วันเวลาปัจจุบัน 14 มิ.ย. 2025, 13:25  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ม.ค. 2014, 22:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มิ.ย. 2011, 10:18
โพสต์: 590

โฮมเพจ: www.bhuddhakhun.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


หากเราไม่มองให้ลึกจนเกินไปจนดูซับซ้อนสำหรับผู้เริ่มต้น เราจะเห็นว่าพุทธศาสนา
ไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อเลย ไม่ใช่เรื่องล้าสมัย ไม่ใช่เรื่องของคนแก่ คนสูงวัย แต่ที่ดูน่าเบื่อ
ดูคร่ำครึสำหรับคุนรุ่นใหม่ๆส่วนมาก เพราะพากันท่างเอาแต่บัญญัติ ท่างเอาแต่คำศัพท์
ที่ท่านใช้กันสำหรับผู้ศึกษา ผู้ปฏิบัติ ในระดับสูงๆขึ้นไปจนถึงผู้ที่ชำนาญ เชี่ยวชาญ
ทำให้เกิดความเบื่อหน่าย พลอยไม่อยากศึกษา หยุดกลางครันเอาดื้อๆ เพราะคิดกันว่า
ทำไมต้องมานั่งจำคำศัพท์ที่น่าเบื่อ นี่เรียนเพื่อจำเอาแต่ความหมายของคำศัพท์ธรรม
จริงๆ แต่ไม่ได้เกิดความรู้แจ้ง ไม่มีความซาบซึ้ง อุปมาเหมือนอ่านนิยายแต่ไม่เข้าถึง
อารมณ์ของเรื่อง ของตัวละคร เรียกได้ว่ารู้แต่ตัวหนังสือที่อ่านแต่ขาดอารมณ์ร่วม

โดยเนื้อแท้แล้วพุทธศาสนาล้วนเป็นเรื่องธรรมดาทั้งสิ้นของมนุษย์ หัวใจของพระพุทธ
ศาสนาที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้คืออริยสัจ 4 นี่คือหลักจริงๆของพุทธศาสนา ส่วนอื่นๆเป็น
เพียงองค์ประกอบที่แตกแขนงความรู้ออกไปจากตรงนี้เอง จะของยกตัวอย่างสั้นๆ

ทำไมท่านต้องทานอาหารทุกวันๆล่ะ ไม่ทานได้มั้ย - นี่คือทุกข์ ถ้าร่างกายไม่ได้รับสารอาหาร ก็อยู่ไม่ได้
เมื่อไม่ทานอาหาร ร่างกายทนไม่ได้ เพราะอะไร เพราะหิวใช่มั้ย - นี่คือสหมุทัย
เมื่อหิวแล้วทำอย่างไรเพื่อให้ร่ายการทนอยู่ได้ ก็ต้องหาอาหารทานใช่มั้ย - นี่คือนิโรธ
เมื่อทานแล้วร่ายกายจึงคงสภาพอยู่ได้ ใช้ชีวิตต่อไปได้ - นี่คือมรรคแล้ว

หากเรามองถึงความเป็นจริงแล้ว ธรรมมะอยู้รอบตัวเราทั้งสิ้น แต่เรามัวไปท่องเอา
ศัพท์บัญญ้ติต่างๆซะมาก ไปให้ความสำคัญกับศัพท์บัญญัติมากเกินไป ท่องเอาไม่หมด
ไปยึดกับการตีความ การแปลความบัญญติมากมายเอาเสียแต่ต้น ทำให้เรามองข้ามหลัก
ความจริง และจุดประสงค์ที่แท้จริงของพุทธศาสนา ทำให้เกิดความเบื่อหน่าย ท้อแท้
คิดว่าการศึกษาพระพุทธศาสนานี้น่าเบื่อหนอ ยากจริงหนอ จะไปต่อดีไหมหนอ เช่นนี้
ซะมาก ส่วนวัยรุ่น หรือผู้เริ่มศึกษาก็พลอยหมดกำลังใจที่จะไปต่อก็มีมาก เพราะพากัน
ไปสำคัญเอากับบัญญัติ คือเริ่มไม่ถูกจุด แบบนี้ก็มี

แต่หากเราเริ่มปฏิบัติ เริ่มทำความเข้าใจกับอริยสัจ 4 จนเข้าใจถึงหลักความจริงในข้อนี้
เกิดความเลื่อมใส ศรัทธาแล้วตั้งแต่เริ่มมาดีแล้ว รู้ถึงหลักความจริงแล้วว่าทุกสิ่งทุกอย่าง
นี้ล้วนเกิดจากหลักอริยสัจ 4 ทั้งสิิ้น ก็จะทำให้การศึกษาในระดับต่อๆไปนั้นไม่น่าเบื่อเลย
นี่ก็เพราะเราเข้าใจในหลักความจริง ที่เป็นธรรมดาของสรรพชีวิตนั่นเอง ส่วนอื่นๆนอกเหนือ
จากอริยสัจ 4 แล้วคือองค์ประกอบทั้งสิ้น จะว่าไปอริยสัจ 4 ก็คือหลักใหญ่ๆนั่นเอง

มนุษย์เกิดมา ก็มีปัจจัยให้มาเกิด แล้วแก่ แล้วเจ็บ แล้วตาย แล้วก็วนไปเช่นนี้
เหตุที่เกิด เพราะมีปัจจัยทำให้ต้องเกิด
เมื่อเกิดแล้วไม่แก่ไม่ตาย มีมั้ย ไม่มีเลย ต้องตายทั้งนั้น แล้วทำไมต้องตาย
ก็เพราะมีการเกิด

มนุษย์มักกลัวตาย แต่ไม่กลัวเกิด นั่นเป็นความเห็นที่ผิด เราควรจะกลัวการเกิด
มากกว่าการตาย เพราะหากไม่เกิดก็ไม่ต้องตาย ใช่มั๊ย

การเกิด แก่ เจ็บ ตาย ก็เป็นทุกข์
เมื่อการเกิดเป็นทุกข์แล้วเรายังจะอยากเกิดอีกมั้ย หากไม่อยากทำยังไง
ก็หาทางหลุดพ้นจากวงจรนี่ใช่มั้ย ทำยังไงจึงจะหลุดพ้น
ก็ต้องนำไปสู่การปฏิบัติตามที่พระพุทธเจ้าท่านชี้ทางไว้ให้

เห็ยมั้ย นี่หลักๆของพระพุทธศาสนาในเบื้องต้นก็มีเท่านี้ ส่วนอื่นๆก็เป็นองค์ประกอบ
แยกออกไปจากนี้ทั้งสิ้น ไม่น่าเบื่อเลย เพราะถ้าเราเข้าใจในเรื่องนี้แล้ว เรื่องอื่นๆเดี๋ยว
มันก็ไปของมันเองเรื่อยๆ ดูอย่างรถยนต์ หากเรามีน้ำมันไปเติม เครื่องก็สตาร์ทติด
แล้วมันก็วิ่งของมันไปเรื่อยๆ และคอยเติมน้ำมันไปเรื่อยๆเพื่อให้รถได้วิ่งต่อไปได้ไกล
อออกไปเรื่อยๆจนถึงจุดหมาย แต่หากเราไม่มีความรู้ในเรื่องรถ มัวแต่ศึกษาองค์ประกอบ
ท่องจำว่าอุปกรณ์ตัวนั้นเรียกว่าอะไร ตัวนี้เรียกว่าอะไร ทำงานยังไง กว่าจะได้ขับก็
อาจถอดใจ ไม่อยากรู้แล้ว แต่ถ้าลองขับก่อนแล้วเรียนรู้ไปเรื่อยๆ เราจะไม่เบื่อเลย
เพราะเราเริ่มรู้ระบบการทำงานของมันมาบ้างแล้ว ทีนี้พอลงเรียนรู้จักอุปกรณ์ต่างๆของรถ
ก็เพลินเลย ทำให้ไม่น่าเบื่อ จริงมั้ย

.....................................................
รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2014, 00:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


พระพุทธศาสนา ก็คือคำสั่งสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่พระองค์ได้ตรัสรู้ และแสดงแก่ชนทั้งหลายให้ได้รู้ธรรมคือสภาพธรรมที่มีลักษณะเฉพาะต่างๆ ที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ตามความเป็นจริง เป็นสิ่งที่ลึกซึ้ง ละเอียดยิ่ง การเข้าไปหาสัปบุรุษแล้วเงี่ยโสตลงฟังพิจารณาธรรมไตร่ตรองให้เข้าใจและจำได้ไม่ลืม ก็จะเป็นปัจจัยน้อมไปสู่การปฏิบัติคือถึงเฉพาะสภาพธรรมนั้นๆที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตนด้วยปัญญาคือความเห็นที่ถูกต้องตรงตามความเป็นจริง

การรู้คำศัพท์ก็เพื่อสื่อสารกันได้ตรง และเป็นการรักษาพระสัทธรรมเพราะหากไม่มีการใช่คำศัพท์ที่ถูกต้องแล้วก็จะเข้าใจกันไปได้ต่างๆนานาผิดเพี้ยนไม่ตรงตามพุทธบัญญัติ เช่นหากทุกท่านจะไม่ฟังกันแล้ว เห็นคำศัพท์อะไรก็ไม่สนใจที่จะรู้ความหมายของศัพท์นั้นๆ เช่นผัสสะ ถ้าไม่ฟังก็จะไม่รู้ว่าผัสสะคืออะไร ไม่รู้ว่าขณะนี้มีผัสสะถ้าไม่ฟัง และก็จะไม่ทราบเลยว่าผัสสะเกิดเพราะปัจจัย ตั้งอยู่และดับไป ไม่ใช่ตัวตนถ้าไม่ฟัง

สุตมยญาณจึงเป็นปัจจัยให้ปัญญาขั้นอื่นๆเจริญยิ่งขึ้น จะมีได้ก็เฉพาะผู้ที่เห็นประโยชน์ของพระธรรมจริง ๆศึกษาด้วยความเคารพ พิจารณาให้เข้าใจ จำได้มั่นคงไม่ลืม และน้อมไปสู่การปฏิบัติ ซึ่งก็เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล บางคนก็เบื่อไม่อยากฟังอยากปฏิบัติเหลือเกิน ขณะนั้นเป็นอะไรถ้าไม่ใช่อกุศล


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2014, 09:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 มิ.ย. 2009, 10:51
โพสต์: 2783


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: โมทนาค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2014, 20:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




buddha2_resize.gif
buddha2_resize.gif [ 37.14 KiB | เปิดดู 3375 ครั้ง ]
:b27:
หัวใจของพระพุทธศาสนาที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้คืออริยสัจ 4 นี่คือหลักจริงๆของพุทธศาสนา ส่วนอื่นๆเป็น
เพียงองค์ประกอบที่แตกแขนงความรู้ออกไปจากตรงนี้เอง

:b8: :b8: :b8:
คุณพุทธคุณจับประเด็นได้ถูกต้องแม่นยำแล้ว ไม่ทราบได้ทำความละเอียดลึกซึ้งถึงแก่นในอริยสัจ 4 หรือยังครับ เพราะมีสมบูรณ์พร้อมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติในอริยสัจ 4 อย่างสรุป ลัดสั้น และเรียบง่าย

:b10:
s006
onion onion onion onion onion
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ม.ค. 2014, 09:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


s004 s004 s004 แก่นของพุทธศาสตร์ อยู่ที่ สังโยชน์ 10 ประการ (กิเลส 10 อย่าง).

กิเลส 10 อย่างนี้ ทำให้ชีวิตทั้งหลายยังต้องวนเวียนอยู่ในวัฎสงสาร. และวิธีในการละกิเลสเหล่านี้คือ สติปัฏฐาน อันนี้คือแก่นของพุทธศาสตร์อันที่ 2

เมื่อละกิเลสลงไปได้หลายๆ อย่าง, เขาก็เรียกคนเหล่านั้นว่า อริยบุคคล ซึ่งเป็นบุคคลที่ควรนับถือในศาสนาพุทธ, ไม่ใช่แค่โกนหัว ใส่จีวร ก็ดูเป็นมนุษย์ขั้นเทพขึ้นมาเลย

grin อริยบุคคลดูกันยาก, แต่ก็พอจะมีวิธีดูเป็นเบื้องต้นได้ คือดูที่ วินัยสงฆ์.
โดยทั่วไป วินัยสงฆ์คือกฎของพระภิกษุ, แต่มีหลายๆ ส่วนในนั้น ที่เป็น ลักษณะ ของอริยบุคคล. ว่าง่ายๆ คือ อริยบุคคลใด แม้ไม่ได้บวช ไม่รู้วินัยสงฆ์, แต่ถ้าเอาวินัยสงฆ์มาจับ ก็มักจะไปกันได้, คือบวชเป็นพระสงฆ์ได้สบายๆ

เปรียบเทียบว่า อริยบุคคลคือวัว, ผู้ที่ต้องการจะเป็นวัวให้ได้ในชาตินี้ จึงเข้าบวชเป็นพระภิกษุ. เป็นสมมุติสงฆ์ คือสมมุติว่าเป็นสงฆ์ สมมุติว่าเป็นอริยบุคคล
เมื่อสมมุติว่าเป็นวัวแล้ว จึงต้องปฎิบัติตนให้เหมือนวัว, ต้องกินหญ้า ยืนตากแดด เคี้ยวเอื้องงั๊บๆ. คนที่ไม่ใช่วัว จึงพากันบ่นว่า วินัยของวัวเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เป็นสิ่งที่ยาก. นั่นเพราะเขาไม่ใช่วัว

onion สรุป หัวใจของพุทธศาสตร์คือ กิเลส 10 อย่าง, และการละกิเลสเหล่านั้นด้วย สติปัฎฐาน
หรือจะเพิ่มหัวใจย่อยๆ ลงไปอีกก็ได้ เช่น การฝึกตนภายใต้ความเป็นมนุษย์อย่างสมบูรณ์ (ระบบประสาทสัมผัสไม่ดับ) ก็เป็นหัวใจย่อยๆ ในหัวใจสติปัฏฐาน

อาเมน... onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2014, 08:55 
 
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2013, 07:16
โพสต์: 2542

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: ขออนุโมทนาค่ะ :b27:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร