พระพุทธเจ้าสอนไว้ว่าให้เธอยกอัพยากฤตปัญหาขึ้นสอบสวนและซักไทร้ปราบวาทะของผู้รู้ไม่ทัน ว่าอะไรคือความเกิด อะไรคือความดับ อะไรคือคุณ อะไรคือโทษ แห่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เพราะยากยิ่งต่อการโต้ตอบ ทั้งมนุษย์ มาร อินทร์ พรหม ยม ยักษ์ ก็ไม่สามารถตอบปัญหาได้ เพราะเป็นปัญญหาที่ตอบได้เฉพาะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น หรือสาวก หรือผู้จดจำหลักธรรมของพระพุทธเจ้าเท่านั้น ผู้ถูกถาม
อัพยากฤตปัญหาย่อมตอบไม่ได้ ต้องคอตกซบเซา เก้อเขิน แสดงความโกรธ ตอบซ่ายไปซ่ายมา หมดปฎิภาณในการโต้ตอบ ผู้รู้ทันอยู่ตลอดเวลาเท่านั้น จะเป็นผู้ที่แตกฉานในคำพูด แตกฉานในปฎิภาณไหวพริบ แตกฉานในข้ออรรถ แตกฉานในข้อธรรม เป็นสุดยอดแห่งฤทธิ์ที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาติให้แสดงได้ เรียกว่า
ปฎิสัมภิทา 4

ผู้ที่รู้ทันอยู่ตลอดเวลา นั้นได้ชื่อว่าฝึกปฎิสัมภิทา 4 มีได้ตั้งแต่ปุถุชนจนถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตามสัดส่วนของการบำเพ็ญ ตามสัดส่วนของการฝึก

จะคิดดับๆ

จากสายสืบสั่งสอนนิสัยศาสตร์

รู้ทัน..นั้น....รู้ทันอะไร??

รู้ทัน 84000 พระธรรมขันธ์ ไม่เชื่อลองไปค้นในพระไตรปิฎกดูซิ เพราะว่า พระพุทธเจ้าพระองค์ทรงตรัสว่า เธอจงรู้ทันในสิ่งทั้งปวง จิตมีกิเลส ก็รู้ว่าจิตมีกิเลส จิตหลุดพ้นก็รู้ว่าจิตหลุดพ้น เธอต้องรู้ทันทุกอย่าง จะคิดดับๆ

จากสายสืบสั่งสอนนิสัยศาสตร์

น่าคิดน๊าต่างคนต่างอ้างอิงหลักฐานพุทธพจน์บ้าง พระไตรปิฎกบ้าง มีพุทธวจนบ้าง
อย่างพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ท่านว่าคำพระตถาคตเท่านั้น 84000พระศาสดามิได้บัญญัติ
กาลามสูตรจำเป็นอย่างยิ่งยวดเหลือเกิน อะไรคือของจริง อะไรคือของปลอม

ฟังเทศนาธรรมพระสาวกหน่อยเรื่องแก่นแห่งชีวิต
https://www.youtube.com/watch?v=8h7ObvHjxwI
https://www.facebook.com/dhammaosoth/posts/339593682816465

พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่าหลักของการฟังเธอไม่ควรชื่นชม และเธอไม่ควรคัดค้าน แต่ควรพิสูจน์ว่าสิ่งใดเป็นไปเพื่อความยึดถือก็พึงวางไว้ สิ่งใดเป็นไปเพื่อความรู้ทันเพื่อดับชอบ ชัง เฉย ก็พึงนำไปปฎิบัติ

ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง คนที่ไม่เป็นโรคทางกายนั้นมีอยู่ แต่คนที่ไม่เป็นโรคทางใจชั่วพริบตาเดียวนั้นไม่มี เพราะยึดถือกันทุกเรื่องแม้แต่ธรรมะ

พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า ผู้ที่เรียนธรรมมะเพื่อจะเอาชนะผู้อื่นเปรียบเสมือนดาบสองคม ถ้าผู้นั้นจับไม่ดีย่อมบาดเข้าฉะนั้น เราเรียนไปเพื่อความรู้ทันและไม่เปรียบเทียบกับใครทั้งสิ้นว่า เก่ง เสมอ หรือแย่กว่าใคร เพื่อนำมาฝึกปฎิบัติตนเพื่อให้เป็นแอบดีไม่ใช่เพื่ออวดดี

จะคิดดับๆ

จากสายสืบสั่งสอนนิสัยศาสตร์

เอาละ..อนุมานว่า..รู้ทัน..ก็เหมือน..รู้

แล้วมันเกี่ยวอะไรกับ...จะคิดดับ...จะคิดดับ...ละ?

ความรู้มี 2 รู้ คือ รู้ทัน กับรู้ไม่ทัน
รู้ไม่ทัน สากลทุกคนเค้าใช้อยู่สูงสุดก็จบ ด็อกเตอร์ เกิดขึ้นจากความรู้คิดและรู้จำ
แต่ความรู้ทันเป็นความรู้เกิด รู้ดับ รู้หลับ รู้ตื่น รู้เกิด รู้ตาย รู้ได้แม้กระทั่งต้นเหตุคือตัวจะ จะคิดดับๆ
รู้ทันต้นเหตุแห่งทุกข์ สมุยทัย นิโรธ มรรค รู้ทันแม้กระทั่งจิตหลุดพ้นหรือไม่หลุดพ้น
จากสายสืบสั่งสอนนิสัยศาสตร์

รู้ทันต้นเหตุแห่งทุกข์
รู้ทันต้นเหตุแห่งสมุทัย
รู้ทันต้นเหตุแห่งนิโรธ
รู้ทันต้นเหตุแห่งมรรค..

รู้ยังงี้หรือคับ..

โอ้ว...โฮ่....จะไม่เกินพระพุทธเจ้าไปหรือคับ?

ไม่เกินพระพุทธเจ้าและก็ไม่เกินพระไตรปิฎก แต่เกินคนที่เรียนรู้น้อย เพราะทุกอย่างเป็นหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหมด

จากสายสืบสั่งสอนนิสัยศาสตร์

พวกกำมะลอ...อิงศาสนาหากิน..ก็พูดทำนองนี้เหมือนกันครับ...

แต่เอาหลักฐานมาประกอบไม่ได้..เอาแต่พูด..พูด..พูด...ว่าตรงกับพระพุทธเจ้า..ทั้งน่าน

ธรรมอันใดย่อมเกิดแต่เหตุ พระองค์ทรงสอนให้รู้จักเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น ให้รู้ความเกิดความดับของธรรมเหล่านั้น ในเมื่อจะเกิดก็เกิดที่ตา ดับก็ดับที่ตา ในเมื่อจะเกิดก็เกิดที่ใจ ดับก็ดับที่ใจ ข้อความไหนเกิดก็เกิดที่นั่น จะไปดับที่อื่นไม่ได้ จึงไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล ไม่มีตัวตน เราเขา ถ้าไม่ดับข้อความนั้นก็เผาต้นผลิตตลอดกาลนาน
เข้าใจไหม?
ข้อความของใครก็ให้ผลกับผู้นั้น ถ้ารู้ทันดับทันก็เป็นประโยชน์ ถ้ารู้ไม่ทันก็ดับไม่ทันก็เกิดโทษ

จากสายสืบสั่งสอนนิสัยศาสตร์

มันก็จริงอยู่..ที่ว่า..ใครพูดสิ่งใด..มันก็เป็นของผู้นั้น

เมื่อนำมาพูดในที่สาธารณะ...ถ้าถูกต้องตรงธรรมของพระพุทธองค์..ก็เป็นประโยชน์สาธารณะ
แต่หากผิดเพี้ยนไปจากธรรมของพระองค์....ก็มีความเป็นไปได้ว่า...จะมีคนหลงเชื่อไปตาม...เสียประโยชน์ที่พระองค์ตรัสรู้ธรรมมาสอนเวไนยสัตว์

ถ้าเห็นท่าว่าจะเพี้ยนผิดไป....เราก็สมควรที่จะทักท้วง...ให้สาธารณะรับทราบใว้..นะครับ

อัพยากฤตปัญหา 10 อย่าง ที่พระพุทธเจ้าไม่ทรงพยากรณ์(ตอบ)

1. โลกเที่ยง
2. โลกไม่เที่ยง
3. โลกมีที่สุด
4. โลกไม่มีที่สุด
5. สรีระ (ร่างกาย) และชีพ (วิญญาณ) เป็นอันเดียวกัน
6. สรีระ (ร่างกาย) และชีพ (วิญญาณ) เป็นคนละอย่างกัน
7. ตถาคตจะเกิดใหม่อีกเมื่อตายไป
8. ตถาคตจะไม่เกิดใหม่อีกเมื่อตายไป
9. ตถาคตทั้งจะเกิดใหม่และไม่เกิดอีกหลังจากตายไป
10. ตถาคตไม่ใช่ทั้งจะเกิดใหม่และไม่เกิดอีกหลังจากตายไป..............

ใช้เวลาไปสักพักหนึ่ง
หาดูว่า พระศาสดา ให้สาวก ปราบวาทะ อะไรยังไง
ก็หาไม่เจอ

เจอแต่ ปรับวาทะ

ปรับวาทะ นะครับ จขกท.