วันเวลาปัจจุบัน 22 ก.ค. 2025, 04:51  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 16 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มิ.ย. 2016, 08:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8585


 ข้อมูลส่วนตัว




cats.jpg
cats.jpg [ 11.2 KiB | เปิดดู 4418 ครั้ง ]
ขณะผัสสะเกิดทางตา ย่อมกำหนด ขันธ์ที่เกิดขึ้นทางตา
๑. รูป ที่ปรากฏทางตา ได้แก่ รูปขันธ์
๒. วัตถุ คือ ตา ได้แก่ รูปขันธ์ ๑
๓. จิต คือ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ ๑
ที่เกิดร่วมกับจิตมี สัพพจิตตสาธารณะเจตสิก ๗ ได้ เวทนาขันธ์ ๑ สัญญาขันธ์ ๑ สังขารขันธ์ ๑
รวมความว่า ขณะ ผัสสะ คือ เห็น ขันธ์ ๕ เกิดขึ้นที่ตา

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มิ.ย. 2016, 08:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8585


 ข้อมูลส่วนตัว




cats.jpg
cats.jpg [ 11.2 KiB | เปิดดู 4417 ครั้ง ]
ขณะผัสสะเกิดทางตา ย่อมกำหนด อายตนะที่เกิดขึ้นทางตา
๑. รูป ที่ปรากฏทางตา ได้แก่ รูปายตนะ ๑
๒. วัตถุ คือ ตา ได้แก่ จักขายตนะ ๑
๓. จิต คือ ได้แก่ มนายตนะ ๑
ที่เกิดร่วมกับจิตมี สัพพจิตตสาธารณะเจตสิก ๗ ได้ ธรรมายตนะ ๑
รวมความว่า ขณะ ผัสสะ คือ เห็น ได้ อายตนะ ๔ เกิดขึ้นที่ตา

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มิ.ย. 2016, 08:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8585


 ข้อมูลส่วนตัว




cats.jpg
cats.jpg [ 11.2 KiB | เปิดดู 4417 ครั้ง ]
ขณะผัสสะเกิดทางตา ย่อมกำหนด ธาตุที่เกิดขึ้นทางตา
๑. รูป ที่ปรากฏทางตา ได้แก่ รูปธาตุ ๑
๒. วัตถุ คือ ตา ได้แก่ จักขุธาตุ ๑
๓. จิต คือ ได้แก่ จักขุวิญญาณธาตุ ๑
ที่เกิดร่วมกับจิตมี สัพพจิตตสาธารณะเจตสิก ๗ ได้ ธรรมะธาตุ ๑
รวมความว่า ขณะ ผัสสะ คือ เห็น ได้ ธาตุ ๔ เกิดขึ้นที่ตา

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2016, 08:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8585


 ข้อมูลส่วนตัว


พูดกันนักกันหนาว่าให้รู้ทันในขณะปัจจุบันอารมณ์ ขณะที่ตาเห็นบ้าง ที่หูได้ยินบ้าง
ถามว่ากำหนดอย่างไร กำหนดขันธ์หรือ? กำหนดอายตนะหรือ? กำหนดธาตุหรือ?
กลับไม่รู้เรื่อง เลยไปไม่เป็นเลยทีนี้

บอกได้แค่ว่ากำหนดที่เห็นขณะในปัจจุบัน กำหนดที่ได้ยินในปัจจุบันเท่านั้นพอ
เอาไปพูดกันในไลน์หลายกลุ่มทะเลาะแทบตาย แต่พอเอามาขยายให้ดูว่ากำหนดอย่างไร?
เขาบอกว่าไม่เข้าใจ กลายเป็นว่าที่พูด ๆ กันว่าให้กำหนดรู้ทันปัจจุบันอารมณ์พูดตาม ๆ กันมา
โดยทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ไม่รู้เรื่อง กลับย้อนว่าเราไม่เข้าใจ ถูกกล่าวหาว่าสอนผิดไม่เป็นไปตามคำสอน

โอ๊ย !!! จะบ้าตายตัวเองไม่รู้เรื่องกลับไปโทษคนอื่นว่าไม่รู้เรื่อง

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2016, 11:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงลองแสดงเป็นตัวอย่างหน่อยคับ..

ทำไง...กำหนดโดยความเป็นขันธ์...โดยความเป็นอยาตนะ...โดยความเป็นธาตุ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2016, 12:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8585


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ลุงลองแสดงเป็นตัวอย่างหน่อยคับ..

ทำไง...กำหนดโดยความเป็นขันธ์...โดยความเป็นอยาตนะ...โดยความเป็นธาตุ

ก็ดูตามกระทู้แสดงแล้วข้างบนชัดเจนแล้ว

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2016, 15:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ลุงลองแสดงเป็นตัวอย่างหน่อยคับ..

ทำไง...กำหนดโดยความเป็นขันธ์...โดยความเป็นอยาตนะ...โดยความเป็นธาตุ


ผมหมายถึง..ขณะผัสสะนั้นนะ..ทำอย่างไรแบบไหน...ที่ลุงยกมานั้นเป็นทฤษฎี...ก็เลยอยากรู้ว่าตอนลงมือทำนั้น..ทำอบ่างไร?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2016, 03:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


การกำหนดรู้ด้วยการใช้ญาณ

สมาธิ

หรือวิปัสสนา

เช่น กำหนดรู้การเกิดดับ

หรือกำหนดรู้ความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา

หรือกำหนดรู้โทษของขันธ์

หรือแล้วแต่เจตจำนง

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2016, 03:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


การกำหนดรู้ทันปัจจุบัน

คือรู้ทันเหตุปัจจัยปรุงแต่ง

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2016, 07:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8585


 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
การกำหนดรู้ด้วยการใช้ญาณ

สมาธิ

หรือวิปัสสนา

เช่น กำหนดรู้การเกิดดับ

หรือกำหนดรู้ความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา

หรือกำหนดรู้โทษของขันธ์

หรือแล้วแต่เจตจำนง


คำว่า "ญาณ" กับ "ฌาน" ถ้าไม่เข้าจริงจะคิดว่าเหมือนกัน
ญาณ ก็คือ ปัญญา ฌาณ ก็คือ ปัญญา ชื่อเหมือนกัน แต่จะต่างกันที่
ญาณ เป็นสายของวิปัสสนาภาวนา ฌาน เป็นสายของ สมถะภาวนา

ปุจฉา !!!
เช่น กำหนดรู้การเกิดดับ

หรือกำหนดรู้ความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา

หรือกำหนดรู้โทษของขันธ์


วิสัชนาว่า !!!
ทั้งหมดนี้เป็นสายของวิปัสสนา

ในสายของสมถะภาวนา คือจะใช้สมาธิเป็นตัวนำหรือเรียกว่าเป็นประธานดำเนินกิจกรรม
ให้ถึงที่หมาย คือฌาณ มีปฐมฌานเป็นต้น การเจริญสมถะหรือสมาธินั้นเขามีอารมณ์เดียว
ตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์เดียว จะไปสัดส่ายไปในอารมณ์ได้ เมื่อเป็นดังนี้แล้ว
เขาจะพิจารณาเห็นความเกิดดับหรือเห็นไตรลักษณ์ไม่ได้ คือ แยกแยะไม่ได้
อารมณ์ของ สมถภาวนา ก็บอกอยู่ว่ามีความตั้งมั่นในอารมณ์เดียวเป็นกลุ่มก้อน

มันก็ขึ้นกับว่าเราจะเจริญสายไหน ก็ต้องอารมณ์สายนั้นๆ เอามาเป็นต้นทาง

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2016, 08:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8585


 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
การกำหนดรู้ทันปัจจุบัน

คือรู้ทันเหตุปัจจัยปรุงแต่ง


:b8: :b8: :b8:
ตรงนี้ถูกต้องครับ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2016, 14:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
ปัญญาระลึกได้ในสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากกฏตามเป็นจริง
ตามเหตุปัจจัยที่กำลังปรากฏกับจิตตนเป็นลักษณะธาตุ
ไม่มีการปรุงแต่งไปตามนิมิตที่ปรากฏแต่สติรู้ตรงที่ตั้ง
จิต+เจตสิก+รูปของธาตุทั้งธาตุรู้และธาตุไม่รู้แต่ละ1
การระลึกรู้ว่าเป็นธัมมะที่กำลังปรากฏรู้ทั่วได้7ลักษณะ
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มิ.ย. 2016, 18:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
:b42:
ลุงหมาน เขียน:
ขณะผัสสะเกิดทางตา ย่อมกำหนด ขันธ์ที่เกิดขึ้นทางตา
๑. รูป ที่ปรากฏทางตา ได้แก่ รูปขันธ์
๒. วัตถุ คือ ตา ได้แก่ รูปขันธ์ ๑
๓. จิต คือ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ ๑
ที่เกิดร่วมกับจิตมี สัพพจิตตสาธารณะเจตสิก ๗ ได้ เวทนาขันธ์ ๑ สัญญาขันธ์ ๑ สังขารขันธ์ ๑
รวมความว่า ขณะ ผัสสะ คือ เห็น ขันธ์ ๕ เกิดขึ้นที่ตา

:b42:
ลุงหมาน เขียน:
ขณะผัสสะเกิดทางตา ย่อมกำหนด อายตนะที่เกิดขึ้นทางตา
๑. รูป ที่ปรากฏทางตา ได้แก่ รูปายตนะ ๑
๒. วัตถุ คือ ตา ได้แก่ จักขายตนะ ๑
๓. จิต คือ ได้แก่ มนายตนะ ๑
ที่เกิดร่วมกับจิตมี สัพพจิตตสาธารณะเจตสิก ๗ ได้ ธรรมายตนะ ๑
รวมความว่า ขณะ ผัสสะ คือ เห็น ได้ อายตนะ ๔ เกิดขึ้นที่ตา

:b42:
ลุงหมาน เขียน:
ขณะผัสสะเกิดทางตา ย่อมกำหนด ธาตุที่เกิดขึ้นทางตา
๑. รูป ที่ปรากฏทางตา ได้แก่ รูปธาตุ ๑
๒. วัตถุ คือ ตา ได้แก่ จักขุธาตุ ๑
๓. จิต คือ ได้แก่ จักขุวิญญาณธาตุ ๑
ที่เกิดร่วมกับจิตมี สัพพจิตตสาธารณะเจตสิก ๗ ได้ ธรรมะธาตุ ๑
รวมความว่า ขณะ ผัสสะ คือ เห็น ได้ ธาตุ ๔ เกิดขึ้นที่ตา

:b42:
กบนอกกะลา เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ลุงลองแสดงเป็นตัวอย่างหน่อยคับ..

ทำไง...กำหนดโดยความเป็นขันธ์...โดยความเป็นอยาตนะ...โดยความเป็นธาตุ


ผมหมายถึง..ขณะผัสสะนั้นนะ..ทำอย่างไรแบบไหน...ที่ลุงยกมานั้นเป็นทฤษฎี...ก็เลยอยากรู้ว่าตอนลงมือทำนั้น..ทำอบ่างไร?

:b1:
สภาพธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงมีการเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปเป็นธรรมดาที่กำลังเห็น
กำลังมีปรากฏครบทั้ง6ทางในชีวิตประจำวันเดี๋ยวนี้เองเป็นสาธารณะธาตุ อายตนะ ขันธ์
ไม่มีใครเป็นเจ้าของเพราะเป็นจิต+เจตสิก+รูปเกิดดับปรากฏให้รู้ได้ทีละ1ขณะจิตค่ะ
:b12:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มิ.ย. 2016, 21:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
นิมิตที่ปรากฏให้แต่ละคนรับรู้ทั้งเรื่องดีและไม่ดี
เป็นผลกรรมดีและไม่ดีที่ตนสะสมมาให้เกิดเหตุต่างๆ
ไม่มีสัตว์บุคคลภ้ยพิบัติต่างๆจริงๆเป็นสมมุติที่ปรากฏ
ให้กระทำการปรุงแต่งจิตเป็นกรรมใหม่ไปกว้านอกุศลมา
ปรุงแต่งขึ้นสะสมลงในจิตไปเรื่อยๆถ้าไม่มีพระพุทธเจ้าอุบัติ
จะไม่มีใครสามารถรู้ความจริงอันนี้เลยว่ากิเลสทำร้ายจิตไม่มีใคร
:b8:
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2016, 07:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8585


 ข้อมูลส่วนตัว




583346018.jpg
583346018.jpg [ 36.08 KiB | เปิดดู 4160 ครั้ง ]
ลองดูในภาพนี้นะครับอาจเข้าใจได้ ผัสสะทั้ง ๖ เกิดขันธ์ ๕

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 16 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร