วันเวลาปัจจุบัน 16 พ.ค. 2025, 04:43  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มี.ค. 2015, 05:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2014, 07:47
โพสต์: 33

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อเกิดกิเลสแล้วเรารู้เท่าทันกิเลสเช่นเรามีกิเลสอยากฆ่าคนอื่น(กรรมเก่า)แต่เราระงับไว้รู้เท่าทันกิเลสไม่ทำตามใจตนแล้วคนอื่นก็จะไม่ได้รับวิบากกรรมที่เคยทำไว้สิค้ะ หรือว่าวิบากกรรมจะตามทันเค้าเองในซักวันหนึ่ง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มี.ค. 2015, 07:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8564


 ข้อมูลส่วนตัว


pang99 เขียน:
เมื่อเกิดกิเลสแล้วเรารู้เท่าทันกิเลสเช่นเรามีกิเลสอยากฆ่าคนอื่น(กรรมเก่า)แต่เราระงับไว้รู้เท่าทันกิเลสไม่ทำตามใจตนแล้วคนอื่นก็จะไม่ได้รับวิบากกรรมที่เคยทำไว้สิค้ะ หรือว่าวิบากกรรมจะตามทันเค้าเองในซักวันหนึ่ง


วิบากกรรม ซึ่งแปลว่า ผลของกรรมที่ได้สำเร็จแล้ว ซึ่งอาจจะกำลังให้ผล หรืออาจรอให้ผลอยู่
คือเป็นผลที่ยังไม่ได้ให้ผล หรือผลที่ไม่มีโอกาสให้ผล อธิบายอย่างนี้คงจะงง ๆ อยู่นะ

จะยกอุปมาให้ง่ายๆ เช่นเมล็ดข้าวเปลือกเมื่อนำไปหว่านในนา เมื่อไม่มีน้ำเมล็ดข้าวก็จะไม่งอก
รอให้ได้น้ำจึงจะงอกได้(รอให้ผล) เมื่อได้น้ำหรือน้ำฝนเมล็ดข้าวก็เริ่มงอกไปถึง
กระทั้งออกรวงใหม่ อันนี้เรียกว่ากำลัง(ให้ผลอยู่)

เมื่อออกรวงใหม่บางครั้งก็ไม่สมบูรณ์เป็นข้าวเม็ดลีบ บางที่ก็สมบูรณ์เป็นข้าวเม็ดเต็ม
พร้อมที่จะไปให้ผลใหม่อีก เมื่อนำไปปลูกในนาอีก ส่วนที่เม็ดข้าวลีบนั้นก็ไม่มีโอกาสให้ผลอีก

ถ้าเปรียบเหมือนกรรมก็ได้อโหสิกรรมกันแล้วสิ้นสุดกันแล้ว
ส่วนเม็ดที่สมบูรณ์ก็รอให้ผลอีกต่อไป รอจนกว่าจะปัจจัยมาสนับสนุนให้ๆผล (น้ำ)
เมื่อไม่มีน้ำก็จะรออยู่อย่างนั้น (รอให้ผลอยู่)

(ไม่รุว่าจะเข้าใจหรือไม่หนอ แม้กระทั้งอุปมาก็ยังยากหนอ) อิอิ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มี.ค. 2015, 09:08 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


pang99 เขียน:
เมื่อเกิดกิเลสแล้วเรารู้เท่าทันกิเลสเช่นเรามีกิเลสอยากฆ่าคนอื่น(กรรมเก่า)แต่เราระงับไว้รู้เท่าทันกิเลสไม่ทำตามใจตนแล้วคนอื่นก็จะไม่ได้รับวิบากกรรมที่เคยทำไว้สิค้ะ หรือว่าวิบากกรรมจะตามทันเค้าเองในซักวันหนึ่ง


:b12:

ก็เลยมีคนคิดว่า....เราฆ่าเพื่อให้สัตว์นั้นๆ..รับกรรม

คุณแป้ง..คิดว่าความคิดนี้ถูกต้องมั้ยครับ?.. :b9:

...เราระงับไว้รู้เท่าทันกิเลสไม่ทำตามใจตนแล้วคนอื่นก็จะไม่ได้รับวิบากกรรมที่เคยทำไว้สิค้ะ ...

ถึงเราไม่ทำ....เขาก็ต้องรับกรรมของเขาอยู่แล้ว..ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง...
หากเราทำ...ก็เป็นกรรมของเราต่อไป..ส่วนเขา(อาจจะได้)ใช้กรรม
แล้ว...คิดดูซิ...เนื้อไม่ได้กิน..หนังไม่ได้รอง...แต่ถูกเอากระดูกมาแขวนคอ...
.เราจะขาดทุนสูญกำไร..แค่ไหน.. :b32: :b32:

คุณแป้ง..ครับ...หากเราฆ่าสัตว์...ก็ไม่ได้หมายความว่า..เราจะถูกสัตว์นั้น..มาฆ่าเราคืน..นะครับ
การใช้กรรม...มีขันธ์เป็นตัวรับเป็นสำคัญ...

ดูประวัติ...พระปูติคัตตติสสเถระ .ซิครับ
http://www.84000.org/tipitaka/attha/att ... 5&i=13&p=7

กรรมชั่วของท่าน....ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต..มาเลี้ยงชีพ
กรรมดีของท่านที่ทำให้เป็นพระอรหันต์....ทำบุญเลี้ยงพระแล้วตั้งจิตอธิฐาน..ขอให้ได้ธรรมที่พระองค์นั้นบรรลุแล้วด้วยเทิอด (ตรงนี้...น่าคิดนะครับ..อยู่ดีดี..ใครจะมาอธิฐานอย่างนี้บ้าง...ขนาดท่านฆ่าสัตว์เลี้ยงชีพ..นะเนี้ย)

ท่านรับกรรมชั่ว..คือ...กายเน่า..กระดูกแตก...(สังเกตว่า..ไม่มีใครมาทำนะครับ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มี.ค. 2015, 13:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 18:54
โพสต์: 615

สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฏก อรรถกถา
ชื่อเล่น: พุทธฏีกา
อายุ: 0
ที่อยู่: ดอยสัพพัญญู

 ข้อมูลส่วนตัว www


pang99 เขียน:
เมื่อเกิดกิเลสแล้วเรารู้เท่าทันกิเลสเช่นเรามีกิเลสอยากฆ่าคนอื่น(กรรมเก่า)แต่เราระงับไว้รู้เท่าทันกิเลสไม่ทำตามใจตนแล้วคนอื่นก็จะไม่ได้รับวิบากกรรมที่เคยทำไว้สิค้ะ หรือว่าวิบากกรรมจะตามทันเค้าเองในซักวันหนึ่ง

สำหรับเราๆ ได้ทำกรรมใหม่คือไม่เบียดเบียนต่อคนอื่น ไม่สร้างอกุศลที่มีต่อกันต่อไป ความพยาบาทที่มีต่อคนอื่นก็ถือเป็นอันยุติระงับลง กุศลกรรมบถข้อ๘,๙ เกิดขึ้นไม่เพ่งเล็งอยากให้คนอื่นเจ็บคนอื่นตาย ไม่พยาบาทผูกโกรธคนอื่นผู้อื่น ที่นี้คนอื่นคนนั้น ไม่ถูกเราปองร้ายโต้ตอบ เขาก็หมดโอกาสที่จะได้โต้ตอบปองร้ายเราคืน ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกันต่อไปอีก (กรณีคนอื่นคนนั้นก็ถอยแล้วเหมือนกัน) ไม่มีการตอบโต้ใดๆ จากเรา เพราะเราไม่จองเวร ไม่ทำกรรม ที่เป็นอกุศลด้วยกาย วาจา ใจอะไรกับเขาอีก :b39:

ที่นี้เขาจะได้รับ หรือไม่ได้รับวิบากที่เขาเคยทำไว้ ก็เป็นอจินไตยแล้ว ไม่ควรคิด เป็นเรื่องกงกำกงเกวียนของเขาแล้ว แต่ถามว่าเราพอจะรู้ อยากรู้ได้ไหมเขาจะต้องได้รับวิบากกรรมของเขาเองรึเปล่า ก็ต้องดูว่า มันมีโอกาสที่เขาจะประกอบ ปโยควิบัติ พยายามทำอะไรผิดๆ อยากเบียดเบียนอยากทำร้ายใครคนอื่นต่อไปอีก ที่ไม่ใช่เราแล้วต่อไปอีกไหม เขายังมี คติวิบัติอยู่ไหม มีความเห็นผิดอยู่ไหมที่ยังพอใจในการฆ่า ในการทำร้ายทำลายเบียดเบียนผู้อื่น เขาประจวบเหมาะกับ กาลวิบัติ สบโอกาสที่จะทำอะไรไม่ดีๆ เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นๆ ไหม เขามีอาวุธ มีเครื่องไม้เครื่องมือ อุปธิวิบัติ พร้อมหรือไม่ ถ้ามีองค์ประกอบเหล่านี้จะทำให้เขา ทำปาณาติบาตขึ้นเป็นวัฏฏะ มีกิเลส กรรม (สันดานเดิมๆ)ที่จะทำให้เกิด วิบากอีก :b41: กิเลส กรรม วิบากที่เขาเป็นผู้กระทำ ก็จะติดตามให้เขาให้ได้รับผลของกรรม นั้นๆ ในที่สุดนั่นเอง :b43: :b41:

.....................................................
39777.กฎกติกา มารยาท และบทลงโทษ ในการใช้บอร์ด

42529.สีลัพพตปรามาส - สีลัพพตุปาทาน (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
44772.e-Book สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 1 (ลานธรรมเสวนา)
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 2 (ลานธรรมเสวนา)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร