วันเวลาปัจจุบัน 20 มิ.ย. 2025, 16:01  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ธ.ค. 2014, 15:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2014, 07:47
โพสต์: 33

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าเกิดเราเคยเเช่งใครไว้แต่ต่อมาไม่ได้อยากให้เค้าเป็นเเบบนั้นแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ถอนอย่างนี้จะเป็นการสร้างกรรมไปตลอดจนกว่าจะได้ถอนเลยหรอค้ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ธ.ค. 2014, 16:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้ารู้สึกเหมือนมันยังค้างคาใจอยู่ก็อธิษฐานถอนคำสาปแช่งนั้น มันมีบทขอขมากรรมชั่วสวดก่อนนอนก็ดีนะค่ะ คือส่วนใหญ่การแช่งไม่ใช่ว่าพูดไปแล้วมันจะเกิดกับคนที่เราไปแช่งไปคิดร้ายกับเขา..
แต่มันก็มีกรณีที่เราไม่รู้ เช่นคนที่มีพลังจิตคนที่ฝึกสมาธิจนจิตเป็นฌาน ประกอบกับเป็นผู้มีศีล โดยเฉพาะศีลข้อมุสาไม่เคยด่างพร้อยเป็นผู้มีสัจจะวาจา กล่าวแต่คำจริง ถ้าเกิดขาดสติแล้วไปแช่งคนที่กุศลธรรมต่ำกว่าตน ก็อาจจะมีเหตุให้เป็นไป จริงๆแล้วมันเป็นแรงเหวี่ยงของกรรมเก่าแต่ละคนมาประชุมตัวกัน จนเป็นสูตรสำเร็จในกรรม(งงมั้ยค่ะ)คือเราไม่สามารถตัดสินใครให้เป็นไปตามอำนาจเราได้หรอก นอกจากมันจะมีเหตุให้มันเป็นไป แต่พอมันเป็นไปเราจะมักโทษตนเองว่าเป็นเพราะเราไปแช่งเขา ซึ่งเมื่อมันเกิดขึ้นจริง มักจะเป็นบาปทางใจติดตัวผู้แช่ง แต่ส่วนใหญ่คนที่มีวาจาสิทธิ์ไม่คิดแช่งใครหรอกค่ะ เพราะเขารู้ว่ามันไม่ดีและมีโทษ แต่พวกชอบแช่งคนนั่นคนนี่ส่วนใหญ่เข้าตัวเองทั้งนั้นแหละค่ะแช่งใครก็ไม่ขึ้น ไม่งั้นป่านนี้พวกนักการเมืองตายกันไปนานล่ะ :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ธ.ค. 2014, 17:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2014, 07:47
โพสต์: 33

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แล้วถ้าเกิดเเช่งไว้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ล่ะค้ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ธ.ค. 2014, 08:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว



การสาปแช่ง ก็คือ ความอาฆาต พยาบาท มุ่งให้พินาศ ฉิบหายเกิดกับคนที่มุ่งร้ายนั้น
เป็นการกระทำกรรมไม่ดี เป็นบาปเป็นกรรม เป็นการจองเวร ทำให้ตัวเองไม่มีความสุข
ท่านเปรียบ เหมือนไฟที่เผาตัวเองอยู่ตลอดเวลา

เมื่อคิดได้ว่าเป็นการกระทำไม่ดี ก็ละการกระทำนั้นเสีย หันมาเจริญพรหมวิหาร
เจริญความรักความเมตตา ความปรารถนาดีต่อกัน อันเป็นบุญกุศลขึ้นมาแทน ..

การสาปแช่งต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ..

เปรียบเหมือนเอาสิ่งสกปรก โสโครก ไปอวดไปแสดงต่อหน้าสี่งที่ควรเคารพกราบไหว้
อันเป็นตัวแทนของความดีงาม ความมีเมตตากรุณา เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ

:b1:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ธ.ค. 2014, 05:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


pang99 เขียน:
ถ้าเกิดเราเคยเเช่งใครไว้แต่ต่อมาไม่ได้อยากให้เค้าเป็นเเบบนั้นแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ถอนอย่างนี้จะเป็นการสร้างกรรมไปตลอดจนกว่าจะได้ถอนเลยหรอค้ะ


การตั้งใจจะทำอะไร..ก็คล้ายๆกับที่เราตั้งโปรแกรมว่าจะให้คอมพิวเตอร์ทำอะไร..เมื่อไร...

ถ้าทำดี...เค้าเรียกว่า..อธิฐาน...เป็นบารมี
ถ้าทำไม่ดี...ก็อย่างเช่น..ไปแช่งคนอื่น..การอาฆาตผู้อื่น

ทีนี้..หากไม่ยกเลิก...หากเป็นโปรแกรมดี..ก็ดีไป..เช่น..อยากเป็นพระพุทธเจ้า..อยากเป็นอัครสาวก...อยากเก่งอย่างนั้นอย่างนี้...เป็นต้น

แต่..ถ้าเป็นโปรแกรมไม่ดี...ตกค้างไม่ได้ยกเลิก...เช่น..แช่งเค้า...อาฆาตเค้า..โกรธเค้า...ตัวเราเองนั้นแหละ...จะได้รับผลก่อนผู้อื่น...คือหาความสงบสุขให้ตัวเองอยาก....หากเกิดใหม่..ตนก็ต้องตกอยู่ในวังวนกับอารมณ์พวกนี้อยู่เรื่อย...แม้แต่ตนเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไม..เราจึงเป็นพวกขี้โกรธ..ขี้อิจฉา...คิดแต่เรื่องไม่ดี..คิดดีดีไม่ได้...การงานก็พลอยไม่ก้าวหน้า...การเงินก็พลอยลำบาก...หากร้ายแรงก็อาจกลายเป็นฆาตกรติดคุกติดตาราง...

ส่วนคนที่เราไปแช่งเขา...เขาไปไหนแล้วก็ไม่รู้...สุขทุกข์ก็ขึ้นอยู่กับกรรมของเขา...แต่หากมาเจอเรา..เขาอาจจะทุกข์เพราะเราไม่ชอบขี้หน้าเขาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว...

ถ้าเป็นคนฉลาด....ก็ต้องฉลาดตั้งโปรแกรมดีดี..เยอะๆเข้าใว้

ส่วนคนไม่รู้..ก็มักตั้งโปรแกรมแย่ๆ...ให้กับตัวเอง....ประจำ...อันนี้เป็นทุกข์โดยไม่จำเป็นเลย..การมีร่างกายมันก็ทุกข์ตามฐานะที่มีร่างกายอยู่แล้ว...ยังไปเพิ่มให้ตนเข้าไปอีก...จะเรียกอะไรดีละ

grin grin grin

ยามใดที่นึกขึ้นได้..ก็ยกเลิกโปรแกรมแย่ๆ..นี้ซะนะครับผม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ธ.ค. 2014, 13:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


pang99 เขียน:
ถ้าเกิดเราเคยเเช่งใครไว้แต่ต่อมาไม่ได้อยากให้เค้าเป็นเเบบนั้นแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ถอนอย่างนี้จะเป็นการสร้างกรรมไปตลอดจนกว่าจะได้ถอนเลยหรอค้ะ

อะไรที่มันคาใจ ก็ไปจัดการให้เสร็จเรียบร้อย
ด้วยความเมตตา ความให้อภัย
ไม่อย่างนั้นมันก็คาใจอยู่อย่างนั้นล่ะครับ
เมื่อคาใจ ก็ไม่ได้ถอน เข้าใจนะครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ม.ค. 2015, 08:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มิ.ย. 2011, 10:18
โพสต์: 590

โฮมเพจ: www.bhuddhakhun.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


pang99 เขียน:
ถ้าเกิดเราเคยเเช่งใครไว้แต่ต่อมาไม่ได้อยากให้เค้าเป็นเเบบนั้นแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ถอนอย่างนี้จะเป็นการสร้างกรรมไปตลอดจนกว่าจะได้ถอนเลยหรอค้ะ


pang99 เขียน:
แล้วถ้าเกิดเเช่งไว้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ล่ะค้ะ


นี่ไม่ใช่หลักในทางพระพุทธศาสนาครับเพราะไม่ตั้งอยู่บนพื้นฐานตามความเป็นจริง

ศาสนาพุทธสอนให้เรามีสติ อยู่กับปัจจุบัน ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน

ไม่มีใครทำร้ายเราได้ ไม่มีใครแช่งเราแล้วเกิดผล นอกจากตัวเรา
ทำตัวเราเอง กรรมของใครก็ของคนนั้น ไม่มีใครเพิ่มหรือลดกรรม
ของเราได้นอกจากเราจะเพิ่มหรือลดด้วยตัวเราเอง ใครก็เอากรรม
มาเพิ่มให้เราไม่ได้ เราก็เอากรรมไปเพิ่มให้ใครไม่ได้เช่นกัน ต่อให้
แช่งจนปากฉีก พระท่านก็ไม่ยุ่ง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านก็ไม่สน คำแช่ง
เป็นทางแห่งบาปอกุศล สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านเดินทางบุญท่านจะรับรู้หรือ
รับเอาแต่ทางที่เป็นบุญเป็นกุศล เราเองยังไม่อยากจะทำร้ายคนดี
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านก็จะไม่มาเป็นเครื่องมือของเราในการที่จะรับคำแช่ง
ของเราเพื่อไปทำร้ายคนดี แม้กระทั่งทำร้ายคนบาปท่านก็ไม่ทำ นอก
จากว่าคนบาปเขาจะรับกรรมที่เขาก่อไว้เองเท่านั้น เขาจะรับบุญหรือ
รับกรรมก็ด้วยการกระทำของเขาเองไม่ได้เป็นเพราะคำสาปแช่งของเรา

เรื่องของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็เช่นกัน หากเราเชื่อตามหลักศาสนาพุทธแล้ว
สิ่งศักสิทธิ์ท่านจะไม่มายุ่งกับเรา ไม่มาคอยทำร้ายหรือรบกวนเราแต่
หากให้ท่านเป็นพยานบุญพยานบาปอันนี้ท่านยุ่งได้ไม่ผิดกฏ เพราะ
บอกแล้วว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ท่านเป็นที่พึ่งให้เราไม่ได้ ดลบันดาล
ให้เราเป็นไปอย่างใดอย่านึงไม่ได้เพราะผิดกฏแห่งกรรมที่ทุกคนจะ
ต้องเสวยผลบุญผลกรรมของตนเอง หากท่านมาเสวยด้วยนี่จะเป็นการ
เอาเปรียบมนุษย์

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราคิดว่าจะมาช่วยดลบัลดาลตามใจเราขอให้ไปทำร้าย
คนนั้นทำร้ายคนนี้ ดลบันดาลให้คนนั้นคนนี้ดีหรือเลว แบบนี้ไม่ได้เรียก
ว่าศักดิ์สิทธิ์แต่เรียกว่าเฮี้ยน เป็นพวกสัมภเวสีที่ยังดำเนินอยู่ในทางบาป
ต้องคอยเร่ร่อนขอส่วนบุญ พวกนี้มักจะไม่ทำร้ายเราเช่นกัน เพราะเขาต้อง
การความช่วยเหลือ ต้องชดใช้บาป หากสร้างบาบโดยการไปทำร้ายใครอีก
แบบนี้นรกนิรันดร ไม่ได้ผุดได้เกิดแน่นอน แต่หากเราทำดี พวกนี้ไม่สามารถ
ทำร้ายเราได้นะครับ สิ่งที่ทำร้ายเราได้คือผลกรรมของเราเท่านั้น ทำดีได้ดี
ทำไม่ดีก็ได้ไม่ดีด้วยตัวเราเอง ใครจะมาเพิ่มกรรมหรือลดเวรของเราไม่ได้
นอกจากตัวเราทำเอง ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ทำยังไงได้อย่างนั้น สิ่งศักดิ์สิทธิ์
ไม่มีเอี่ยวนะครับ

.....................................................
รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ม.ค. 2015, 15:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2008, 09:20
โพสต์: 349


 ข้อมูลส่วนตัว


คราวหน้าพยายามอย่าไปแช่งใครอีกนะคะ แม้จะโกรธอาฆาตมากเพียงใด หากเคยแช่งต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็ให้ตั้งเจตนาใหม่ขอถอนคำแช่งนั้นเสียต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์คะ จะได้ไม่มีความขุ่นมัวอะไรที่ค้างคาใจ :b1:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร