วันเวลาปัจจุบัน 13 ต.ค. 2025, 17:20  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 มิ.ย. 2016, 17:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ม.ค. 2011, 17:26
โพสต์: 353


 ข้อมูลส่วนตัว


-- ช่วยขยายความพระสูตรนี้หน่อยครับ ของเหลือ หมายถึงแบบใหน -- onion

ในสมัยพุทธกาลมีพรามณ์นำของเหลือมาใส่บาตร เนื่องจากเห็นพระพุทธเจ้าเสด็จบิณฑบาตรผ่านมากระทันหัน
ขณะใส่บาตรก็เกิดความกังวลใจว่าของเหลือแบบนี้ไม่เหมาะกับพระพุทธเจ้า

พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า พราหมณ์ ส่วนอันเลิศก็ดี ภัตที่ท่านแบ่งครึ่งบริโภคแล้วก็ดี เป็นของสมควรแก่เราทั้งนั้น
แม้ก้อนภัตที่เป็นเดน เป็นของสมควรแก่เราเหมือนกัน พราหมณ์ เพราะพวกเราเป็นผู้อาศัยอาหารที่ผู้อื่นให้เลี้ยงชีพ เป็นเช่นกับพวกเปรต

http://www.84000.org/tipitaka/attha/att ... 5&i=35&p=6

เครดิต http://pantip.com/topic/35222425


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 มิ.ย. 2016, 20:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b17: :b17: :b17:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 มิ.ย. 2016, 20:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


จะให้ขยายไปทางไหนละคับ...
:b13: :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 มิ.ย. 2016, 14:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


deecup เขียน:
-- ช่วยขยายความพระสูตรนี้หน่อยครับ ของเหลือ หมายถึงแบบใหน -- onion

ในสมัยพุทธกาลมีพรามณ์นำของเหลือมาใส่บาตร เนื่องจากเห็นพระพุทธเจ้าเสด็จบิณฑบาตรผ่านมากระทันหัน
ขณะใส่บาตรก็เกิดความกังวลใจว่าของเหลือแบบนี้ไม่เหมาะกับพระพุทธเจ้า

พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า พราหมณ์ ส่วนอันเลิศก็ดี ภัตที่ท่านแบ่งครึ่งบริโภคแล้วก็ดี เป็นของสมควรแก่เราทั้งนั้น
แม้ก้อนภัตที่เป็นเดน เป็นของสมควรแก่เราเหมือนกัน พราหมณ์ เพราะพวกเราเป็นผู้อาศัยอาหารที่ผู้อื่นให้เลี้ยงชีพ เป็นเช่นกับพวกเปรต

http://www.84000.org/tipitaka/attha/att ... 5&i=35&p=6

เครดิต http://pantip.com/topic/35222425

Kiss
เอาไปตอบผิดกระทู้รีบยกมาที่นี่เลยค่ะ
เขาไม่มีเหลือเฟือมีเท่าที่เหลือเก็บไว้รับประทานต่อแต่
เห็นพระพุทธเจ้าปรารถนาการแบ่งสิ่งที่ตนมีเพื่อให้ทาน
แต่คิดว่าสิ่งที่ตนมีเป็นที่น่ารังเกียจคิดกังวลในทานนั้นค่ะ
ด้วยพระญาณหยั่งทราบวาระจิตทรงมีอุปการะต่อผู้ที่คิดนั้น
จึงตรัสเพื่อให้ผู้นั้นได้รู้ว่าสิ่งที่เขาจะถวายนั้นเป็นของมีค่าค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มิ.ย. 2016, 17:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 20:29
โพสต์: 5113

แนวปฏิบัติ: พิจารณากาย
สิ่งที่ชื่นชอบ: มณีรัตน์,พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ร้วห่อทอง
อายุ: 39

 ข้อมูลส่วนตัว


ให้อย่างไร ย่อมได้รับอย่างนั้น

คนผู้ให้ทานด้วยไม่เคารพแม้วัตถุปราณีตก็ดี ไม่ปราณีตก็ดี ก็มีเยอะ
คนผู้ให้ทานด้วยความเคารพแต่วัตถุทานไม่ปราณีตก็มีเยอะ
คนผู้ให้ทานด้วยความเคารพทั้งวัตถุทานก็ปราณีตก็มีเยอะ

คนผู้ให้ทานด้วยความเคารพ แม้วัตถุทานไม่ปราณีต แต่มีปีติแรงกล้า เพราะวัตถุทานนั่นคือทุกอย่างที่เขามี และได้ถวายแด่บุคคลอันควรบูชาอย่างยิ่งด้วยนี่อานิสงส์แรงกล้าอีกเนาะ :b20:

ในอดีตคนที่ตัดความตระหนี่ถวายของที่ตนมี แม้ไม่ปราณีต แม้ใช้แล้ว แม้กำลังกินกำลังใช้แต่ตัดใจได้เดี๋ยวนั้นก็มีเยอะ
ในอดีตของพระอนุรุทธเถระก็ได้ถวายอาหารที่ตนกำลังจะกินนั้นต่อพระปัจเจกพุทธเจ้า ตั้งจิตอธิษฐานขอให้อย่าได้รู้จักคำว่าไม่มี ก็ยังอานิสงส์แรง
นึกถึงพราหมณ์จูเฬกสาฎก ที่ถวายผ้าห่มผืนเดียวที่มีแด่พระบรมศาสดา ก็แสดงว่าผ้านั้นจะคร่ำคร่าแค่ไหน ห่มแล้วด้วย เหงื่อไคลก็มี แต่ก็ทรงรับและสรรเสริญที่ตัดความตระหนี่ในใจได้


:b1: :b8:

ทรงสรรเสริญการข่มหรือตัดกิเลสได้เป็นสำคัญ

.....................................................
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มิ.ย. 2016, 17:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
เขาไม่มีเหลือเฟือมีเท่าที่เหลือเก็บไว้รับประทานต่อแต่
เห็นพระพุทธเจ้าปรารถนาการแบ่งสิ่งที่ตนมีเพื่อให้ทาน
แต่คิดว่าสิ่งที่ตนมีเป็นที่น่ารังเกียจคิดกังวลในทานนั้นค่ะ
ด้วยพระญาณหยั่งทราบวาระจิตทรงมีอุปการะต่อผู้ที่คิดนั้น
จึงตรัสเพื่อให้ผู้นั้นได้รู้ว่าสิ่งที่เขาจะถวายนั้นเป็นของมีค่าค่ะ


:b8: :b8: :b8:

Hanako เขียน:
ให้อย่างไร ย่อมได้รับอย่างนั้น

คนผู้ให้ทานด้วยไม่เคารพแม้วัตถุปราณีตก็ดี ไม่ปราณีตก็ดี ก็มีเยอะ
คนผู้ให้ทานด้วยความเคารพแต่วัตถุทานไม่ปราณีตก็มีเยอะ
คนผู้ให้ทานด้วยความเคารพทั้งวัตถุทานก็ปราณีตก็มีเยอะ

คนผู้ให้ทานด้วยความเคารพ แม้วัตถุทานไม่ปราณีต แต่มีปีติแรงกล้า เพราะวัตถุทานนั่นคือทุกอย่างที่เขามี และได้ถวายแด่บุคคลอันควรบูชาอย่างยิ่งด้วยนี่อานิสงส์แรงกล้าอีกเนาะ :b20:

ในอดีตคนที่ตัดความตระหนี่ถวายของที่ตนมี แม้ไม่ปราณีต แม้ใช้แล้ว แม้กำลังกินกำลังใช้แต่ตัดใจได้เดี๋ยวนั้นก็มีเยอะ
ในอดีตของพระอนุรุทธเถระก็ได้ถวายอาหารที่ตนกำลังจะกินนั้นต่อพระปัจเจกพุทธเจ้า ตั้งจิตอธิษฐานขอให้อย่าได้รู้จักคำว่าไม่มี ก็ยังอานิสงส์แรง
นึกถึงพราหมณ์จูเฬกสาฎก ที่ถวายผ้าห่มผืนเดียวที่มีแด่พระบรมศาสดา ก็แสดงว่าผ้านั้นจะคร่ำคร่าแค่ไหน ห่มแล้วด้วย เหงื่อไคลก็มี แต่ก็ทรงรับและสรรเสริญที่ตัดความตระหนี่ในใจได้


:b1: :b8:

ทรงสรรเสริญการข่มหรือตัดกิเลสได้เป็นสำคัญ


:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร