วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 00:25  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 48 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2016, 16:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2016, 16:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สติ ความระลึกได้, นึกได้, ความไม่เผลอ, การคุมใจไว้กับกิจ หรือกุมจิตไว้กับสิ่งที่เกี่ยวข้อง, จำการที่ทำและคำที่พูดแล้วแม้นานได้ (ข้อ ๑ ในธรรมมีอุปการะมาก ๒ ข้อ ๑ ในโพชฌงค์ ๗ ข้อ ๓ ในอินทรีย์ ๕ ข้อ ๓ ในพละ ๕ ข้อ ๖ ในสัทธรรม ๗, ข้อ ๙ ในนาถกรณะธรรม ๑๐)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2016, 17:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

การกุมจิตไว้กับสิ่งที่เกี่ยวข้อง

รูปภาพ

การกุมจิตไว้กับกิจที่กำลังทำ

จะซักผ้า รีดผ้า ล้างจาน กวาดพื้น เข้าห้องน้ำ แปรงฟัน ล้างหน้า แต่งตัว ออกกำลังกาย ฯลฯ เป็นลักษณะฝึกสติสัมปชัญญะทั้งสิ้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2016, 18:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สติปัฏฐาน (สติ+ปัฏฐาน) ธรรมเป็นที่ตั้งแห่งสติ, ข้อปฏิบัติมีสติเป็นประธาน, การตั้งสติกำหนดพิจารณาสิ่งทั้งหลายให้รู้เห็นเท่าทันตามความเป็นจริง, การมีสติกำกับดูสิ่งต่างๆ และความเป็นไปทั้งหลาย โดยรู้เท่าทันตามสภาวะของมัน ไม่ถูกครอบงำด้วยความยินดียินร้าย ที่ทำให้มองเห็นเพี้ยนไปตามอำนาจกิเลส มี ๔ อย่าง คือ

๑. กายานุปัสสนา สติปัฏฐาน การตั้งสติกำหนดพิจารณากาย การมีสติกำกับดูรู้เท่าทันกาย และเรื่องทางกาย

๒. เวทนานุปัสสนา สติปัฏฐาน การตั้งสติกำหนดพิจารณาเวทนา, การมีสติกำกับดูรู้เท่าทันเวทนา

๓. จิตตานุปัสสนา สติปัฏฐาน การตั้งสติกำหนดพิจารณาจิต, การมีสติกำกับดูรู้เท่าทันจิต หรือสภาพและอาการของจิต

๔. ธัมมานุปัสสนา สติปัฏฐาน การตั้งสติกำหนดพิจารณาธรรม การมีสติกำกับดูรู้เท่าทันธรรม

เรียกสั้นๆว่า กาย เวทนา จิต ธรรม

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2016, 13:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
สติ ความระลึกได้, นึกได้, ความไม่เผลอ, การคุมใจไว้กับกิจ หรือกุมจิตไว้กับสิ่งที่เกี่ยวข้อง, จำการที่ทำและคำที่พูดแล้วแม้นานได้ (ข้อ ๑ ในธรรมมีอุปการะมาก ๒ ข้อ ๑ ในโพชฌงค์ ๗ ข้อ ๓ ในอินทรีย์ ๕ ข้อ ๓ ในพละ ๕ ข้อ ๖ ในสัทธรรม ๗, ข้อ ๙ ในนาถกรณะธรรม ๑๐)

Kiss
สติเป็นความรู้สึกตัวตรงต่อธัมมะ
ความจริงของธัมมะที่ปรากฏค่ะ
เพราะสภาพธรรมปรากฏมาก
จะต้องระลึกรู้ทีละ1อย่าง
ต้องเป็นผู้ตรงตรงจริงๆ
ต้องตรงต่อความจริง
ที่ปรากฏถ้าไม่ทัน
ก็คือว่าไม่เกิดสติ
เพราะต้องรู้ถูก
เข้าใจถูกว่า
สติรู้ตรงๆ
ที่กำลังมี
มีแล้ว
ที่ตัว
แต่ไม่เคยรู้ไม่เคยเข้าถึง
ความจริงที่กำลังเกิดดับ
ก็คิดค้นวิธีที่จะไปทำขึ้น
เป็นการคิดที่ห่างสติแล้ว
กลับมาตั้งต้นฟังให้เข้าใจ
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2016, 17:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
สติ ความระลึกได้, นึกได้, ความไม่เผลอ, การคุมใจไว้กับกิจ หรือกุมจิตไว้กับสิ่งที่เกี่ยวข้อง, จำการที่ทำและคำที่พูดแล้วแม้นานได้ (ข้อ ๑ ในธรรมมีอุปการะมาก ๒ ข้อ ๑ ในโพชฌงค์ ๗ ข้อ ๓ ในอินทรีย์ ๕ ข้อ ๓ ในพละ ๕ ข้อ ๖ ในสัทธรรม ๗, ข้อ ๙ ในนาถกรณะธรรม ๑๐)

Kiss
สติเป็นความรู้สึกตัวตรงต่อธัมมะ
ความจริงของธัมมะที่ปรากฏค่ะ
เพราะสภาพธรรมปรากฏมาก
จะต้องระลึกรู้ทีละ1อย่าง
ต้องเป็นผู้ตรงตรงจริงๆ
ต้องตรงต่อความจริง
ที่ปรากฏถ้าไม่ทัน
ก็คือว่าไม่เกิดสติ
เพราะต้องรู้ถูก
เข้าใจถูกว่า
สติรู้ตรงๆ
ที่กำลังมี
มีแล้ว
ที่ตัว
แต่ไม่เคยรู้ไม่เคยเข้าถึง
ความจริงที่กำลังเกิดดับ
ก็คิดค้นวิธีที่จะไปทำขึ้น
เป็นการคิดที่ห่างสติแล้ว
กลับมาตั้งต้นฟังให้เข้าใจ
onion onion onion



ธรรม ธัมมะ ที่คุณโรสพร่ำบ่น ได้แก่อะไร เอาชัดๆ :b14:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2016, 21:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
สติ ความระลึกได้, นึกได้, ความไม่เผลอ, การคุมใจไว้กับกิจ หรือกุมจิตไว้กับสิ่งที่เกี่ยวข้อง, จำการที่ทำและคำที่พูดแล้วแม้นานได้ (ข้อ ๑ ในธรรมมีอุปการะมาก ๒ ข้อ ๑ ในโพชฌงค์ ๗ ข้อ ๓ ในอินทรีย์ ๕ ข้อ ๓ ในพละ ๕ ข้อ ๖ ในสัทธรรม ๗, ข้อ ๙ ในนาถกรณะธรรม ๑๐)

Kiss
สติเป็นความรู้สึกตัวตรงต่อธัมมะ
ความจริงของธัมมะที่ปรากฏค่ะ
เพราะสภาพธรรมปรากฏมาก
จะต้องระลึกรู้ทีละ1อย่าง
ต้องเป็นผู้ตรงตรงจริงๆ
ต้องตรงต่อความจริง
ที่ปรากฏถ้าไม่ทัน
ก็คือว่าไม่เกิดสติ
เพราะต้องรู้ถูก
เข้าใจถูกว่า
สติรู้ตรงๆ
ที่กำลังมี
มีแล้ว
ที่ตัว
แต่ไม่เคยรู้ไม่เคยเข้าถึง
ความจริงที่กำลังเกิดดับ
ก็คิดค้นวิธีที่จะไปทำขึ้น
เป็นการคิดที่ห่างสติแล้ว
กลับมาตั้งต้นฟังให้เข้าใจ
onion onion onion



ธรรม ธัมมะ ที่คุณโรสพร่ำบ่น ได้แก่อะไร เอาชัดๆ :b14:

สภาพธรรมเกิดดับตามเหตุปัจจัยกำลังมีเดี๋ยวนี้ผ่านอายตนะทั้ง6
สติระลึกสภาพธรรมที่กำลังปรากฏแต่ละ1คำรู้ตรงที่กายกระทบ
เช่นรู้เป็นลักษณะธาตุดิน1คำว่ามีอ่อนหรือแข็งตรงที่รู้ตรงคำ
คิดคำใหม่เป็นขณะใหม่แค่รู้1คำทั้ง6ทางดับหมดรู้ยังไม่ทั่ว
สติทั่วตัวตามรู้สภาพธรรมที่ปรากฏให้รู้ได้ต้อง7ลักษณะ
ต้องรู้ตัวตรงลักษณะสภาพธรรมทันทั้ง7ใน1เดียวค่ะ
:b12:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2016, 07:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
สติ ความระลึกได้, นึกได้, ความไม่เผลอ, การคุมใจไว้กับกิจ หรือกุมจิตไว้กับสิ่งที่เกี่ยวข้อง, จำการที่ทำและคำที่พูดแล้วแม้นานได้ (ข้อ ๑ ในธรรมมีอุปการะมาก ๒ ข้อ ๑ ในโพชฌงค์ ๗ ข้อ ๓ ในอินทรีย์ ๕ ข้อ ๓ ในพละ ๕ ข้อ ๖ ในสัทธรรม ๗, ข้อ ๙ ในนาถกรณะธรรม ๑๐)

Kiss
สติเป็นความรู้สึกตัวตรงต่อธัมมะ
ความจริงของธัมมะที่ปรากฏค่ะ
เพราะสภาพธรรมปรากฏมาก
จะต้องระลึกรู้ทีละ1อย่าง
ต้องเป็นผู้ตรงตรงจริงๆ
ต้องตรงต่อความจริง
ที่ปรากฏถ้าไม่ทัน
ก็คือว่าไม่เกิดสติ
เพราะต้องรู้ถูก
เข้าใจถูกว่า
สติรู้ตรงๆ
ที่กำลังมี
มีแล้ว
ที่ตัว
แต่ไม่เคยรู้ไม่เคยเข้าถึง
ความจริงที่กำลังเกิดดับ
ก็คิดค้นวิธีที่จะไปทำขึ้น
เป็นการคิดที่ห่างสติแล้ว
กลับมาตั้งต้นฟังให้เข้าใจ
onion onion onion



ธรรม ธัมมะ ที่คุณโรสพร่ำบ่น ได้แก่อะไร เอาชัดๆ :b14:

สภาพธรรมเกิดดับตามเหตุปัจจัยกำลังมีเดี๋ยวนี้ผ่านอายตนะทั้ง6
สติระลึกสภาพธรรมที่กำลังปรากฏแต่ละ1คำรู้ตรงที่กายกระทบ
เช่นรู้เป็นลักษณะธาตุดิน1คำว่ามีอ่อนหรือแข็งตรงที่รู้ตรงคำ
คิดคำใหม่เป็นขณะใหม่แค่รู้1คำทั้ง6ทางดับหมดรู้ยังไม่ทั่ว
สติทั่วตัวตามรู้สภาพธรรมที่ปรากฏให้รู้ได้ต้อง7ลักษณะ
ต้องรู้ตัวตรงลักษณะสภาพธรรมทันทั้ง7ใน1เดียวค่ะ



คุณโรสเอาที่ไหนมาพูด

แล้วที่พูดทั้งหมดนั่น คุณโรสเห็นหรือยัง ที่ว่า 7 ใน 1 เดียว อะไรที่ว่านั่น

ถ้าเห็นแล้ว ทำยังไงจึงเห็น 7 ใน 1 เดียว :b10: :b14:

(ทำให้นึกถึง อาเดียวขา https://www.youtube.com/watch?v=uqeUeAGXX6E)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2016, 09:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
สติ ความระลึกได้, นึกได้, ความไม่เผลอ, การคุมใจไว้กับกิจ หรือกุมจิตไว้กับสิ่งที่เกี่ยวข้อง, จำการที่ทำและคำที่พูดแล้วแม้นานได้ (ข้อ ๑ ในธรรมมีอุปการะมาก ๒ ข้อ ๑ ในโพชฌงค์ ๗ ข้อ ๓ ในอินทรีย์ ๕ ข้อ ๓ ในพละ ๕ ข้อ ๖ ในสัทธรรม ๗, ข้อ ๙ ในนาถกรณะธรรม ๑๐)

Kiss
สติเป็นความรู้สึกตัวตรงต่อธัมมะ
ความจริงของธัมมะที่ปรากฏค่ะ
เพราะสภาพธรรมปรากฏมาก
จะต้องระลึกรู้ทีละ1อย่าง
ต้องเป็นผู้ตรงตรงจริงๆ
ต้องตรงต่อความจริง
ที่ปรากฏถ้าไม่ทัน
ก็คือว่าไม่เกิดสติ
เพราะต้องรู้ถูก
เข้าใจถูกว่า
สติรู้ตรงๆ
ที่กำลังมี
มีแล้ว
ที่ตัว
แต่ไม่เคยรู้ไม่เคยเข้าถึง
ความจริงที่กำลังเกิดดับ
ก็คิดค้นวิธีที่จะไปทำขึ้น
เป็นการคิดที่ห่างสติแล้ว
กลับมาตั้งต้นฟังให้เข้าใจ
onion onion onion



ธรรม ธัมมะ ที่คุณโรสพร่ำบ่น ได้แก่อะไร เอาชัดๆ :b14:

สภาพธรรมเกิดดับตามเหตุปัจจัยกำลังมีเดี๋ยวนี้ผ่านอายตนะทั้ง6
สติระลึกสภาพธรรมที่กำลังปรากฏแต่ละ1คำรู้ตรงที่กายกระทบ
เช่นรู้เป็นลักษณะธาตุดิน1คำว่ามีอ่อนหรือแข็งตรงที่รู้ตรงคำ
คิดคำใหม่เป็นขณะใหม่แค่รู้1คำทั้ง6ทางดับหมดรู้ยังไม่ทั่ว
สติทั่วตัวตามรู้สภาพธรรมที่ปรากฏให้รู้ได้ต้อง7ลักษณะ
ต้องรู้ตัวตรงลักษณะสภาพธรรมทันทั้ง7ใน1เดียวค่ะ



คุณโรสเอาที่ไหนมาพูด

แล้วที่พูดทั้งหมดนั่น คุณโรสเห็นหรือยัง ที่ว่า 7 ใน 1 เดียว อะไรที่ว่านั่น

ถ้าเห็นแล้ว ทำยังไงจึงเห็น 7 ใน 1 เดียว :b10: :b14:

(ทำให้นึกถึง อาเดียวขา https://www.youtube.com/watch?v=uqeUeAGXX6E)

Kiss
:b12:
ว่าแล้วต้องสงสัยถามอีกแน่นอน
ความลังเลสงสัยนี่แหละที่ทำให้
ไปไหนมาไหนไม่ได้จำเป็นต้องรู้
กิเลสแปลว่าไม่รู้ทุกอย่างเลยจะรู้
ต้องเป็นปัญญารู้ถูกตรงลักษณะค่ะ
ความมั่นคงตั้งมั่นในความจริงของจิต
บวกสติและความจำถูกต้องตามเป็นจริง
โดยความเห็นถูกและจำมั่นคงว่าไม่มีตัวตน
เพราะขณะที่กำลังระลึกได้ถึงสภาพธรรม1ขณะ
ตรงคำที่ระลึกได้ตรงความจริงที่กำลังปรากฏจริงๆ
เป็นการเริ่มมีสติตรงปัจจุบันขณะค่ะ...ส่วนสติสัมปชัญญะ
การรู้ทั่วถึงสภาพธรรมที่กำลังปรากฏทั่วตัวทั้ง6ทางเป็นกิจญาณ
รู้จักจิตรึยังคะ...ไปจำคำและบัญญัติต่างๆน่ะ...ธรรมทั้งหลายดับแล้ว
ทุกอย่างเป็นธัมมะ...สัญญาเจตสิกเกิดกับจิตทุกขณะแม้ไม่คิดชื่อก็จำแล้ว
การฝึกสติที่ถูกต้องการรู้ตัวไม่ใช่การจำชื่อนิมิตที่ปรากฏแต่เป็นการรู้ตรงคำจริง
พึ่งคำของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าตรงลักษณะในแต่ละคำตรงกับความจริงที่ตนมี
สภาพธรรมที่ปรากฏในการเกิดดับปรากฏให้รู้ได้อย่างน้อย7มีลักษณะที่ไม่ปรากกฏมากถึง17
ศึกษาพระปริยัติธรรมจำเป็นต้องศึกษาจากการฟังที่ทำให้เข้าใจความจริงไปพร้อมการเข้าใจจิตตน
ถึงจะเป็นปัญญารู้แจ้งตามความเป็นจริงในสิ่งที่ตนมีจริงๆไม่ใช่ปริยัติแบบจำได้ทั้งหมดแต่ไม่จำสิ่งที่ตนมี
ถ้าจะให้เปรียบเทียบความรวดเร็วของการรู้ตัวทั่วพร้อมของพระอรหันต์ก็คือนั่งเครื่ิองบินเห็นรถยนต์ว่าช้าไง
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2016, 09:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
:b12:
ถามวิธีอีกไหมคะแล้วสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ7ลักษณะเป็นแบบไหนบ้าง
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2016, 09:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
สติ ความระลึกได้, นึกได้, ความไม่เผลอ, การคุมใจไว้กับกิจ หรือกุมจิตไว้กับสิ่งที่เกี่ยวข้อง, จำการที่ทำและคำที่พูดแล้วแม้นานได้ (ข้อ ๑ ในธรรมมีอุปการะมาก ๒ ข้อ ๑ ในโพชฌงค์ ๗ ข้อ ๓ ในอินทรีย์ ๕ ข้อ ๓ ในพละ ๕ ข้อ ๖ ในสัทธรรม ๗, ข้อ ๙ ในนาถกรณะธรรม ๑๐)

Kiss
สติเป็นความรู้สึกตัวตรงต่อธัมมะ
ความจริงของธัมมะที่ปรากฏค่ะ
เพราะสภาพธรรมปรากฏมาก
จะต้องระลึกรู้ทีละ1อย่าง
ต้องเป็นผู้ตรงตรงจริงๆ
ต้องตรงต่อความจริง
ที่ปรากฏถ้าไม่ทัน
ก็คือว่าไม่เกิดสติ
เพราะต้องรู้ถูก
เข้าใจถูกว่า
สติรู้ตรงๆ
ที่กำลังมี
มีแล้ว
ที่ตัว
แต่ไม่เคยรู้ไม่เคยเข้าถึง
ความจริงที่กำลังเกิดดับ
ก็คิดค้นวิธีที่จะไปทำขึ้น
เป็นการคิดที่ห่างสติแล้ว
กลับมาตั้งต้นฟังให้เข้าใจ
onion onion onion



ธรรม ธัมมะ ที่คุณโรสพร่ำบ่น ได้แก่อะไร เอาชัดๆ :b14:

สภาพธรรมเกิดดับตามเหตุปัจจัยกำลังมีเดี๋ยวนี้ผ่านอายตนะทั้ง6
สติระลึกสภาพธรรมที่กำลังปรากฏแต่ละ1คำรู้ตรงที่กายกระทบ
เช่นรู้เป็นลักษณะธาตุดิน1คำว่ามีอ่อนหรือแข็งตรงที่รู้ตรงคำ
คิดคำใหม่เป็นขณะใหม่แค่รู้1คำทั้ง6ทางดับหมดรู้ยังไม่ทั่ว
สติทั่วตัวตามรู้สภาพธรรมที่ปรากฏให้รู้ได้ต้อง7ลักษณะ
ต้องรู้ตัวตรงลักษณะสภาพธรรมทันทั้ง7ใน1เดียวค่ะ



คุณโรสเอาที่ไหนมาพูด

แล้วที่พูดทั้งหมดนั่น คุณโรสเห็นหรือยัง ที่ว่า 7 ใน 1 เดียว อะไรที่ว่านั่น

ถ้าเห็นแล้ว ทำยังไงจึงเห็น 7 ใน 1 เดียว :b10: :b14:

(ทำให้นึกถึง อาเดียวขา https://www.youtube.com/watch?v=uqeUeAGXX6E)

Kiss
:b12:
ว่าแล้วต้องสงสัยถามอีกแน่นอน
ความลังเลสงสัยนี่แหละที่ทำให้
ไปไหนมาไหนไม่ได้จำเป็นต้องรู้
กิเลสแปลว่าไม่รู้ทุกอย่างเลยจะรู้
ต้องเป็นปัญญารู้ถูกตรงลักษณะค่ะ
ความมั่นคงตั้งมั่นในความจริงของจิต
บวกสติและความจำถูกต้องตามเป็นจริง
โดยความเห็นถูกและจำมั่นคงว่าไม่มีตัวตน
เพราะขณะที่กำลังระลึกได้ถึงสภาพธรรม1ขณะ
ตรงคำที่ระลึกได้ตรงความจริงที่กำลังปรากฏจริงๆ
เป็นการเริ่มมีสติตรงปัจจุบันขณะค่ะ...ส่วนสติสัมปชัญญะ
การรู้ทั่วถึงสภาพธรรมที่กำลังปรากฏทั่วตัวทั้ง6ทางเป็นกิจญาณ
รู้จักจิตรึยังคะ...ไปจำคำและบัญญัติต่างๆน่ะ...ธรรมทั้งหลายดับแล้ว
ทุกอย่างเป็นธัมมะ...สัญญาเจตสิกเกิดกับจิตทุกขณะแม้ไม่คิดชื่อก็จำแล้ว
การฝึกสติที่ถูกต้องการรู้ตัวไม่ใช่การจำชื่อนิมิตที่ปรากฏแต่เป็นการรู้ตรงคำจริง
พึ่งคำของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าตรงลักษณะในแต่ละคำตรงกับความจริงที่ตนมี
สภาพธรรมที่ปรากฏในการเกิดดับปรากฏให้รู้ได้อย่างน้อย7มีลักษณะที่ไม่ปรากกฏมากถึง17
ศึกษาพระปริยัติธรรมจำเป็นต้องศึกษาจากการฟังที่ทำให้เข้าใจความจริงไปพร้อมการเข้าใจจิตตน
ถึงจะเป็นปัญญารู้แจ้งตามความเป็นจริงในสิ่งที่ตนมีจริงๆไม่ใช่ปริยัติแบบจำได้ทั้งหมดแต่ไม่จำสิ่งที่ตนมี
ถ้าจะให้เปรียบเทียบความรวดเร็วของการรู้ตัวทั่วพร้อมของพระอรหันต์ก็คือนั่งเครื่ิองบินเห็นรถยนต์ว่าช้าไง


ไม่บอกเลยไปจำมาจากไหน :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2016, 09:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
สติ ความระลึกได้, นึกได้, ความไม่เผลอ, การคุมใจไว้กับกิจ หรือกุมจิตไว้กับสิ่งที่เกี่ยวข้อง, จำการที่ทำและคำที่พูดแล้วแม้นานได้ (ข้อ ๑ ในธรรมมีอุปการะมาก ๒ ข้อ ๑ ในโพชฌงค์ ๗ ข้อ ๓ ในอินทรีย์ ๕ ข้อ ๓ ในพละ ๕ ข้อ ๖ ในสัทธรรม ๗, ข้อ ๙ ในนาถกรณะธรรม ๑๐)

Kiss
สติเป็นความรู้สึกตัวตรงต่อธัมมะ
ความจริงของธัมมะที่ปรากฏค่ะ
เพราะสภาพธรรมปรากฏมาก
จะต้องระลึกรู้ทีละ1อย่าง
ต้องเป็นผู้ตรงตรงจริงๆ
ต้องตรงต่อความจริง
ที่ปรากฏถ้าไม่ทัน
ก็คือว่าไม่เกิดสติ
เพราะต้องรู้ถูก
เข้าใจถูกว่า
สติรู้ตรงๆ
ที่กำลังมี
มีแล้ว
ที่ตัว
แต่ไม่เคยรู้ไม่เคยเข้าถึง
ความจริงที่กำลังเกิดดับ
ก็คิดค้นวิธีที่จะไปทำขึ้น
เป็นการคิดที่ห่างสติแล้ว
กลับมาตั้งต้นฟังให้เข้าใจ
onion onion onion



ธรรม ธัมมะ ที่คุณโรสพร่ำบ่น ได้แก่อะไร เอาชัดๆ :b14:

สภาพธรรมเกิดดับตามเหตุปัจจัยกำลังมีเดี๋ยวนี้ผ่านอายตนะทั้ง6
สติระลึกสภาพธรรมที่กำลังปรากฏแต่ละ1คำรู้ตรงที่กายกระทบ
เช่นรู้เป็นลักษณะธาตุดิน1คำว่ามีอ่อนหรือแข็งตรงที่รู้ตรงคำ
คิดคำใหม่เป็นขณะใหม่แค่รู้1คำทั้ง6ทางดับหมดรู้ยังไม่ทั่ว
สติทั่วตัวตามรู้สภาพธรรมที่ปรากฏให้รู้ได้ต้อง7ลักษณะ
ต้องรู้ตัวตรงลักษณะสภาพธรรมทันทั้ง7ใน1เดียวค่ะ



คุณโรสเอาที่ไหนมาพูด

แล้วที่พูดทั้งหมดนั่น คุณโรสเห็นหรือยัง ที่ว่า 7 ใน 1 เดียว อะไรที่ว่านั่น

ถ้าเห็นแล้ว ทำยังไงจึงเห็น 7 ใน 1 เดียว :b10: :b14:

(ทำให้นึกถึง อาเดียวขา https://www.youtube.com/watch?v=uqeUeAGXX6E)

Kiss
:b12:
ว่าแล้วต้องสงสัยถามอีกแน่นอน
ความลังเลสงสัยนี่แหละที่ทำให้
ไปไหนมาไหนไม่ได้จำเป็นต้องรู้
กิเลสแปลว่าไม่รู้ทุกอย่างเลยจะรู้
ต้องเป็นปัญญารู้ถูกตรงลักษณะค่ะ
ความมั่นคงตั้งมั่นในความจริงของจิต
บวกสติและความจำถูกต้องตามเป็นจริง
โดยความเห็นถูกและจำมั่นคงว่าไม่มีตัวตน
เพราะขณะที่กำลังระลึกได้ถึงสภาพธรรม1ขณะ
ตรงคำที่ระลึกได้ตรงความจริงที่กำลังปรากฏจริงๆ
เป็นการเริ่มมีสติตรงปัจจุบันขณะค่ะ...ส่วนสติสัมปชัญญะ
การรู้ทั่วถึงสภาพธรรมที่กำลังปรากฏทั่วตัวทั้ง6ทางเป็นกิจญาณ
รู้จักจิตรึยังคะ...ไปจำคำและบัญญัติต่างๆน่ะ...ธรรมทั้งหลายดับแล้ว
ทุกอย่างเป็นธัมมะ...สัญญาเจตสิกเกิดกับจิตทุกขณะแม้ไม่คิดชื่อก็จำแล้ว
การฝึกสติที่ถูกต้องการรู้ตัวไม่ใช่การจำชื่อนิมิตที่ปรากฏแต่เป็นการรู้ตรงคำจริง
พึ่งคำของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าตรงลักษณะในแต่ละคำตรงกับความจริงที่ตนมี
สภาพธรรมที่ปรากฏในการเกิดดับปรากฏให้รู้ได้อย่างน้อย7มีลักษณะที่ไม่ปรากกฏมากถึง17
ศึกษาพระปริยัติธรรมจำเป็นต้องศึกษาจากการฟังที่ทำให้เข้าใจความจริงไปพร้อมการเข้าใจจิตตน
ถึงจะเป็นปัญญารู้แจ้งตามความเป็นจริงในสิ่งที่ตนมีจริงๆไม่ใช่ปริยัติแบบจำได้ทั้งหมดแต่ไม่จำสิ่งที่ตนมี
ถ้าจะให้เปรียบเทียบความรวดเร็วของการรู้ตัวทั่วพร้อมของพระอรหันต์ก็คือนั่งเครื่ิองบินเห็นรถยนต์ว่าช้าไง


ไม่บอกเลยไปจำมาจากไหน :b1:

Kiss
ความเป็นผู้มีปกติไม่ต้องกำหนดจะมีกำหนดก็ตอนเริ่มฝึกแยกแยะในการคิดรู้คำตรงความจริง
ความเห็นถูกและเข้าใจสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามเป็นจริงเป็นปัญญาตามลำดับขั้นน๊า
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2016, 09:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
พระพุทธเจ้าทรงจำแนกธรรมไว้แล้วโดยละเอียด
ต้องพึ่งการฟังคำของพระองค์ไม่คิดเองเพราะว่า
กิเลสเกิดตลอดเวลาที่ยังมีโมหะพึงรู้คิดตามคำสอน
จำคำของพระองค์ที่ตรงความจริงรู้การสะสมจิตตนว่า
รู้ไตร่ตรองตามคำของพระองค์ตรงที่จิตตนสะสมมากแค่ไหน
ลองพิจารณาแผนผังการแจกแจงจิตเจตสิกรูปที่ลุงหมานโพสต์ไว้ค่ะ
:b4: :b4:
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=46807


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2016, 09:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
พระพุทธเจ้าทรงจำแนกธรรมไว้แล้วโดยละเอียด
ต้องพึ่งการฟังคำของพระองค์ไม่คิดเองเพราะว่า
กิเลสเกิดตลอดเวลาที่ยังมีโมหะพึงรู้คิดตามคำสอน
จำคำของพระองค์ที่ตรงความจริงรู้การสะสมจิตตนว่า
รู้ไตร่ตรองตามคำของพระองค์ตรงที่จิตตนสะสมมากแค่ไหน
ลองพิจารณาแผนผังการเกิดดับของจิตเจตสิกรูปที่ลุงหมานโพสต์ไว้ค่ะ
:b4: :b4:
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=46807


นี่เป็นธรรม ธัมม์ มั้ย

- ไม่เสพอบายมุข (ช่องทางเสื่อมเสีย หรือหายหมดไป) แห่งโภคะ ๖ ประการ คือ
๑. ติดสุรา และของมึนเมา
๒. ติดเที่ยวกลางคืน
๓. ติดเที่ยวดูการเล่น
๔. ติดการพนัน
๕. ติดคบเพื่อนชั่ว
๖. เกียจคร้านการงาน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2016, 09:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
ทุกอย่างเป็นธัมมะไม่มีเราค่ะ
:b32: :b32:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 48 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 144 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร