วันเวลาปัจจุบัน 15 พ.ค. 2025, 15:26  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 82 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2015, 19:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


พูดถึงต้นธาตุ..ต้นธรรม...ที่วัดดังย่านปทุม..กล่าว...มาเกี่ยวพันกับหลวงพ่อสด...

กระผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าหลวงพ่อสด..พูดใว้ที่ไหนบาง

ก่อนจะไปดูตรงนั้น...ก็มาดูประวัติหลวงพ่อสด..ก่อนละกันครับ
ซึ่งผมก็ไม่เคยรู้มาก่อนเช่นกัน...

...................................
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร)
เกิด 10 ตุลาคม พ.ศ. 2427

มรณภาพ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2502 อายุ 74
อุปสมบทกรกฎาคม พ.ศ. 2449
พรรษา 52

วัดปากน้ำภาษีเจริญ
สังกัดมหานิกาย
ตำแหน่ง ทางคณะสงฆ์
เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ

พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) เป็นพระภิกษุชาวไทยในพุทธศาสนานิกายเถรวาทฝ่ายมหานิกาย ดำรงสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ มีนามตามสัญญาบัตรประกอบพัดยศสมณศักดิ์ว่า พระมงคลเทพมุนี ศรีรัตนปฏิบัติ สมาธิวัตรสุนทร มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี ในบรรดาหมู่ผู้ศรัทธานับถือมักเรียกท่านด้วยชื่อ "หลวงพ่อวัดปากน้ำ" เนื่องจากท่านดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ อำเภอภาษีเจริญ จังหวัดธนบุรี (ปัจจุบันคือ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร) ท่านเป็นผู้มีชื่อเสียงในฐานะพระวิปัสสนาจารย์ผู้เป็นต้นกำเนิดของการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานตามแนววิชชาธรรมกาย ซึ่งนับเป็นวิธีการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยม อย่างแพร่หลายในประเทศไทย

ชาติภูมิ[แก้]

พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) เดิมชื่อ สด มีแก้วน้อย เกิดเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2427 ตรงกับวันศุกร์ แรม 6 ค่ำ เดือน 11 ปีวอก ฉศก จุลศักราช 1246 ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ บ้านสองพี่น้อง ตำบลสองพี่น้อง อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นบุตรคนที่สองของนายเงินและนางสุดใจ มีแก้วน้อย มีพี่น้องร่วมมารดาบิดา 5 คน

เริ่มเรียนหนังสือกับพระภิกษุผู้เป็นน้าชาย ณ วัดสองพี่น้อง แล้วมาอยู่ ณ วัดบางปลา อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม ในความปกครองของพระอาจารย์ทรัพย์ ปรากฏว่าเป็นผู้สามารถเรียน-อ่านภาษาขอมได้อย่างคล่องแคล่ว เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วได้กลับไปช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพค้าขาย ด้วยความวิริยะอุตสาหะเพื่อสร้างฐานะให้มั่นคง

เมื่อท่านอายุได้ 14 ปีโยมบิดาได้ถึงแก่กรรมลงท่านจึงรับภาระดูแลการค้าแทน ท่านฉลาดในการปกครอง ลูกเรือต่างก็รักนับถือท่านและเนื่องจากท่านเป็นคนขยันขันแข็งในการทำงาน อาชีพการค้าจึงเจริญขึ้นโดยลำดับ จนปรากฏในยุคนั้นว่า เป็นผู้มีฐานะดีคนหนึ่ง วันหนึ่งเมื่อท่านนำเรือเปล่ากลับบ้านพร้อมเงินรายได้จากการขายข้าวผ่านลัดคลองเล็กซึ่งชาวบ้านเรียกว่า คลองบางอีแท่น มีโจรผู้ร้ายชุกชุมท่านนึกถึงความตายขึ้นมา และได้อธิษฐานจิตในขณะนั้นว่า "ขอเราอย่าได้ตายเสียก่อนเลย ขอให้ได้บวชเสียก่อน เมื่อบวชแล้วจะไม่ลาสิกขา ขอบวชไปจนตลอดชีวิต"

การหาเงินเลี้ยงชีพนั้นลำบาก บิดาของเราก็หามาอย่างนี้ ต่างไม่มีเวลาว่างกันทั้งนั้น ถ้าใครไม่รีบหาให้มั่งมี ก็เป็นคนชั้นต่ำ ไม่มีใครนับหน้าถือตา เข้าหมู่เพื่อนบ้านก็อับอาย ไม่เทียมหน้าเขา บุรพชนต้นสกุลก็ทำมาอย่างนี้เหมือนกัน จนถึงบิดาเราและตัวเราในบัดนี้ ก็คงทำอยู่อย่างนี้ ก็บัดนี้บุรพชนทั้งหลายได้ตายไปหมดแล้ว แม้เราก็จักตายเหมือนกัน เราจะมัวแสวงหาทรัพย์อยู่ทำไม ตายแล้วเอาไปไม่ได้ บวชดีกว่า ท่านบอกว่าเริ่มอธิษฐานมาตั้งแต่อายุ 19 ปี หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านเล่าต่อไปว่า เมื่อตกลงใจบวชไม่สึกแล้ว จิตคิดเป็นห่วงมารดาเกิดขึ้น จึงขะมักเขม้นทำงานสะสมทรัพย์ เพื่อให้มารดาเอาไว้ใช้เลี้ยงชีพไปจนตลอดชีวิต

อุปสมบท[แก้]

เดือนกรกฎาคม 2449 ขณะมีอายุย่างเข้า 22 ปี ท่านได้บรรพชาอุปสมบท ณ วัดสองพี่น้อง อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี มีฉายาว่า สด จนฺทสโร พระอาจารย์ดี วัดประตูสาร อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูวินยานุโยค (เหนี่ยง อินฺทโชโต) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์โหน่ง อินฺทสุวณฺโณ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ คู่สวดทั้งสองรูปอยู่วัดเดียวกัน คือ วัดสองพี่น้อง ในการเรียนด้านคันถธุระในพรรรษาแรก ท่านสงสัยอยากรู้คำแปลคำว่า อวิชฺชาปจฺจยา ซึ่งไม่มีใครทราบ ท่านจึงเกิดความดำริที่จะไปเรียนคันถธุระต่อที่กรุงเทพฯ

เมื่ออุปสมบทแล้ว ท่านจึงเริ่มปฏิบัติสมถะ-วิปัสสนากับพระอนุสาวนาจารย์นับแต่วันบวช เมื่อบวชแล้วพอรุ่งขึ้นอีกวัน หลวงพ่อก็เริ่มลงมือปฏิบัติพระกรรมฐานต่อกับพระอาจารย์เนียม วัดน้อย อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี ได้จำพรรษาอยู่วัดสองพี่น้อง 1 พรรษาเมื่อออกพรรษาที่วัดสองพี่น้องแล้ว ท่านจึงเดินทางมาจำพรรษา ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เพื่อศึกษาด้านคันถธุระต่อ ในสมัยนั้นนิยมใช้หนังสือขอมที่จารลงในใบลาน

ขณะที่ท่านเรียนทางด้านคันถธุระอยู่นั้น เมื่อถึงวันพระขึ้น 8 ค่ำ และขึ้น 15 ค่ำ ท่านก็มักไปแสวงหาครูสอนฝ่ายปฏิบัติสมถะ-วิปัสสนาอยู่เสมอๆ โดยการศึกษากับพระอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิในสำนักต่างๆ ท่านได้ไปศึกษากับท่านเจ้าคุณสังวรานุวงษ์ (เอี่ยม) วัดราชสิทธาราม (วัดพลับ)} ท่านพระครูญาณวิรัติ (โป๊) วัดพระเชตุพน} พระอาจารย์สิงห์ วัดละครทำ จนได้ผลการปฏิบัติเป็นที่พอใจของพระอาจารย์ เมื่อได้ศึกษาภาวนาวีธีจนมีความรู้ความเข้าใจ ทั้งจากพระอาจารย์ทั้งจากพระไตรปิฎกและคัมภีร์ต่างๆ มีมูลกัจจายน์ ธรรมบททีปนี และสารสังคหะ เป็นต้น ท่านจึงแสวงหาที่หลีกเร้น มีความวิเวกเป็นสัปปายะต่อการปฏิบัติธรรม ฉะนั้น ในพรรษาที่ 12 จึงได้กราบลาท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เข้ม ธมฺมสโร) อธิบดีสงฆ์วัดพระเชตุพนฯ เพื่อไปจำพรรษา ณ วัดโบสถ์บน ตำบลบางคูเวียง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี

ปฏิบัติได้วิปัสสนา[แก้]

ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 ปี พ.ศ. 2460 เมื่อพระภิกษุสดกลับจากบิณฑบาตแล้ว ท่านก็เข้าไปนั่งสมาธิเจริญภาวนาในพระอุโบสถ ขณะนั้นเวลาประมาณ 8 โมงเศษๆ ท่านก็เริ่มทำความเพียร โดยตั้งใจว่าหากยังไม่ได้ยินเสียงกลองเพล จะไม่ยอมลุกจากที่ เมื่อตั้งใจดังนั้นแล้ว ก็หลับตาภาวนา "สัมมา อะระหัง" ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งความปวดเมื่อย และอาการเหน็บชาค่อยๆ เพิ่มทีละน้อยๆ และมากขึ้นจนมีความรู้สึกว่า กระดูกทุกชิ้นแทบจะระเบิดหลุดออกมาเป็นชิ้นๆ จนเกือบจะหมดความอดทน ความกระวนกระวายใจก็ตามมา

"เอ...แต่ก่อนเราไม่เคยรู้สึกเช่นนี้เลย พอตั้งสัจจะลงไปว่า ถ้ากลองเพลไม่ดังจะไม่ลุกจากที่ เหตุใดมันจึงเพิ่มความกระวนกระวายใจมากมายอย่างนี้ ผิดกว่าครั้งก่อนๆ ที่นั่งภาวนา เมื่อไรหนอ กลองเพลจึงจะดังสักที" คิดไปจิตก็ยิ่งแกว่งและซัดส่ายมากขึ้น จนเกือบจะเลิกนั่งหลายครั้ง แต่เมื่อได้ ตั้งสัจจะไปแล้วท่านก็ทนนั่งต่อไป ในที่สุดใจก็ค่อยๆ สงบลงทีละน้อย แล้วรวมหยุดเป็นจุดเดียวกัน เห็นเป็นดวงใสบริสุทธิ์ขนาดเท่าฟองไข่แดงของไก่ ในใจชุ่มชื่นเบิกบานอย่างบอกไม่ถูก ความปวดเมื่อยหาย ไปไหนไม่ทราบ ในเวลาเดียวกันนั้นเสียงกลองเพลก็ดังขึ้น

วันนั้นท่านมีความสุขตลอดทั้งวัน ดวงธรรมขั้นต้นซึ่งเป็นดวงใสก็ยังเห็นติดอยู่ตรงศูนย์กลางกายตลอดเวลา ในช่วงเย็น หลังจากได้ร่วมลงฟังพระปาฏิโมกข์กับเพื่อนภิกษุ ท่านได้เข้าไปในพระอุโบสถแล้วตั้งสัตยาธิษฐานว่า "แม้เลือดเนื้อจะ แห้งเหือดหายไป เหลือแต่หนัง เอ็น กระดูก ก็ตามที ถ้านั่งลงไปแล้ว ไม่บรรลุธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงเห็น จะไม่ยอมลุกขึ้นจากที่จนตลอดชีวิต" เมื่อ ตั้งจิตอธิษฐานเสร็จ จึงเริ่มนั่งและตั้งจิตอ้อนวอนแด่พระพุทธเจ้าว่า

ขอพระองค์ได้ทรงพระกรุณาโปรดข้าพระพุทธเจ้า ทรงประทานธรรมที่พระองค์ได้ตรัสรู้อย่างน้อยที่สุดแลง่ายที่สุด ที่พระองค์ได้ทรงรู้แล้วแก่ข้าพระพุทธเจ้า ถ้าข้าพระพุทธเจ้ารู้ธรรมของพระองค์แล้วเป็นโทษแก่ศาสนาของพระองค์แล้ว ขอพระองค์อย่าพระราชทานเลย ถ้าเป็นคุณแก่ศาสนาของพระองค์แล้ว ขอพระองค์ได้ทรงพระกรุณา โปรดพระราชทานแก่ข้าพระองค์ ข้าพระองค์รับเป็นทนายศาสนาในศาสนาของพระองค์ไปจนตลอดชีวิต

เมื่อท่านตั้งความปรารถนาแล้ว ก็เริ่มนั่งขัดสมาธิเข้าที่ภาวนา พอดีนึกถึงมดขี้ที่อยู่ในระหว่างช่องแผ่นหินซึ่งกำลังไต่ไปมา จึงหยิบขวดน้ำมันก๊าด เอานิ้วมือจุ่ม เพื่อจะเขียนวงให้รอบตัวกันมดรบกวน แต่พอจรดนิ้วที่พื้นหินยังไม่ถึงครึ่งวง ก็เกิดความคิดขึ้นมาว่า ชีวิตสละได้ แต่ทำไมยังกลัวมดขี้นอยู่เล่า นึกละอายตัวเอง จึงวางขวดน้ำมันลง แล้วนั่งเข้าที่ได้ประมาณครึ่งหรือค่อนคืน เมื่อใจหยุดเป็นจุดเดียวกัน ก็มองเห็นดวงใสบริสุทธิ์ขนาดเท่าฟองไข่แดงของไก่ ซึ่งยังติดอยู่ที่ศูนย์กลางกายจากเมื่อเพล ยิ่งมองยิ่งใสสว่างมากขึ้น และขยายใหญ่ขนาดเท่าดวงอาทิตย์ ดวงใสยังคงสว่างอยู่อย่างนั้น โดยที่ท่านก็ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรต่อไป เพราะทุกสำนักที่ท่านได้ศึกษามาไม่เคยมีประสบการณ์เช่นนี้มาก่อน

(มีต่อ)


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 24 มี.ค. 2015, 19:35, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2015, 19:34 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


(ต่อ)
ขณะที่ใจหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้น ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากจุดกลางดวงนั้นว่า "มัชฌิมาปฏิปทา" แต่ขณะที่เสียงนั้นดังแผ่วขึ้นมาในความรู้สึก ก็เห็นจุดเล็กๆ เรืองแสง สว่างวาบขึ้นมาจากกลางดวงนั้น เสมือนจุดศูนย์กลางของวงกลม ความสว่างของจุดนั้นสว่างกว่าดวงกลมรอบๆ ท่านมองเรื่อยไป พลางคิดในใจว่า นี่กระมังทางสายกลาง จุดเล็กที่เราเพิ่งจะเห็นเดี๋ยวนี้อยู่กึ่งกลางพอดี ลองมองดูซิจะเกิดอะไรขึ้น

จุดนั้นค่อยๆ ขยายขึ้นและโตเท่ากับดวงเดิม ดวงเก่าหายไป ท่านมองไปเรื่อยๆ ก็เห็นดวงใหม่ลอยขึ้นมาแทนที่ เหมือนน้ำพุที่พุ่งขึ้นมาแทนที่กันนั่นแหละ ต่างแต่ใสยิ่งขึ้นกว่าดวงเดิม ในที่สุดก็ เห็นกายต่างๆ ผุดซ้อนกันขึ้นมาจนถึงธรรมกาย เป็นพระปฏิมากร เกตุดอกบัวตูม ใสบริสุทธิ์ยิ่งกว่า พระพุทธรูปบูชาองค์ใด เสียงพระธรรมกายกังวานขึ้นมาในความรู้สึกว่า "ถูกต้องแล้ว" เท่านั้นแหละ ความปีติสุขก็เกิดขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ท่านถึงกับรำพึงออกมาเบาๆ ว่า

เออ... มันยากอย่างนี้นี่เอง ถึงได้ไม่บรรลุกัน ความเห็น ความจำ ความคิด ความรู้ ต้องรวมเป็นจุดเดียวกัน เมื่อหยุดแล้วจึงดับ เมื่อดับแล้วจึงเกิด ถ้าไม่ดับ ก็ไม่เกิด นี่เป็นของจริง ของจริงต้องอยู่ตรงนี้ ถ้าไม่ถูกส่วนนี้ เป็นไม่เห็นเด็ดขาด

การค้นพบวิชชาธรรมกายอันเป็นของจริงของแท้ เป็นทางบรรลุธรรมที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงบรรลุแล้ว เป็นสิ่งที่ละเอียดลึกซึ้งมาก ท่านจึงมาคำนึงว่า

คมฺภีโรจายํ ธรรมเป็นของลึกถึงเพียงนี้ ใครจะไปคิดคาดคะเนเอาได้ พ้นวิสัยของความตรึกนึกคิด ถ้ายังตรึกนึกคิดอยู่ก็เข้าไม่ถึง ที่จะเข้าถึง ต้องทำให้รู้ตรึก รู้นึก รู้คิดนั้น หยุดเป็นจุดเดียวกัน แต่พอหยุดก็ดับ แต่พอดับแล้วก็เกิด ถ้าไม่ดับแล้วไม่เกิด ตรองดูเถิดท่านทั้งหลาย นี้เป็นของจริง หัวต่อมีเป็นอยู่ตรงนี้ ถ้าไม่ถูกส่วนดังนี้ ก็ไม่มีไม่เป็นเด็ดขาด

ท่านยังคงนั่งเจริญภาวนาทบทวนอย่างนี้ต่อไปอีกประมาณ 30 นาที ก็เกิดภาพในสมาธิ เป็นภาพของวัดบางปลาปรากฏขึ้น ความรู้สึกขณะนั้นเหมือนตัวท่านอยู่ที่วัดนั้น ทำให้คิดว่าธรรมที่รู้เห็นได้ยากนั้น ที่วัดบางปลาจะต้องมีผู้ที่สามารถบรรลุธรรมได้แน่นอน ภาพของวัดบางปลาจึงปรากฏขึ้นในสมาธิ

นับแต่นั้นเป็นต้นมา ท่านได้ทุ่มเทชีวิตให้กับการปฏิบัติธรรมเจริญสมาธิภาวนาอย่างเต็มที่ เพื่อค้นคว้าหาที่สุดแห่งธรรม ยิ่งค้นก็ยิ่งลึกซึ้งขึ้นไปทุกที ท่านปฏิบัติอยู่อย่างนี้อีกประมาณเดือนเศษ จนออกพรรษา เมื่อรับกฐินแล้ว ก็ลาเจ้าอาวาสวัดบางคูเวียงไปพักอยู่ที่วัดบางปลาม้า เพื่อไปสอนธรรมที่ท่านได้รู้ได้เห็นแล้ว ท่านสอนอยู่ประมาณ 4 เดือน มีพระภิกษุที่สามารถปฏิบัติธรรมตามอย่างท่านได้ 3 รูป คือ พระภิกษุสังวาลย์ พระภิกษุแบน และพระภิกษุอ่วม รวมทั้งคฤหัสถ์อีก 4 คน

จากนั้น พรรษาที่ 13 ท่านได้พาพระภิกษุสังวาลย์ไปจำพรรษาที่วัดสองพี่น้อง ที่วัดนี้มี พระภิกษุได้เห็นธรรมอีก 1 รูป คือ พระภิกษุหมก หลังจากนั้น ท่านได้เดินทางไปพักที่วัดประตูสาร จังหวัด สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นวัดของพระอุปัชฌาย์ของท่าน (ขณะนั้นได้มรณภาพแล้ว) มีประชาชนมาขอให้ท่านแสดงธรรมหลายครั้ง ท่านขัดไม่ได้ จึงยอมแสดงพระธรรมเทศนา เนื่องจากท่านมีความสามารถในการเทศน์สอน จึงเป็นที่พอใจแก่ประชาชนมาก ต่อมามีผู้มาขอร้องท่านให้แสดงธรรมอีกเป็นครั้งที่สอง ท่านรู้ว่าถ้าเทศน์อีกจะทำให้เจ้าอาวาสไม่พอใจ แต่ท่านต้องการจะสงเคราะห์ญาติโยมจึงตัดสินใจแสดงธรรมอีก เมื่อท่านแสดงธรรมจบ ท่านก็เข้าไปกราบลาเจ้าอาวาส แล้วเดินทางกลับทันที เพื่อไม่ให้เกิดการกระทบกระเทือน โดยท่านให้เหตุผลว่าจะพาพระไปอยู่กรุงเทพฯ ท่านพำนักอยู่ที่วัดนี้เป็นระยะเวลารวม 4 เดือน

เมื่อออกจากวัดประตูสาร ท่านได้ไปรับพระภิกษุหมก พระภิกษุปลด (พระพุทธิวงศาจารย์ วัดเบญจมบพิตรฯ) พระภิกษุพล (พระครูโสภณราชวรวิหาร วัดเบญจมบพิตรฯ (ลาสิกขาบทแล้ว)) และพระภิกษุฮั้ว วัดป่าพฤกษ์ ที่วัดสองพี่น้อง กลับลงมากรุงเทพฯ ไปอยู่ที่สำนักเรียนวัดพระเชตุพนฯ เพื่อศึกษาพระปริยัติธรรมต่อไป

ในสมัยนั้น หลวงพ่อวัดปากน้ำฯ ต้องเผชิญกับความไม่เข้าใจของสังคมและพระเถรานุเถระในวงการพระพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่อง เกี่ยวกับการแสดงอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์และการกล่าวอ้างถึงคำว่า "ธรรมกาย" อยู่มิได้ขาด ซึ่งคำว่า "ธรรมกาย" นั้น มีหลักฐานปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎก หลักศิลาจารึก และคัมภีร์ต่างๆ มาตั้งแต่สมัยโบราณมาก่อนแล้ว

(อ่านต่อได้ที่นี้ครับ)
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E% ... 2%E0%B8%A3)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2015, 20:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


หาอยู่ว่า..หลวงพ่อกล่าวถึงต้นธาตุ..อย่างไร?

ที่ได้มา..ก็มาจากที่เขาพิมพ์มาอีกทอดหนึ่ง...

เอามาให้ดู..แต่อย่าเชื่อว่า..หลวงพ่อสดพูดใว้..นะครับ

...............
อ้างคำพูด:
โอวาทของพระมงคลเทพมุนี
แฉล้ม อุศภรัตน์ บันทึก
เมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๙๘
ตรงกับวันศุกร์ แรม ๖ ค่ำ เดือน ๑๑ ซึ่งคล้ายกับวันเกิดของเจ้าคุณหลวงพ่อ เจ้าคุณหลวงพ่อเทศน์เป็นการให้โอวาท ดังนี้
Untitled Document

ผู้เทศน์เกิดวันศุกร์ ปีวอก บวชมา ๕๐ พรรษา ค้นคว้าธรรมะเรื่อยมา การออกธุดงค์ใจเป็นมรรคผล สงบ สมาธิ เป็นทาง รู้ว่าเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นปัญญา (ไม่ใช่ธรรม)

ดวงธรรมที่ทำให้เป็นพุทธรัตนะ ผู้เทศน์รู้จักเกือบ ๕๐ ปี (ตำราไม่มี) โดยการค้นคว้าทางปฏิบัติ
ดีที่สุด คือ พระพุทธเจ้า แต่อ่อน
ชั่วที่สุด คือ มาร แข็งกว่าพระพุทธเจ้า

ผู้เทศน์มารู้ตัวเมื่อบวชแล้ว ว่าต้นธาตุ (คือ พระพุทธเจ้าองค์แรก ขณะนี้อยู่บนพระนิพพาน) ใช้ให้จุติมาเกิดเพื่อปราบมาร (ไม่ให้แก่ ไม่ให้เจ็บ ไม่ให้ตาย) ถ้ามารไม่แพ้ ผู้เทศน์ยอมตายอยู่วัดปากน้ำมารปล่อยสายมาปกครองมนุษย์ มนุษย์ตกเป็นบ่าวเป็นธาตุของโลภะ โทสะ โมหะ ผลคือ ความเสียหาย มีแก่ มีเจ็บ มีตาย เช่นสงครามที่แล้วมา เกิดจากโลภะ คือ ความโลภ เป็นเหตุให้คนเจ็บ คนตาย

ลูกชายลูกหญิงมีโมหะ จึงหลงว่าตัวเก่งแล้ว พ่อแม่ว่าไม่ได้ มีโทสะ โมโหโต้เถียง ไม่กลัวเกรง

ที่เป็นเช่นนี้ เพราะนาย โลภะ โทสะ โมหะ เขาปกครอง เขาสั่งให้ทำเช่นนั้น เอาบ้านเมืองมาล่อ เอาความเจ็บความตายมาให้ ปราบมารเหล่านี้ลงเสียได้ มนุษย์จะได้อยู่เย็นเป็นสุข เจ้าตัวมารเหมือนผีเที่ยวสิงบังคับให้เป็นไปตามคำสั่งของเขา

เราต้องเข้าวิชาธรรมกายจึงรู้ เห็นได้หมด เพราะธาตุธรรมไม่เหมือนกัน

วัดปากน้ำช่วยเหลือแก้คนป่วยไข้ ให้หายไม่ต้องกินยา มารมันยอมให้ คนไข้ก็หาย แต่มันไม่ยอมแพ้ มันแพ้หลอก ๆ (ตามวิสัยของมาร)

มนุษย์ชายหญิง เป็นพระก็มาก เป็นมารก็มาก

เป็นธรรมกาย ดูเป็น รักษาตัวได้ เราจับสายธรรมะเสีย เขาก็ไม่รบกัน เก็บสมบัติให้หมด เก็บอาวุธให้หมดตามจุด เขาก็ไม่รบกัน (คำว่า จับ คำว่า เก็บ ในที่นี้หมายถึงวิชารบ ตามชั้นเชิงของวิชาธรรมกาย)

กวดขันอย่าง นี้ ๒๕ ปีแล้ว แยกพระ แยกมาร ไม่ให้ปนกัน ไม่ให้กระทบกัน ต่างฝ่ายต่างเป็นสุข (เหมือนกับการกระทบกระทั่งกันระหว่างประเทศต่อประเทศในโลกเรานี้)

จะให้สัญญา ไม่รังแกกัน ถ้าไม่ยอมก็เก็บฤทธิ์เสีย ที่ไม่ตกลงกัน เพราะเขาประลองฤทธิ์กัน
ผู้เทศน์ปล่อยชีวิต ยอมตายมา ๒ คราว เพื่อถวายแก่พระพุทธเจ้า จึงได้พบ “ธรรมกาย” ซึ่งวิชาธรรมกายนี้ พระพุทธเจ้าทรงเป็นเจ้าของ

ชายหญิงผู้ปฏิบัติธรรมะ จนถึงบรรลุธรรมกายโคตรภู เท่ากับได้บวชข้างใน เป็นหญิงถือว่าได้บวชข้างใน หากเป็นชายที่บวชพระ ถือว่าบวชทั้งนอกและข้างใน เป็น ๒ ชั้น
ความอยากเป็นเหตุให้เกิด เกิดเป็นผล

ดับหยาบได้ ดับเป็นชั้นๆ ดับตั้งแต่กายมนุษย์ละเอียดจนถึงธรรมกาย ความเกิดเป็นของจริง ละได้ก็เห็นดับ ดับนั้นเป็นนิโรธ นิโรธมีขึ้นได้เพราะ ศีล สมาธิ ปัญญา
ดับหยาบไปหาละเอียดเป็นชั้นๆ เข้าไป จนเป็นพระโสดา ตาดีก็เห็น ญาณดีก็รู้ มีบาลีรับรอง
พระพุทธเจ้าทั้งหลาย “ธรรมกาย” นั่นแหละเป็นผู้รักษาความสงบ
(คัดจากหนังสือเรื่องธรรมกาย หน้า ธ-ป หนังสือเล่มนี้ พิมพ์ที่โรงพิมพ์ไทยพณิชยการ สีลม พระนคร เมื่อเดือน กันยายน ๒๔๙๙ โดยนางแฉล้ม อุศุภรัตน์ เป็นผู้จัดพิมพ์)

รวมพระธรรมเทศนาของหลวงพ่อวัดปากน้ำ http://khunsamatha.com/blog/dhammakaya-C5.html

ตำราวิชชาธรรมกายทุกหลักสูตร http://www.stalmind.org/library/index.asp

เวบวิชชาธรรมกาย http://khunsamatha.com/

ห้องสนทนาวิชชาธรรมกาย http://forums.212cafe.com/samatha/


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 24 มี.ค. 2015, 20:44, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2015, 20:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


จับความได้ว่า..

ต้นธาตุ...หมายถึงพระพุทธเจ้าพระองค์แรก

ใช้ให้มาจุติ....

ต้นธาตุ..ของหลวงพ่อสด..คือพระพุทธเจ้าพระองค์แรก

ซึ่งก็มีความหมายเดียวกัน...คือ...พระพุทธเจ้าองค์ปฐม...ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

ประเด็น..ว่า..มีการแยกกันมา..คงตกไป...ไม่น่าเชื่อถือ...
เพราะเราเป็นชาวพุทธ...ไม่ใช่พราหมณ์...ไม่มีแยกมาอวตารอะไร..ทั้งเพ

:b11:


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 24 มี.ค. 2015, 20:26, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2015, 20:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


หากเป็นอย่างนี้....ไม่รู้จะมีประเด็น...ให้โสเล่เฮฮา..ประสาคนช่างคิด..อะเปา..นะ

:b32: :b32:

มา..มะ

มาจุ่มหัวกัน...ใครมีอะไร..ก็มาจุ่มกัน.. :b22: :b22:

มาร..ของหลวงพ่อสด...คือนายโลภะ..นายโทสะ...นายโมหะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2015, 21:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


https://www.youtube.com/watch?v=2P-G38-9NoM

ไม่เกี่ยวกะกระทู้หรอกนะครับ....แค่เสริมๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2015, 21:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


ต้นธาตุต้นธรรม..คุนน้องไม่รู้จริงๆค่ะ..

ขนาดตัวคุนน้องเองเนียะ!! ยังไม่มีปัญญารู้ว่า ก่อนที่จะมามีเรา มีธาตุ4มีรูปนาม มีวิญญาณ เกิดมาเป็นคน..เรามีต้นกำเนิดมาจากอะไร..
ก่อนหน้านั้น พวกเราโผล่มาจากไหน..ต่อให้ระลึกชาติได้เป็นพันล้านชาติ..เรายังไม่รู้เลยว่าเราโผล่มาจากไหน..หรือแท้จริงพวกเราคืออะไรกันแน่..
แม้แต่ชีวิตหลังความตาย..เรายังไม่รู้เลยว่าเราจะพบอะไร..มีอะไรที่รอเราอยู่ในอีกมิติ..
ก็ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับประเด็นมั้ย..คือนึกไม่ออกจริงๆค่ะ
พูดเรื่องต้นธาตุต้นธรรม..มันเหมือนพูดเรื่องการกำเนิดขึ้นของการมีชีวิต มีนามรูป..แล้วใครคือต้นธาตุต้นธรรม..คุนน้อง งงจริงๆนะ..งงกว่าพูดเรื่องนิพพานอีก :b14:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2015, 22:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


จริงๆคุนน้องนึกว่า..ท่านกบจะมาเปิดประเด็นเกี่ยวกับนิมิตแบบในคลิปนี้ซะอีก :b32: :b32: (นึกว่าจะเกิดนิมิตแบบเดียวกัน)
https://m.youtube.com/watch?v=yizBP105pjA
คือเรื่องของเผ่าเทวดา..กับเผ่า มาร ที่เขาทำสงครามกันมายาวนานแระในตำนาน คุนน้องอุตส่าหาคลิปที่มนุษย์จินตนาการได้อย่างวิจิตรมาให้รับชม :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2015, 23:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


:b32: :b32: :b32:

ตะกี๊พิมพ์ไว้ 1 หน้ากระดาษ

แต่แล้วแมวก็กระโดดขึ้นมาบนคีย์บอร์ด

และแล้ว ทุกอย่างก็หายหมด

....

:b1: :b1: :b1:

สรุปเรื่องราวนี้ สงสัยยังคงต้องเป็นความลับต่อไป :b32:

:b1:

จริง ๆ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เอกอนจะเล่าเรื่องราวนี้
แต่...มันจะ ลงเอยประมาณนี้ทุกครั้ง

:b4: :b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2015, 07:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
:b32: :b32: :b32:

ตะกี๊พิมพ์ไว้ 1 หน้ากระดาษ

แต่แล้วแมวก็กระโดดขึ้นมาบนคีย์บอร์ด

และแล้ว ทุกอย่างก็หายหมด

....

:b1: :b1: :b1:

สรุปเรื่องราวนี้ สงสัยยังคงต้องเป็นความลับต่อไป :b32:

:b1:

จริง ๆ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เอกอนจะเล่าเรื่องราวนี้
แต่...มันจะ ลงเอยประมาณนี้ทุกครั้ง


:b4: :b4: :b4:


เรื่องนี้....ผมก็เป็นเหมือนกัน...จะมีเหตุให้อันตรธานหายไปก่อนทุกที..

จนอดคิดไม่ได้ว่า.....

เอาอีกที..น่า..นะ...เอกอน :b17: :b17:


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 25 มี.ค. 2015, 07:18, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2015, 07:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
จริงๆคุนน้องนึกว่า..ท่านกบจะมาเปิดประเด็นเกี่ยวกับนิมิตแบบในคลิปนี้ซะอีก :b32: :b32: (นึกว่าจะเกิดนิมิตแบบเดียวกัน)
https://m.youtube.com/watch?v=yizBP105pjA
คือเรื่องของเผ่าเทวดา..กับเผ่า มาร ที่เขาทำสงครามกันมายาวนานแระในตำนาน คุนน้องอุตส่าหาคลิปที่มนุษย์จินตนาการได้อย่างวิจิตรมาให้รับชม :b13:


ฮะแรก..กระผมคิดจะใช้ปฏิจจสมุปบาท..มาพูดถึงต้นธาตุ
เพราะเป็นหลักฐานอันเดียวที่...พระองค์กล่าว

กะจะใช้หลักฐานอันนี้แหละ...จินตนาการ(ต่อ)ให้ชม :b13: :b13: :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2015, 08:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


การที่เราจะเข้าใจความหมาย ต้นธาตุต้นธรรม..
เราต้องมาวิเคราะห์ก่อน..ยึดหลักวิทยาศาสตร์ :b1: ต้นธาตุ..ถ้าเจาะจงหมายเอามนุษย์..ก็คือ ธาตุ 4 ดิน น้ำ ไฟ ลม..
ต้นธรรม..เมื่อมีธาตุ4 ย่อมมีการเกิดขึ้นของวิญญาณ ประกอบด้วย รูป และนาม..แล้วต้นธรรม
จะเป็นอะไรได้อีก..ถ้าไม่ใช่ รูปนาม ..
เพราะฉะนั้น การเกิดขึ้นของธรรม..มีอยู่แล้วตามธรรมชาติ..แต่มนุษย์มองไม่เห็น..เพราะไม่เคยมองเข้ามาที่ภายใน..มีเพียงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น ที่ประกาศธรรม..ความจริงของ รูปนาม..ชีวิตนี้ (อริยสัจ)
มาสรุปอีกที..ต้นธาตุต้นธรรม..ก็ต้องเป็นธาตุ4 ที่ประกาศธรรม..ความจริงของรูปนามนี้..
ถ้ากล่าวว่า..ต้นธาตุต้นธรรม คือพระพุทธเจ้าองค์แรกก็ไม่ผิด..

ส่วนเรื่อง..การนิพพานนั้น..คือการดับไปสูญไป..
หรือเป็นการที่จิตกลับคืนสู่ธรรมชาติเดิมกันแน่ล่ะ
การที่จิตไม่เคลื่อนไปสู่ภพใดๆๆ..เป็นไปได้ไหมว่า
จิตเดิมประภัสสร..คือพลังงานไร้รูปครอบคุมจักวาล..หรือที่พวกเราเรียกพระเจ้า..
ถ้าพระเจ้าคือพลังงานเหล่านี้..เป็นไปได้ไหมว่า..พระเจ้านี่แหละ..คือผู้ควบคุมกลไลทั้งหมดของจักรวาลให้สมดุล..อาจจะเวิ่นเว้อไปหน่อย :b9: คุนน้องเคยได้ยิน..คำว่า ภูตพระพุทธเจ้า..
แม้ท่านจะปรินิพพานไป..แต่คำบอกกล่าวของ พระอรหันต์ชื่อดังทั้งหลาย..ท่านก็บอกปรากฏเห็นพระพุทธเจ้า..ได้ไปกราบพระพุทธเจ้า..หรือพระพุทธเจ้า..พาไปดูมนุษย์ต่างดาว..
เท่ากับเป็นการยืนยันว่า...พลังงานเหล่านั้นมีจริง
เนรมิตรูปกายได้..ถ้าไม่อย่างงั้น..พระอรหันต์ทั้งหลายท่านจะ พบพระพุทธเจ้าได้อย่างไร..

ที่คุนน้องกล้าพูดแบบนี้..เพราะคุนน้องเชื่อพระอาจารย์ของตน ที่ท่านเล่าเกี่ยวกับ
ภูตพระพุทธเจ้า..ถ้าหลวงพ่อสด..จะกล่าวว่า
ต้นธาตุต้นธรรม..คือพระพุทธเจ้าองค์แรก..
ก็ไม่น่าจะผิด..ชาวพุทธอย่า เลือกที่รักมักที่ชังนักเลย..คุนน้องเบื่อ ระบบสองมารตฐาน :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2015, 09:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อ2ปีที่แล้ว..คุนน้องเคยปรากฏนิมิตบางอย่าง
ที่บอกว่า..ดินแดนกำลังถูกลุกล้ำอานาเขต..
ซึ่งมันก็คงจะเป็นการไม่ลงรอยกัน..ระหว่างสองผู้นำ...เหมือนโลกมนุษย์ยังมีแย่งอำนาจกัน.. :b13: แล้วคิดว่าบนสวรรค์..เขาสมานฉันท์กันหรือ
ระหว่างธรรมมะกับอธรรม..ในนิมิต ดันไปตกปากรับคำว่าจะอาสารับหน้าที่นี้..คือออกแนวเป็นกองกำลังภาคสนาม :b13: อยู่ๆไหงไม่ได้ออกไปรบดันลงมาเกิด(ซึ่งไม่ใช่เป็นการบุญหมดแล้วตกสวรรค์แต่อย่างใด :b32: )..อ่อที่แท้..เค้าบอกให้มาสั่งสมบารมี ถึงจะแก่กล้า..ไม่โดนมารเอานิ้วดีดกระเด็น :b14:
ขืนแกเดินดุ่ยๆๆออกไป..อสูรกาย..ปีศาจ..พวกมาร ..เค้าได้แตะแกกระเด็นกลับบ้านเก่า555 บุญฤทธิ์ไม่มีบารมีก็น้อย..ก็เหมือนคนร่างกายไร้พละกำลังจะไปช่วยใครเขาได้.. เลยต้องมาสั่งสมบารมี..แล้วไปทำหน้าที่เป็นกองกำลังบนสวรรค์..
แล้วก็ลงมาเกิดสร้างบารมี..ขึ้นไปทำหน้าที่นี้อีก..เวียยวนแบบนี้..จนกว่าจะถึงยุคที่ตนปราถนาสาวกภูมิ.. :b13: เป็นไงล่ะ..บ้าดีมั้ย :b32:
5555
ดูคลิปนี้แล้วระลึกถึงความฝันของตน :b6:
https://m.youtube.com/watch?v=UPo_j61hbGM


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2015, 18:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
... อยู่ๆไหงไม่ได้ออกไปรบดันลงมาเกิด(ซึ่งไม่ใช่เป็นการบุญหมดแล้วตกสวรรค์แต่อย่างใด :b32: )..อ่อที่แท้..เค้าบอกให้มาสั่งสมบารมี ถึงจะแก่กล้า..ไม่โดนมารเอานิ้วดีดกระเด็น :b14:
ขืนแกเดินดุ่ยๆๆออกไป..อสูรกาย..ปีศาจ..พวกมาร ..เค้าได้แตะแกกระเด็นกลับบ้านเก่า555 บุญฤทธิ์ไม่มีบารมีก็น้อย..ก็เหมือนคนร่างกายไร้พละกำลังจะไปช่วยใครเขาได้.. เลยต้องมาสั่งสมบารมี..แล้วไปทำหน้าที่เป็นกองกำลังบนสวรรค์..
แล้วก็ลงมาเกิดสร้างบารมี..ขึ้นไปทำหน้าที่นี้อีก..เวียยวนแบบนี้..จนกว่าจะถึงยุคที่ตนปราถนาสาวกภูมิ.. :b13: เป็นไงล่ะ..บ้าดีมั้ย :b32:
5555

:b1: ...ใครบอกว่าลงมาสะสมอะไร...เพื่อไปสู้ต่อที่ไหน
นี่ล่ะ...คุณน้องมาอยู่ในสนามรบแล้ววววว... :b2: ... :b32:

การเข่นกันระหว่างธรรม 2 กระแสที่เป็นขั้วตรงข้ามกัน มันเป็นการชักใยผ่านอารมณ์
นึกถึง การถูกผีสิง พรายกระซิบ
เรื่อง Inception มีการใช้กลยุทธเข้าไปหย่อนเมล็ดพันธ์ลงในหัวคน
และกลยุทธ์แบบยิงคลื่นแบบตรงตัว
ซึ่งกลยุทธ์แต่ละกลยุทธ การใช้ก็ต่างกันตามระดับชั้น
อย่างการปลูกเมล็ด ต้องมีต้นกล้าที่เป็นต้นสายพันธ์ และจะต้องมีการที่จิตเชื่อมต่อจิต
โครงข่าย ท่าน ติ นัช ฮัท :b1:
โครงข่าย ท่านดะไน :b1:
ถ้าใครมีฤทธิ์ที่พอจะส่องท่านทั้งสองได้ ก็ต้องลองส่องดู
ว่าภูมิจิตขนาดนี้ มรภาพไป จิตท่านจะไปยังแดนไหน นั่นคือบ่งบอกทักษะกลยุทธ์
ที่แดนนั้น ๆ สามารถใช้ได้
ภูมิที่ต่ำกว่านั้น จะทำกลยุทธไม่ได้ เพราะเดินจิตไม่ได้
เพราะการเดินกลยุทธ เป็นการสร้างช่วงคลื่นของจิต

ซึ่งบางคนจิตสู่จิตไม่ได้ ก็จะได้รับการรับรู้เข้ามาด้วยกลยุทธอื่น
โดยการ รดน้ำลงดิน น้ำจะซึมผ่านดินลงมาเป็นชั้น ๆ
จะมีกลุ่มที่คอยส่งพลังงานผ่านมาสู่พรหม คือพรหมรับรู้สื่อนั้นได้ แต่ต่ำกว่านั้นจะรับไม่ได้
พรหมก็จะสื่อลงมาสู่ระดับต่อมาที่ใกล้ชิดกัน ส่งต่อลงมายังเทวดาชั้นต่าง ๆ
ซึ่งความคลาดเคลื่อนจะมี
ซึ่งหากไปได้ยินการอธิบายถึงสิ่ง ๆ หนึ่งที่แตกต่างกัน นั่นแสดงถึง แหล่งข่าวที่ผู้นั้นเข้าถึง
ว่าเป็นเทวดาชั้นไหน โซนไหน
ซึ่ง...บางครั้ง...พรหม...เทวดา...บางตน ก็ได้อภิสิทธิ์ในการจำแลงตน :b1:
...
และนี่คือสนามรบ ที่ไม่ได้ต้องไปถือดาบปล่อยแสงใส่ก๊อตซิล่า น่ะ
แต่เป็นการต่อสู้ที่ นักรบพวกนี้จะทำตัวเป็นเข็มที่จะเข้าไปบ่งฝี
กับพวกนักธรรมที่หลงตนว่าเป็นฝ่ายธรรม แต่มีใจปนเปื้อนไปด้วยกิเลสน่ะ
...
คือทำหน้าที่เหมือนคอยย่องไปสะกิดเตือนสติ...ผู้ปฏิบัติธรรมในทีเผลอน่ะ...
และตัวเอง ก็รู้ ก็สู้อยู่กับตัวเองด้วย
...
ผู้ส่งสื่อทำกลยุทธระดับสูง คือท่านไม่ได้ทำเพื่ออะไร ท่านเห็นภัยในกาลอันใกล้
ในกลุ่มท่านนั้น ภัยต่าง ๆ กระเทือนไม่ถึงอยู่แล้ว
การที่จะเกิดการสลับขั้วทางโลก หรือ ทางธรรม ท่านไม่เดือดร้อนอะไรอยู่แล้ว
ท่านก็เพียงเพื่อให้สัตว์ในภพภูมิที่จะได้รับผลกระทบ
ได้เดินทางไปแขวนตัวอยู่ในที่ ๆ จะปลอดภัยสำหรับเขาที่สุด ในช่วงกาลแห่งภัย
เมื่อทุกอย่างเริ่มคลี่คลาย ก็ค่อยลงมาเกิดกัน...
...
พวกทำกลยุทธ มีหลายชั้น
แต่ละชั้นก็มีหลายอณู ... :b12: :b9:

ดังนั้น ต้นธาตุ ต้นธรรม องค์ปฐม ที่ปรากฎกล่าวถึงกันอยู่ในโซเชียลเน็ตเวิร์ค
จะสะท้อนว่า ได้รับข่าวสารมาจากแหล่งไหน

คุณน้องเขียน... :b32:
อ้างคำพูด:
การที่จิตไม่เคลื่อนไปสู่ภพใดๆๆ..เป็นไปได้ไหมว่า
จิตเดิมประภัสสร..คือพลังงานไร้รูปครอบคุมจักวาล..หรือที่พวกเราเรียกพระเจ้า..
ถ้าพระเจ้าคือพลังงานเหล่านี้..เป็นไปได้ไหมว่า..พระเจ้านี่แหละ..คือผู้ควบคุมกลไลทั้งหมดของจักรวาลให้สมดุล..อาจจะเวิ่นเว้อไปหน่อย :b9: คุนน้องเคยได้ยิน..คำว่า ภูตพระพุทธเจ้า..

ที่คุนน้องกล้าพูดแบบนี้..เพราะคุนน้องเชื่อพระอาจารย์ของตน ที่ท่านเล่าเกี่ยวกับ
ภูตพระพุทธเจ้า


เป็นไปได้ไหมว่า...

:b1: ...พี่เอกอนสงสัยว่าคุณน้องจะเห็นมากกว่าแค่เห็นลำแสง... :b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2015, 19:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เรื่องนี้....ผมก็เป็นเหมือนกัน...จะมีเหตุให้อันตรธานหายไปก่อนทุกที..

จนอดคิดไม่ได้ว่า.....

เอาอีกที..น่า..นะ...เอกอน :b17: :b17:

:b1: ...ไม่ดีก่า... เพราะมันเป็นเรื่องที่ :b5:
ในลานแห่งนี้ มีสมาชิกท่านหนึ่ง ที่ใคร ๆ เมื่อเห็นชื่อเขาก็อยากจะหนีไปให้ไกลจากเขา
เพราะท่านเป็นนักป่วนขั้นเทพ :b32: :b32: :b32:
แต่เอกอน ยังคงจำท่านนั้นได้ตลอดเวลา และนึกถึงอยู่เสมอ
คือ ท่านเห็นพระพุทธเจ้าเหมือนเด็กธรรมดาที่กำลังเล่นชิงช้าอยู่ที่สนามหญ้าหลังบ้าน :b14:

:b1:

ซึ่งถ้าเอาเรื่องคล้าย ๆ อย่างนี้มาพูด
ผู้ที่เต็มไปด้วยศรัทธาก็คงจะรู้สึกตะหงิด ๆ อารมณ์แล้ว ...

แต่...เอกอนก็เห็น...ในลักษณะที่เป็นพื้น ๆ เช่นนั้น เหมือนกันน่ะ
ก็เลย...เข้าใจ

ดังนั้นบางอย่างเป็นเรื่องการกล่าวที่เกี่ยวโยงไปถึงศรัทธาของผู้คน
ก็ต้องละไว้

ลองไปอ่านคำลงท้าย ของท่าน เช่นนั้น
เป็นการแสดงออกหนึ่งที่ แสดงให้เห็นว่าภาษาเป็นสิ่งที่ด้อยค่าเมื่อเทียบกับสัจธรรมอันแท้จริง


:b1:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 25 มี.ค. 2015, 22:14, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 82 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร