วันเวลาปัจจุบัน 27 ก.ค. 2025, 15:57  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 30 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2014, 22:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ย. 2006, 09:43
โพสต์: 180

ที่อยู่: กทม

 ข้อมูลส่วนตัว


ตามกระทู้นั่นเลยครับ
ฆ่าสัตว์โดนไม่เจตนาบาปหรือเปล่า? เช่น หมานอนอยู่ใต้ท้อง เราไม่รู้ เราขึ้นรถstartเครื่อง ขับรถออกไป ทับตายเลย
และก็เข้าใจนะครับว่าไม่ผิดศิลเพราะไม่เจตนา แต่อยากทราบว่าบาปไหม?
ตัวคนขับอาจต้องชดใช้กรรมนี้ในภายหลังก็เป็นได้ใช่ไหม? ตามกฏแห่งกรรม เช่น ยืนรอรถเมล์ อยู่ดีๆรถเมล์ก็วิ่งมาทับเราซะงั้น ตายเลย

.....................................................
โคตมะพุทธ ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ ผู้รู้แจ้งโลก อัจฉริยมนุษย์ ยอดครูของครูทั้งหลาย
ศาสดาของเทวดาและมนุษย์ ผู้ก่อตั้ง ผู้ค้นพบ คำสอนถูกบรรจุอยู่ในพระไตรปิฏก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2014, 22:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลองอ่านเรื่องจักขุลบาลดูครับ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=48049

เธอก็ไม่เห็นสัตว์มีชีวิตเหล่านั้น ฉันนั้น. ภิกษุทั้งหลาย ขึ้นชื่อว่าเจตนาเป็นเหตุ
ให้ตาย มิได้มี....

ไม่บาปครับ ไม่ได้ผูกเวร
ที่ตาย เพราะวิบากของสัตว์นั้นให้ผลเองครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2014, 23:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ย. 2006, 09:43
โพสต์: 180

ที่อยู่: กทม

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
ลองอ่านเรื่องจักขุลบาลดูครับ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=48049

เธอก็ไม่เห็นสัตว์มีชีวิตเหล่านั้น ฉันนั้น. ภิกษุทั้งหลาย ขึ้นชื่อว่าเจตนาเป็นเหตุ
ให้ตาย มิได้มี....

ไม่บาปครับ ไม่ได้ผูกเวร
ที่ตาย เพราะวิบากของสัตว์นั้นให้ผลเองครับ

ถ้าตามนี้ผมก็เข้าใจว่า ก็ไม่มีเจตนา ก็เห็นด้วย
และพระพุทธเจ้าก็ย้ำว่า "ภิกษุทั้งหลาย ขึ้นชื่อว่าเจตนาเป็นเหตุ ให้ตาย ของพระขีณาสพทั้งหลาย (คือบุคคลผู้มีอาสวะสิ้นแล้ว) มิได้มี"
ก็เข้าใจว่าพระองค์ต้องการย้ำว่าเป็นพระอรหันต์แล้วเจตนาในการฆ่าย่อมไม่มี ก็ถูกแล้ว

แต่บาปหรือเปล่าไม่ได้บอกในนี้ (เพราะท่านเป็นพระอรหันต์อยู่หนือบุญ/บาปแล้ว)
แต่เราปุถุชน ก็ควรที่จะต้องกลัวบาปกันอยู่

.....................................................
โคตมะพุทธ ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ ผู้รู้แจ้งโลก อัจฉริยมนุษย์ ยอดครูของครูทั้งหลาย
ศาสดาของเทวดาและมนุษย์ ผู้ก่อตั้ง ผู้ค้นพบ คำสอนถูกบรรจุอยู่ในพระไตรปิฏก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2014, 23:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กลัวบาป ดีแล้วครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2014, 23:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ย. 2006, 09:43
โพสต์: 180

ที่อยู่: กทม

 ข้อมูลส่วนตัว


แล้วเคยได้ยินนี้กันหรือเปล่า อ่านเจอมา
๑. ครุกรรม กรรมแรงมากและมีพลังสูง
๒. อาสันนกรรม กรรมที่กระทำในขณะใกล้ความตาย
๓. อาจิณณกรรม กรรมที่กระทำอยู่เสอมเป็นประจำ
๔. กฏัตตากรรม กรรมที่สักว่ากระทำ
เข้าใจว่าข้อที่4 นี่หล่ะ กรรมเกิดจากการกระทำที่ไม่เจตนา ซึ่งก็เป็นกรรม และจะให้ผลหลังสุด

.....................................................
โคตมะพุทธ ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ ผู้รู้แจ้งโลก อัจฉริยมนุษย์ ยอดครูของครูทั้งหลาย
ศาสดาของเทวดาและมนุษย์ ผู้ก่อตั้ง ผู้ค้นพบ คำสอนถูกบรรจุอยู่ในพระไตรปิฏก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2014, 23:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


wakeup เขียน:
แล้วเคยได้ยินนี้กันหรือเปล่า อ่านเจอมา
๑. ครุกรรม กรรมแรงมากและมีพลังสูง
๒. อาสันนกรรม กรรมที่กระทำในขณะใกล้ความตาย
๓. อาจิณณกรรม กรรมที่กระทำอยู่เสอมเป็นประจำ
๔. กฏัตตากรรม กรรมที่สักว่ากระทำ
เข้าใจว่าข้อที่4 นี่หล่ะ กรรมเกิดจากการกระทำที่ไม่เจตนา ซึ่งก็เป็นกรรม และจะให้ผลหลังสุด

กรณี สุนัขนอนใต้ท้องรถ ไม่เห็น ออกรถเหยียบสุนัขตาย ไม่เข้าข้อ 4 ครับ
แต่ถ้าสุนัข วิ่งตัดหน้ารถ แล้วเบรคไม่อยู่เหยียบหมาตาย อย่างนี้ ข้อ 4 ครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ค. 2014, 17:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ย. 2006, 09:43
โพสต์: 180

ที่อยู่: กทม

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมเข้าใจคุณเช่นนั้นอย่างนี้ถูกเปล่า?
ขับรถชนหมาตายโดยไม่เจตนา เพราะหมาวิ่งตัดหน้า เป็นบาป
ขับรถเหยียบหมาตายโดยไม่เจตนา เพราะหมามาแอบนอนอยู่ใด้ท้องรถ ไม่เป็นบาป

ประเด็นผมจะอยู่ที่การต้องชดใช้กรรม ต้องชดใช้กรรมหรือเปล่าสองแบบข้างบนนี้ ไม่ทราบคุณเช่นนั้นทราบไหม?
ผมกำลังนึกถึงเหตุการณ์เช่น ยืนรอรถเมล์ อยู่ดีๆรถเมล์ก็วิ่งมาทับเราซะงั้น ตายเลย
มันเป็นเพราะเราไปเคยทำใครตายโดยไม่เจตนาเหมือนกันหรือเปล่า?

ผมมีความเข้าใจว่า ก็ใช่นะ คงไปทำให้ใครตายโดยไม่เจตนาในชาติไหนสักชาติ ชาตินี้ก็เลยโดนกลับคืน
แต่มันเป็นกรรมที่ขาดเจตนาก็เลยส่งผลหลังสุดเมื่อเทียบกับอีก3กรรม ที่กล่าวไว้ข้างบนนั้น

.....................................................
โคตมะพุทธ ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ ผู้รู้แจ้งโลก อัจฉริยมนุษย์ ยอดครูของครูทั้งหลาย
ศาสดาของเทวดาและมนุษย์ ผู้ก่อตั้ง ผู้ค้นพบ คำสอนถูกบรรจุอยู่ในพระไตรปิฏก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ค. 2014, 20:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มิ.ย. 2011, 10:18
โพสต์: 590

โฮมเพจ: www.bhuddhakhun.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


wakeup เขียน:
ตามกระทู้นั่นเลยครับ
ฆ่าสัตว์โดนไม่เจตนาบาปหรือเปล่า? เช่น หมานอนอยู่ใต้ท้อง เราไม่รู้ เราขึ้นรถstartเครื่อง ขับรถออกไป ทับตายเลย
และก็เข้าใจนะครับว่าไม่ผิดศิลเพราะไม่เจตนา แต่อยากทราบว่าบาปไหม?
ตัวคนขับอาจต้องชดใช้กรรมนี้ในภายหลังก็เป็นได้ใช่ไหม? ตามกฏแห่งกรรม เช่น ยืนรอรถเมล์ อยู่ดีๆรถเมล์ก็วิ่งมาทับเราซะงั้น ตายเลย


ให้ข้อคิดแบบง่ายๆนะครับ

ถ้าคุณเป็นหมาตัวที่โดนเหยียบตายตัวนั้น แล้วคุณจะรู้สึกโกรธ รู้สึกแค้นหรือเปล่า
นอนอยู่ดีๆมีคนถอยรถมาทับตาย บาปหรือไม่แต่นี่คือก่อกรรมแล้วครับ

พูดถึงเรื่องเวรกรรม

คุณเคยนั่งอยู่ดีๆแล้วมีคนมาทำร้ายหรือเปล่า ทั้งๆที่เรากับเขาก็ไม่รู้จักกัน ไม่รู้ว่ามา
ทำร้ายเราทำไม เคยได้ยินข่าวประเภทถูกลอบทำร้ายผิดตัวหรือเปล่าครับ เดินกลับ
บ้านอยู่ดีๆ มีคนดักตีกลางทาง มารู้อีกที ที่ตีไปน่ะผิดตัว นี่คือการสนองของกรรม
ที่เราอาจทำไว้โดยไม่เจตนาครับ

ทำยังไงถึงจะแก้กรรมนี้ได้ล่ะ

สมมติว่าคุณเป็นคนที่ไม่ค่อยระมัดระวัง วันนึงไม่รู้ไปทำอีท่าไหนให้ไฟไหม้บ้านคนอื่น
เขาโกรธแค้นคุณมากๆ ด้วยความสำนึกผิดอย่างจริงใจ คุณก็ไปขอขมาเจ้าของบ้านพร้อม
ทั้งยอมชดใช้ค่าเสียหาย และช่วยเหลือเขาในส่วนที่เขาต้องการ อุดหนุนจุนเจือในสิ่ง
ที่เขาขาดหายจนกว่าเขาจะกลับมาฟื้นตัวได้ ทุกสิ่งทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม แม้จะ
ไม่ทั้งหมด แต่ด้วยความที่เขาเห็นความดีของคุณที่อย่างน้อยก็รับผิดชอบและไม่ทอด
ทิ้งเขาคุณว่าเขาจะให้อภัยมั้ย เขาจะอโหสิมั้ย ถ้าเป็นคุณจะอโหสิมั้ยหากทำให้ขนาดนี้

หมาตัวนั้นก็เหมือนกัน ก็คุณไม่ได้ตั้งใจทำร้ายเขา แต่มันทำไปแล้ว คุณไม่ได้ตั้งใจ
คุณทำบุญให้เขาบ่อยๆ นึกถึงเขา กล่าวคำขอขมาขอให้เขาอโหสิให้ทุกๆครั้งที่ทำบุญ
ด้วยความสำนึกผิดอย่างจริงใจ ทำแบบนี้ไปบ่อยๆ คุณว่าเขาจะอโหสิมั้ย แล้วถ้า
เป็นคุณจะอโหสิมั้ย

ฝากให้ลองกลับไปคิดเล่นๆนะครับ

.....................................................
รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ค. 2014, 22:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


wakeup เขียน:
ประเด็นผมจะอยู่ที่การต้องชดใช้กรรม ต้องชดใช้กรรมหรือเปล่าสองแบบข้างบนนี้ ไม่ทราบคุณเช่นนั้นทราบไหม?


เรื่องกรรม และการให้ผลของกรรม
ไม่ทราบครับ เป็นอจินไตยครับ

ทราบแต่ ว่าบาป หรือไม่บาป ก็พอแล้วครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ค. 2014, 22:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ย. 2006, 09:43
โพสต์: 180

ที่อยู่: กทม

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมก็เข้าใจคล้ายๆคุณพุทธคุณนะครับ
แต่ดูเหมือนหลายท่านจะเข้าใจว่า บาปไม่บาปดูที่เจตนาตัวเดียว แบบว่าอ้างว่าไม่บาปเพราะ ไม่เจตนา ไม่รู้ ก็ไม่บาป
ผมก็ว่าเขาเหล่านั้นเข้าใจผิดนะ
(แต่อาจเป็นเพราะความสับสนของการใช้คำว่า "บาป" "วิบาก" "กรรม" ด้วยมั๊ง!)

แต่ประเด็นที่ผมให้ความสนใจอยู่ที่ว่า แล้วมันต้องชดใช้สิ่งที่ทำไปนั้นหรือเปล่า???
คือถ้าทำ(กรรม)ไปโดยไม่เจตนา ก็ไม่ต้องรับผลของการกระทำ(กรรม)นั้นหรือไง?
ซึ่งผมว่าได้รับผลนะ เหมือนกับที่คุณพุทธคุณยกตัวอย่างมา

.....................................................
โคตมะพุทธ ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ ผู้รู้แจ้งโลก อัจฉริยมนุษย์ ยอดครูของครูทั้งหลาย
ศาสดาของเทวดาและมนุษย์ ผู้ก่อตั้ง ผู้ค้นพบ คำสอนถูกบรรจุอยู่ในพระไตรปิฏก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ค. 2014, 23:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


wakeup เขียน:
ผมก็เข้าใจคล้ายๆคุณพุทธคุณนะครับ
แต่ดูเหมือนหลายท่านจะเข้าใจว่า บาปไม่บาปดูที่เจตนาตัวเดียว แบบว่าอ้างว่าไม่บาปเพราะ ไม่เจตนา ไม่รู้ ก็ไม่บาป
ผมก็ว่าเขาเหล่านั้นเข้าใจผิดนะ
(แต่อาจเป็นเพราะความสับสนของการใช้คำว่า "บาป" "วิบาก" "กรรม" ด้วยมั๊ง!)

แต่ประเด็นที่ผมให้ความสนใจอยู่ที่ว่า แล้วมันต้องชดใช้สิ่งที่ทำไปนั้นหรือเปล่า???
คือถ้าทำ(กรรม)ไปโดยไม่เจตนา ก็ไม่ต้องรับผลของการกระทำ(กรรม)นั้นหรือไง?
ซึ่งผมว่าได้รับผลนะ เหมือนกับที่คุณพุทธคุณยกตัวอย่างมา


บาป หรือไม่บาป ให้ดูที่เจตนา ตัวเดียวถูกต้อง

ส่วนเรื่อง กรรม และการให้ผลของกรรม อีกเรื่องหนึ่ง
เพราะ กรรม และวิบาก ของสัตว์ทั้งหลายมีเนื่องกันมานานต่อกันมากจนปุถุชนอย่างเราๆ ท่านๆ ไม่อาจรู้ถึงที่สุดได้ แม้พระอรหันตเจ้าก็ไม่รู้ถึงที่สุดได้ นอกจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์เท่านั้นที่ทราบ

การรู้จัก กุศล อกุศล บาป บุญ จึงเป็นการเพียงพอต่อเราๆ ท่านๆ ที่จะปฏิบัติธรรมให้ถูกต้อง
การรู้น้ำหนักการให้ผลของกรรม เพื่อให้เราๆ ท่านๆ เร่งขวนขวายประกอบกุศลกรรม เพื่อให้กุศลวิบากซึ่งให้ผลหนักให้ผลก่อน อันทำให้อกุศลวิบากที่ให้ผลเบานั้นกลายเป็นอโหสิกรรมไปได้ ก็เท่านั้นเอง

การเข้าใจเรื่อง บาปจึงดูที่เจตนาตัวเดียว
คุณ wakeup สับสนเองครับ ที่เข้าใจเอาเองเกี่ยวกับ กรรม วิบาก.

หากวิบากแห่งกรรมอันเป็นบุญ ต้องให้ผลแน่นอน ก็คงไม่ต้องมีผู้ต้องกลัวเกรงต่อบาปกรรมในชาตินี้
และหากวิบากแห่งกรรมอันเป็นบาป ต้องให้ผลแน่นอน ก็คงไม่ต้องทำกรรมอันเป็นบุญ

ปัจจุบันชาติ มีหิริ โอตตัปปะ สำรวมระวังไม่ทำบาป มีเจตนาไม่ก่อเวร ก็เพียงพอแล้ว ต่อการสร้างกุศลวาสนาบารมี เพื่อให้เกิดประโยชน์สุขในปัจจุบัน และกาลต่อๆไป.

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ค. 2014, 17:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ย. 2006, 09:43
โพสต์: 180

ที่อยู่: กทม

 ข้อมูลส่วนตัว


อ่านของคุณเช่นนั้นตอบแล้วงงๆบ้าง เอาประเด็นที่ผมต้องการจะสื่อก่อนแล้วกันว่า
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ถึงแม้ว่าเราฆ่าสัตว์โดยไม่เจตนาเช่นเพราะไม่รู้ เราก็อาจจะต้องได้รับผลของกรรมที่ได้ฆ่าสัตว์นั้นไป
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ใช้"อาจจะ"ส่วนนึงก็เป็นเพราะว่า
“ภิกษุทั้งหลาย สำหรับบางคน กรรมชั่วทำไว้เพียงเล็กน้อย ก็นำเขาไปนรกได้ แต่สำหรับบางคน กรรมชั่วที่ทำไว้เล็กน้อยอย่างเดียวกันนั่นแหละ ให้ผลแค่ในปัจจุบัน ทั้งส่วนที่เล็กน้อย ก็ไม่ปรากฏด้วย ปรากฏแต่ที่มากๆ เท่านั้น”

เข้าใจเหมือนกันนะครับ?
เดี๋ยวหลายคนจะเข้าใจผิดว่า ฆ่าสัตว์ถ้าไม่เจตนาก็ไม่บาปดังนั้นก็จะไม่ได้รับผลกรรมจากการฆ่าสัตว์โดยไม่เจตนานั้น

.....................................................
โคตมะพุทธ ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ ผู้รู้แจ้งโลก อัจฉริยมนุษย์ ยอดครูของครูทั้งหลาย
ศาสดาของเทวดาและมนุษย์ ผู้ก่อตั้ง ผู้ค้นพบ คำสอนถูกบรรจุอยู่ในพระไตรปิฏก


แก้ไขล่าสุดโดย wakeup เมื่อ 29 ก.ค. 2014, 18:02, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ค. 2014, 18:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


wakeup เขียน:
อ่านแล้วงงๆบ้าง เอาประเด็นที่ผมต้องการจะสื่อก่อนแล้วกันว่า
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ถึงแม้ว่าเราฆ่าสัตว์โดยไม่เจตนาเช่นเพราะไม่รู้ เราก็อาจจะต้องได้รับผลของกรรมที่ได้ฆ่าสัตว์นั้นไป
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ใช้"อาจจะ"เพราะว่า
“ภิกษุทั้งหลาย สำหรับบางคน กรรมชั่วทำไว้เพียงเล็กน้อย ก็นำเขาไปนรกได้ แต่สำหรับบางคน กรรมชั่วที่ทำไว้เล็กน้อยอย่างเดียวกันนั่นแหละ ให้ผลแค่ในปัจจุบัน ทั้งส่วนที่เล็กน้อย ก็ไม่ปรากฏด้วย ปรากฏแต่ที่มากๆ เท่านั้น”

เข้าใจเหมือนกันนะครับ?
เดี๋ยวหลายคนจะเข้าใจผิดว่า ฆ่าสัตว์ถ้าไม่เจตนาก็ไม่บาปก็เลยไม่กลัวผลกรรมจากการฆ่าสัตว์โดยไม่เจตนากันไปหมด

อย่าทำให้คนเข้าใจผิด เกี่ยวกับ ผลกรรม และกรรม
และการผิดศีล

สัตว์ที่ถูกฆ่าโดยไม่เจตนา หรือคนที่ฆ่าโดยไม่เจตนา เราไม่มีทางทราบได้เลยว่า ไปมาอย่างไรในวิถีของกรรมที่ผูกพันกันมาหรือไม่อย่างไร.....

ส่วนที่ยกมานั้น ทำกรรมชั่วเพียงเล็กน้อย ตรงนั้นหมายถึงประกอบด้วยเจตนาแม้เพียงเล็กน้อยครับ
ส่วนที่ผลปรากฏหรือยังไม่ปรากฏ ก็เนื่องด้วยยังมีวิบากกรรมอื่นที่หนักกว่าให้ผลอยู่ครับ.

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2014, 13:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ย. 2006, 09:43
โพสต์: 180

ที่อยู่: กทม

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
อย่าทำให้คนเข้าใจผิด เกี่ยวกับ ผลกรรม และกรรม และการผิดศีล

ผมก็คิดทำนองเดียวกัน เลยพยายามทำให้ชัดเจนขึ้นตามที่postมาอยู่นี่ ก็เป็นเจตนานึง โดยเฉพาะผิดศีลกับบาป หลายคนพอเข้าใจว่าไม่ผิดศีลก็ละเลยประมาทกลายเป็นทำบาปกันโดยไม่รู้ตัว หลายคนศีลก็รักษาไม่ได้ บาปก็ทำกันมั่วไปหมดโดยเข้าใจผิด สังคมไทยถึงวุ่นวายมากอย่างทุกวันนี้ เข้าใจผิดๆ ถูกสอนมาผิดๆ
ผมก็เข้าใจว่าบางครั้งมันไม่เห็นผลชัด มันกำกวม บาปหรือไม่บาป ที่ผมอยากแนะก็อย่าประมาทกันครับ เลี่ยงได้ก็เลี่ยงถ้ามันกำกวม พระพุทธเจ้าไม่อยู่แล้ว ใครจะรู้แจ่มแจ้งดั่งเช่นท่านหล่ะ
=========================================
ปาปญฺเจ ปุริโส กยิรา.....น นํ กยิรา ปุนปฺปุนํ
น ตมฺหิ ฉนฺทํ กยิราถ..... ทุกฺโข ปาปสฺส อุจฺจโย.
“ถ้าบุรุษพึงทำบาปไซร้ ไม่ควรทำบาปนั้นบ่อย ๆ ไม่ควรทำความพอใจในบาปนั้น เพราะว่า ความสั่งสมบาปเป็นเหตุให้เกิดทุกข์.”
ธมฺมปทฏฺฐกถา ๕/๕
=========================================
เช่นนั้น เขียน:
สัตว์ที่ถูกฆ่าโดยไม่เจตนา หรือคนที่ฆ่าโดยไม่เจตนา เราไม่มีทางทราบได้เลยว่า ไปมาอย่างไรในวิถีของกรรมที่ผูกพันกันมาหรือไม่อย่างไร.....

อันนี้ผมก็จะแนะคล้ายๆที่คุณพุทธคุณpostข้างบนนั้น และจะเสริมว่าหลายๆกรณีที่ว่า "ไม่เจตนา" นั่นคือการประมาท แล้วพระพุทธสอนว่าอย่างไรเกี่ยวกับการประมาท ซึ่งถือว่าเป็นคำสอนสำคัญมากๆคำสอนนึงของพระพุทธเจ้า "อย่าประมาท" ครับ
ขับรถ120กม/ชมหรือมากกว่านั้นขณะฝนตกชนคนตายถึงแม้ไม่เจตนาก็ไม่ควรขับเร็วขนาดนั้นอยู่แล้ว และยิ่งถ้าเป็นชาวพุทธใฝ่ในธรรมจริง ไม่ควรจะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว ตัวอย่างเล็กๆที่ผมอยากจะสื่ออะไรบางอย่าง

เช่นนั้น เขียน:
ส่วนที่ยกมานั้น ทำกรรมชั่วเพียงเล็กน้อย ตรงนั้นหมายถึงประกอบด้วยเจตนาแม้เพียงเล็กน้อยครับ ส่วนที่ผลปรากฏหรือยังไม่ปรากฏ ก็เนื่องด้วยยังมีวิบากกรรมอื่นที่หนักกว่าให้ผลอยู่ครับ.

อันนีั้สำหรับผมก็คงไม่จำเป็นต้องไปเพิ่มเติมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ได้ ก็เข้าใจได้อยู่แล้วตามนั้น
>>>"ภิกษุทั้งหลาย สำหรับบางคน กรรมชั่วทำไว้เพียงเล็กน้อย ก็นำเขาไปนรกได้ แต่สำหรับบางคน กรรมชั่วที่ทำไว้เล็กน้อยอย่างเดียวกันนั่นแหละ ให้ผลแค่ในปัจจุบัน ทั้งส่วนที่เล็กน้อย ก็ไม่ปรากฏด้วย ปรากฏแต่ที่มากๆ เท่านั้น"<<<
ก็ไม่มีอะไรนี่ กรรมเล็กน้อยรวมทั้งกฏัตตากรรม(กรรมที่สักว่ากระทำไม่ได้เจตนา) ก็อาจจะไม่ส่งผลก็เป็นได้ ก็เข้าใจได้ครับ
ถ้าทำให้สึกขุ่นเคืองใจอะไรก็ไม่ได้มีเจตนานะ แต่อาจเห็นต่างกันบ้าง
คำสอนบองคำสอนของพระพุทธเจ้าบางคำสอนก็ไม่ง่ายที่จะเข้าใจ เลยตีความต่างกันไปได้
แต่ก็คุยแลกเปลี่ยนความเห็นเพราะน่าจะเป็นประโยชน์กับตัวเองหรือใครก็ตาม ถ้าผมเข้าใจผิดก็บอกได้เลย ผมก็ศึกษาและปฏิบัติมาก็ไม่น้อย แต่ก็คงไม่ใช่ว่าจะรู้ไปหมด

.....................................................
โคตมะพุทธ ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ ผู้รู้แจ้งโลก อัจฉริยมนุษย์ ยอดครูของครูทั้งหลาย
ศาสดาของเทวดาและมนุษย์ ผู้ก่อตั้ง ผู้ค้นพบ คำสอนถูกบรรจุอยู่ในพระไตรปิฏก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2014, 15:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


wakeup เขียน:
อันนี้ผมก็จะแนะคล้ายๆที่คุณพุทธคุณpostข้างบนนั้น และจะเสริมว่าหลายๆกรณีที่ว่า "ไม่เจตนา" นั่นคือการประมาท แล้วพระพุทธสอนว่าอย่างไรเกี่ยวกับการประมาท ซึ่งถือว่าเป็นคำสอนสำคัญมากๆคำสอนนึงของพระพุทธเจ้า "อย่าประมาท" ครับ
ขับรถ120กม/ชมหรือมากกว่านั้นขณะฝนตกชนคนตายถึงแม้ไม่เจตนาก็ไม่ควรขับเร็วขนาดนั้นอยู่แล้ว และยิ่งถ้าเป็นชาวพุทธใฝ่ในธรรมจริง ไม่ควรจะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว ตัวอย่างเล็กๆที่ผมอยากจะสื่ออะไรบางอย่าง

ทำบาปทั้งที่รู้ ก็เป็นความประมาท
ทำบาปเพราะพลั้งไป ไม่รู้ว่าบาป ก็ยังเป็นการทำบาปโดยมีเจตนา ก็เป็นความประมาท

ที่ว่า ทำโดยไม่เจตนา เพราะไม่ได้เห็น ไม่ได้รับทราบ ไม่ได้รู้ขณะทำ.

ขับรถเร็ว 120 กม./ชม. ชนคนตาย ก็เป็นกรรมเกิดด้วยเจตนา เพราะทราบอยู่ว่าการขับรถเร็วในสภาพอากาศไม่ดีเป็นข้อห้ามในการขับขี่ยานพาหนะ สามารถเป็นเหตุให้เกิดความสูญเสียทุกประการได้ เป็นความประมาทให้ผิดทั้งศีล และบทบัญญัติทางกฏหมายครับ.

แต่ถ้าขับรถไปตอนกลางคืน ชนแมลงที่บินกลางค่ำกลางคืนอย่างนี้ เป็นการกระทำที่ไม่เจตนาครับ.

ต้องแยกให้ออกครับ เรื่องความประมาท คือให้เป็นผู้มีสติ มีอินทรีย์สังวรครับ
wakeup เขียน:
อันนีั้สำหรับผมก็คงไม่จำเป็นต้องไปเพิ่มเติมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ได้ ก็เข้าใจได้อยู่แล้วตามนั้น
>>>"ภิกษุทั้งหลาย สำหรับบางคน กรรมชั่วทำไว้เพียงเล็กน้อย ก็นำเขาไปนรกได้ แต่สำหรับบางคน กรรมชั่วที่ทำไว้เล็กน้อยอย่างเดียวกันนั่นแหละ ให้ผลแค่ในปัจจุบัน ทั้งส่วนที่เล็กน้อย ก็ไม่ปรากฏด้วย ปรากฏแต่ที่มากๆ เท่านั้น"<<<
ก็ไม่มีอะไรนี่ กรรมเล็กน้อยรวมทั้งกฏัตตากรรม(กรรมที่สักว่ากระทำไม่ได้เจตนา) ก็อาจจะไม่ส่งผลก็เป็นได้ ก็เข้าใจได้ครับ
ถ้าทำให้สึกขุ่นเคืองใจอะไรก็ไม่ได้มีเจตนานะ แต่อาจเห็นต่างกันบ้าง
คำสอนบองคำสอนของพระพุทธเจ้าบางคำสอนก็ไม่ง่ายที่จะเข้าใจ เลยตีความต่างกันไปได้
แต่ก็คุยแลกเปลี่ยนความเห็นเพราะน่าจะเป็นประโยชน์กับตัวเองหรือใครก็ตาม ถ้าผมเข้าใจผิดก็บอกได้เลย ผมก็ศึกษาและปฏิบัติมาก็ไม่น้อย แต่ก็คงไม่ใช่ว่าจะรู้ไปหมด
:b8:

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 30 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร