้องมีศีล 5 ที่บริสุทธิ์ และบุคคลที่เป็นพระโสดาบันได้ต้องมีความเห็นที่ถูกต้อง เพราะพระอริยะบุคคลที่เป็นพระโสดาบันขึ้นไปต้องมีศีล 5 ที่บริสุทธิ์ และมีความเห็นที่ถูกที่ควรและไม่สามารถประพฤติผิดได้เลย พระโสดาบันสำคัญที่มีความเห็นถูกต้อง และถ้าเป็นพระอริยะโสดาบันขึ้นไปต้องมีศีล 5 ที่บริสุทธิ์

ขออนุโมทนาบุญกับกัลยาณมิตรด้วยครับ สาธุๆๆๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2016, 09:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
มีสรณะ1เดียวที่ดับโลภะไม่กำเริบอีกคือผู้บรรลุอรหัตตผลเป็นพระอเสขะบุคคล
พระเสขะบุคคลอีก7จำพวกยังต้องสิกขาคือเพียรละอวิชชาที่เหลือยังอยากดีอยู่
พระเสขะบุคคลได้แก่ ผู้บรรลุโสดาปัตติมรรค/ผล ผู้บรรลุสกิทาคามิมรรค/ผล
ผู้บรรลุอนาคามิมรรค/ผล และผู้บรรลุอรหัตตมรรค
สำหรับปุถุชนมีหนทางเดียวคือฟังพระพุทธพจน์
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2016, 07:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


รสมน เขียน:
ความอยากเมื่อพูดอีกนัยหนึ่งคือ โลภะ เมื่อมีความอยากแล้วไม่ได้ดั่งใจก็เป็นทุกข์ แต่การที่จะหยุดความอยากได้ต้องเจริญสติหรือวิปัสสนา ในขณะที่ไม่ใช่พระอริยะยังเป็นปุถุชนอยู่ก็มีความอยากเป็นธรรมดา เราไม่สามารถบังคับบัญชาไม่ให้เกิดความอยากได้ เช่นเราอยากไปเที่ยว เราอยากกินนั้นกินนี้ เราอยากไปต้องการเงินเดือนขึ้น เราอยาก.... เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดความอยากเราก็ควรที่จะรู้ด้วยสติ คือในขณะนั้นความอยากเกิดขึ้นเราก็รู้ แล้วสักพักความอยากนั้นก็หายไป

พระโสดาบันบุคคลที่เป็นพระโสดาบันได้ต้องมีศีล 5 ที่บริสุทธิ์ และบุคคลที่เป็นพระโสดาบันได้ต้องมีความเห็นที่ถูกต้อง เพราะพระอริยะบุคคลที่เป็นพระโสดาบันขึ้นไปต้องมีศีล 5 ที่บริสุทธิ์ และมีความเห็นที่ถูกที่ควรและไม่สามารถประพฤติผิดได้เลย พระโสดาบันสำคัญที่มีความเห็นถูกต้อง และถ้าเป็นพระอริยะโสดาบันขึ้นไปต้องมีศีล 5 ที่บริสุทธิ์

ขออนุโมทนาบุญกับกัลยาณมิตรด้วยครับ สาธุๆๆๆ

:b8:
รู้ทันความอยากด้วยสติ สังเกตพิจารณาความอยากด้วยปัญญา อดทนไม่ทำตามใจอยากด้วยขันติ ตบะและอาตาปี
จนความอยากนั้นดับไปนั่นใช่แล้ว

แต่ถ้าสามารถเห็นหรือรู้สิ่งที่มากำกับหรือบังคับใจให้อยากได้ จะยิ่งได้ผลอันสมบูรณ์มากกว่านี้ คือได้เห็นตัวสมุทัยถ้าตัวสมุทัยนี้ดับตามก็หมดทุกข์ถาวร
:b37:
มีศีล 5 บริสุทธิ์ก่อนจึงจะได้โสดาบัน หรือเป็นโสดาบันให้ได้ก่อนจึงจะมีศีล 5 บริสุทธิ์

ศีล 5 ก่อนจะได้โสดาบันนั้นยังไม่บริสุทธิ์หมดจดเพราะเป็นศีลขอ ศีลคิด ศีลบังคับแต่ก็ต้องอาศัยศีลชนิดนี้แหละมาค้นธรรมจนสัมมาทิฏฐิเต็มร้อยทำลายสักกายทิฏฐิขาดสะบั้นลงแล้วได้ความหมดวิจิกิจฉาและศีล 5ที่บริสุทธิ์สะอาดจริงๆเป็นรางวัล
onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2016, 09:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุโมทนาบุญกับกัลยาณมิตรด้วยครับ สาธุๆๆๆ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร