วันเวลาปัจจุบัน 18 เม.ย. 2024, 15:28  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ย. 2014, 05:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


สติเป็นแม่บทของกรรมฐาน

การทำสมาธิ คือ การเจริญสติปัฏฐานก่อน พิจารณากาย เวทนา จิต ธรรม ในรูปแบบวิปัสสนา ใจก็ไม่ฟุ้งซ่าน


สติตามดูจิตในรูปแบบสมถะ สติมาก่อน แล้วจิตก็สงบ จะฝึกสติเพ่งจิต หรือสติเพ่ง ลมหายใจ (ใจก็สงบ เพราะมีสติ)

สติจึงเป็นแม่บทของกรรมฐาน การทำสมาธิที่ถูกต้อง ถ้าใช้สตินำ สติจะคอยดูจิต ทั้งสมถะและวิปัสสนา หยุดฟุ้งซ่านได้ทันที เพราะฝึกสติกับจิตนั้นคู่กัน

การฝึกที่เสียเวลา คนส่วนใหญ่ จะฝึกจิตให้สงบอย่างเดียว ในรูปแบบสมถะ จิตเลยตามดูอารมณ์ตัวเอง และความฟุ้งซ่านไม่ทัน

การฝึกสติคู่กับจิตในรูปแบบสมถะ สติกับจิตก็รู้อารมณ์ตัวเอง และนิมิตตัวเอง และหยุดฟุ้งซ่านได้ทัน

การฝึกในรูปแบบวิปัสสนา สติก็ต้องดูจิต ไม่ให้ฟุ้งซ่านและพิจารณาธรรมะก็เกิดปัญญา (จะปล่อยให้มันดับไปเอง หรือฝืนมันนานไป เรียกว่า จิตไวกว่าสติ) การเจริญสมาธิ ควรใช้สตินำจิต แล้วก็จะหยุดฟุ้งซ่าน

สรุป ไม่ว่าจะฝึกสมถะหรือวิปัสสนา ก็ต้องใช้สตินำจิตทั้งนั้น จึงจะหยุดฟุ้งซ่านได้ คนส่วนใหญ่มักจะใช้จิตนำสติ ปล่อยตามใจตัวเอง แล้วอย่างนี้เมื่อไร จิตจึงสงบนิ่งเป็นสมาธิและหยุดฟุ้งซ่านได้

กรรมฐานในครั้งพระพุทธกาล พระพุทธองค์ก็ดี พระอรหันต์ก็ดี มักสอนให้คนเราเจริญสติก่อน และใช้สติไปคู่กับสมาธิทั้งสมถะและวิปัสสนา คนจึงจะสำเร็จได้เร็วใน สมัยปัจจุบันสายพระอริยสงฆ์มีมาก (แต่เราต้องศึกษาจากครูบาอาจารย์ และคำสอนที่ท่านสำเร็จแล้วมาพิจารณา) ยกตัวอย่างเช่น สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เป็นต้น ท่านก็ให้เจริญสติก่อน ถ้าเราอยากสำเร็จ หรือมีจิตสงบเร็ว ต้องศึกษาจากครูอาจารย์ หรือประวัติพระอริยบุคคลในครั้ง พระพุทธกาล แล้วนำมาปฏิบัติธรรมแต่ไม่ได้หมายความว่า ครูบาอาจารย์ท่านอื่น จะกล่าว ไม่ถูกต้อง ถูกเหมือนกัน แล้วแต่จริตของคน จะรอดูจิต มันก็นานไป เสียเวลา กว่าจิตจะสงบ (จะบังคับจิตให้ได้ ก็เกรงไป เร่งนิมิต)


ความรักเป็นเรื่องร้าย มิใช่เรื่องดี พระศาสดาตรัสว่า
ความรักเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ เศร้าโศกและทรมานใจการที่จะให้มีรักแล้วมิให้ทุกข์ติดตามนั้น เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย ความรักก็เหมือนกับการจับไฟนั่นแหละ
ทางที่จะไม่ให้มือพองเพราะไฟเผา มีอยู่ทางเดียว คือ อย่าจับไฟ อย่าเล่นกับไฟทางที่จะปลอดภัยจากรักก็ฉันนั้น มีอยู่ทางเดียวคือ อย่ารัก...

หลวงปู่จันทร์ศรี จันททีโป
การปฎิบัติธรรมที่ดีคือ การปฎิบัติ
ตัวเหมือนนักเดินทางคือ เข้าใจแผ่นที่
ดี มีทุนพร้อมทางเดินชีวิตในโลกหน้า
ไม่ต่างกับการเดินทางในโลกนี้
เราต้องอ่านแผนที่เป็นและ มี เสบียง คือ บุ ญ พ ร้ อ ม
ส ติ มีมากเท่าไรยิ่งดีมีแต่คุณไม่
มีโทษ ศรัทธามากเกินไป ขาดปัญญา
กลายเป็นคนงมงาย
ปัญญา มากเกินไปขาดศรัทธา
กลายเป็น ทิฐิมานะ

สมาธิมากเกินไปขาดปัญญา
กลายเป็น โมหะ (หลง )
ปัญญามากเกินไปขาดสมาธิ
กลายเป็น ฟุ้งซ่าน




คติธรรม
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จ พระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก

* ปัญญาทีจะต้องนำมาใช้ในชีวิต
ประจำวัน คือ ปัญญาที่สามารถช่วย
ตนได้ ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงแก่ชีวิ
ต ถ้าช่วยตนไม่ได้ก็จะเข้าลักษณะว่า
ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด


ฉะนั้น ปัญญาสำหรับการดำเนิน
ชีวิต จึงต้องเป็นปัญญาประยุกต์ คือ

ใช้ได้พอเหมาะแก่ตนเองและ
สิ่งแวดล้อมทั้งหลาย



สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่๑๙

‪#‎ทั้งคนและสัตว์ต่างถูกอำนาจกรรมทำให้เป็นไป‬

คนก็ตาม,สัตว์ก็ตาม,เกิดด้วยอำนาจของกรรม,กรรมนำให้เป็นคนและกรรมนำให้เป็นสัตว์.


เชื่อไว้ก่อนย่อมมีโอกาสที่จะพ้นจากความเป็นสัตว์;เพราะเมื่อเชื่อว่ากรรมมีอำนาจถึงเพียงนั้น,ก็ย่อมขวนขวายทำกรรมที่จะไม่นำให้ต้องไปเป็นสัตว์,ไม่มีใครที่ไม่กลัวความเป็นสัตว์และย่อมมีโอกาสที่จะได้เกิดเป็นสัตว์แน่ในภพภูมิข้างหน้า,แม้บังเอิญไปทำกรรมที่จะทำให้เกิดผลเช่นนั้นโดยจะรู้หรือไม่รู้,เชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม,พลาดพลั้งไปทำกรรมผิดเข้า,ก็ไม่อาจปฏิเสธผลของกรรมได้เลย.¤




สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่๑๙

‪#‎กรรมให้ผลตรงตามเหตุแห่งการกระทำ‬

กรรมอันน่าเชื่อถือนักในการให้ผลตรงตามเหตุ;ไม่มีอคติด้วยอำนาจใดเลย.


แม้เกิดอยู่ในฐานะที่สุขสบาย;ก็มิใช่ว่าไม่จำเป็นต้องนึกถึงกรรม,มิใช่ว่าไม่จำเป็นต้องเชื่อกรรม,สุขสบายเพียงไร,ก็จำเป็นต้องนึกถึงกรรม.

ถ้าไม่ได้ทำกรรมดีอันควรแก่เหตุแล้ว;จะอยู่ในฐานะสุขสบายได้อย่างไร,ใครอื่นอีกมากมายได้อยู่ในฐานะเช่นนั้น,อดอยากยากไร้เข็ญใจกันนักหนา,ทำไมเป็นได้เช่นนั้น,มีอะไรเป็นเครื่องทำให้เป็นไป.

แม้ไม่ได้ตั้งข้อคิดในเรื่องเช่นนี้เสียเลย;ย่อมไม่อาจอบรมปัญญาให้เห็นถูกในเรื่องกรรมและการให้ผลของกรรมได้,ทั้งๆที่เป็นเรื่องสำคัญแก่ทุกชีวิตที่ปรารถนาความสวัสดี.¤


ขุมทรัพย์จากพระโอษฐ์‬
พุทธทาสภิกขุ
‪#‎ว่าด้วยการทุศีล‬:‪#‎ผ้าเปลือกปอ‬

ภิกษุ ท.!ภิกษุที่ทุศีล,มีความเป็นอยู่เลวทราม,ก็ฉันนั้นเหมือนกัน:แม้เพิ่งบวชใหม่,เราก็กล่าวว่า,มีผิวพรรณไม่งาม,เหมือนผ้าเปลือกปอที่,มีสีไม่งาม,นั้นนั่นแหละ.เรากล่าวภิกษุนี้ว่า,มีผ้าเปลือกปอเป็นคู่เปรียบ.อนึ่ง;ชนเหล่าใดคบหา,สมาคม,เข้าใกล้,ทำตามเยี่ยงอย่างของภิกษุนี้,ข้อนั้น;จะเป็นทางให้เกิดสิ่งอันไม่เป็นประโยชน์,เป็นทุกข์แก่ชนเหล่านั้นเอง,ตลอดกาลนาน;เราจึงกล่าวภิกษุรนั้นว่า,ใครใกล้ชิดเข้าก็เจ็บเนื้อ,เหมือนผ้าเปลือกปอ,นุ่งห่มเข้าก็เจ็บเนื้อ,ฉะนั้น.เรากล่าวภิกษุนี้,ว่ามีเปลือกปอเป็นคู่เปรียบ.อนึ่ง;ภิกษุนั้น,รับจีวร,บิณฑบาต,เสนาสนะและคิลานปัจจัยเภสัชบริกขาร,ของชนเหล่าใด,ทานนั้นย่อมไม่มีผลใหญ่,ไม่มีอานิสงส์ใหญ่แก่ชนเหล่านั้น.เรากล่าวภิกษุนั้นว่า,มีค่าน้อยเหมือนผ้าเปลือกปอ,มีราคาถูก,ฉะนั้น.เรากล่าวภิกษุนั้นว่า,มีผ้าเปลือกปอเป็นคู่เปรียบ.¤
......
บาลี,พระพุทธภาษิต,ติก.อํ๒๐/๓๑๗/๕๓๙,ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลาย




สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ ๑๙

‪#‎โรคทางใจมีอยู่ทุกตัวคน‬,‪#‎หนักเบาต่างกันที่อำนาจของกรรมที่ตนกระทำ‬

คนที่น่าสงสารในโลกนี้มีมากมายนัก;ทั้งน่าสงสารทางกายและน่าสงสารทางใจ.เราเองทุกคนก็เป็นโรคน่าสงสารเช่นที่กล่าว,แต่เมื่อไม่ใช่โรคทางกาย,ก็ไม่เห็นกันไม่รู้กันว่า,ตนเป็นคนหนึ่งในจำนวนมหาศาลที่น่าสงสารและน่าสงสารยิ่งกว่าเป็นโรคทางกาย.


โรคน่าสงสารทางใจตัวเอง;ต้องรู้ด้วยตัวของตัวเอง,ต้องยอมรับด้วยตัวของตัวเอง,จึงจะแก้ไขได้,ไม่เช่นนั่นแล้วก็ไม่มีทางจะรักษาโรคทางใจได้เลย.แม้พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าจะเป็นโอสถรักษาโรคทางใจของผู้ที่ไม่ยอมรับรู้ว่าใจของตนมีโรค,นั้นก็คือผู้ไม่ยอมรับการรักษา,ไม่ยอมรับโอสถของพระพุทธเจ้า,เขาย่อมเป็นคนน่าสงสารตลอดไป.

พบคนเช่นนี้พึงย้อนดูตนเอง:คงจะต้องพบโรคทางใจด้วยกัน.เพียงแต่ว่าจะมามากน้อยเบากว่ากันเพียงไร,ตามอำนาจของกรรมที่ได้กระทำมาแล้วนั้นเอง.¤




สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ ๑๙

‪#‎อำนาจของกรรมยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก‬

อำนาจของกรรมใหญ่ยิ่งที่สุดในโลก;ไม่มีอำนาจใดทำลายล้างได้,แม้อำนาจของกรรมดีก็ไม่อาจทำลายอำนาจของกรรมชั่วและอำนาจของกรรมชั่วก็ไม่อาจทำลายอำนาจของกรรมดี.อย่างมากที่สุดที่มีอยู่คืออำนาจของกรรมดีแม้ให้มาก,ให้สม่ำเสมอในภพภูมินี้,ก็อาจทำให้อำนาจของกรรมชั่วที่ได้ทำมาแล้วตามมาถึงได้ยาก,ดังมีเครื่องขวางกั้นไว้.


หรือไม่เช่นนั้น;ก็ดังที่ท่านเปรียบว่าเหมือนวิ่งหนีผู้ร้ายที่วิ่งไล่ตามมา,ถ้ามีกำลังแข็งแรง,วิ่งเร็วกว่าผู้ร้าย,ก็ย่อมยากที่ผู้ร้ายจะไล่ทัน,ความแข็งแรงของผู้วิ่งหนีกรรมชั่ว,ก็หาใช่เรื่องอื่นคือความเข้มแข็งสม่ำเสมอของการทำกรรมดีนั่นเอง.¤



เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย

ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 38 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร