ปฏิบัติธรรมกับพระที่ยุวพุทธเดือดร้อนมาก

#ยุวพุทธ #ปฏิบัติธรรม #วิปัสสนา #ดูจิต #ผลกระทบ

พระลูกศิษย์ของพระมานพ อุปสโม ตั้งแต่ไปปฏิบัติธรรมกับคอร์สที่ยุวพุทธกลับมาก็นั่งทางในมาคอยตามรบกวนถึงบ้านตลอดเวลา ขนาดไปปฏิบัติธรรมกับพระรูปอื่นพระรูปนี้ก็ยังตามมา ถามว่าทราบได้อย่างไรก็ขอตอบว่าจำสภาพจิตของท่านได้เหมือนการมองเห็นทั่วไป

นอกจากพระรูปนี้แล้วได้เคยไปฝึกกับพระรูปอื่นหลายรูปซึ่งท่านก็มักจะแปลกใจที่ตนเองสามารถเห็นจิตได้ดีกว่าคนทั่วไป จึงสามารถยืนยันได้ว่าเรื่องที่กล่าวมาเป็นเรื่องจริงส่วนรายละเอียดเชิงพิสดารขอละไว้

แต่สุดท้ายแล้วส่งผลให้ชีวิตไม่สงบสุขเป็นอย่างมากและไม่กล้าฝึกปฏิบัติหรือไปวัดมาหลายปีแล้ว รบกวนทางยุวพุทธช่วยกวดขันพระสายเคร่งครัดในสังกัดและทั่วไปอย่างจริงจังไม่ให้มาคอยตามรบกวนฆราวาสด้วยไม่ว่าจะมีผู้รู้เห็นหรือไม่ก็ตาม เพราะนี่หลายปีแล้วนิมนต์กลับก็แล้วไล่ก็แล้วก็ไม่เลิกรบกวนเสียที

การที่ต้องทนรับรู้ทุกอย่างทางจิตทำให้เสียสุขภาพ เดือดร้อนและทำให้การใช้ชีวิตทางโลกไม่เจริญเป็นอย่างมากและอยากขอคืนวิชาทั้งหมดเพราะไม่เป็นสุขเลย ที่เล่ามาทั้งหมดนี่เป็นเรื่องจริงที่คนฝึกสายดูจิตสัมผัสได้ถ้าวันหนึ่งได้เกิดกับตัว ได้ยินจากปากพระรูปหนึ่งเล่าว่าเขาถือเป็นหน้าที่ว่าต้องคอยไล่ตามหาผู้มีอริยมรรคอริยผล ก็ขอบอกจากความเดือดร้อนที่ประสบกับตนเองว่า ไม่ว่าเขาจะเป็นผู้มีอริยมรรคอริยผลจริงหรือไม่ก็อย่าไปไล่ตามเขาเลย มันเป็นการรบกวนไม่ว่าเขาจะมีจริงหรือไม่ก็ตามเขาย่อมมีสิทธื์เลือกที่จะดำรงชีวิตในแบบของตนเอง แต่ตนเองเพียงแค่ตั้งใจดีตอนไปปฏิบัติธรรมเท่านั้นยังต้องทนเดือดร้อนขนาดนี้จึงไม่อยากรับรู้อีกและไม่อยากให้ใครเป็นแบบนี้อีก

ถ้าทราบว่าวันหนึ่งจะต้องเป็นแบบนี้ก็อยากขอย้อนเวลากลับไปและไม่ไปปฏิบัติธรรมเลย ขออานิสงค์แห่งการเล่าด้วยสัจจะนี้และคุณพระศรีรัตนตรัยช่วยดลบันดาลให้ไม่มีใครต้องได้รับผลกระทบแบบนี้ต่อไปเลย ขอร้องอย่าตามมารบกวนกันอีกเลยทั้งชาตินี้และชาติหน้าทุกชาติไปเทอญ

http://pantip.com/topic/35082503

ลอกมาให้อ่าน
ก็รับอ่านครับ

บอกไม่เชื่อว่าการปฏิบัติทางจิตนั่น ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น แต่รายที่นำมาจากพันทิพเนี่ย ได้อ่านกระทู้นั่นก่อนแล้ว ดูมันยังไงๆอยู่นะ (#ยุวพุทธ #ปฏิบัติธรรม #วิปัสสนา #ดูจิต)



เช่นนั้นอ่านพระสูตรน่าไม่เข้าใจหรอก

กรัชกายเข้าใจ
กรัชกายก็บรรยายไปสิ

ไม่น่าจะเป็นเรื่องจริงครับ

และไม่เชื่อด้วยครับ

คิดว่าเป็นเรื่องของจิตผู้ปฎิบัติเอง

เหมือนย้ำคิดแต่เรื่องเดิมๆ

การดูจิตของผู้อื่นว่าบรรลุมรรคผล

ใช้วิปัสสนาภาวนาดูครับ

ไม่ใช่ญาณทางโลก เช่น อยากรู้อดีตหรืออนาคต หรือถอดกาย หรืออะไรก็ตามแต่

ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าก็ทรงบัญญัติแล้วว่า พระโมคลา เป็นเลิศทางด้านนี้ ไม่มีใครจะไปเก่งกว่าพระโมคลาแล้วครับ นอกจากพระพุทธเจ้า

การสอบอารมณ์โดยรู้วาระจิตของศิษย์ ที่ทำได้จริงๆก็มี ที่เป็นแบบคาดเดาก็มี ต้องคอยสังเกตใกล้ชิด วิเคราะห์วิจัยเอาเองจากสถานการณ์จริงๆ

ถ้ามีอาจารย์สอนและสอบอารมณ์ผู้รู้วาระจิตของศิษย์ได้ ย่อมเป็นประโยชน์มาก
ทำให้ศิษย์บรรลุธรรมเร็ว

ใครพบเจออาจารย์อย่างนี้ก็อย่าไปรำคาญท่านเลย ถ้ารำคาญ จนเป็นทุกข์อย่างทีเป็นในกระทู้นี้ ให้เอารำคาญนั่นแหละมาเป็นงานที่จะต้องชำระด้วยญาณวิปัสสนาหรือสมถะ

รำคาญเป็น อุทธัจจะนิวรณ์

ใจของเขาเหล่านี้

ยังได้รับการรบกวนจากความรู้สึกภายในของตนเองนั่นเอง

หามีใครทำให้ไม่

พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ว่าไม่ควรคิดว่าสุขทุกข์อันผู้อื่นทำให้ ไม่ควรคิดว่าอันตัวเราทำเอง ไม่ควรคิดว่าสุข ทุกข์นั้นไม่มี ที่จริงแล้วสุขทุกข์นั้นมีอยู่ อันที่จริงเกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัย ในเมื่อรู้ทันก็เป็นสุข รู้ไม่ทันก็เป็นทุกข์ ที่ปรุงแต่งแบบนี้ขึ้นมาเป็นสัญญาวิปลาศ ขาดความรู้ทันจะคิดหนอๆ จึงดับไม่เป็น จึงมีเรามีเขา จึงมีความยึดถือ ตัณหาและอุปาทาน ไม่มีวิปัสสนาจารย์ไหนหรอกที่เขาจะขยันไปเฝ้าซะขนาดนั้น นอกจากเรารู้ไม่ทันและยึดถือปรุงแต่งเพ้อเจ้อเรื่อยเปื่อย จึงถูกอภิสังขารมารหลอกเอา คือ การปรุงแต่งอันยึ่งใหญ่ที่ดับไม่เป็นเพราะรู้ไม่ทันต้นเหตุ จะคิดหนอๆ เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าสอนให้รู้ทันทุกอย่าง จิตจะเกิดก็รู้ว่าจิตจะเกิด จิตจะดับก็รู้ทันว่าจิตจะดับ แล้วจะหายโง่ทันที

จากสายสืบสั่งสอนนิสัยศาสตร์