วันเวลาปัจจุบัน 28 ส.ค. 2025, 01:25  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2015, 05:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5366


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณนายคนหนึ่ง…..
ใจบุญสุนทาน ตักบาตรทุกเช้า ตักบาตรเสร็จ ก็แต่งสำรับกับข้าว อย่างบรรจงประณีต เพื่อเอาไปถวายท่านเจ้าประคุณสมเด็จ ผู้เป็นเจ้าอาวาส
ด้วยความเคารพนับถือ ในจริยวัตรของท่าน
.......................
คุณนายชอบฟังท่านคุย เล่าเรื่องต่าง ๆเรียกว่าตักบาตรเสร็จ คุณนายต้องมาวัดทุกวันถวายอาหารเสร็จก็คุยกับพระสมเด็จ
.......................
วันหนึ่ง…
หลังจากคุณนายกลับแล้ว พระหนุ่มรูปหนึ่ง ซึ่งเป็นศิษย์ก้นกุฏิของสมเด็จ
เข้าไปกราบเรียนว่า...
" คุณนายคนนี้ใจบุญสุนทานจริง ๆแต่เคยได้ยินว่า เป็นคนใจแคบ เหลือแม่อยู่คนเดียว ปล่อยให้อดๆ อยากๆ ไม่เอาใจใส่ ปล่อยให้อยู่ห้องแคบๆหลังบ้าน "
.....................
" ส่วนตัวเองและลูก ๆ อยู่ตึกใหญ่โต สะดวกสบาย
เวลาพูดจากับแม่ ก็ฟังไม่ได้ หยาบคาย ขู่ตะคอก กระแทกกระทั้น
ผิดกับตอนมาคุยกับสมเด็จที่วัด ชนิดหน้ามือ เป็นหลังมือ "
.....................
" แม่จะออกมาเดินเล่นหน้าบ้าน ก็ไม่ได้ ไม่ยอมให้ออก
มีแม่แก่ หลงๆ ลืม ๆ สติไม่สมประกอบคงอายเขา
มีคนเขาเล่าให้ฟัง หลายรายแล้ว เท็จจริงอย่างไรไม่ทราบได้ "
สมเด็จนั่งฟังเฉยไม่พูดว่าอะไร
......................
วันหนึ่งมีกิจนิมนต์ ไปทำบุญบ้าน ขากลับ เดินผ่านหน้าบ้านคุณนาย
ท่านก็แวะบ้านคุณนายก่อน คุณนายดีใจมาก ที่สมเด็จมาเยี่ยมถึงบ้าน
ถือเป็นมงคลอย่างสูง ที่พระขั้นสมเด็จ มาเยี่ยมบ้าน
จึงเรียกลูกหลานมากราบเท้าท่านเป็นการใหญ่
แล้วก็คุยกันเรื่องต่างๆ มากมาย
....................
ในตอนหนึ่ง…
สมเด็จท่าน ถามคุณนายว่า " พระในบ้าน " มีไหม
" มีเจ้าค่ะ…พระในบ้าน มีหลายองค์ เป็นพระเก่า ๆ ทั้งนั้น
สมัยสุโขทัยก็มี เชียงแสนก็มี อาราธนาท่านสมเด็จ ขึ้นไปดูข้างบนเจ้าค่ะ "

สมเด็จท่านเฉย แล้วถามต่อว่า...
" ได้ทราบข่าวว่า คุณนายมีแม่อีกคนเดี๋ยวนี้อยู่เสียที่ไหน? "
คุณนายสะอึก เสียวแปลบเข้าไปในหัวใจ จะตอบตามตรง ก็กลัวว่า สมเด็จจะเดินไปดู หากเห็นสภาพความเป็นอยู่ของแม่แล้ว ท่านจะติเตียน
.......................
อึกๆ อักๆ อยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงตอบว่า
" ตอนนี้ท่านไม่อยู่เจ้าค่ะ ออกไปเยี่ยมญาติ อีกนานจึงจะกลับ "
สมเด็จท่านนั่งนิ่งอยู่สักครู่ แล้วจึงลากลับ
คุณนายก็ยังคงไปวัด เป็นปกติ
......................
วันหนึ่ง….
สมเด็จท่านเห็นว่า วันนี้ คุณนายยิ้มแย้มแจ่มใส พูดจาร่าเริง
อารมณ์ดีหลังการทำบุญทำทาน สมเด็จจึงถามว่า…
" พระในบ้านของโยม โยมดูแลเรียบร้อยแล้วหรือยัง "
" เรียบร้อยเจ้าค่ะ ดิฉันจุดธูปเทียน ถวายอาหารบูชาเสร็จแล้ว จึงมาที่วัด ท่านไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ "
" อาตมาไม่ได้หมายถึง พระพุทธรูป พระในบ้านที่อาตมาถามถึงนี่ เป็นพระที่ยังมีลมหายใจ คือ แม่พระ ผู้มีพระคุณสูงสุดแก่โยม "
.....................
" แม่..ให้ชีวิตเรามา…โดยเอาชีวิตตัวเองเขาแลก
เลี้ยงดูเรามา..ตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย….จนได้ดิบได้ดีทุกวันนี้
แม่เหน็ดเหนื่อย….ทุกข์ทรมาน…แสนสาหัส
แม่…ทนหิว…เพื่อให้ลูกอิ่ม
แม่…ทนหนาว เพื่อให้ลูกอุ่น
แม่..ไม่เคยนอน..ถ้าลูกของแม่…ยังไม่หลับ "
......................
" ยามลูกเจ็บป่วย…..ร้องไห้
หัวใจแม่ก็เจ็บปวด…และร้องไห้พร้อมกับลูกด้วย
แม่อยากเอาความเจ็บปวดทั้งหมด…ของลูก…มาไว้ที่แม่ ถ้าทำได้
แม่…ยอมตายเพื่อลูกได้ พระคุณของแม่นี้…..ใหญ่หลวงเกินกว่าจะคณานับ….เราต้องตอบแทนบุญคุณท่านบ้างน่ะโยม "
.....................
" เอาตาดู…หูใส่…เอาใจใส่ท่านบ้าง
ไม่ใช้ปล่อยให้ท่าน …อด ๆ…อยากๆ
เจ็บไข้ได้ป่วย….ก็ดูแลท่านบ้าง "
..................
" อาตมาได้ข่าวว่า….คุณโยมเหลือแม่อยู่คนเดียว
และ…ไม่ค่อยสนใจความเป็นอยู่ของท่าน
ปล่อยให้อยู่ในห้องแคบๆ อดๆ อยาก ๆ
ไม่สงสารท่านบ้างหรือ….โยม "
..................
" โยมจัดอาหารมาถวายพระได้ทุกวัน….
แต่พระในบ้านอีกองค์…..โยมไม่เคยจัดให้….
และตอนที่โยมจัดมาให้อาตมา…..
สังเกตดู….โยมจัดมาให้อย่างดี…..ประณีตบรรจง
แต่ก่อน…..อาตมาไม่รู้ว่า…อะไรเป็นอะไร
ก็ฉันของโยมตามปกติ….แต่ตอนนี้…บอกตรงๆ…เลยว่า
กลืนไม่ค่อยลง…มาหลายวันแล้ว "
.................
" อาตมาเป็นพระในวัด…ไม่ควรเอาเปรียบพระในบ้าน….ของโยมเกินไป
ถ้าพระในบ้าน…ยังอด…พระในวัด…ก็…กลืนไม่ลง
การทำบุญให้ได้บุญมานะโยม…เลี้ยงพ่อแม่…ให้อิ่มหนำสำราญเสียก่อน
แล้วจึงถวายพระ "
.................
คุณนาย….ไม่พูดอะไร…. นั่งน้ำตาไหล….

ลูกๆที่รักทุกคน…ได้ดูแลพระในบ้านของลูกๆ…แล้วหรือยัง
ถึงแม้ว่า…จะเพียงเล็กน้อย….ก็ยังดี
บางคน…..กว่าจะรู้…พ่อแม่เป็นพระในบ้านผู้ประเสริฐ…
ก็สายเสียแล้ว…
คือ..รู้เมื่อท่านทั้งสอง…..ไม่มีตัวตนอยู่ในโลกนี้แล้ว



" ธรรมะกับสิ่งสมมุติ "
สิ่งสมมุติที่มนุษย์เราชอบคิดชอบกระทำนั้นมันจะดีจริงหรือ ทำไมต้องชอบสมมุติกันด้วย และในทางธรรมะล่ะ การสมมุตินั้นควรพึ่งกระทำหรือไมเพราะเหตุอันไหน ธรรมะจะตอบเราได้หรือไม่ ลองไปอ่านธรรมะเกี่ยวกับสิ่งสมมุติที่ "หลวงปู่ชา สุภัทโท" ได้กล่าวไว้
สิ่งทั้งหลายในโลกนี้...
ล้วนแต่เป็นสิ่งสมมุติ ที่เราสมมุติขึ้นมาเองทั้งสิ้น
สมมุติแล้ว...ก็หลงสมมุติของตัวเอง เลยไม่มีใครวาง
มันเป็นทิฏฐิ...ความเห็นไม่ตรง
มันเป็นมานะ...ความถือตัว
ความยึดมั่นถือมั่น...
อันความยึดมั่นถือมั่นนี้ ไม่ใช่เรื่องที่จะจบได้
มันจบไม่ได้สักที...เป็นวัฏฏสงสาร
เวียนว่ายตายเกิดที่ไหลไปไม่ขาด...ไม่มีทางสิ้นสุด
หลวงปู่ชา สุภัทโท
สิ่งสมมุติทั้งหลายเป็นการปรุงแต่งจากอดีตและอนาคตมาผสมกัน ซึ่งจะเห็นได้ว่าสิ่งสมมุตินี้ไม่ใช่สิ่งปัจจุบันไม่ได้เป็นปัจจุบันสิ่งที่สมมุติไว้อาจไม่เป็นดังหวัง ยิ่งเราสมมุติมากเราก็ยิ่งติดบ่วงของกิเลสต่างๆ เราทั้งหลายควรทิ้งการสมมุตินี้ให้ผ่านไปแบบลมพัดผ่านมา อย่าได้ยิ่บดึ่งฝุ่นดินที่ลอยมาตามลมเลย เราท่านทั้งหลายควรมั่นศึกษาธรรมะและปฎิบัติธรรมเถอ



ธรรมเป็นโอสถสำคัญสำหรับแก้ความคะนองทางกาย วาจา ใจอันเป็นสาเหตุแห่งความบ่นเพ้อได้เป็นอย่างดี ผู้สนใจและยึดธรรมเป็นหลักใจ จึงเป็นผู้รู้จักสภาพการณ์ของสิ่งต่าง ๆ ได้ดี ไม่ค่อยมีความตื่นเต้น และดีใจเสียใจจนเลยความพอดี รู้จักวิธีปฏิบัติตัวเองต่อสิ่งต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปตามเหตุการณ์ แล้วสลายตัวลงตามหลักอนิจจัง อันมีระยะสั้นและระยะยาวได้เป็นอย่างดี ไม่ค่อยมีการห้อยโหนโยนตัวไปตามความดีใจและเสียใจ เพราะสิ่งที่รักชอบพลัดพรากจากไป และสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาผ่านเข้ามา สามารถวางตัวได้อย่างน่าดูน่าชม และเป็นคติตัวอย่างอันดีแก่คนอื่นได้ด้วย เพราะธรรมเครื่องหักห้ามใจ ย่อมเป็นเช่นกับเบรกเครื่องห้ามล้อรถ ซึ่งจะนำมาใช้ได้ตามเวลาต้องการและจำเป็น


ใจที่ไม่มีธรรมเครื่องหักห้าม ย่อมหมุนตัวไปทางผิดได้อย่างง่ายดาย และไม่มีสิ่งใดจะมีกำลังเรี่ยวแรงสามารถหักห้ามจิต ให้ดำรงตนอยู่โดยถูกต้องได้ นอกจากธรรม แม้จะมีความรู้ ความฉลาดจากการศึกษาและสมาคมมามาก ก็เป็นเพียงบริวารหรือเครื่องมือซึ่งจะคอยปฏิบัติตามคำสั่งของตัณหาอยู่นั่นเอง ดังนั้นผู้มีความรู้ความฉลาดเสมอท่าน ๆ เรา ๆ จึงตกอยู่ในอำนาจแห่งความผิด ๆ ถูก ๆ ตามอำนาจของสิ่งขับพาให้เป็นไป ธรรมเมื่อนำมาใช้ย่อมเป็นเครื่องมือต้านทาน และหักห้ามสิ่งเป็นภัยต่อจิตได้ดี ตามกำลังของผู้มีธรรมมากน้อย ถ้ามีเพียงพอก็สามารถหักล้างกันได้อย่างไม่มีปัญหา เช่น ท่านผู้ถึงธรรมอันสูงสุดแล้ว ชื่อว่าเป็นผู้หมดภัยทางใจโดยสิ้นเชิง ไม่มีปัญหาใด ๆ ตกค้างอยู่ในใจของท่านเลย นี่คือท่านผู้หยุดเดินและหมดภัยจริง ๆ

........................................................................

หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๐๘
"ยึดธรรมให้มั่นคง"



เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย

ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร