วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 19:53  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2015, 06:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


เพราะสมาธิเป็นคุณในทางหนึ่ง ปัญญาเป็นคุณในทางหนึ่ง ถ้าจะปล่อยให้ดำเนินในทางปัญญาโดยถ่ายเดียวก็ผิด เพราะไม่มีสมาธิเป็นเครื่องหนุน ยิ่งถ้าปล่อยให้ดำเนินไปในทางสมาธิโดยถ่ายเดียวแล้ว ยิ่งเป็นการผิดมากกว่าทางด้านปัญญา เมื่อสรุปความลงแล้ว คุณธรรมทั้งสองประเภทนี้เทียบกันได้กับแขนซ้ายแขนขวา เท้าซ้ายเท้าขวาของคน คนคนหนึ่งเดินเหินไปไหนมาไหน และทำกิจการอะไร เท้าและแขนทั้งสองเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับคนคนนั้น เรื่องของสมาธิกับเรื่องของปัญญาก็มีความจำเป็นเช่นเดียวกัน ถ้าเราจะเห็นเสียว่าสมาธิดีกว่าปัญญา หรือปัญญาดีกว่าสมาธิแล้ว คนคนนั้นควรจะมีเพียงขาเดียว แขนเดียว ไม่มีสองแขนสองขาเหมือนอย่างคนอื่น ๆ ก็เรียกว่าเป็นคนแปลกจากโลกเขา


คนที่ทำตัวให้แปลกจากธรรมของพระพุทธเจ้าก็เป็นคนในลักษณะนี้เหมือนกัน คือ ตำหนิปัญญาชมเชยสมาธิบ้าง ตำหนิสมาธิชมเชยปัญญาบ้างอย่างนี้ที่ถูกขณะที่เราจะทำสมาธิก็ต้องเป็นหน้าที่ของสมาธิ และเห็นประโยชน์ในสมาธิจริง ๆ เวลาจะพิจารณาทางปัญญาก็ให้ทำหน้าที่ทางปัญญาและเห็นประโยชน์ในด้านปัญญาจริง ๆ ต่างพักไว้ตามกาลอันควร ไม่ให้สับสนระคนกันเช่นเดียวกับเท้าทั้งสอง เมื่อเท้าขวาก้าวไป เท้าซ้ายต้องหยุด เมื่อเท้าซ้ายก้าวไปเท้าขวาต้องหยุดไม่ใช่จะก้าวไปพร้อม ๆ กัน เพราะเหตุนั้น สมาธิกับปัญญาจึงเป็นคุณด้วยกันทั้งสองฝ่าย เมื่อสติกับปัญญาต่างก็มีกำลังเพียงพอ เพราะการฝึกฝนเป็นคู่เคียงกันมาสมาธิกับปัญญาก็จะก้าวไปพร้อม ๆ กัน ไม่ใช่จะเปลี่ยนกันรบและเปลี่ยนกันรับอย่างนั้นเสมอไป เช่นเดียวกับแขนซ้ายแขนขวาทำงานร่วมกันฉะนั้น

............................................................................

หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมพระ ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๐๕




ความตายไม่มีที่จะหลีกเร้นซ่อนหนี ที่พึ่งอย่างอื่นไม่มีนอกจาก
พุทฺธํ ชีวิตํ ยาว นิพฺพานํ สรณํ คจฺฉามิ
ธมฺมํ ชีวิตํ ยาว นิพฺพานํ สรณํ คจฺฉามิ
สงฆํ ชีวิตํ ยาว นิพฺพานํ สรณํ คจฺฉามิ
ที่พึ่งอย่างอื่นของข้าพเจ้าไม่มี นอกจากพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
เราต้องหาที่พึ่งอันประเสริฐไว้เสียแต่บัดนี้ แต่ยังมีชีวิตอยู่อย่างนี้ ยังแข็งแรงอยู่อย่างนี้ ถ้าร่างกาย จิตใจมันไม่อำนวยแล้วจะไปคิดถึงอะไรจะไปยึดไปถือเอาอะไรเป็นที่พึ่งมันยาก


หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่




อะไรชื่อว่า"ความไม่ประมาท"

โดยความหมายได้แก่ ความไม่อยู่ปราศจากสติ คือความมีสติปรากฏอยู่เป็นนิจทุกๆอิริยาบถน้อยใหญ่ทั้งหลาย
"สติ" ได้แก่ ความระลึกรู้อารมณ์ซึ่งผ่านเข้ามาทางทวาร ๖ มีหน้าที่ทำให้จิตไม่เลื่อนลอยไปจากอารมณ์ คือไม่ให้พลั้งเผลอ ดังนั้น เมื่อสติตั้งมั่นอยู่กับอารมณ์เป็นนิจแล้ว จิตก็ไม่พลั้งเผลอ หรือไม่พลั้งพลาด การที่สติทำให้จิตไม่พลั้งเผลอในอารมณ์นั้น เรียกว่า ความไม่ประมาท คนผู้ไม่ประมาท ไม่พลั้งเผลอนั้น จะยืน เดิน นั่ง นอน เจรจาพาที หรือจะคิดนึกเรื่องอะไร ก็ไม่พลั้งพลาด หรือไม่ลืมหลง จึงเป็นผู้สามารถประกอบการงานทางกาย วาจา หรือคิดทางใจ ได้อย่างถูกต้องไม่ผิดพลาดนี้ว่าด้วยความไม่ประมาทอย่างสามัญธรรมดา แต่ในที่นี้หมายถึง "ความไม่ประมาทอย่างพิเศษ" ซึ่งมีสติตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์ทุกขณะจิต อันได้แก่ การเจริญวิปัสสนากรรมฐานของผู้ปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง
ในการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานนั้น ผู้ปฏิบัติจะต้องมีสติกำหนดให้ทันอารมณ์ที่ผ่านมาทุกๆอารมณ์ และในขณะเดียวกัน "สัมปชัญญะ" ก็จะทำหน้าที่พิจารณารู้เท่าทันอารมณ์นั้นตามความเป็นจริง คือรวมความว่า ผู้ปฏิบัตินั้นย่อมมีสติสัมปชัญญะกำหนดรู้เท่าทันอารมณ์อยู่ทุกๆขณะ เมื่อรู้เท่าทันอยู่อย่างนั้น อารมณ์ต่างๆก็จะหลอกหลอนไม่ได้ ย่อมปรากฏให้เห็นเป็นความจริงตามาภาวธรรมเสมอคือ ปรากฏเป็นสักแต่ว่า ขันธ์ ๕...รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ หรือเป็นเพียงสักแต่ว่า รูปธรรม นามธรรม เท่านั้น ไม่ปรากฏหลอกหลอนให้เห็นเป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นตัวเป็นตน เป็นเขาเป็นเรา เป็นของเขาของเรา อย่างที่คนสามัญธรรมดาเห็นกัน ทั้งนี้ก็เพราะสติและสัมปชัญญะนั้น แก่กล้าขึ้นด้วยอำนาจภาวนา คือ การหมั่นเจริญวิปัสสนากรรมฐาน เมื่อสติสัมปชัญญะแก่กล้าจนได้ที่ ซึ่งตามสำนวนปฏิบัติว่า
แก่ขึ้นถึงขั้น "สังขารุเปกขาญาณ" อันเป็นยอดของวิปัสสนาแล้ว สติสัมปชัญญะ ชื่อว่า แก่เต็มที่ หรือ แก่ได้ที่ สตินั้นจะไม่ปราศจากอารมณ์กรรมฐานเลย จักตั้งมั่นอยู่กับอารมณ์ของวิปัสสนากรรมฐาน คือ รูปนามอย่างแน่นแฟ้นมั่นคง เสมือนเสาเขื่อน และจะทำหน้าที่รักษาทวารทั้ง ๖ ไม่ให้อารมณ์ที่เป็นศัตรูรั่วไหลเข้ามาได้ ซึ่งท่านเปรียบเหมือนนายประตู ความมีสติตั้งมั่นในอารมณ์พระกรรมฐานอย่างนี้เรียกว่า "อัปปมาทะ" คือ ความไม่ประมาท


ในที่นี้ ความไม่ประมาท สังขารุเปกขาญาณ นี้ เมื่อผู้ปฏิบัติเพิ่มพูนความไม่ประมาทนี้ยิ่งขึ้น ด้วยการใช้สติสัมปชัญญะกำหนดพิจารณา ต่อไปไม่ช้า เมื่ออินทรีย์ ๕ คือ ศรัทธา วีริยะ สติ สมาธิ ปัญญา ดำเนินไปโดยสม่ำเสมอกันแล้ว หรือที่เรียกว่า อินทรีย์แก่กล้าได้ที่แล้ว แต่นั้น จิตก็จะก้าวขึ้นสู่มรรควิถี คือ บริกรรม อุปจาระ อนุโลม โคตรภู อริยมรรค อริยผล ตามลำดับ แต่นั้น จิตก็ได้พระนิพพานเป็นอารมณ์ คือบรรลุถึงซึ่งพระนิพพานนั่นเอง ด้วยเหตุนั้น สมเด็จพระบรมศาสดาจึงตรัสว่า "อปฺปมาโท อมตํปทํ" ความไม่ประมาทเป็นเหตุให้บรรลุถึงซึ่งนิพพานอันไม่ตาย ฉะนี้..

ธรรมบทเทศนา
สมเด็จพระพุฒาจารย์(อาจ อาสภมหาเถระ)
วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์



สังคหวัตถุ ๔

คือ หลักธรรมที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวน้ำใจของผู้อื่น ผูกไมตรี เอื้อเฟื้อ เกื้อกูล หรือเป็นหลักการสงเคราะห์ซึ่งกันและกัน มีอยู่ ๔ ประการ ได้แก่

๑. ทาน คือ การให้ การเสียสละ หรือการเอื้อเฟื้อแบ่งปันของๆตนเพื่อประโยชน์แก่บุคคลอื่น ไม่ตระหนี่ถี่เหนียว ไม่เป็นคนเห็นแก่ได้ฝ่ายเดียว คุณธรรมข้อนี้จะช่วยให้ไม่เป็นคนละโมบ ไม่เห็นแก่ตัว เราควรคำนึงอยู่เสมอว่า ทรัพย์สิ่งของที่เราหามาได้ มิใช่สิ่งจีรังยั่งยืน เมื่อเราสิ้นชีวิตไปแล้วก็ไม่สามารถจะนำติดตัวเอาไปได้


๒. ปิยวาจา คือ การพูดจาด้วยถ้อยคำที่ไพเราะอ่อนหวาน พูดด้วยความจริงใจ ไม่พูดหยาบคายก้าวร้าว พูดในสิ่งที่เป็นประโยชน์เหมาะสำหรับกาลเทศะ พระพุทธเจ้าทรงให้ความสำคัญกับการพูดเป็นอย่างยิ่ง เพราะการพูดเป็นบันไดขั้นแรกที่จะสร้างมนุษย์สัมพันธ์อันดีให้เกิดขึ้น วิธีการที่จะพูดให้เป็นปิยวาจานั้น จะต้องพูดโดยยึดถือหลักเกณฑ์
ดังต่อไปนี้

เว้นจากการพูดเท็จ
เว้นจากการพูดส่อเสียด
เว้นจากการพูดคำหยาบ
เว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ

๓. อัตถจริยา คือ การสงเคราะห์ทุกชนิดหรือการประพฤติในสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น

๔. สมานัตตา คือ การเป็นผู้มีความสม่ำเสมอ หรือมีความประพฤติเสมอต้นเสมอปลาย คุณธรรมข้อนี้จะช่วยให้เราเป็นคนมีจิตใจหนักแน่นไม่โลเล รวมทั้งยังเป็นการสร้างความนิยม และไว้วางใจให้แก่ผู้อื่นอีกด้วย




จะไป "สวรรค์" จะไป "นิพพาน" ความละอายต่อบาป... มีหรือยัง??? (^/\^)

อาตมามาพูดเหตุผลให้ โยมจะเชื่อก็เชื่อ ไม่เชื่อก็แล้วไป แต่ลองเอาตราชูขึ้นมาชั่งดู วัดแล้ว วัดเล่า เฝ้าวัดซี่ ไม่ใช่มานั่งหลับตา ฉันจะไปนิพพาน จะไปเป็นนางเทพธิดา เป็นนางฟ้านางสวรรค์ ฝ่ายโยมผู้ชายจะไปเป็นเทพบุตร... เป็นได้หรือ? บ้านยังสกปรกเหลือเกิน


ท้าวสักกเทวราชส่องทิพยเนตรดูเหตุการณ์ โอ๋... บ้านแกยังสกปรก อย่ามาอยู่เลยสวรรค์ ไม่ได้หรอก สร้างศาลาหลังหนึ่งก็เป็นพระอินทร์กันหมดทั่วประเทศสิ ต้องสอบนะ ต้องมีคุณสมบัติถึง ๑๐ ชาตินะ จึงจะเป็นพระอินทร์ได้ เป็นเทพธิดาต้องมีหิริโอตตัปปะ มีความละอายบ้างไหม? ละอายนอก ละอายใน เกรงกลัวต่อบาปทุจริตทั้งต่อหน้าและลับหลัง มันจะมีความหมายอยู่มิใช่น้อย

ไม่ใช่ไปสวรรค์ง่าย ไม่ใช่ไปนิพพานง่าย อาตมาว่าไปยาก อาตมายังไม่ได้ไปทางเหนือทางใต้เลย ยังเดินดินอยู่นี่... เราจะต้องรู้ว่าจิตอยู่ตรงไหน จะได้พัฒนาได้ถูกต้อง ถ้าไม่รู้ที่อยู่ของมัน ไปพัฒนามันได้หรือ มันอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ บางคนว่าอยู่ที่หัวใจ นั่นไม่ใช่จิต

เมื่อหาไม่ถูกมันจึงได้ยุ่งวุ่นวายกันในสังคมทุกวันนี้ เพราะหาที่มาไม่ได้ ไม่มีต้นขั้ว ปลายขั้ว ไม่มีสำมะโนครัวแล้ว เจ้าความโลภ - ความโกรธ - ความหลงอยู่ที่ไหนกันแน่ เราจะได้พัฒนาให้มันถูกต้อง นี่จึงต้องให้ลดห้าว่างมาสร้างห้าร่วมมารวมทุนกันก่อน ไม่ใช่เอาเงิน

# พระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม)


# พระธรรมเทศนาของหลวงตาพระมหาบัว # " ...ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถใดอยู่ในสถานที่ใด ควรมีสติปัญญาประคองตัวอยู่เสมอ ไม่สนใจกับความบกพร่องหรือสมบูรณ์ทางมรรยาทความประพฤติดี-ชั่ว ตลอดการให้คะแนนตัดคะแนนของผู้ใด ยิ่งกว่าความสนใจกับความบกพร่องหรือสมบูรณ์ทางมรรยาทความประพฤติดี-ชั่ว ตลอดการให้คะแนนหรือตัดคะแนนตัวเราเอง
นี่คือทางเดินของธรรมสำหรับผู้ประพฤติธรรม
ถ้าตรงข้าม เป็นทางเดินฝ่ายตำ่สำหรับผู้ใจตำ่หาความเป็นธรรมเข้าแทรกมิได้ "


เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย

ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2015, 13:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 05:25
โพสต์: 621


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร