วันเวลาปัจจุบัน 06 ส.ค. 2025, 00:37  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 111 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 8  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ค. 2014, 16:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b36:
จุดเริ่มต้นของการกระทำคือ มโนกรรม หรือ การกระทำของใจ ใครหยุดตรงนี้ได้ กรรมทั้งหลายก็จักเป็นอโหสิ

ปฏิจจสมุปบาทขาดตอนหรือแตกปริ วัฏสงสารที่เริ่มริก็หดด้วนฝ่อลงพลัน


จะหยุดมโนกรรมได้อย่างไร เป็นเรื่องที่เราจะได้สนทนากันต่อไปในกระทู้นี้ครับ
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ค. 2014, 18:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าจะหยุดมโนกรรมหรือการกระทำทางใจได้ ส่วนตัวของเรานะคะ
เราคิดว่าการเป็นผู้ให้โดยไม่หวังผลตอบแทน ให้หรือช่วยเพราะอยากจะให้เค้าหลุดพ้นจากทุกข์
การเป็นผู้ให้บ่อยๆ จะเกิดความเคยชิน ไม่หวงในทรัพย์
ไม่อยากจะทำให้ผู้อื่นทุกข์ หรือไม่เบียดเบียนใคร
เราคิดว่า ในใจคงไม่มีที่ว่างเว้น
จะให้มโนกรรมเข้ามาได้แน่นอนค่ะ :b8: :b41: :b55: :b49:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ค. 2014, 18:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มิ.ย. 2011, 10:18
โพสต์: 590

โฮมเพจ: www.bhuddhakhun.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ท่านสามารถให้อภัยและรักคนที่ฆ่าคนในครอบครัวของท่านทั้งบ้านได้มั้ย
ยอมอภัยและอโหสิให้เขาทุกอย่าง สามารถให้เขาอยู่ร่วมชายคาเดียวกับ
ท่านและช่วยเหลือเขาทุกอย่างเท่าที่ช่วยได้ รักเขาจนหมดหัวใจของท่าน
หรือแม้กระทั่งเขาต้องการฆ่าท่านก็ไม่ตอบโต่ ปล่อยให้เขาฆ่าโดยดี

ถ้าท่านทำได้ขนาดนี้ ท่านใกล้บรรลุอรหันต์แล้ว เหลืออีกนิด มาถึงตรงนี้
อารมณ์โกรธ เกลียด ริษยา ไม่มีแล้ว เหลือแต่ความรัก ถึงบอกว่าอีกนิด
เดียวก็บรรลุแล้ว

.....................................................
รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ค. 2014, 20:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:
ถ้าจะหยุดมโนกรรมหรือการกระทำทางใจได้ ส่วนตัวของเรานะคะ
เราคิดว่าการเป็นผู้ให้โดยไม่หวังผลตอบแทน ให้หรือช่วยเพราะอยากจะให้เค้าหลุดพ้นจากทุกข์
การเป็นผู้ให้บ่อยๆ จะเกิดความเคยชิน ไม่หวงในทรัพย์
ไม่อยากจะทำให้ผู้อื่นทุกข์ หรือไม่เบียดเบียนใคร
เราคิดว่า ในใจคงไม่มีที่ว่างเว้น
จะให้มโนกรรมเข้ามาได้แน่นอนค่ะ :b8: :b41: :b55: :b49:

:b8:
เป็นความเห็นที่ดีครับ แต่คงหยุดมโนกรรมยังไม่ได้ เพราะยังไปทำกุศลกรรม อันจักต้องมีวิบากของกุศลให้เสวยและแบกรับอยู่ครับ
:b27:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ค. 2014, 20:48 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


พุทธคุณ เขียน:
ท่านสามารถให้อภัยและรักคนที่ฆ่าคนในครอบครัวของท่านทั้งบ้านได้มั้ย
ยอมอภัยและอโหสิให้เขาทุกอย่าง สามารถให้เขาอยู่ร่วมชายคาเดียวกับ
ท่านและช่วยเหลือเขาทุกอย่างเท่าที่ช่วยได้ รักเขาจนหมดหัวใจของท่าน
หรือแม้กระทั่งเขาต้องการฆ่าท่านก็ไม่ตอบโต่ ปล่อยให้เขาฆ่าโดยดี

ถ้าท่านทำได้ขนาดนี้ ท่านใกล้บรรลุอรหันต์แล้ว เหลืออีกนิด มาถึงตรงนี้
อารมณ์โกรธ เกลียด ริษยา ไม่มีแล้ว เหลือแต่ความรัก ถึงบอกว่าอีกนิด
เดียวก็บรรลุแล้ว

:b8:
เป็นตัวอย่างที่ดูดี แต่ไม่อาจเกิดขึ้นได้ในชีวิตจริงกระมังครับ
:b27:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ค. 2014, 21:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
พุทธคุณ เขียน:
asoka เขียน:
:b36:
จุดเริ่มต้นของการกระทำคือ มโนกรรม หรือ การกระทำของใจ ใครหยุดตรงนี้ได้ กรรมทั้งหลายก็จักเป็นอโหสิ

ปฏิจจสมุปบาทขาดตอนหรือแตกปริ วัฏสงสารที่เริ่มริก็หดด้วนฝ่อลงพลัน


]จะหยุดมโนกรรมได้อย่างไร เป็นเรื่องที่เราจะได้สนทนากันต่อไปในกระทู้นี้ครับ
:b8:

:b27:
ท่านสามารถให้อภัยและรักคนที่ฆ่าคนในครอบครัวของท่านทั้งบ้านได้มั้ย
ยอมอภัยและอโหสิให้เขาทุกอย่าง สามารถให้เขาอยู่ร่วมชายคาเดียวกับ
ท่านและช่วยเหลือเขาทุกอย่างเท่าที่ช่วยได้ รักเขาจนหมดหัวใจของท่าน
หรือแม้กระทั่งเขาต้องการฆ่าท่านก็ไม่ตอบโต่ ปล่อยให้เขาฆ่าโดยดี

ถ้าท่านทำได้ขนาดนี้ ท่านใกล้บรรลุอรหันต์แล้ว เหลืออีกนิด มาถึงตรงนี้
อารมณ์โกรธ เกลียด ริษยา ไม่มีแล้ว เหลือแต่ความรัก ถึงบอกว่าอีกนิด
เดียวก็บรรลุแล้ว

:b8:
เป็นตัวอย่างที่ดูดี แต่ไม่อาจเกิดขึ้นได้ในชีวิตจริงกระมังครับ
:b27:

อโสกะบอกว่า แต่ไม่อาจเกิดขึ้นได้ในชีวิตจริง แต่สำหรับคุนน้องมันเคยเกิดในภวังค์ เป็นจิตใต้สำนึกซึ่งคุนน้องเคยโดนทดสอบ เป็นความรู้สึกเหมือนจริงมาก อโสกะช่วยบอกคุนน้องหน่อยสิเจ้าค่ะว่าจะทำยังไงที่จะผ่านสภาวะนี้ไปได้ การที่จะต้องตายแทนผู้อื่น ถ้าในอนาคตกาลมันจะเกิดแบบนั้นขึ้นหรือมันอาจจะเคยเกิดขึ้นมาแล้วเป็นธรรมมารมณ์ปรากฏที่ใจ จนเก็บไปฝัน เราจะผ่านสภาวะนั้นได้อย่างไร เคยได้ยินว่าบารมีตอนปลายต้องสละแม้กระทั่งชีวิตของตนเพื่อผู้อื่น

คุนน้องเคยฝัน ความฝันที่ตนเองสามารถควบคุมหรือกระทำการใดๆในความฝันได้ เหมือนคุนน้องกำลังโดนทดสอบจิตในความฝัน ครั้งนึงเคยฝันว่าเห็นเด็กผู้ชายอายุราวๆ4-5 ขวบ กำลังโดนคนรุมทำร้าย คุนน้องเห็นจึงวิ่งเข้าไปสั่งให้คนกลุ่มนั้นหยุด คุนน้องเห็นชายคนนึงเดินเข้าไปหาเด็ก คุนน้องก็สั่งให้เค้าหยุด สั่งคนนั้นหยุด เค้าก็หยุดตามที่คุนน้องสั่ง(แปลกประหลาดจัง ในฝันมีพลังจิตสั่งให้หยุดได้ด้วย)และมีอีกคนนึงกำลังจะง้างมีดขึ้นทำร้ายเด็ก จิตในขณะนั้นคุนน้องกลัวมาก กลัวว่าเด็กจะต้องโดนทำร้าย และกลัวว่าตนเองจะต้องตายแน่ถ้าเค้าไปห้ามและช่วยเด็กคนนั้น แต่จิตตอนนั้นมีความรู้สึกอยากช่วยเด็กคนนั้นมากกว่ากลัวตาย คุนน้องจึงวิ่งเข้าไปเอาตัวเองป้องกันเด็กคนนั้นไว้ เตรียมใจยอมรับแล้วว่าจะต้องโดนมีดฟันตนเองในตอนนั้นแน่ๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ค. 2014, 21:48 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


:b41:

เมื่อสายน้ำยังคงอยู่ สายน้ำนั้นไม่เคยหยุดไหล
สายน้ำไม่เคยหยุดทำงาน แม้เมื่อยามที่เราไม่ได้เฝ้ามองดูมัน
พระจันทร์ยังคงปรากฏให้เห็นบนฟากฟ้าในยามค่ำคืนเสมอมา
แม้ในคืนที่เราไม่ได้คาดหวังว่าจันทร์จะปรากฏ
การแสดงของธรรมชาติ ไม่เคยบิดพริ้ว
ธรรมชาติที่ไม่ได้ขึ้นกับเรา
มีเพียงแค่ใจคน ที่คอยแต่จะบิดพริ้วไป

จะหยุดมโนกรรม ก็ไม่ต่างจากการพยายามที่จะหยุดกระแสน้ำไม่ให้ไหล
พยายามจะหยุดดวงจันทร์ไม่ให้ขึ้น

หยุดการมองเห็นธรรมชาติไปเป็นอื่น ๆ ลงเสีย
เห็นและรู้ซึ้งถึงธรรมชาติอย่างที่เป็น
เห็นด้วย วิมุตติ ... ก็จะเข้าใจ

:b41:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ค. 2014, 22:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
:b41:

เมื่อสายน้ำยังคงอยู่ สายน้ำนั้นไม่เคยหยุดไหล
สายน้ำไม่เคยหยุดทำงาน แม้เมื่อยามที่เราไม่ได้เฝ้ามองดูมัน
พระจันทร์ยังคงปรากฏให้เห็นบนฟากฟ้าในยามค่ำคืนเสมอมา
แม้ในคืนที่เราไม่ได้คาดหวังว่าจันทร์จะปรากฏ
การแสดงของธรรมชาติ ไม่เคยบิดพริ้ว
ธรรมชาติที่ไม่ได้ขึ้นกับเรา
มีเพียงแค่ใจคน ที่คอยแต่จะบิดพริ้วไป

จะหยุดมโนกรรม ก็ไม่ต่างจากการพยายามที่จะหยุดกระแสน้ำไม่ให้ไหล
พยายามจะหยุดดวงจันทร์ไม่ให้ขึ้น

หยุดการมองเห็นธรรมชาติไปเป็นอื่น ๆ ลงเสีย
เห็นและรู้ซึ้งถึงธรรมชาติอย่างที่เป็น
เห็นด้วย วิมุตติ ... ก็จะเข้าใจ

:b41:

:b8:
ลึกซึ้งเข้าไปอีกชั้นหนึ่ง แต่น่าจะเข้าใจยากสำหรับผู้ใหม่นะครับ
:b27:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ค. 2014, 22:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
อโสกะบอกว่า แต่ไม่อาจเกิดขึ้นได้ในชีวิตจริง แต่สำหรับคุนน้องมันเคยเกิดในภวังค์ เป็นจิตใต้สำนึกซึ่งคุนน้องเคยโดนทดสอบ เป็นความรู้สึกเหมือนจริงมาก อโสกะช่วยบอกคุนน้องหน่อยสิเจ้าค่ะว่าจะทำยังไงที่จะผ่านสภาวะนี้ไปได้ การที่จะต้องตายแทนผู้อื่น ถ้าในอนาคตกาลมันจะเกิดแบบนั้นขึ้นหรือมันอาจจะเคยเกิดขึ้นมาแล้วเป็นธรรมมารมณ์ปรากฏที่ใจ จนเก็บไปฝัน เราจะผ่านสภาวะนั้นได้อย่างไร เคยได้ยินว่าบารมีตอนปลายต้องสละแม้กระทั่งชีวิตของตนเพื่อผู้อื่น

คุนน้องเคยฝัน ความฝันที่ตนเองสามารถควบคุมหรือกระทำการใดๆในความฝันได้ เหมือนคุนน้องกำลังโดนทดสอบจิตในความฝัน ครั้งนึงเคยฝันว่าเห็นเด็กผู้ชายอายุราวๆ4-5 ขวบ กำลังโดนคนรุมทำร้าย คุนน้องเห็นจึงวิ่งเข้าไปสั่งให้คนกลุ่มนั้นหยุด คุนน้องเห็นชายคนนึงเดินเข้าไปหาเด็ก คุนน้องก็สั่งให้เค้าหยุด สั่งคนนั้นหยุด เค้าก็หยุดตามที่คุนน้องสั่ง(แปลกประหลาดจัง ในฝันมีพลังจิตสั่งให้หยุดได้ด้วย)และมีอีกคนนึงกำลังจะง้างมีดขึ้นทำร้ายเด็ก จิตในขณะนั้นคุนน้องกลัวมาก กลัวว่าเด็กจะต้องโดนทำร้าย และกลัวว่าตนเองจะต้องตายแน่ถ้าเค้าไปห้ามและช่วยเด็กคนนั้น แต่จิตตอนนั้นมีความรู้สึกอยากช่วยเด็กคนนั้นมากกว่ากลัวตาย คุนน้องจึงวิ่งเข้าไปเอาตัวเองป้องกันเด็กคนนั้นไว้ เตรียมใจยอมรับแล้วว่าจะต้องโดนมีดฟันตนเองในตอนนั้นแน่ๆ

:b8:
เป็นนิมิตมาทดสอบคุณน้อง ให้ภูมิใจว่ายังมั่นในกุศล แต่ต้องผ่านนิมิตนี้ไปให้ได้ด้วยการเจริญสติให้ทันปัจจุบันอารมณ์มากกว่าเดิม
จนนิมิตไม่สามารถแทรกเกิดขึ้นมาได้ไม่ช้าก็จะผ่านด่านนี้ไปได้โดยธรรมครับ
:b27:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ค. 2014, 23:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
bbby เขียน:

ถ้าจะหยุดมโนกรรมหรือการกระทำทางใจได้ ส่วนตัวของเรานะคะ
เราคิดว่าการเป็นผู้ให้โดยไม่หวังผลตอบแทน ให้หรือช่วยเพราะอยากจะให้เค้าหลุดพ้นจากทุกข์
การเป็นผู้ให้บ่อยๆ จะเกิดความเคยชิน ไม่หวงในทรัพย์
ไม่อยากจะทำให้ผู้อื่นทุกข์ หรือไม่เบียดเบียนใคร
เราคิดว่า ในใจคงไม่มีที่ว่างเว้น
จะให้มโนกรรมเข้ามาได้แน่นอนค่ะ :b8: :b41: :b55: :b49:

:b8:
เป็นความเห็นที่ดีครับ แต่คงหยุดมโนกรรมยังไม่ได้ เพราะยังไปทำกุศลกรรม อันจักต้องมีวิบากของกุศลให้เสวยและแบกรับอยู่ครับ
:b27:


ถ้าเป็นแบบบ้านๆ...ใครที่เห็น..ได้ยินคำว่า..มโนกรรม..ก็จะคิดว่า...บาปกรรมที่เกิดจากความนึกคิด

แต่ถ้าจะแปลตรงตัว....ก็หมายถึงการกระทำของจิตใจ...เป็นได้ทั้งบุญ..ทั้งบาป..ทั้งกลางๆ...

มโนกรรม...ของอโสกะ...หมายถึงอะไร?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2014, 06:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คำว่า "ชีวิต" กับ "มโนกรรม" อโศกว่า ได้แก่อะไร ตอบชัดๆ แบบว่าๆ ไม่ต้องตีความนะ เอ้า :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2014, 09:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณอโศกเขียน

อ้างคำพูด:
:b8:
เป็นความเห็นที่ดีครับ แต่คงหยุดมโนกรรมยังไม่ได้ เพราะยังไปทำกุศลกรรม อันจักต้องมีวิบากของกุศลให้เสวยและแบกรับอยู่ครับ
:b27:




งง....อ่านแล้วสับสนค่ะ :b12: มนุษย์เราเกิดมาเพื่อสร้างกุศลกรรมไม่ใช่เหรอค่ะ
ความหมายของคำว่าแบกรับ ใช่แบกรับทุกข์ของผู้อื่นใช่หรือไม่ค่ะ

การเป็นผู้ให้บ่อยๆ ต่อไปก็จะไปสู่ถึงใจ
คือการให้อภัย (แต่ในกรณีที่คุณพุทธคุณเขียนมา เป็นสิ่งที่อภัยยากกก ค่ะ)
ความสงบก็เกิด แล้วทำไมถึงหยุดมโนกรรมไม่ได้ :b10: :b41: :b55: :b49:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2014, 11:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b8:
ลึกซึ้งเข้าไปอีกชั้นหนึ่ง แต่น่าจะเข้าใจยากสำหรับผู้ใหม่นะครับ
:b27:


ตื้น ลึก มันก็อยู่ที่ใจ

เข้าใจยาก ก็เข้าใจ
เข้าใจง่าย ก็เข้าใจ
เข้าใจอย่างไร ก็เข้าใจ

มันก็ เข้าใจ ทั้งนั้นล่ะ แต่ เข้าใจ แล้วต้องเอาอะไรมาวัดนี่สิ่
มันก็เลย เข้าใจไม่ตรงกันสักที

...

ก็เพราะ เข้าใจ นั่นล่ะ มันก็ต้องปล่อย ...

ก็เพราะ เข้าใจ จึงอาจไม่มีคำอธิบายที่มากความ

:b41:

ปล่อยให้คำถาม เป็นของผู้ที่ สงสัย

:b41:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2014, 21:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b38:
กรรม ที่แปลว่าการกระทำ นั้น จะเกิดขึ้นครบสมบูรณ์ย่อมต้องประกอบด้วยองค์ 3 โดยเริ่มต้นและเรียงไปตามลำดับดังนี้คือ

มโนกรรม การกระทำทางใจ

วจีกรรม การกระทำทางวาจา

กายกรรม การกระทำทางกาย

ลำดับของกรรมหรือการกระทำโดยทั่วไปจะเป็นอย่างนี้คือ

มีผัสสะ....จิตยินดีหรือยินร้าย....ใจคิด....ปากพูด....กายทำ...รับผลกรรม....ส่งไปสู่ผัสสะใหม่....วงวัฏฏะ ปฏิจจสมุปบาท หมุนสืบเนื่องไปไม่รู้หยุดยั้ง

กรรม การกระทำแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มคือ

อกุศลกรรม การทำชั่ว

อัพยากตาธรรม การกระทำที่เป็นกลางๆ ไม่ดีไม่ชั่ว

กุศลกรรม การทำดี

การหยุดวงล้อวัฏฏะ ทำได้ 3 ที่

1.หยุดที่ผัสสะ ไม่ให้ต่อไปเกิดเวทนา ใช้สติตัด

2.หยุดที่ความยินดียินร้าย ใช้สติปัฏฐาน 4 และวิปัสสนาปัญญาตัด

3.หยุดที่ความคิดนึกหรือมโนกรรม ใช้ฌานสมาธิตัด

ใครถนัดตัดที่ไหนก็เลือกทำเอาตามที่ตนถนัด

กรณีของน้อง bbby ที่จะไปเพียรสร้างกุศลจนเกิดความหยุดมโนกรรมนั้น อ้อมไกลไปหน่อยครับ มีวิธีที่ลัดสั้นตรงกว่านั้นคือ 3 วิธีการที่บอก ลองพิจารณาว่าตนมีจริต นิสัย วาสนามาทางไหน ก็เลือกทางนั้นครับ

กรณีของเอก้อนนี้ลึกซึ้งเข้าใจยากสักหน่อย ต้องคุยกับเอก้อนยาวๆครับ
:b39:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ค. 2014, 15:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:

กรณีของเอก้อนนี้ลึกซึ้งเข้าใจยากสักหน่อย ต้องคุยกับเอก้อนยาวๆครับ
:b39:

ถ้าคิดว่าจะต้องคุยยาว ๆ เพื่อจะรู้เรื่องธรรม
ก็ไม่ต้องคุยกับเอกอนก็ได้ ไปคุยกับก้อนหินทางโน้น...

ลองไปคุยกับก้อนหินดู
ไม่ว่าจะคุยยาว คุยสั้น คุยค่อย ๆ คุยดัง ๆ คุยดี ๆ หรือตะโกนคุย
ท่านได้คำตอบจากก้อนหินเมื่อไร ก็จะเข้าใจธรรมได้
ได้เหมือนอย่างที่พยายามอย่างหนักในการคุยกับคนนั่นล่ะ ...

การศึกษาค้นคว้าปฏิบัติธรรมก็เช่นนั้น

คือการศึกษาพิจารณาทำความรู้ทำความเข้าใจไปยัง
สิ่งที่ถูกรู้ สิ่งที่รู้ และกระบวนการเข้าไปรู้
แม้...คุยกับก้อนหิน ก็สามารถที่จะเข้าใจธรรมที่เป็นไปทั้งหมดได้
เพราะ กระบวนการเกิดดับมันครบถ้วนกระบวนธรรมอยู่แล้ว
...
จะคุยสั้นคุยยาว ก็จะเข้าใจธรรมที่เป็นไปนั้น ๆ ได้

:b41:
การโต้ตอบที่สำคัญที่จำเป็นต่อการศึกษาพิจารณาธรรม
ก็คือ การพิจารณาการโต้ตอบรับรู้ที่ปรากฎ ผัสสะ อายตนะ อารมณ์
ซึ่งจะคุยกับคน จะคุยกับหมา กับแมว กับก้อนหิน
ก็ล้วนเป็นการโต้ตอบที่อาศัยผัสสะ อายตนะ

:b1:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 06 พ.ค. 2014, 23:42, แก้ไขแล้ว 4 ครั้ง.

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 111 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 8  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร