วันเวลาปัจจุบัน 20 ก.ค. 2025, 19:36  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ส.ค. 2014, 14:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


ดูก่อนภิกษุทั้งกลาย เราไม่เล็งเห็นธรรมอย่างอื่นแม้

ข้อหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุให้อกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรืออกุศล-

ธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความเจริญ ไพบูลย์ยิ่ง เหมือนกับ-

มิจฉาทิฏฐินี้เลย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลเป็นผู้มีความเห็นผิด

อกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ย่อมเกิดขึ้น และอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อม

เป็นไปเพื่อความเจริญ ไพบูลย์ยิ่ง.



ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราไม่เล็งเห็นธรรมอย่างอื่นแม้

ข้อหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุให้กุศลธรรมที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือกุศลธรรม

ที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความเจริญ ไพบูลย์ยิ่ง เหมือนกับสัมมา-

ทิฏฐินี้เลย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลเป็นผู้มีความเห็นชอบ กุศล-

ธรรมที่ยังไม่เกิด ย่อมเกิดขึ้น และกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเป็นไป

เพื่อความเจริญ ไพบูลย์ยิ่ง.



ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราไม่เล็งเห็นธรรมอย่างอื่นแม้

ข้อหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุให้กุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ไม่เกิดขึ้น หรือกุศลธรรม

ที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเสื่อมไป เหมือนกับมิจฉาทิฏฐินี้เลย ดูก่อนภิกษุ

ทั้งหลาย เมื่อบุคคลเป็นผู้มีความเห็นผิด กุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ย่อมไม่

เกิดขึ้น และกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเสื่อมไป.



ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราไม่เล็งเห็นธรรมอย่างอื่นแม้

ข้อหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุให้อกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ไม่เกิดขึ้น หรืออกุศลธรรม

ที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเสื่อมไป เหมือนกับสัมมาทิฏฐินี้เลย ดูก่อนภิกษุ

ทั้งหลาย เมื่อบุคคลเป็นผู้มีความเห็นชอบ อกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ย่อม

ไม่เกิดขึ้น และอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเสื่อมไป.



ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราไม่เล็งเห็นธรรมอย่างอื่นแม้

ข้อหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุให้มิจฉาทิฏฐิที่ยังไม่เกิดขึ้น เกิดขึ้นหรือมิจฉาทิฏฐิ

ที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเจริญยิ่งขึ้น เหมือนกับการทำในใจโดยแยบคายนี้เลย

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลทำในใจโดยไม่แยบคาย มิจฉาทิฏฐิที่ยังไม่

เกิด ย่อมเกิดขึ้น และมิจฉาทิฏฐิที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเจริญยิ่งขึ้น.



ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราไม่เล็งเห็นธรรมอย่างอื่นแม้

ข้อหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุให้สัมมาทิฏฐิที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือสัมมาทิฏฐิ

ที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเจริญยิ่งขึ้น เหมือนการทำในใจโดยแยบคายนี้เลย

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลทำในใจโดยแยบคาย สัมมาทิฏฐิที่ยังไม่

เกิด ย่อมเกิดขึ้น และสัมมาทิฏฐิที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมดเจริญยิ่งขึ้น.



ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราไม่เล็งเห็นธรรมอย่างอื่นแม
ข้อหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุให้สัตว์ทั้งหลายเมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย

ทุคติ วินิบาต นรก เหมือนกับมิจฉาทิฏฐินี้เลย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

สัตว์ทั้งหลายผู้ประกอบด้วยมิจฉาทิฏฐิ เมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึง

อบาย ทุคติ วินิบาต นรก.



ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราไม่เล็งเห็นธรรมอย่างอื่นแม้

ข้อหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุให้สัตว์ทั้งหลายเมื่อแตกกายแตกตายไป ย่อมเข้าถึงสุคติ

โลกสวรรค์ เหมือนกับสัมมาทิฏฐินี้เลย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัตว์

ทั้งหลายผู้ประกอบด้วยสัมมาทิฏฐิ เมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงสุคติ

โลกสวรรค์.



ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กายกรรมที่สมาทานให้บริบูรณ์ตาม

ทิฏฐิ ๑ วจีกรรมที่สมาทานให้บริบูรณ์ตามทิฏฐิ ๑ มโนกรรมที่สมาทาน

ให้บริบูรณ์ตามทิฏฐิ ๑ เจตนา ๑ ความปรารถนา ๑ ความตั้งใจ ๑

สังขาร ๑ ของบุคคลผู้มีความเห็นผิด ธรรมทั้งหมดนั้น ย่อมเป็นไป

เพื่อผลที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่าใคร่ ไม่น่าชอบใจ ไม่เป็นประโยชน์

เกื้อกูล เพื่อทุกข์ ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะทิฏฐิเลวทราม ดูก่อน

ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนเมล็ดสะเดาก็ดี เมล็ดบวบขมก็ดี เมล็ด

น้ำเต้าขมก็ดี บุคคลหมกไว้ในดินที่ชุ่มชื้น รสดิน รสน้ำที่มันถือเอา

ทั้งหมด ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นของขม เพื่อเผ็ดร้อน เพื่อไม่น่ายินดี

ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะพืชเลว ฉันใด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กายกรรม

ที่สมาทานให้บริบูรณ์ตามทิฏฐิ ๑ วจีกรรมที่สมาทานให้บริบูรณ์ตาม

ทิฏฐิ ๑ มโนกรรมที่สมาทานให้บริบูรณ์ตามทิฏฐิ ๑ เจตนา ๑ ความ

ปรารถนา ๑ ความตั้งใจ ๑ สังขาร ๑ ของบุคคลผู้มีความเห็นผิด

ธรรมทั้งหมดนั้น ย่อมเป็นไปเพื่อผลที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่าใคร่ ไม่น่า

ชอบใจ ไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล เพื่อทุกข์ ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะ

ทิฏฐิเลวทราม ฉันนั้นเหมือนกันแล.



ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กายกรรมที่สมาทานให้บริบูรณ์ตาม

ทิฏฐิ ๑ วจีกรรมที่สมาทานให้บริบูรณ์ตามทิฏฐิ ๑ มโนกรรมที่สมาทาน

ให้บริบูรณ์ตามทิฏฐิ ๑ เจตนา ๑ ความปรารถนา ๑ ความตั้งใจ ๑

สังขาร ๑ ของบุคคลผู้มีความเห็นชอบ ธรรมทั้งหมดนั้น ย่อมเป็นไป

เพื่อผลที่น่าปารถนา น่าใคร่ น่าชอบใจ เพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อ

ความสุข ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะทิฏฐิเจริญ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

เปรียบเหมือนพันธุ์อ้อยก็ดี พันธุ์ข้าวสาลีก็ดี พันธุ์ผลจันทน์ก็ดี บุคคล

หมกไว้ในดินที่ชุ่มชื่น รสดิน รสน้ำที่มันถือเอาทั้งหมด ย่อมเป็นไปเพื่อ

ความเป็นของหวาน น่ายินดี น่าชื่นใจ ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะ

พืชพันธุ์ดี ฉันใด กายกรรมที่สมาทานให้บริบูรณ์ตามทิฏฐิ ๑ วจีกรรม

ที่สมาทานให้บริบูรณ์ตามทิฏฐิ ๑ มโนกรรมที่สมาทานให้บริบูรณ์ตาม

ทิฏฐิ ๑ เจตนา ๑ ความปรารถนา ๑ ความตั้งใจ ๑ สังขาร ๑ ของ

บุคคลผู้มีความเห็นชอบ ธรรมทั้งหมดนั้น ย่อมเป็นไปเพื่อผลที่น่า

ปรารถนา น่าใคร่ น่าชอบใจ. เพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข ข้อ

นั้นเพราะเหตุไร เพราะทิฏฐิเจริญ ฉันนั้นเหมือนกันแล.




การทำในใจโดยไม่มีอุบาย ชื่อว่า การทำในใจโดยไม่แยบคาย.

การทำในใจโดยอุบาย ชื่อว่า การทำในใจโดยแยบคาย. ในการทำ

ในใจโดยไม่แยบคายและแยบคายนั้น เมื่อทำในใจโดยไม่แยบคาย มิจฉา-

ทิฏฐิที่ยังไม่เคยเกิด ย่อมเกิดขึ้น ส่วนที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเจริญ จนถึง

การปฏิสนธิโดยแน่นอน. เนื้อแน่นอนแล้ว มิจฉาทิฏฐิชื่อว่าเจริญแล้ว.

เมื่อทำในใจโดยแยบคาย สัมมาทิฏฐิที่ยังไม่เคยเกิด ย่อมเกิดขึ้น ส่วน

ที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเจริญมากขึ้น จนถึงพระอรหัตมรรค. เมื่อบรรลุพระ-

อรหัตผลแล้ว สัมมาทิฏฐิชื่อว่าเป็นอันเจริญมากแล้ว.

ในบทว่า มิจฺฉาทิฏฺฐิยา ภิกฺขเว สมนฺนาคตา สตฺตา นี้

พึงทราบวินิจฉัย ดังนี้ :-

มิจฉาทิฏฐิบางอย่างห้ามสวรรคด้วย ห้ามมรรคด้วย.

บางอย่างห้ามมรรคเท่านั้น ไม่ห้ามสวรรค์.

บางอย่างไม่ห้ามทั้งสวรรค์ ไม่ห้ามทั้งมรรค.



บรรดามิจฉาทิฏฐิเหล่านั้น มิจฉาทิฏฐิ ๓ อย่างนี้ คือ อเหตุกทิฏฐิ

อกิริยทิฏฐิ นัตถิกทิฏฐิ ห้ามสวรรค์ และห้ามมรรค.

อันตคาหิกมิจฉาทิฏฐิ มีวัตถุ ๑๐ ห้ามมรรค แต่ไม่ห้ามสวรรค์.

สักกายทิฏฐิ มีวัตถุ ๒๐ ไม่ห้ามสวรรค์ ไม่ห้ามมรรค. แต่ปฏิเสธ

วิธีนี้แล้วว่า ธรรมดาทิฏฐิโดยที่สุดกำหนดเอาสักกายทิฏฐิซึ่งมีวัตถุ ๒๐

ประการ ชื่อว่าสามารถนำไปสู่สวรรค์ ไม่มี ย่อมทำให้จมลงในนรกโดย

ส่วนเดียวเท่านั้น โดยพระบาลีในพระสูตรนี้ว่า มิจฺฉาทิฏฺฐิยา ภิกฺขเว

สมนฺนาคตา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัตว์ผู้ประกอบด้วยมิจฉาทิฏฐิ ดังนี้

เป็นต้น เหมือนอย่างว่า ก้อนหินแม้ขนาดเท่าถั่วเขียวและถั่วเหลือง

โยนลงไปในน้ำ ชื่อว่าจะลอยอยู่ข้างบน ย่อมไม่มี ย่อมจมลงไปข้างล่าง

อย่างเดียว ฉันใด โดยที่สุด แม้แต่สักกายทิฏฐิ ชื่อว่าสามารถนำไปสู่

สวรรค์ ย่อมไม่มี ย่อมให้จมลงในอบายทั้งหลายโดยส่วนเดียวเท่านั้น

ก็ฉันนั้น.



ในบทว่า สมฺมาทิฏฺฐิยา สมนฺนาคตา นี้ พึงทราบวินิจฉัย

ดังนี้ :-

สัมมาทิฏฐิมี ๕ อย่าง คือ กัมมัสสกตสัมมาทิฏฐิ ฌานสัมมาทิฏฐิ

วิปัสสนาสัมมาทิฏฐิ มัคคสัมมาทิฏฐิ ผลสัมมาทิฏฐิ. ในสัมมาทิฏฐิ ๕

อย่างนั้น กัมมัสสกตสัมมาทิฏฐิ ย่อมชักมาซึ่งสัมปัตติภพ. ฌานสัมมา-

ทิฏฐิ ย่อมให้ปฏิสนธิในรูปภพ. มัคคสัมมาทิฏฐิ ย่อมกำจัดวัฏฏะ.

ผลสัมมาทิฏฐิ ย่อมห้ามภพ.

ถามว่า วิปัสสนาสัมมาทิฏฐิทำอะไร.

ตอบว่า แม้วิปัสสนาสัมมาทิฏฐินั้น ก็ไม่ชักมาซึ่งปฏิสนธิ.

ส่วนพระติปิฎกจูฬอภัยเถระกล่าวว่า ถ้าวิปัสสนาสัมมาทิฏฐิที่อบรม

ไว้แล้ว อาจให้บรรลุพระอรหัตในปัจจุบันได้ไซร้ ข้อนั้นก็เป็นการดี

ถ้าไม่อาจให้บรรลุพระอรหัตได้ไซร้ ก็ยังให้ปฏิสนธิในภพ ๗ ภพได้

ผู้มีอายุ. ท่านกล่าวถึงสัมมาทิฏฐิอันเป็นโลกิยะและโลกุตระนี้ไว้อย่างนี้.

ก็ในเนื้อความดังกล่าวนี้ พึงทราบสัมมาทิฏฐิอันเป็นโลกิยะซึ่งให้สำเร็จ

ในภพเท่านั้น.



พึงทราบวินิจฉัยในคำว่า ยญฺเจว กายกมฺมํ ยถาทิฏฺฐิ สมตฺตํ

สมาทินฺนํ ดังต่อไปนี้ :- บทว่า ยถาทิฏฐิ ได้แก่ ตามสมควรแก่ทิฏฐิ

นั้น. บทว่า สมตฺตํ แปลว่า บริบูรณ์. บทว่า สมาทินฺนํ แปลว่า

ถือเอาแล้ว. กายกรรมนั่นนั้นมี ๓ อย่าง คือ กายกรรมที่ตั้งอยู่ตาม

ทิฏฐิ ๑ กายกรรมที่เกิดพร้อมกับทิฏฐิ ๑ กายกรรมที่อนุโลมทิฏฐิ ๑.

บรรดากายกรรม ๓ อย่างนั้น กายกรรมคือปาณาติบาต อทินนาทาน

และมิจฉาจาร ของบุคคลผู้มีลัทธิอย่างนี้ว่า เมื่อบุคคลฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์

ที่เจ้าของไม่ให้ ประพฤติมิจฉาจาร บาปซึ่งมีเหตุมาแต่การกระทำนั้นไม่มี

การให้ผลของบาปก็ไม่มี นี้ชื่อว่า กายกรรมตั้งอยู่ตามทิฏฐิ.

อนึ่ง กายกรรมที่เกิดพร้อมกับทัสสนะนี้แห่งลัทธินี้ที่ว่า เมื่อบุคคล

ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ที่เจ้าของไม่ให้ ประพฤติมิจฉาจาร บาปซึ่งมีเหตุมาแต่

การกระทำนั้นไม่มี การให้ผลของบาปก็ไม่มี ดังนี้ ชื่อว่า กายกรรมที่เกิด

พร้อมกับทิฏฐิ.

กายกรรมนั้นนั่นแหละ ที่บุคคลสมาทานให้บริบูรณ์ ยึดถือ ถูกต้อง

ให้บริบูรณ์ ชื่อว่า กายกรรมอนุโลมทิฏฐิ. แม้ในวจีกรรมเป็นต้น

ก็มีนัยนี้เหมือนลัน. ก็ในวจีกรรมนี้ ประกอบความว่า เมื่อบุคคล

ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ที่เจ้าของไม่ให้ ประพฤติมิจฉาจาร บาปซึ่งมีเหตุมาแต่

การกระทำนั้นไม่มี ดังนี้ฉันใด ในวจีกรรมและมโนกรรมก็ฉันนั้น พึง

ประกอบความว่า เมื่อบุคคลพูดเท็จ กล่าวคำส่อเสียด กล่าวคำหยาบ

กล่าวคำเพ้อเจ้อ บาปซึ่งมีเหตุมาแต่การพูดนั้นไม่มี เมื่อบุคคลมีอภิชฌา

คือความเพ่งเล็ง มีจิตพยาบาท มีความเห็นผิด บาปซึ่งมีเหตุแต่วจีทุจริต

และมโนทุจริตไม่มี ดังนี้.

ก็ในบทว่า ยา จ เจตนา ดังนี้เป็นต้น เจตนาที่เกิดพร้อมกับ

ทิฏฐิ ชื่อว่า เจตนา. ความปรารถนาที่เกิดพร้อมกับทิฏฐิ ชื่อว่า ปัตถนา

ความปรารถนา. การตั้งจิตไว้ตามเจตนาและความปรารถนา ชื่อว่า

ปณิธิ ความตั้งใจ. ส่วนธรรมมีผัสสะเป็นต้น ที่ประกอบพร้อมกับ

เจตนาเป็นต้นเหล่านั้น ชื่อว่า สังขาร ธรรมอันปัจจัยปรุงแต่ง.

บทว่า ทิฏฺฐิ หิ ภิกฺขเว ปาปิกา ความว่า เพราะว่า ทิฏฐิของ

บุคคลนั้นเลวทราม. บทว่า นิกฺขิตฺตํ แปลว่า ปลูกไว้. บทว่า

อุปาทิยติ แปลว่า ถือเอา. บทนี้ที่ว่า กฏุกตฺตาย (เพื่อความเป็น

ของขม ) เป็นไวพจน์ของบทแรกนั่นแหละ.



ก็แม้ในที่นี้ พึงทราบคำว่า กฏุกํ (เเปลว่า ความขม) เหมือนใน

อาคตสถาน (ที่มาของพระบาลี ) ว่า วณฺณคนฺธรสุเปโต อมฺโพยํ อหุ

วา ปุเร ดังนี้ เป็นต้น ซึ่งแปลความว่า เมื่อก่อนมะม่วงนี้เป็นไม้ที่สมบูรณ์

ด้วยสี กลิ่น และรส ได้รับการยกย่องอยู่ บัดนี้ มะม่วงก็กลายเป็นไม้มีผล

ขมไป เพราะเหตุไร. ข้าแต่พระเจ้าทธิวาหนะ มะม่วงของพระองค์ ถูก

ห้อมล้อมด้วยสะเดา รากเกี่ยวพันกันกับราก กิ่งทับกันกับกิ่ง มะม่วงจึง

กลายเป็นไม้มีผลขม เพราะอยู่ร่วมกับต้นไม้มีรสขม. บทว่า อสาตตฺตาย

แปลว่า เพราะเป็นของมีรสไม่อร่อย. ก็ในวีชุปมสูตรนี้ พระเถระปางก่อน

กล่าวว่านิยตมิจฉาทิฏฐิ ท่านถือเอาด้วยบทว่า ทิฏฐิ. แต่คำนั้นท่านปฏิเสธ

แล้วกล่าวว่า รวมเอาแม้ทิฏฐิ ๖๒ ทั้งหมด. ในพระสูตรต่อไป พึง

ประกอบแล้วทราบว่า กายกรรมเป็นต้นอันตั้งอยู่ตามทิฏฐิ โดยนัยมีอาทิว่า

เมื่อบุคคลเว้นจากปาณาติบาต อทินนาทาน เว้นจากมิจฉาจาร บุญเกิดแต่

การงดเว้นนั้นเป็นเหตุ ย่อมไม่มี ดังนี้ . ก็ในที่นี้ พึงทราบความตั้งจิต

นเกิดพร้อมกับสัมมาทิฏฐิเท่านั้น ชื่อว่า ปัตถนา ความปรารถนา. ก็

ในอธิการนี้ ท่านกล่าวหมายเอาสัมมาทิฏฐิทั้งโลกิยะและโลกุตระ คำที่

เหลือในที่ทุกแห่ง ง่ายทั้งนั้นแล.






เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย

ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ย. 2014, 23:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
คัดมาดีแท้ๆๆ
พุทธธรรมช่างละเอียด ประณีตและลึกซึ้งยิ่งนัก
สาธุๆๆ
:b27:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2014, 22:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2014, 07:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร