วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 03:33  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2015, 06:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8583


 ข้อมูลส่วนตัว


อาณาเขต เป็นเขตที่กำหนดด้วยแสนโกฎิจักรวาล เพราะอำนาจแห่งพระปริตทั้งหลาย
มี ขันธปริต อาฎานาฎิยปริต ธชัคคปริต โมรปริต รัตนสูตร เหล่านี้เป็นต้น
เมื่อใดพระองค์ได้สาธยายแล้วมีอานุภาพแผ่ขยายกว้างไปได้ถึงแสนโกฎิจักรวาล

ท่านเคยสงสัยตัวเองไหมว่า พระสุรเสียงของพระพุทธองค์แผ่กว้างไกลไปถึงแสนโกฏิจักรวาล
ในขณะนั้นเราไปอยู่เสียที่ไหนเราทำอะไรอยู่ หรืออยู่เกินแสนโกฎจักรวาล หรือได้ยินแต่เฉยเมย
จึงไม่ได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์ จึงไม่ได้บรรลุธรรมกับเขาบ้างยังจะต้องมานั่งทนทุกข์อยู่ร่ำไปอยู่อีก
แล้วเราไปอยู่กันเสียที่ไหนจึงไม่ได้ยิน

แม้แต่จักรวาลยังยอมรับ ยอมสั่นสะเทือน หวั่นไหวด้วยอำนาจของพระพุทธองค์
ชาติเขต กำหนดด้วย ๑๐.๐๐๐ จักรวาล
เพราะว่าเมื่อพระโพธิสัตว์ปฏิสนธิในครรภ์พระมารดา เวลาประสูติ เวลาตรัสรู้และเวลาปรินิพพาน
ทั่วทั้งหมื่นจักรวาลจะไหวหวั่นสั่นสะเทือนไป

เราหลับอยู่หรือ แล้วหลับไหลอะไรจะนานขนาดนั้น จนไม่ได้ยินอะไรแม้แผ่นจักรวาลสั่นสะเทือน
หรือมัวเมาอะไรอยู่ แล้วชาตินี้จะไหวกับเขาไหม เงียบเชียบเหลือเกินยังสนุกสนานกับสิ่งที่ไม่เป็นสาระ
กระนั้นหรือ ทั้งๆที่ทุกข์ก็คอยเตือนอยู่เร่งเร้าให้คิดอยู่ตลอดเวลามิใช่หรือ หรือว่ายังพอใจ
ในสุขและทุกข์ที่กำลังได้รับอยู่

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2015, 07:20 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อย่าว่า..แต่..จักรวาลสั่นสะเทือนเลย...

แม้แต่..ขนาดได้เคยฟังธรรมจากพระโอษฐ์ของพระองค์เอง..แท้ๆ....ยังเกิดมาอีกจนถึงทุกวันนี้เยอะแยะ....ทั้งลุงหมาน...ทั้งผมเอง...หลายๆคนในนี้...ก็อาจเป็นอย่างนี้มา.....

แต่พอตื่น..ได้นะ..จะรู้สึกสงสารคนที่ยังหลับอยู่....จับใจ
สงสาร..แต่ไม่โทษ...เพราะตนก็เคยหลับมาก่อน..ตอนหลับ..ทำงัยก็ไม่ตื่น...ฟังธรรมจากพระองค์แท้ๆ..ยังไม่ตื่นเลย

แล้วจะนับประสาอะไร....กึ่งพุทธกาลอย่างนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2015, 07:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8583


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
อย่าว่า..แต่..จักรวาลสั่นสะเทือนเลย...

แม้แต่..ขนาดได้เคยฟังธรรมจากพระโอษฐ์ของพระองค์เอง..แท้ๆ....ยังเกิดมาอีกจนถึงทุกวันนี้เยอะแยะ....ทั้งลุงหมาน...ทั้งผมเอง...หลายๆคนในนี้...ก็อาจเป็นอย่างนี้มา.....

แต่พอตื่น..ได้นะ..จะรู้สึกสงสารคนที่ยังหลับอยู่....จับใจ
สงสาร..แต่ไม่โทษ...เพราะตนก็เคยหลับมาก่อน..ตอนหลับ..ทำงัยก็ไม่ตื่น...ฟังธรรมจากพระองค์แท้ๆ..ยังไม่ตื่นเลย

แล้วจะนับประสาอะไร....กึ่งพุทธกาลอย่างนี้


ช่างมีความคิดอันเดียวกันจริงๆ :b27:

เราทำไมมันหลับได้นาน ๆ เราทำไมไม่ตื่นสักที

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2015, 15:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


โดยส่วนตัวคุนน้องแล้วนี่..คุนน้องก็ไม่ได้หลับนะ..และรู้ด้วย..อุปมาคล้ายกับ..รู้เหตุในอนาคตอันใกล้ว่าจะเกิดภัย..แล้วเราก็เหมือนแบบว่าไม่ได้กาลแล้ว..ต้องรีบไปบอกพ่อแม่ญาติพี่น้อง..คนสนิทมิตรสหายให้รู้ล่วงหน้า..เพื่อเตรียมตัวกันออกเดินทางหนีภัยได้แล้ว...เพราะเหตุนี้แหละก็เลยเหมือนว่ามีเรื่องมากมายที่ต้องทำ..ถ้าจะออกเดินทางหนีภัยคนเดียว..คุนน้องก็ทำไม่ได้..เพราะความผูกพันธ์ และอีกอย่างก็เป็นแค่เด็กฝากพระสมณโคดม..คือคุนน้องอธิษฐานจิตติดตามขอบรรลุธรรมยุคพระศรี.เพื่อเป็นสาวกภูมิยุคพระองค์..ต้องได้รับฟังธรรมจากพระโอษฐ ของพระพุทธเจ้าในอนาคต..ถึงบรรลุอรหันต์ได้..เพราะเหตุนี้คุนน้องถึงต้องเรียนรู้สรรพวิชา..เพื่อ ขนเหล่าเวไนยสัตว์ไปฝากฝังตัวไว้ในยุคพระศรี..ตามกำลังของตน..
ถ้าเป็นสาวกภูมิในยุคนี้..ก็ปฏิบัติในเรื่องทำให้แจ้งในพระนิพพานอย่างเดียว..แต่ของคุนน้องต้องทำปัญญาให้แจ้งเพื่อ สอนสั่งเรื่อง อริยสัจสี่..และมีญานรู้กรรมวิบาก..เพื่อให้พวกเขาเข้าใจและหันมาปฏิบัติธรรม รักษาศีล..และเกรงกลัวต่อบาปมีหิริโอตัปปะ :b43:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2018, 07:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8583


 ข้อมูลส่วนตัว


ในภัทรกัปป์นี้มีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นถึง ๕ พระองค์
ซึ่งมากกว่าในกัปป์อื่นๆ แล้วก็ผ่านไปแล้ว ๔ พระองค์ ได้แก่
๑. พระกกุสันธะ ๒. พระโกนาคมนะ ๓. พระกัสสปะ พระพุทธเจ้าทั้ง ๓ นั้น
ผ่านไปแล้วอย่างไร้ร่องรอย

เปรียบเหมือนขบวนรถไฟที่มาขนสัตว์โลกออกจากวัฏฏะ
แต่เราก็ไม่ยอมขึ้นโดยสารขบวนรถไฟทั้ง ๓ ขบวนไป พลัดไว้รอขบวนต่อไปอีก
และแล้วก็มาถึงขบวนรถขนสัตว์โลกออกจากวัฏฏะ คือ พระโคตมะพุทธเจ้า เป็นขบวนที่ ๔
และก็ผ่านไปแล้ว แต่ยังมีร่องรอยเหลืออยู่ แต่ต้องเดินตามเอาเอง
ถ้าร่องรอยพระบาทถูกกระแสลมแสงแดดลบรอยเสียแล้ว ท่านต้องระหกระเหิร
อย่างไร้ทิศทางและก็ต้องตัวใครตัวมัน

หรือจะรออีกพระองค์หนึ่งที่จะมาอุบัติขึ้นหลังจากนี้อีกก็ต้องรออีกนานมาก
คือพระศรีอริยะเมตตรัย เป็นขบวนที่ ๕ และก็ไม่แน่ว่าเราจะพบท่านหรือเปล่า
อาจจะไปเกิดเสียที่อื่นอีก หรือพบแล้วก็ไม่ยอมที่จะโดยสารไปกับขบวนของท่านก็ได้
เพราะเราผ่านมาแล้ว ๔ ขบวนก็ยังทำกระบิดกระบวนโอ่เอ่อยู่เลย
ทำถ้าเหมือนว่าจะไปสุดท้ายก็อาจเหมือนเดิม

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร