ขาดสติเมื่อไหร่มันเข้ามาทันที ยิ่งปฏิบัติ ยิ่งดูมันดูเหมือน กิเลสยิ่งเยอะ เผลอทีไร อุปาทาน มันเข้ามายึดทุกที นี่ ตัวเรา ของเรา เราชอบ เรารัก เฮ้อ...

มีสติกำหนดรู้ยิ่งมากเท่าไหร่ ก็จะเห็นว่ากิเลสยิ่งมากขึ้น
เมื่อขาดสติเมื่อไหร่จะไม่เห็นกิเลสเลย

เมื่อมีปัญญามากเท่าไหร่ก็จะเห็นตัวโง่มากเท่านั้น
อย่างที่มีคนพูดว่ายิ่งเรียนยิ่งโง่....คำพูดอันนี้ยังใช้ได้เสมอ
เมื่อไม่เรียนก็จะไม่เห็นตัวโง่เลย

โปรแกรมอวิชชา...ขับดันให้ขันธ์ 5 ทำงาน

โปรแกรม "อวิชชา" ไปติดตั้งที่ตรงไหน?

โปรแกรม....เป็นคำเปรียบ...ของผม...ใช้สมมุต..ให้นามธรรม..เป็นสมมุติเป็นรูปธรรมให้พอจับต้องได้ด้วยสมมุติ
เฉยๆ

แต่หากจะเอาจริงๆว่าติดตั้ง..ที่ไหน..

ก็ลองค่อยๆ.สาวลงไป...
ผมยังเป้นผู้ค้นคว้าอยู่....ยังไม่เห็นใจ...ถ้าผมเห็นใจเมื่อไร...จะบอกครับ

ถ้าบังคับให้ตามใจเราได้ ก็ดีสิครับ

ครับท่านลุงหมาน ยิ่งกำหนดสติ รู้เท่าไหร่ ดูเหมือนในตัวเรามี เราเห็น กิเลส มันเยอะแยะไปหมด ขออนุโมทนา ครับ

คุณเปลี่ยนชื่อใหม่ เขียน




เราคิดว่าบังคับให้ตามใจเราได้นะ พอเรารู้ว่าจิตมันเผลอ
เราก็นึก ตัวความอยากทั้งหลายมันเข้ามาละ ปรุงแต่งมา
มโนเกิด พอสติรู้แล้ว สิ่งต่างที่มันเข้ามา มันจะดับไปได้เอง
เหมือนกับที่เค้าบอกว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง มีเกิดและมีดับ

แต่ก่อนเคยคิดนะว่า เราจะทำยังงัย
ให้ตัวอวิชชาทั้งหลายที่เข้ามา จะทำยังงัยให้มันดับไปได้

แต่พอตอนนี้ไม่ต้องฝืนไม่ต้องเกร็งหรือบังคับอะไร
เอาแค่สติเรารู้ทุกสิ่งทุกอย่าง
มันดับไปเองค่ะ


สิ่งนี้พี่เต้เพิ่งจะรู้วันนี้นี่เอง
จิตเกือบจะเผลอ ไปรับกิเลสของคนอื่น พอปรุงแต่งมา
มโนเกิดทำงัยดีล่ะ ไหลตามน้ำค่ะ
ไม่บังคับ สติเกิด ทุกสิ่งทุกอย่างดับไปได้เอง
ทุกสิ่งทุกอย่าง เหลือแต่ความว่างเปล่าเท่านั้นเองค่ะ

เพราะฉนั้นพี่เต้คิดว่า

ถ้าบังคับให้ตามใจเราได้ ก็ดีสิครับ

สามารถทำตามใจเราได้ค่ะ

ขออนุโมทนาด้วยที่ได้เห็นบางสิ่งเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป

เอาความเห็นหรือความรู้สึกว่าเป็นเราเป็นกูที่ตอบโต้อยู่ภายในออกทิ้งเสียให้ได้ ก็หมดเรื่องหมดราวกันนะครับ