วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 22:51  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 28 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.พ. 2016, 04:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เป็นประเด็นถกเถียงกัน ในเว็บบอร์ดกับประโยคคำพูด........
เห็นด้วยหรือไม่กับคำพูดนี้ "โสดาบันดื่มสุราได้ แต่ต้องไม่ผิดสัมมาวาจาสี่"
เราอย่าไปรู้ว่าใครเป็นคนพูดหรือบางท่านรู้แล้วก็อย่าไปกล่าวถึงชื่อท่านผู้พูดเลยครับ
เพราะคำพูดเรา ท่านไม่สามารถมาแก้ต่างได้

อยากให้เพื่อนๆลองแสดงความเห็น ยกธรรมขึ้นอ้างว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยอย่างไร
กรุณาอย่าใส่แต่ความเห็นนะครับ เพราะคงไม่มีใครเชื่อ เอาเป็นว่า อ้างอิงธรรมจาก
พระไตรปิฎก อรรถกถาหรือฎีกาอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้

ปล. ถ้าไม่มีใครแสดงความเห็น ผมจะเข้ามาตอบภายหลังครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.พ. 2016, 06:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b10: :b10:

รอชม..โฮฮับ..

:b9: :b9: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.พ. 2016, 07:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
เป็นประเด็นถกเถียงกัน ในเว็บบอร์ดกับประโยคคำพูด........
เห็นด้วยหรือไม่กับคำพูดนี้ "โสดาบันดื่มสุราได้ แต่ต้องไม่ผิดสัมมาวาจาสี่"
เราอย่าไปรู้ว่าใครเป็นคนพูดหรือบางท่านรู้แล้วก็อย่าไปกล่าวถึงชื่อท่านผู้พูดเลยครับ
เพราะคำพูดเรา ท่านไม่สามารถมาแก้ต่างได้

อยากให้เพื่อนๆลองแสดงความเห็น ยกธรรมขึ้นอ้างว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยอย่างไร
กรุณาอย่าใส่แต่ความเห็นนะครับ เพราะคงไม่มีใครเชื่อ เอาเป็นว่า อ้างอิงธรรมจาก
พระไตรปิฎก อรรถกถาหรือฎีกาอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้

ปล. ถ้าไม่มีใครแสดงความเห็น ผมจะเข้ามาตอบภายหลังครับ


ป๊าดด แล้วแน่ใจหรือตัวเองเข้าใจถูก คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.พ. 2016, 08:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




welcom home.jpg
welcom home.jpg [ 7.84 KiB | เปิดดู 4732 ครั้ง ]
'
:b13: smiley smiley :b13:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.พ. 2016, 19:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ก่อนอื่นต้องทำความเข้าก่อนว่า โสดาบันกับพระโสดาบันต่างกันซึ่งสถานะ
ความหมายของโสดาบันคือ ฆราวาส ส่วนพระโสดาบันหมายถึง พระภิกษุสงฆ์
ในที่นี้พระโสดาบันย่อมจะดื่มสุราไม่ได้อยู่แล้ว นั้นเพราะมีวินัยสงฆ์กำกับไว้

ฉะนั้นประเด็นมันอยู่ที่ โสดาบันที่เป็นฆราวาสสามารถดื่มสุราได้หรือไม่
ขอเพิ่มเติมคำพูดของท่านผู้พูดหน่อยว่า คำพูดที่สมบูรณ์ คือ โสดาบันจิบสุราได้ ถ้าไม่ผิดสัมมาวาจาสี่

แล้วสัมมาวาจาสี่มีอะไรบ้างในความหมายนี้.....
การงดเว้นจากการพูดเท็จ
งดเว้นจากการพูดส่อเสียด
งดเว้นจากการพูดคำหยาบ
งดเว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ

ถ้าเราพิจารณาจากคำสอนของท่าน ดูก็เป็นเหตุเป็นผลกันดี เพียงแต่ท่านกำลังเข้าใจผิด
ในธรรมของโสดาบัน

ธรรมของโสดาบันมีอะไรบ้างที่พึงปฏิบัติ.....

* [๑๔๓๒] ดูกรสารีบุตร ที่เรียกว่า โสดาบันๆ ดังนี้ โสดาบันเป็นไฉน?
สา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ผู้ใดประกอบด้วยอริยมรรคมีองค์ ๘ นี้ ผู้นี้เรียกว่า
พระโสดาบัน ท่านผู้นี้นั้น มีนามอย่างนี้ มีโคตรอย่างนี้.
* [๑๔๓๓] พ. ถูกละๆ สารีบุตร ผู้ซึ่งประกอบด้วยอริยมรรค ๘ นี้ เรียกว่า โสดาบัน
ท่านผู้นี้นั้น มีนามอย่างนี้.

http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.p ... 316&Z=8337

จากพระสูตรบทนี้ จะเห็นได้ว่า ธรรมของโสดาบันก็คืออริยมรรคมีองค์๘
อริยมรรค์มีองค์แปดมีอะไรบ้าง.....
.........1. สัมมาทิฏฐิ
..........2. สัมมาสังกัปปะ
..........3. สัมมาวาจา
..........4. สัมมากัมมันตะ
..........5. สัมมาอาชีวะ
..........6. สัมมาวายามะ
..........7. สัมมาสติ
..........8. สัมมาสมาธิ

พูดมาเพียงแค่นี้ควรจะรู้ได้แล้วว่า "โสดาบันจิบสุราได้ ถ้าไม่ผิดสัมมาวาจาสี่" มันผิดถูกอย่างไร
ถ้ายังไม่รู้พรุ่งนี้ค่อยมาอธิบายต่อ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.พ. 2016, 00:08 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


cool ...

ท่านโฮ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.พ. 2016, 01:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าก่อนว่า โสดาบันกับพระโสดาบันต่างกันซึ่งสถานะ
ความหมายของโสดาบันคือ ฆราวาส ส่วนพระโสดาบันหมายถึง พระภิกษุสงฆ์
ในที่นี้พระโสดาบันย่อมจะดื่มสุราไม่ได้อยู่แล้ว นั้นเพราะมีวินัยสงฆ์กำกับไว้

ฉะนั้นประเด็นมันอยู่ที่ โสดาบันที่เป็นฆราวาสสามารถดื่มสุราได้หรือไม่
ขอเพิ่มเติมคำพูดของท่านผู้พูดหน่อยว่า คำพูดที่สมบูรณ์ คือ โสดาบันจิบสุราได้ ถ้าไม่ผิดสัมมาวาจาสี่

แล้วสัมมาวาจาสี่มีอะไรบ้างในความหมายนี้.....
การงดเว้นจากการพูดเท็จ
งดเว้นจากการพูดส่อเสียด
งดเว้นจากการพูดคำหยาบ
งดเว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ

ถ้าเราพิจารณาจากคำสอนของท่าน ดูก็เป็นเหตุเป็นผลกันดี เพียงแต่ท่านกำลังเข้าใจผิด
ในธรรมของโสดาบัน

ธรรมของโสดาบันมีอะไรบ้างที่พึงปฏิบัติ.....

* [๑๔๓๒] ดูกรสารีบุตร ที่เรียกว่า โสดาบันๆ ดังนี้ โสดาบันเป็นไฉน?
สา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ผู้ใดประกอบด้วยอริยมรรคมีองค์ ๘ นี้ ผู้นี้เรียกว่า
พระโสดาบัน ท่านผู้นี้นั้น มีนามอย่างนี้ มีโคตรอย่างนี้.
* [๑๔๓๓] พ. ถูกละๆ สารีบุตร ผู้ซึ่งประกอบด้วยอริยมรรค ๘ นี้ เรียกว่า โสดาบัน
ท่านผู้นี้นั้น มีนามอย่างนี้.

http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.p ... 316&Z=8337

จากพระสูตรบทนี้ จะเห็นได้ว่า ธรรมของโสดาบันก็คืออริยมรรคมีองค์๘
อริยมรรค์มีองค์แปดมีอะไรบ้าง.....
.........1. สัมมาทิฏฐิ
..........2. สัมมาสังกัปปะ
..........3. สัมมาวาจา
..........4. สัมมากัมมันตะ
..........5. สัมมาอาชีวะ
..........6. สัมมาวายามะ
..........7. สัมมาสติ
..........8. สัมมาสมาธิ

พูดมาเพียงแค่นี้ควรจะรู้ได้แล้วว่า "โสดาบันจิบสุราได้ ถ้าไม่ผิดสัมมาวาจาสี่" มันผิดถูกอย่างไร
ถ้ายังไม่รู้พรุ่งนี้ค่อยมาอธิบายต่อ


การดื่มสุราน่าจะมีแค่ข้อยกเว้นกรณีที่เอามาทำยาปรุงผสมเพื่อบำบัดโรค

โสดาบันท่านงดเว้นการดื่มสุราโดยข้อปฎิบัติในมรรค8

แต่จะจิบหรือดื่มก็คงไม่มีในความคิดของพระโสดาบัน หรือโสดาบัน

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.พ. 2016, 03:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โดยสรุปภาพรวมอริยะ(เสขะ)มีหลักในการปฏิบัติก็คือ.......อริยมรรคมีองค์๘
ความหมายของอริยมรรคมีองค์๘ คือการปฏิบัติให้เกิดองค์แห่งอริยมรรค์พร้อมกัน(เน้นว่าต้องพร้อมกัน)

ฉะนั้นคำว่าสัมมาวาจาที่พระอาจารย์ท่านอ้างนั้น จะต้องคำนึงถึงอริยมรรคองค์อื่นๆด้วย
สัมมาวาจาจะเกิดไม่ได้ ถ้าสัมมาอริยะมรรคองค์อื่นไม่สามารถทำให้เจริญหรือหรือเกิดขึ้นได้

อยากให้พิจารณาที่องค์แห่งสัมมาสติ มรรคในสัมมาสติที่สำคัญก็คือ......ความไม่ประมาท
เมื่อขาดมรรคตัวนี้ สัมมาสติย่อมเกิดไม่ได้ เมื่อสัมมาสติเกิดไม่ได้ อริยมรรคมีองค์๘ก็เกิดไม่ได้
นั้นก็หมายความว่า สัมมาวาจาก็เกิดไม่ได้เช่นกัน

ฉะนั้นกับคำพูดที่ว่า....โสดาบันดื่ม(จิบ)สุราได้ ถ้าไม่ทำผิดสัมมาวาจาสี่ จึงเป็นคำพูดที่คลาดเคลื่อน
พิจารณาก็รู้ว่าผู้พูดขาดความเข้าใจใน อริยมรรคมีองค์๘ อันเป็นมรรคปฏิบัติแห่งเสขะ(โสดาบัน)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.พ. 2016, 04:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วิริยะ เขียน:
'
:b13: smiley smiley :b13:



eragon_joe เขียน:
cool ...

ท่านโฮ


smiley
新年快樂
ซินเหนียนไคว้เล่อ
ขอให้มีความสุขในวันปีใหม่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.พ. 2016, 04:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

:b12:
อ้างคำพูด:
โสดาบัน แปลว่า ผู้เข้าถึงกระแสพระธรรม ผู้แรกบรรลุถึงกระแสพระธรรม คือการบรรลุโสดาบัน

เนื้อหา
การละสังโยชน์
ประเภท
ตัวอย่างบุคคลผู้บรรลุโสดาบันในพุทธกาล หรือบรรลุธรรมจักษุ
อ้างอิง
การละสังโยชน์ แก้ไข

โสดาบัน เป็นชื่อเรียกอริยบุคคล ระดับแรกใน ๔ ระดับ คือ โสดาบัน สกทาคามี อนาคามี อรหันต์ ผู้ได้บรรลุโสดาปัตติผลแล้วด้วยการละ สังโยชน์ เบื้องต่ำ ๓ ประการคือ

1. สักกายทิฏฐิ คือ ความเห็นว่าเป็นของตัวเป็นของตน ความเห็นเป็นเหตุถือตัวตนเป็นอัตตาทิฎฐิ เช่น เห็นรูปเป็นตน เห็นเวทนาเป็นตน

2. วิจิกิจฉา คือ ความสงสัยในพระรัตนตรัย และในกุศลธรรมทั้งหลาย

3. สีลัพพตปรามาส คือ ความยึดมั่นในข้อปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ที่เข้าใจว่าเป็นข้อปฏิบัติที่บริสุทธิ์หลุดพ้น เป็นมิจฉาทิฏฐิ เช่น การประพฤติวัตรอย่างโค การนอนบนหนามของพวกโยคี เป็นต้น

การบรรลุความเป็นโสดาบัน สกทาคามี อนาคามี และอรหันต์ นี้คือความเป็นอริยบุคคลที่มิได้จำกัดอยู่เฉพาะเพศบรรพชิต(นักบวช) เท่านั้น แม้ คฤหัสถ์ คือชายหรือหญิงผู้ครองเรือน ก็สามารถบรรลุเป็นอริยบุคคลได้ เช่น ในสมัยพุทธกาลคฤหัสถ์ที่เป็นอริยบุคคล บรรลุโสดาบัน สกทาคามี อนาคามี อรหันต์ ที่มีชื่อเสียงก็มีจำนวนมากได้แก่ นางวิสาขามหาอุบาสิกา อนาถบิณฑิกเศรษฐี พระเจ้าพิมพิสาร เป็นต้น

การเข้าถึงกระแสพระธรรมของโสดาบันนั้น เป็นการยกระดับจิตใจของท่านอย่างถาวร ทำให้ท่านไม่สามารถกลับไปสู่ปุถุชนได้อีก เป็นผู้ที่จะไม่ไปเกิดในอบายภูมิ (เช่น นรก หรือ เดียรฉาน) ทั้งยังเป็นผู้ที่จะบรรลุพระนิพพานในเบื้องหน้าอย่างแน่นอน การบรรลุโสดาบันทั้ง ๔ ระดับ มีเอกพีชีโสดาบัน เท่านั้นที่สามารถบรรลุอรหันต์ได้ในภพชาติเดียว เนื่องจากการมาจากวิมุตติสุข ส่วนโกลังโกลโสดาบันมาจากการบรรลุโสดาบันในภพชาติที่แล้ว จึงบรรลุสกทาคามีพร้อมกับบรรลุอนาคามีได้ในภพชาติเดียว หรือบรรลุสกทาคามีเพียงระดับเดียว หรือบรรลุอนาคามีได้โดยอินทรีย์5 ศรัทธา วิริยะ สมาธิ สติ และปัญญา มิต้องผ่านแต่ละระดับ และอาจบรรลุอรหันต์ได้ในภพชาตินี้ สัตตักขัตตุปรมโสดาบันมาจากการบรรลุโสดาบันจำเป็นต้องผ่านภพชาติ ผ่านการอบรมจึงจะบรรลุอรหันต์

ประเภท แก้ไข

ดังที่กล่าวมาแล้วโสดาบันสามารถละสังโยชน์ 3 ประการ ตัดขาดออกจากใจได้สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษ การตัดสังโยชน์ 3 ประการ คือการตัดเส้นทางในการเวียนว่ายตายเกิดให้สั้นลงไดั ผู้สำเร็จเป็นโสดาบัน แบ่งเป็น 3 ประเภทดังนี้

ประเภทที่ 1 เอกพีชีโสดาบัน เอ-กะ-พี-ชี จะเกิดเพียงชาติเดียว เป็นผู้เที่ยงแท้ต่อการเสวยวิมุตติสุขในอายตนนิพพานมากที่สุด เพราะเมื่อมาเกิดแล้ว ลงมือปฏิบัติธรรมก็จะได้บรรลุธรรมเป็นอรหันต์ ซึ่งเป็นขั้นสูงสุดของอริยบุคคลในพระพุทธศาสนา

ประเภทที่ 2 โกลังโกลโสดาบัน โก-ลัง-โก-ละ เป็นอริยบุคคลที่มีความพิเศษรองลงมา คือ จะมาเกิดอีกเพียง 2-3 ชาติเท่านั้น แล้วจะได้สำเร็จเป็นอรหันต์

ประเภทที่ 3 สัตตักขัตตุปรมโสดาบัน สัด-ตะ-ตัก-กะ-ขัด-ตะ-ตุ-ปอ-ระ-มะ คืออริยบุคคล ที่จะต้องเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏอีกไม่เกิน 7 ชาติ ก็จะได้บรรลุธรรมเป็นอรหันต์ ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป

การที่โสดาบัน แบ่งเป็น 3 ประเภท ดังที่กล่าวมา เพราะว่าการสั่งสมบุญบารมี อีกทั้งอินทรีย์ 5 ศรัทธา วิริยะ สมาธิ สติ และปัญญา ที่อบรมมาแตกต่างกัน เช่น ผู้ที่สร้างบารมีมาอย่างแก่กล้า เกิดในภพชาตินี้ เมื่ออินทรีย์ทั้ง 5 ประการ คือ ศรัทธา วิริยะ สมาธิ สติ และปัญญา ถึงความแก่รอบสม่ำเสมอ ก็สามารถบรรลุผลได้อย่างรวดเร็ว โสดาบันประเภทนี้ คือ สัตตักขัตตุปรมโสดาบัน


onion
คุณโฮฮับ มาตีความจากบัญญัติไปด้วยความเห็น ความยึดว่าใช่ของตนเอง โดยไม่เอาธรรมเป็นเครื่องช่วยตัดสิน จึงทำให้ ตีความหมายของพระธรรมหรือธรรมะที่พระพุทธเจ้าทรงสอนผิดเพี้ยนเป็นผลทำให้ปฏิบัติผิดเพี้ยนไปหมด

คุณโฮฮับไปติดบัญญัติคำว่าพระเสียจนแน่นเกินไปเลยแปลความหมายของธรรมผิดหมด

พระโสดาบัน กับโสดาบันบุคคล เป็นอันเดียวกัน มีคุณสมบัติเดียวกัน เมื่อเป็นอย่างนั้นแล้ว ผู้ที่จิบเหล้าหรือดื่มสุราได้อยู่จึงมิใช่โสดาบัน
onion
ถ้าคุณโฮฮับจะเล่นกับบัญญัติหรือคำศัพท์เป็นคำๆอย่างนี้ ต้องทำใจให้กว้างๆเปิดทางให้ตนเองได้หลุดพ้นจากความเห็นผิดยึดผิดเสียที

ถ้าพระโสดาบันต่างกับโสดาบันตรงคำว่า "พระ"
คุณโฮฮับลองไปดูตรงประเภทของโสดาบันบุคคลให้ดีๆ

บาลีท่านบอกว่า

เอกพีชีโสดาบัน คือโสดาบันหรือพระโสดาบันที่มีชาติจะต้องไปเวียนว่ายตายเกิดอีกเพียงชาติเดียว โกลังโกละ...สัตตักขัตตุปรมโสดาบัน ก็ 3 ชาติ 7 ชาติไม่เกินนั้น

ทำไมท่านไม่กล่าวบาลีว่า "พระเอกพีชีโสดาบัน อย่างที่คุณโฮฮับเห็นและเข้าใจล่ะครับ?

ถ้าเอาคำว่า "พระ"มาเป็นหลักตัดสิน คำแปลหรือความหมายของบัญญัติที่ว่า

เอกพีชีโสดาบัน
โกลังโกละโสดาบัน
สัตตักขัตตุปรมโสดาบัน
ที่เขาใช้เขานิยมแปลความหมายกันไปทั่วก็ผิดเพี้ยนไปหมดสิครับ?

Onion_L
คุณโฮฮับยังรู้ไม่รอบถึงศัพท์บัญญัติเกี่ยวกับโสดาบัน

บุคคลที่กำลังบำเพ็ญตนเพื่อให้ถึงความเป็นโสดาบันหรือพระโสดาบันนั้นท่านใช้บัญญัติว่า

"โสดาบันมรรคอาจารอริยะ" หรือโสดาปัตติมรรคอาจาระอริยะ

เตรียมเป็นพระสกิทา อนาคา อรหันตาก็เช่นกัน
onion
หายไปบำเพ็ญภาวนา บ่มบารมีตั้งนาน ยังชำระจิตของตนไม่ขาวรอบอีกหรือครับ
ถ้ายังเป็นอย่างนี้เดี๋ยวอีกสักพักคงต้องเอาเรื่อง

อริยมรรค 8 กับ มรรค 8

มาคุยกันอีกแล้วใช่ไหมครับ

อริยมรรคมีองค์ 8 ยังคงเป็นมรรคสำหรับพระอริยเจ้าเท่านั้น กัลยาณชนที่กำลังเจริญมรรค 8 อยู่ไม่มีสิทธิ์ทำได้ อีกเหมือนเดิมใช่ไหมครับ?

นี่แค่ทบทวนความจำไม่ได้มาแตกประเด็นตามหัวข้อ โสดาบันจิบเหล้านี้หรอกนะครับ ขออภัยด้วย
smiley
อย่างไรก็ดีนี่คงเป็นแค่กระทู้ที่โฮฮับเอามากระตุ้นความจำ ปลุกไฟสนทนาธรรมของคู่สนทนาเดิมหลายๆท่านแล้วจึงค่อยบอกธรรมใหม่ๆที่ไร้อัตตาและมานะทิฏฐิแก่เพื่อนฝูงมิตรสหายเก่า ใหม่ทั้งหลาย ใช่ไหมครับ
s004
ยินดีต้อนรับคุณโฮฮับคนใหม่ ใจใหม่ครับ
ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้
ตั่วถั่งๆ

:b27:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2016, 08:54 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2946


 ข้อมูลส่วนตัว


ดีใจที่กลับมาอีกครั้งค่ะ
rolleyes


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.พ. 2016, 20:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าก่อนว่า โสดาบันกับพระโสดาบันต่างกันซึ่งสถานะ
ความหมายของโสดาบันคือ ฆราวาส ส่วนพระโสดาบันหมายถึง พระภิกษุสงฆ์
ในที่นี้พระโสดาบันย่อมจะดื่มสุราไม่ได้อยู่แล้ว นั้นเพราะมีวินัยสงฆ์กำกับไว้

ฉะนั้นประเด็นมันอยู่ที่ โสดาบันที่เป็นฆราวาสสามารถดื่มสุราได้หรือไม่
ขอเพิ่มเติมคำพูดของท่านผู้พูดหน่อยว่า คำพูดที่สมบูรณ์ คือ โสดาบันจิบสุราได้ ถ้าไม่ผิดสัมมาวาจาสี่

แล้วสัมมาวาจาสี่มีอะไรบ้างในความหมายนี้.....
การงดเว้นจากการพูดเท็จ
งดเว้นจากการพูดส่อเสียด
งดเว้นจากการพูดคำหยาบ
งดเว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ

ถ้าเราพิจารณาจากคำสอนของท่าน ดูก็เป็นเหตุเป็นผลกันดี เพียงแต่ท่านกำลังเข้าใจผิด
ในธรรมของโสดาบัน

ธรรมของโสดาบันมีอะไรบ้างที่พึงปฏิบัติ.....

* [๑๔๓๒] ดูกรสารีบุตร ที่เรียกว่า โสดาบันๆ ดังนี้ โสดาบันเป็นไฉน?
สา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ผู้ใดประกอบด้วยอริยมรรคมีองค์ ๘ นี้ ผู้นี้เรียกว่า
พระโสดาบัน ท่านผู้นี้นั้น มีนามอย่างนี้ มีโคตรอย่างนี้.
* [๑๔๓๓] พ. ถูกละๆ สารีบุตร ผู้ซึ่งประกอบด้วยอริยมรรค ๘ นี้ เรียกว่า โสดาบัน
ท่านผู้นี้นั้น มีนามอย่างนี้.

http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.p ... 316&Z=8337

จากพระสูตรบทนี้ จะเห็นได้ว่า ธรรมของโสดาบันก็คืออริยมรรคมีองค์๘
อริยมรรค์มีองค์แปดมีอะไรบ้าง.....
.........1. สัมมาทิฏฐิ
..........2. สัมมาสังกัปปะ
..........3. สัมมาวาจา
..........4. สัมมากัมมันตะ
..........5. สัมมาอาชีวะ
..........6. สัมมาวายามะ
..........7. สัมมาสติ
..........8. สัมมาสมาธิ

พูดมาเพียงแค่นี้ควรจะรู้ได้แล้วว่า "โสดาบันจิบสุราได้ ถ้าไม่ผิดสัมมาวาจาสี่" มันผิดถูกอย่างไร
ถ้ายังไม่รู้พรุ่งนี้ค่อยมาอธิบายต่อ


อ้างคำพูด:
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าก่อนว่า โสดาบันกับพระโสดาบันต่างกันซึ่งสถานะ
ความหมายของโสดาบันคือ ฆราวาส ส่วนพระโสดาบันหมายถึง พระภิกษุสงฆ์
ในที่นี้พระโสดาบันย่อมจะดื่มสุราไม่ได้อยู่แล้ว นั้นเพราะมีวินัยสงฆ์กำกับไว้

ฉะนั้นประเด็นมันอยู่ที่ โสดาบันที่เป็นฆราวาสสามารถดื่มสุราได้หรือไม่
ขอเพิ่มเติมคำพูดของท่านผู้พูดหน่อยว่า คำพูดที่สมบูรณ์ คือ โสดาบันจิบสุราได้ ถ้าไม่ผิดสัมมาวาจาสี่


อ่านที่โฮฮับยกศัพท์

โสดาบัน

กับ

พระโสดาบัน

มาพูดอธิบายว่ามีความหมายต่างกัน ต่างกันแค่คำว่า "พระ"

โสดาบัน ไม่มีพระนำ เป็นฆราวาส

มีพระนำหน้า เป็นพระภิกษุ

อ่านแล้วจี้มักๆ กำลังดื่มกาแฟผสมโอวัลตินอยู่ สำลักออกจมูกเลย กั้กๆๆ

ก็อันเดียวกันความหมายเดียวกันนั่นแหละโฮฮับ จะเติมหรือไม่เติมพระนำหน้า

พระนำหน้าเรียกแบบยกย่อง
เช่น
พระพุทธ
พระธรรม
พระสงฆ์

จะเรียกไม่ใช่พระนำหน้าก็ได้

เช่น

พุทธ (พุทธะ)
ธรรม (ธรรมะ)
สงฆ์ (สังฆะ)

โสดาบัน
พระโสดาบัน
สกทาคามี
พระสกทาคามี
ฯลฯ
อรหันต์
พระอรหันต์

พอเดี๋ยวสำลักอีก

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2016, 04:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อ่านที่โฮฮับยกศัพท์
โสดาบัน
กับ
พระโสดาบัน
มาพูดอธิบายว่ามีความหมายต่างกัน ต่างกันแค่คำว่า "พระ"
โสดาบัน ไม่มีพระนำ เป็นฆราวาส
มีพระนำหน้า เป็นพระภิกษุ
อ่านแล้วจี้มักๆ กำลังดื่มกาแฟผสมโอวัลตินอยู่ สำลักออกจมูกเลย กั้กๆๆ

เสขะเบื้องต้นเป็นได้ทั้งฆราวาสและภิกษุสงฆ์ ทั้งภิกษุและฆราวาสเหมือนกันที่อริยมรรคมีองค์๘
แต่ต่างกันที่ตัวองค์มรรค คือ สัมมาศีล นั้นก็คือ สัมมาอาชีวะ สัมมากัมมันตะ สัมมาวาจา

โสดาบันที่เป็นพระภิกษุต้องอยู่วัด ฉันอาหารให้เป็นเวลา ต้องอยู่ภายใต้วินัยสงฆ์
แต่โสดาบันที่เป็นฆราวาสไม่ต้องทำแบบนั้น.......นี่คือสาเหตุที่เราจะต้องบัญญัติชื่อเรียกนำหน้า
เพื่อให้รู้มรรคปฏิบัติของบุคคลตามสถานะ

กรัชกาย เขียน:
ก็อันเดียวกันความหมายเดียวกันนั่นแหละโฮฮับ จะเติมหรือไม่เติมพระนำหน้า

ที่กรัชกายมั่วพูดเช่นนั้นก็เพราะไม่รู้ว่าอะไรเป็นมรรคปฏิบัติในสัมมาศีลนั้นเอง
โสดาบันที่เป็นฆราวาสกับโสดาบันที่เป็นพระภิกษุมรรคปฏิบัติแตกต่างกัน
ถ้าเราไม่บ่งชี้ด้วยการบัญญัติสถานะนำหน้า ย่อมทำให้การพูดหรือสอนธรรมคลาดเคลื่อนได้

กรัชกาย เขียน:
พระนำหน้าเรียกแบบยกย่อง
เช่น
พระพุทธ
พระธรรม
พระสงฆ์

จะเรียกไม่ใช่พระนำหน้าก็ได้

เช่น

พุทธ (พุทธะ)
ธรรม (ธรรมะ)
สงฆ์ (สังฆะ)
โสดาบัน
พระโสดาบัน
สกทาคามี
พระสกทาคามี
ฯลฯ
อรหันต์
พระอรหันต์

พอเดี๋ยวสำลักอีก


เพราะพูดแบบนี้ไง ราชบัณฑิตฯจึงบัญญํติศัพท์คำว่า ...มั่วขึ้นมา

พระพุทธกับพุทธ ความหมายแตกต่างกัน พระพุทธหมายถึง..องค์สมเด็จพระสัมมาพุทธเจ้า(โคดม)
ส่วนพุทธเฉยๆหมายถึง กลุ่มศาสนาที่ใช้ชื่อว่า พุทธ

พระธรรมหมายถึง คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ส่วนธรรมหมายถึง มรรคปฏิบัติหรือการปฏิบัตินั้นเอง

ส่วนคำว่าพระสงฆ์กับสงฆ์ เป็นความมั่วอย่างแรงของกรัชกาย
พระสงฆ์ นี้หมายถึงหมู่คณะของภิกษุ
สงฆ์มีความหมายว่า หมู่คณะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2016, 08:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ่านที่โฮฮับยกศัพท์
โสดาบัน
กับ
พระโสดาบัน
มาพูดอธิบายว่ามีความหมายต่างกัน ต่างกันแค่คำว่า "พระ"
โสดาบัน ไม่มีพระนำ เป็นฆราวาส
มีพระนำหน้า เป็นพระภิกษุ
อ่านแล้วจี้มักๆ กำลังดื่มกาแฟผสมโอวัลตินอยู่ สำลักออกจมูกเลย กั้กๆๆ

เสขะเบื้องต้นเป็นได้ทั้งฆราวาสและภิกษุสงฆ์ ทั้งภิกษุและฆราวาสเหมือนกันที่อริยมรรคมีองค์๘
แต่ต่างกันที่ตัวองค์มรรค คือ สัมมาศีล นั้นก็คือ สัมมาอาชีวะ สัมมากัมมันตะ สัมมาวาจา

โสดาบันที่เป็นพระภิกษุต้องอยู่วัด ฉันอาหารให้เป็นเวลา ต้องอยู่ภายใต้วินัยสงฆ์
แต่โสดาบันที่เป็นฆราวาสไม่ต้องทำแบบนั้น.......นี่คือสาเหตุที่เราจะต้องบัญญัติชื่อเรียกนำหน้า
เพื่อให้รู้มรรคปฏิบัติของบุคคลตามสถานะ

กรัชกาย เขียน:
ก็อันเดียวกันความหมายเดียวกันนั่นแหละโฮฮับ จะเติมหรือไม่เติมพระนำหน้า

ที่กรัชกายมั่วพูดเช่นนั้นก็เพราะไม่รู้ว่าอะไรเป็นมรรคปฏิบัติในสัมมาศีลนั้นเอง
โสดาบันที่เป็นฆราวาสกับโสดาบันที่เป็นพระภิกษุมรรคปฏิบัติแตกต่างกัน
ถ้าเราไม่บ่งชี้ด้วยการบัญญัติสถานะนำหน้า ย่อมทำให้การพูดหรือสอนธรรมคลาดเคลื่อนได้

กรัชกาย เขียน:
พระนำหน้าเรียกแบบยกย่อง
เช่น
พระพุทธ
พระธรรม
พระสงฆ์

จะเรียกไม่ใช่พระนำหน้าก็ได้

เช่น

พุทธ (พุทธะ)
ธรรม (ธรรมะ)
สงฆ์ (สังฆะ)
โสดาบัน
พระโสดาบัน
สกทาคามี
พระสกทาคามี
ฯลฯ
อรหันต์
พระอรหันต์

พอเดี๋ยวสำลักอีก


เพราะพูดแบบนี้ไง ราชบัณฑิตฯจึงบัญญํติศัพท์คำว่า ...มั่วขึ้นมา

พระพุทธกับพุทธ ความหมายแตกต่างกัน พระพุทธหมายถึง..องค์สมเด็จพระสัมมาพุทธเจ้า(โคดม)
ส่วนพุทธเฉยๆหมายถึง กลุ่มศาสนาที่ใช้ชื่อว่า พุทธ

พระธรรมหมายถึง คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ส่วนธรรมหมายถึง มรรคปฏิบัติหรือการปฏิบัตินั้นเอง

ส่วนคำว่าพระสงฆ์กับสงฆ์ เป็นความมั่วอย่างแรงของกรัชกาย
พระสงฆ์ นี้หมายถึงหมู่คณะของภิกษุ
สงฆ์มีความหมายว่า หมู่คณะ



เอ้า ถ้างั้นเอาใหม่

ภิกษุ

พระภิกษุ

พระ

ต่างกันยังไง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2016, 09:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:

เอ้า ถ้างั้นเอาใหม่

ภิกษุ

พระภิกษุ

พระ

ต่างกันยังไง


ไม่ต่างแต่มันมั่ว พระก็มีความหมายอย่างหนึ่งภิกษุก็อย่างหนึ่ง

ภิกษุหมายถึง นักบวชในพุทธศาสนา

พระภิกษุหมายถึง นักบวชในพุทธศาสนาที่ควรเคารพยกย่อง

พระ.....เป็นคำนำหน้านามของสิ่งที่ควรเคารพยกย่อง เช่น พระภิกษุ พระพุทธรูป
พระมหากษัตริย์ พระยาฯลฯ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 28 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร