วันเวลาปัจจุบัน 21 ก.ค. 2025, 20:17  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ต.ค. 2015, 05:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


อานิสงส์การสร้างพระพุทธรูป

ผู้ถาม :หลวงพ่อคะ การสร้างพระพุทธรูป กับการถวายปัจจัย อย่างไหนมีอานิสงส์ดีกว่าคะ…?
หลวงพ่อ : การสร้างพระพุทธรูปจัดว่าเป็น พุทธบูชา ถ้าในเรื่องกรรมฐานจัดเป็น พุทธานุสสติกรรมฐาน ถ้าตายจากคนไปเกิดเป็นเทวดา มีรัศมีกายสว่างไสวมาก ถ้าถวายปัจจัยถวายเป็นของสงฆ์ จัดว่าเป็น พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา จัดเป็น จาคานุสสติกรรมฐาน เกิดมาชาติหน้าก็รวย การสร้างพระถวาย ด้วยอำนาจพุทธบูชาทำให้มีรัศมีกายมาก เป็นคนสวย ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า
"พุทธบูชา มหาเตชะ วันโต"
"การบูชาพระพุทธเจ้ามีเดชอำนาจมาก"
แต่ถ้ามีอำนาจแต่ขาดสตางค์ก็อดตายนะ ใช่ไหม…แต่งตัวเป็นจอมพลแต่ไม่มีสตางค์ในกระเป๋า แย่นะ อีกแบบหนึ่ง มีสตางค์มากๆ แต่ขาดอำนาจราชศักดิ์ก็โดนโจรปล้นอีก ฉะนั้นทำมันเสีย 2 อย่างเลย ดีไหม
( จากหนังสือ "หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๑" หน้า ๑ )
--------------------------------------
การสร้างพระชำระหนี้สงฆ์
ผู้ถาม : แล้วเรื่อง พระชำระหนี้สงฆ์ มีความเป็นมาอย่างไรครับ...?
หลวงพ่อ : เรื่องมันเป็นอย่างนี้ ฉันไปที่ศรีราชา ญาติโยมเขาถามเรื่อง "พระชำระหนี้สงฆ์" ถ้าหลายๆ ชาตินี้เราไม่รู้เอาอะไรมาบ้าง ถามว่าจะทำอย่างไรฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน พอตอบไม่รู้ก็เห็นพระท่านลอยมา ท่านบอก
"ถ้าจะชำระให้ครบถ้วน เป็นเงินเท่าไรก็ไม่พอ ให้สร้างพระพุทธรูปหน้าตัก 4 ศอก" พระหน้าตัก 4 ศอก ถือว่าเป็นพระประธานมาตรฐาน ท่านบอกว่า "พระพุทธรูปนี่ไม่มีใครตีราคาได้ ใช้ในการชำระหนี้สงฆ์ หนี้สงฆ์ที่แล้วๆ มาถือเป็นการหมดกันไป"
ฉันพูดแล้วก็กลับมาวัด ต่อมาพวกนั้นก็มาถามใหม่ว่า "สร้างพระองค์เดียวได้คนเดียวหรือกี่คน" ฉันก็ไม่รู้อีกซิ ก็นึกถึงท่าน ท่านก็มาใหม่ ท่านบอกว่า
"ถ้าไม่ปิดทองได้คนเดียว ถ้าปิดทองครบถ้วนได้ทั้งคณะ" หมายความว่าบุคคลหลายคนก็ได้ ตัดบาปเก่า ถ้าสร้างใหม่อีกนะ สร้างหนี้ใหม่ต่อเป็นหนี้ใหม่เหมือนกันนะ
ผู้ถาม : ถ้าหากว่าเรามีสตางค์น้อยๆ แล้วถวายพระจะได้ไหมครับ....?
หลวงพ่อ : ถ้าเรามีสตางค์น้อยๆ ก็ใส่ซองเขียนหน้าซองว่า "ชำระหนี้สงฆ์" คือว่าไม่ได้จำกัด ทำไปเรื่อยๆ ให้ใจสบาย บาทสองบาทตามกำลังที่พึงทำได้ เขาไม่ได้เกณฑ์ว่าจะสร้างพระ หลวงพ่อปานท่านทำอย่างนี้มาก่อน เรื่องสร้างพระนี่เขาถามก็บอก ท่านมาบอกอัตรานี้โละกันเลยนะ คือไม่ใช่จะเกณฑ์ให้ไปสร้างพระเพราะทุนไม่พอใช่ไหม เราก็ทำไปเรื่อยใจสบาย มีสตางค์รับเงินเดือนมาทีทำ 5 บาท ใส่ซองถวายพระบอก "ขอชำระหนี้สงฆ์"
ท่านไม่รู้ท่านใช้ผิด ท่านลงนรกเอง ไม่ต้องห่วง ถ้าไปกินเป็นส่วนตัวละเรียบร้อย เงินชำระหนี้สงฆ์มันมีค่ากว่าเงินสังฆทานและวิหารทาน ถ้าไปใช้เป็นส่วนตัวไม่ได้ ต้องใช้เป็นส่วนกลาง อันตรายกับพระ แต่ช่างเถอะ ถ้าบวชแล้วอยากโง่ให้ลงนรกไป ใช่ไหม....?"
ผู้ถาม : ถ้ามีญาติโยมเอาเงินไปถวายพระ แต่ก็เอาเงินไปปลูกบ้านบ้าง ให้ญาติโยมไปออกดอกออกช่อบ้าง อยากทราบว่าผลบุญที่ลูกได้ทำแล้ว จะมีอานิสงส์สมบูรณ์แบบหรือไม่เจ้าคะ...?
หลวงพ่อ : เขาถวายเป็นของ สงฆ์ใช่ไหม เขาถวายเข้าไปในวัดใช่ไหม แล้ววัดไม่ได้ทำอะไร แต่คนในวัดเแาไปปลูกบ้าน เงินนั้นไปที่อื่นใช่ไหม เขาถวายอานิสงส์ มันได้ตั้งแต่ถวาย มีอานิสงส์ครบถ้วน นั่นเขาครบ 100 เปอร์เซ็นต์เลยนะ คนอื่นเอาไปใช่ไหม อย่าไปยุ่งกับเขาเลยนะ อานิสงส์ มันได้ตั้งแต่เริ่มให้ ยิ่งให้ก็ยิ่งอานิสงส์หนักขึ้นเวลาให้ต้องให้ด้วยตนเองใช่ไหม ขณะที่พระรับก็เกิดธรรมปิติอิ่มใจ อานิสงส์มันเพิ่ม แต่ว่าคนที่นำเอาไปใช้พิเศษคนนั้นลงอเวจีแน่
ผู้ถาม : โอ้โฮ...หนักถึงขนาดนั้นเลยหรือครับหลวงพ่อ.....?
หลวงพ่อ : ยังเบานะ ถ้า 2-3 คราว ลงโลกันต์..!
ผู้ถาม : นี่ดีนะ...ที่สึกออกมาก่อน ไม่งั้นไปอยู่ใต้พระเทวทัตแน่ๆ
หลวงพ่อ : ใต้พระเทวทัตน่ะไม่มีความทุกข์นะ ความทุกข์มันอยู่แค่อเวจี ต่ำกว่าอเวจีก็ไม่ถึงโลกันต์
( จากหนังสือ "หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม" ฉบับพิเศษ เล่ม ๑ หน้า ๙๕ )





บาปกรรมของพ่อค้าฝิ่น

“บาปกรรมมันเป็นพ่อค้าฝิ่น ซื้อฝิ่นดิบมาแต่เมืองแม้วแม่กะสีแล้วข้ามเอามาขายเมืองไทย ทำอยู่ตลอดชีวิต พอมันตายไปก็ไปนรกพ้นมาเกิดมา

เกิดกับพ่อแม่คนนี้ แม่อยู่ท้อง พ่อก็ออกไปบวชทิ้งแม่อยู่กับตายาย พอคลอดออกมาตายายเลี้ยง แม่นั้นตายแต่วันคลอดลูกพอลูกออกพ้นตัวก็ตาย ตายายเลี้ยงมาพาใหญ่ เข้าโรงเรียนก็เขียนไม่เป็นอ่านไม่ได้ ตายายตั้งชื่อให้สุพิน เรียนหนังสือไม่ได้ทางโรงเรียนก็ให้ออก ผู้เป็นพ่อบวชเป็นพระแล้วจึงไปเอาลูกชายให้บวชเป็นเณร

สองพ่อลูกก็พากันมาอยู่จำพรรษาที่วัดนี้กับหมู่พระเณรหลายตนอยู่วัดด้วยกัน ผู้เป็นหลวงพ่อก็อยากให้เณรลูกชายได้บวชเป็นพระภิกษุ มาถามผู้ข้าฯว่า...

“ท่านอาจารย์ครับเณรสุพิน พอจะบวชเป็นพระได้อยู่หรือครับ”

เราก็ว่า... “จะบวชได้อย่างใด อ่านหนังสือก็ไม่ได้ สอนให้ท่องจำก็จำไม่ได้ เห็นทีจะยากลำบาก”

เราก็เรียกมาหา “สุพินมานับไม้ชำระก้นนี้ได้กี่อัน”

ก็นับได้แต่ “๑ – ๒ – ๓ – ๔ ”

อ่านหนังสือก็ได้แต่ “ กอ กอ กอ ไก่” “ขอ ขอ ขอ ไข่”

หมู่พระเณรก็ไปขอหนังสือแบบเรียนฝึกหัดอ่านตัวอักษรมาให้พากันสอนก็อ่านไม่ได้ ที่สุดก็เลิกลากันไปหมด

ปีนั้นผู้ข้าฯ ยังใช้บาตรเหล็กอยู่ เณรสุพินมาขอปรนนิบัติเกี่ยวกับบาตร ผู้ข้าฯ ก็ให้ดูแล

เอ้า....ได้ไม่นานบาตรขึ้นสนิมแล้วเพราะเช็ดไม่แห้ง ล้างไม่สะอาด เอาเถอะเป็นสนิมก็ช่างมัน

หมู่พระเณรก็ว่า สุพินดูแลบาตรท่านอาจารย์ไม่ได้นะ เสียหายบาตรเป็นสนิมหมดเลย ทีนี้ให้ทำหน้าที่ซักผ้าดูแลเรื่องผ้านะ

สุพินก็ดูแลเรื่องผ้าไปได้สักพัก เอ้า.... ทีนี้ผ้าขึ้นราเป็นจุดดำๆ พระเณรก็ว่าให้ เราก็ห้ามปล่อยเถ๊อะให้เณรได้ทำข้อวัตรของเขาไปบุรพกรรมของเขามีบอกสอนก็ครับอยู่ “ครับ ครับ” แล้วก็ลืม

เอาผ้าไปตากก็ลืมหลงไปอย่างอื่น ตากบาตรไว้ก็หลงลืม ทิ้งละไว้

ทีนี้พระเณรก็ให้ทำหน้าที่เช็ดกวาดกุฎิ จึงเป็นว่าพอทำไปได้แต่ก็ไม่เรียบร้อยดีนัก

มันเป็นพ่อค้าฝิ่น เอาฝิ่นมาขาย ขายของมึนเมามอมเมาผู้คนเกิดมาชีวิตนี้ปัญญาไม่มี สมองทึบ เล่าเรียนศึกษาก็ไม่ได้ความอะไร เขียนชื่อก็ได้แต่ ส.เสือตัวเดียว

แต่ชอบเน้อ ชอบพอกับผู้ข้าฯ ชอบฟังให้เล่านั่นนี่ให้ฟังตั้งใจฟัง ฟังจบแล้วเราก็ถาม
“สุพิน จำได้ไหม”
“ไม่ได้ ครับ”
“แล้วกัน จัวน้อยหัวคันนา”

ที่สุดอยู่ด้วยหลายปี ท่องนาคให้บวชพระก็ไม่ได้ ผู้เป็นพ่อก็พาเที่ยวธุดงค์ไป สุดท้ายมาก็ได้ยินว่าลาสิกขาไป

อาหารการกิน ชอบกินเผ็ด พริกมีเท่าใดตำไว้เป็นครกเป็นครกเช้ามาก็เอาข้าวปั้นเป็นคำบีบคำข้าวให้แบนๆ จวักน้ำพริกขึ้นมาผักลวกเนื้อปลา ตามเข้าไป กินเอร็ดอร่อยตาสวดตาดูน ซูดซาดเหงื่อไหลแต่ก็ว่าอร่อยอย่างนั้นทุกวัน

เรื่องการงานขอให้ใช้เถ๊อะ แข็งแรงว่องไวทำได้หมด เอาไม้เข้าเตาจะเผาถ่านยกให้เณรสุพิน

ท่านประสิทธิ์ ท่านเฉลียว ท่านฉลาด ท่านทองปาน หลวงตาแล่ อยู่ด้วยกันหลายรูปพระเณร อ้ายเจ็กมาอยู่ภาวนาด้วย

ออกพรรษาแล้วแบ่งเงินขันดอกไม้ให้ทุกคน แต่พอให้เงินแล้วดีอกดีใจ แต่ไม่รู้ว่าเหรียญไหนมีค่าเท่าใด เป็นแต่อันที่ว่าได้เท่านั้น

นี้หละกรรมของการทำไม่ดีมาแต่ก่อนชาติชีวิตนี้ได้รับผลก็ลำบากนัก

ธรรมะประวัติหลวงปู่จาม มหาปุญโญ




" พระพุทธเจ้าเป็นคนไทย พระอนุพุทธสาวกในยุคพุทธกาล ตลอดถึงยุคปัจจุบัน ล้วนแต่ไทยทั้งนั้น "

..อริยวาส อริยวงศ์..

เรื่องมีอยู่ว่า สมัยที่ผู้เล่าอยู่กับท่านพระอาจารย์มั่นที่บ้านหนองผือ มีชาวกรุงเทพมหานครไปกราบนมัสการ ถวายทานฟังเทศน์ และได้นำกระดาษห่อธูปมีเครื่องหมายการค้ารูปตราพระพุทธเจ้า (บัดนี้รูปตรานั้นไม่ปรากฏ) ตกหล่นที่บันไดกุฏิท่าน พอได้เวลาผู้เล่าขึ้นไปทำข้อวัตร ปฏิบัติท่านตามปกติ พบเข้าเลยเก็บขึ้นไป

พอท่านเหลือบมาเห็น ถามว่า.. "นั่นอะไร"

.."รูปพระพุทธเจ้าขอรับกระผม"

ท่านกล่าว.. "ดูสิคนเรานับถือพระพุทธเจ้า แต่เอาพระพุทธเจ้าไปขายกิน ไม่กลัวนรกนะ"

แล้วท่านก็ยื่นให้ผู้เล่า บอกว่า.. "ให้บรรจุเสีย"

ผู้เล่าเอามาพิจารณาอยู่ เพราะไม่เข้าใจคำว่า "บรรจุ" จับพิจารณาดูพระพักตร์เหมือนแขกอินเดีย ผู้เล่าอยู่กับท่านองค์เดียว ท่านวันยังไม่ขึ้นมา

ท่านพูดซ้ำอีกว่า.. "บรรจุเสีย"

"ทำอย่างไรขอรับกระผม"

"ไหนเอามาซิ"

ยื่นถวายท่าน ท่านจับไม้ขีดไฟมาทำการเผาเสีย และพูดต่อว่า..

"หนังสือธรรมะสวดมนต์ที่ตกหล่นขาดวิ่นใช้ไม่ได้แล้ว ก็ให้รีบบรรจุเสีย กลัวคนไปเหยียบย่ำ จะเป็นบาป"

ผู้เล่าเลยพูดไปว่า "พระพุทธเจ้าเป็นแขกอินเดียนะกระผม"

ท่านตอบ.. "หือ คนไม่มีตาเขียน เอาพระพุทธเจ้าไปเป็นแขกหัวโตได้"

ท่านกล่าวต่อไปว่า..

"อันนี้ได้พิจารณาแล้วว่า พระพุทธเจ้าเป็นคนไทย พระอนุพุทธสาวกในยุคพุทธกาล ตลอดถึงยุคปัจจุบัน ล้วนแต่ไทยทั้งนั้น ชนชาติอื่น แม้แต่สรณคมน์และศีล 5 เขาก็ไม่รู้ จะเป็นพระพุทธเจ้าได้อย่างไร ดูไกลความจริงเอามากๆ..

..เราได้เล่าให้เธอฟังแล้วว่า ชนชาติไทย คือ ชาวมคธ รวมรัฐต่างๆ มีรัฐสักกะ เป็นต้น หนีการล้างเผ่าพันธุ์มาในยุคนั้น

..และชนชาติพม่า คือ ชาวรัฐโกศล เป็นรัฐใหญ่ รวมทั้งรัฐเล็กๆ จะเป็นวัชชี มัลละ เจติ เป็นต้น ก็ทะลักหนีตายจากผู้ยิ่งใหญ่ด้วยโมหะ อวิชชา มาผสมผสานเป็นมอญ (มัลละ) เป็นชนชาติต่างๆ ในพม่าในปัจจุบัน"

"ส่วนรัฐสักกะใกล้กับรัฐมคธ ก็รวมกันอพยพมาสุวรรณภูมิ ตามสายญาติที่เดินทางมาแสวงโชคล่วงหน้าก่อนแล้ว"

ผู้เล่าเลยพูดขึ้นว่า.. "ปัจจุบัน พอจะแยกชนชาติในไทยได้ไหม ขอรับกระผม"

"ไม่รู้สิ อาจเป็นชาวเชียงใหม่ ชาวเชียงตุงในพม่าก็ได้"

ขณะนั้นท่านวันขึ้นไปพอดี ตอนท้ายก่อนจบ ท่านเลยสรุปว่า

"อันนี้ (หมายถึงตัวท่าน) ได้พิจารณาแล้ว ทั้งรู้ทั้งเห็นโดยไม่มีข้อสงสัยใดๆ ทั้งสิ้น"

ผู้เล่าพูดอีกว่า "แขกอินเดียทุกวันนี้คือพวกไหน ขอรับกระผม"

ท่านบอก "พวกอิสลามที่มาไล่ฆ่าเราน่ะสิ"

"ถ้าเช่นนั้นศาสน์พราหมณ์ ฮินดู เจ้าแม่กาลี การลอยบาปแม่น้ำคงคา ทำไมจึงยังมีอยู่ รวมทั้งภาษาสันสกฤตด้วย"

"อันนั้นเป็นของเก่า เขาเห็นว่าดี บางพวกก็ยอมรับเอาไปสืบต่อๆ กันมาจนปัจจุบัน ส่วนพวกเรา พระพุทธเจ้าสอนให้ละทิ้งหมดแล้ว เราหนีมาอยู่ทางนี้ พระพุทธเจ้าสอนอย่างไรก็ทำตาม"

ท่านยังพูดคำแรงๆ ว่า.. "คุณตาบอดตาจาวหรือ เมืองเรา วัดวา ศาสนา พระสงฆ์ สามเณร เต็มบ้านเต็มเมืองไม่เห็นหรือ" (ตาบอดตาจาว เป็นคำที่ท่านจะกล่าวเฉพาะกับผู้เล่า)

"แขกอินเดียเขามีเหมือนเมืองไทยไหม ไม่มี มีแต่จะทำลาย โชคดีที่อังกฤษมาปกครอง เขาออกกฎหมายห้ามทำลายโบราณวัตถุ โบราณสถาน แต่ก็เหลือน้อยเต็มที ไม่มีร่องรอยให้เราเห็น อย่าว่าแต่พระพุทธเจ้าเลย ตัวเธอเองนั่นแหละ ถ้าได้ไปเห็นสภาพความเป็นอยู่ของชาวอินเดีย จ้างเธอก็ไม่ไปเกิด"

"ของเหล่านี้นั้น ต้องไปตามวาสตามวงศ์ตระกูล อย่างเช่น วงศ์พระพุทธศาสนาของเรานั้น เป็นอริยวาส อริยวงศ์ อริยตระกูล เป็นวงศ์ที่พระพุทธเจ้าจะมาอุบัติ คุณแปลธรรมบทมาแล้ว คำว่า ปุคฺคลฺโล ปุริสาธญฺโญ ลองแปลดูซิว่า พระพุทธจะเกิดในมัชฌิมประเทศ หรืออะไรที่ไหนก็แล้วแต่ จะเป็นที่อินเดีย หรือที่ไหนก็ตาม ทุกแห่งตกอยู่ในห้วงแห่งสังสารวัฏฏ์ ถึงวันนั้นพวกเราอาจจะไปอยู่อินเดียก็ได้"

"พระพุทธเจ้าทรงวางพุทธศาสนาไว้ จะเป็นระหว่างพุทธันดรก็ดี สุญญกัปปก็ดี ที่ไม่มีพระพุทธศาสนา แต่ชนชาติที่ได้เป็นอริยวาส อริยวงศ์ อริยประเพณี อริยนิสัย ก็ยังสืบต่อไปอยู่ ถึงจะขาด ก็ขาดแต่ผู้ได้สำเร็จมรรคผลเท่านั้น เพราะว่าจากบรมครู ต้องรอบรมครูมาตรัสรู้ จึงว่ากันใหม่"

ผู้เล่าได้ฟังมาด้วยประการฉะนี้แล

จากหนังสือ "รำลึกวันวาน" หลวงตาทองคำ จารุวัณโณ



** พระอริยบุคคลมีหลายระดับ เพราะอินทรีย์ยิ่งหย่อนกว่ากัน **
* ภิกษุ ท. ! อินทรีย์ ๕ ประการนี้ คือ สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์ เพราะความเพียบพร้อมบริบูรณ์แห่งอินทรีย์ห้าประการเหล่านี้ผู้ปฏิบัติย่อมเป็นพระอรหันต์.
* เพราะอินทรีย์ทั้งหลายหย่อนกว่านั้น ผู้ปฏิบัติย่อมเป็น อันตราปรินิพพายี.
* เพราะอินทรีย์ทั้งหลายหย่อนกว่านั้นอีก ผู้ปฏิบัติย่อมเป็น อุปหัจจปรินิพพายี.
* เพราะอินทรีย์ทั้งหลายหย่อนกว่านั้นอีก ผู้ปฏิบัติย่อมเป็น อสังขารปรินิพพายี.
* เพราะอินทรีย์ทั้งหลายหย่อนกว่านั้นอีก ผู้ปฏิบัติย่อมเป็น สสังขารปรินิพพายี.
* เพราะอินทรีย์ทั้งหลายหย่อนกว่านั้นอีก ผู้ปฏิบัติย่อมเป็น อุทธํโสโตอกนิฏฐคามี.
* เพราะอินทรีย์ทั้งหลายหย่อนกว่านั้นอีก ผู้ปฏิบัติย่อมเป็น สกทาคามี.
* เพราะอินทรีย์ทั้งหลายหย่อนกว่านั้นอีก ผู้ปฏิบัติย่อมเป็น เอกพีชี.
* เพราะอินทรีย์ทั้งหลายหย่อนกว่านั้นอีก ผู้ปฏิบัติย่อมเป็น โกลังโกละ.
* เพราะอินทรีย์ทั้งหลายหย่อนกว่านั้นอีก ผู้ปฏิบัติย่อมเป็น สัตตักขัตตุปรมะ.
* เพราะอินทรีย์ทั้งหลายหย่อนกว่านั้นอีก ผู้ปฏิบัติย่อมเป็น ธัมมานุสารี.
* เพราะอินทรีย์ทั้งหลายหย่อนกว่านั้นอีก ผู้ปฏิบัติย่อมเป็น สัทธานุสารี.
**ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุนี้แล ความต่างแห่งผลย่อมมี เพราะความต่างแห่งอินทรีย์ ; เพราะความต่างแห่งผล จึงมีความต่าง แห่งบุคคล แล.
**ภิกษุ ท. ! ด้วยเหตุอย่างนี้แล เป็นอันว่าผู้กระทำให้บริบูรณ์ ย่อมทำให้สำเร็จได้บริบูรณ์ ; ผู้กระทำได้เพียงบางส่วนก็ทำให้สำเร็จได้บางส่วน.
**ภิกษุ ท. ! เรากล่าวว่าอินทรีย์ทั้งหลายห้า ย่อมไม่เป็นหมันเลย ดังนี้แล.
* ศึกษารายละเอียด พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่ม ๑๙ ข้อ ๘๙๙-๙๐๐ หน้า ๒๒๔ ./ ฉบับมหาจุฬาฯ เล่ม ๑๙ ข้อ ๘๙๙-๙๐๐ หน้า ๓๐๔ ./ ฉบับมหามกุฏฯ เล่ม ๓๑ ข้อ ๘๙๙-๙๐๐ หน้า ๓๒. (เล่มสีแดงให้ดูที่ข้อเป็นหลัก เพราะหน้าจะไม่ตรงกันกับสีเล่มน้ำเงิน). อริยสัจจากพระโอษฐ์ ๑ หน้า ๖๘๗-๖๘๘.
ขอเชิญร่วมบุญเป็นเจ้าภาพเสาอุโบสถกับหลวงพ่อหนุน ถวายในงานกฐินวัดพุทธโมกข์ วันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๘



ขอเชิญท่านที่สนใจจองร่วมบุญ รูปหล่อลอยองค์ "พระพุทธวิโมกข์มุนี" ขนาดความสูง ๔ ซม. ฐานกว้าง ๒ ซม. พุทธาภิเษกเมื่อวนเสาร์ที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๘ ณ วัดท่าซุง
เพื่อร่วมบุญสร้างพระประธาน"พระพุทธวิโมกข์มุนี" สมเด็จองค์ปฐมทรงเครื่องพระบรมมหาจักรพรรดิ ปางนาคปรก หน้าตัก ๕ ศอก สูงประมาณ ๙ เมตร หล่อทองเหลืองทั้งองค์ปิดทองคำแท้และประดับเพชร เพื่อประดิษฐานในพระอุโบสถ วัดพุทธโมกข์ จ. สกลนคร งบประมาณ ๕ ล้านบาท
กำหนดการหล่อในวันเสาร์ที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๘ หล่อที่โรงหล่อพระปฐม (ป้าเนียน) จ. อุทัยธานี
เริ่มบวงสรวง เวลาประมาณ ๑๓.๐๙ น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2015, 14:12 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2948


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร