วันเวลาปัจจุบัน 05 มิ.ย. 2025, 16:09  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 116 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 8  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ม.ค. 2014, 11:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อก่อน วลัยพร เคยสำคัญผิด เคยคิดว่า
ตราบใด ที่ยังมีชีวิตอยู่ การดับผัสสะ ดับไม่ได้

ผัสสะ ดับได้ เฉพาะคนตาย เพราะ ไม่มีการทำงานของอายตนะ

ต่อมา มีเหตุปัจจัย ให้ได้ศึกษา พุทธวจนะมากขึ้น

ผัสสะ เป็นการทำงานของอายตนะ จึงต้องศึกษาเรื่อง อายตนะ


เคยสร้างเหตุต่อคนอื่นๆ(การสนทนา) เรื่อง ผัสสะ ว่า
ผัสสะดับไม่ได้ ผัสสะดับได้ เฉพาะคนตาย




มาวันนี้ มีคนเห็น วลัยพรพูด เรื่อง การดับผัสสะ
ทำให้ผู้นั้น รู้สึกขบขัน เป็นยิ่งนัก

วลัยพร เข้าใจความรู้สึก ที่ทำให้ เขาเกิด การกระทำนั้นดี
จึงไม่คิดจะสานต่อ ให้ยืดเยื้อ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ม.ค. 2014, 11:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ก่อนเข้าสู่เรื่อง อายตนะ มาพูดถึงเรื่อง กาย กันก่อน

วลัยพร ไม่มีข้อคิดเห็นของตนเอง

ขออาศัยอ้างอิง จากพุทธวจนะ



กรรมเก่า


กายนี้ เป็น “กรรมเก่า”

ภิกษุทั้งหลาย ! กายนี้ ไม่ใช่ของเธอทั้งหลาย และทั้งไม่ใช่ของบุคคลเหล่าอื่น.

ภิกษุทั้งหลาย ! กรรมเก่า (กาย) นี้ อันเธอทั้งหลาย พึงเห็นว่า
เป็นสิ่งที่ปัจจัยปรุงแต่งขึ้น (อภิสงฺขต),
เป็นสิ่งที่ปัจจัยทำให้เกิดความรู้สึกขึ้น (อภิสญฺเจตยิต),
เป็นสิ่งที่มีความรู้สึกต่ออารมณ์ได้ (เวทนีย).

ภิกษุทั้งหลาย ! ในกรณีของกายนั้น อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว
ย่อมทำไว้ในใจโดยแยบคายเป็นอย่างดี ซึ่ง ปฏิจจสมุปบาท นั่นเทียว ดังนี้ว่า

“ด้วยอาการอย่างนี้ :
เพราะสิ่งนี้มี, สิ่งนี้จึงมี;
เพราะความเกิดขึ้นแห่งสิ่งนี้, สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น;
เพราะสิ่งนี้ไม่มี, สิ่งนี้จึงไม่มี;
เพราะความดับไปแห่งสิ่งนี้, สิ่งนี้จึงดับไป :

ข้อนี้ได้แก่สิ่งเหล่านี้คือ
เพราะมีอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขารทั้งหลาย;
เพราะมีสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ;
เพราะมีวิญญาณเป็นปัจจัย จึงมีนามรูป;
เพราะมีนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะ;
เพราะมีสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะ;
เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา;
เพราะมีเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา;
เพราะมีตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน;
เพราะมีอุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ;
เพราะมีภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติ;
เพราะมีชาติเป็นปัจจัย ชรามรณะ โสกะปริเทวะ
ทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงเกิดขึ้นครบถ้วน :
ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้.

เพราะความจางคลายดับไปโดยไม่เหลือ แห่งอวิชชานั้น นั่นเทียว,
จึงมีความดับแห่งสังขาร, เพราะมีความดับแห่งสังขาร จึงมีความดับแห่งวิญญาณ; … ฯลฯ …
ฯลฯ … ฯลฯ … เพราะมีความดับแห่งชาติ นั่นแล ชรามรณะ
โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงดับสิ้น :
ความดับลงแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้”
ดังนี้ แล.
นิทาน. สํ. ๑๖/๗๗/๑๔๓.


(ยังมีต่อ)

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ม.ค. 2014, 12:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณน้ำเขียน

อ้างคำพูด:
เมื่อก่อน วลัยพร เคยสำคัญผิด เคยคิดว่า
ตราบใด ที่ยังมีชีวิตอยู่ การดับผัสสะ ดับไม่ได้

ผัสสะ ดับได้ เฉพาะคนตาย เพราะ ไม่มีการทำงานของอายตนะ

ต่อมา มีเหตุปัจจัย ให้ได้ศึกษา พุทธวจนะมากขึ้น

ผัสสะ เป็นการทำงานของอายตนะ จึงต้องศึกษาเรื่อง อายตนะ


เคยสร้างเหตุต่อคนอื่นๆ(การสนทนา) เรื่อง ผัสสะ ว่า
ผัสสะดับไม่ได้ ผัสสะดับได้ เฉพาะคนตาย




หมายถึงหรือเช่นอะไรบ้างค่ะคุณน้ำ
เผื่อจะตรงแบบที่เราเข้าใจบ้าง
คุณน้ำคงจะรู้ว่า ปัญญาของเรามีแค่นิดหน่อยเอง :b12: :b41: :b55: :b47:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ม.ค. 2014, 12:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:
คุณน้ำเขียน

อ้างคำพูด:
เมื่อก่อน วลัยพร เคยสำคัญผิด เคยคิดว่า
ตราบใด ที่ยังมีชีวิตอยู่ การดับผัสสะ ดับไม่ได้

ผัสสะ ดับได้ เฉพาะคนตาย เพราะ ไม่มีการทำงานของอายตนะ

ต่อมา มีเหตุปัจจัย ให้ได้ศึกษา พุทธวจนะมากขึ้น

ผัสสะ เป็นการทำงานของอายตนะ จึงต้องศึกษาเรื่อง อายตนะ


เคยสร้างเหตุต่อคนอื่นๆ(การสนทนา) เรื่อง ผัสสะ ว่า
ผัสสะดับไม่ได้ ผัสสะดับได้ เฉพาะคนตาย




หมายถึงหรือเช่นอะไรบ้างค่ะคุณน้ำ
เผื่อจะตรงแบบที่เราเข้าใจบ้าง
คุณน้ำคงจะรู้ว่า ปัญญาของเรามีแค่นิดหน่อยเอง :b12: :b41: :b55: :b47:




ผัสสะ กล่าวโดย ปริยัติ หมายถึง การทำงานของอายตนะ

กล่าวโดยสภาวะ หมายถึง สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต


ส่วนจะหมายถึงอะไรบ้าง คุณเต้ ก็รอไปก่อน

อ่านจากพุทธวจนะดีกว่าค่ะ จะนำมาลงให้อ่าน

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ม.ค. 2014, 13:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
ขออนุญาตแจมด้วยคนนะครับน้องวลัยพร

การดับผัสสะ มี 2 วิธี

1.ปิดกั้นอายตนะทั้ง 6 ไม่ให้รับผัสสะ อันเป็นตัวปัจจัย....วิธีปิดกั้นที่นิยมมาแต่โบราณ คือใช้ สติ หรือ กรรมฐานต่างๆมาปิดกั้น

2.ทำลายผู้รับผัสสะ.....อันเป็นตัวเหตุ.......ผู้รับผัสสะและตอบสนองต่อผัสสะทั้งหลาย ที่อยู่ลึกที่สุดคือ

สักกายทิฏฐิ...หรือ อัตตา

ถ้าสักกายทิฏฐิ ตาย ผัสสะหลายอย่างจะกลายเป็นสักแต่ว่า

ถ้าสักกายทิฏฐิและมานะทิฏฐิตาย หมดสิ้น.....ผัสสะทั้งหมดจากทุกทวาร จะกลายเป็น สุญญะ กลายเป็น สักแต่ว่า หมดปฏิกิริยาตอบโต้

การดับผัสสะวิธีแรก ต้องเข้าฌาณสมาบัติ

การดับผัสสะวิธีที่ 2 ่ต้องเข้าสังขารุเปกขาญาณ หรือ พละสมาบัติ (ผลสมาบัติ)

ชีวิตประจำวันของพระอรหันต์ก็คล้ายผู้ที่ผัสสะดับ เพราะทุกสิ่งที่มากระทบทวารทั้ง 6 จะกลาายเป็น สุญญะ เหมือนการเอาจำนวน หรือมูลค่าใดๆมาคูณกับเลขศูนย์ ........X x O = O
tongue tongue tongue
smiley smiley smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ม.ค. 2014, 19:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b8:
ขออนุญาตแจมด้วยคนนะครับน้องวลัยพร


ขาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ว่าไงเจ๊าอ้ายโสกะ
แหม่! มามุกนี้อีกแล้ว โดนคุณวไลแกตราหน้าไว้แล้ว ยังไม่สำเหนียก
เดี๋ยวกระทู้เขาก็เลอะอ๊วกหรอก :b32:
asoka เขียน:
:b8:

การดับผัสสะ มี 2 วิธี

1.ปิดกั้นอายตนะทั้ง 6 ไม่ให้รับผัสสะ อันเป็นตัวปัจจัย....วิธีปิดกั้นที่นิยมมาแต่โบราณ คือใช้ สติ หรือ กรรมฐานต่างๆมาปิดกั้น


มั่วอีกแล้ว การดับผัสสะมันมีสองนัย ถ้าหมายเอาว่า การไม่ปรุงแต่งผัสสะ แต่ยังมีเวทนา
ต้องใช้สติปัฏฐานดับสังโยชน์ให้ได้เสียก่อน

ผู้ที่ดับผัสสะในลักษณะไม่ปรุงแต่ง มีแต่พระอรหันต์เท่านั้น
แต่พระอรหันต์ยังมีความรู้สึกทางกายอยู่ แต่จิตเป็นเพียงกิริยาจิต ไม่เกิดกรรมวิบากแล้ว

และยังมีอีกวิธี นั้นก็คือการดับสนิทชนิดที่ไม่มีความรู้สึกทางกายเลย
นั้นก็คือการทำนิโรธสมาบัติหรือฌาน๙ วิธีนี้ผู้ที่ทำได้มีเพียงพระอนาคามีและพระอรหันต์เท่านั้น
และผู้ที่ทำได้จะต้องเป็นผู้ที่ได้ฌาน๘มาแล้วด้วย
:b32:

asoka เขียน:
:b8:
2.ทำลายผู้รับผัสสะ.....อันเป็นตัวเหตุ.......ผู้รับผัสสะและตอบสนองต่อผัสสะทั้งหลาย ที่อยู่ลึกที่สุดคือ

สักกายทิฏฐิ...หรือ อัตตา

ถ้าสักกายทิฏฐิ ตาย ผัสสะหลายอย่างจะกลายเป็นสักแต่ว่า

ถ้าสักกายทิฏฐิและมานะทิฏฐิตาย หมดสิ้น.....ผัสสะทั้งหมดจากทุกทวาร จะกลายเป็น สุญญะ กลายเป็น สักแต่ว่า หมดปฏิกิริยาตอบโต้

การดับผัสสะวิธีแรก ต้องเข้าฌาณสมาบัติ


พูดส่งเดช ทำลายผู้รับผัสสะ มันก็ต้องฆ่าตัวตายน่ะซิ
แล้วไอ้การเข้าฌานที่โสกะมั่วมาน่ะ มันยังมีมโนผัสสะอยู่น่ะ :b32:

asoka เขียน:
:b8:

การดับผัสสะวิธีที่ 2 ่ต้องเข้าสังขารุเปกขาญาณ หรือ พละสมาบัติ (ผลสมาบัติ)

ชีวิตประจำวันของพระอรหันต์ก็คล้ายผู้ที่ผัสสะดับ เพราะทุกสิ่งที่มากระทบทวารทั้ง 6 จะกลาายเป็น สุญญะ เหมือนการเอาจำนวน หรือมูลค่าใดๆมาคูณกับเลขศูนย์ ........X x O = O
tongue tongue tongue
smiley smiley smiley


พูดอะไรเนี่ย ไม่ได้รู้เรื่องเลย เอาวิปัสสนาญานของปุถุชน มามั่วกับการทำฌานเฉยเลย
โสกะถ้าไม่รู้เรื่อง ก็อย่าพูดมากมันน่าอาย เข้าใจมั้ย :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ม.ค. 2014, 20:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เป็นห่วงกระทู้นี้ ห่วงว่าจะถึงกับเอาไม้เสียบลูกชิ้นปิ้ง แทงตา แทงหู แทงจมูก ตัดลิ้น ตัดเส้นเอ็นร่างกายกัน จนพิกลพิการน่ะ :b32:

ธรรมชาติมันก็ทำหน้าที่ของมัน สิ่งที่ควรกำจัด คือ กิเลส ได้แก่ โลภะ โทสะ โมหะ ที่ไปวุ่นวายกับเขา คือไปแทรกแซงการทำหน้าของตา ของหู ของจมูก ของลิ้น ของกาย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ม.ค. 2014, 21:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณกรัชกาเขียน


อ้างคำพูด:
ธรรมชาติมันก็ทำหน้าที่ของมัน สิ่งที่ควรกำจัด คือ กิเลส ได้แก่ โลภะ โทสะ โมหะ ที่ไปวุ่นวายกับเขา คือไปแทรกแซงการทำหน้าของตา ของหู ของจมูก ของลิ้น ของกาย




เราก็เห็นด้วยกับคุณกรัชกายน่ะ :b41: :b55: :b47:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ม.ค. 2014, 22:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:
คุณกรัชกาเขียน


อ้างคำพูด:
ธรรมชาติมันก็ทำหน้าที่ของมัน สิ่งที่ควรกำจัด คือ กิเลส ได้แก่ โลภะ โทสะ โมหะ ที่ไปวุ่นวายกับเขา คือไปแทรกแซงการทำหน้าที่ ของตา ของหู ของจมูก ของลิ้น ของกาย




เราก็เห็นด้วยกับคุณกรัชกายน่ะ


นึกถึงยังงี้สิครับง่ายๆ คือ ผู้ซึ่งปฏิบัติธรรมถูกต้อง จนรู้แจ้งสัจธรรมความจริงของโลกและชีวิตแล้วเนี่ย ท่านทำอะไรกับตา กับหู กับจมูก กับลิ้น กับกาย ซึ่งเป็นธรรมชาตินี่บ้าง :b1: เช่น เอาช้อนส้อมแทงตาจนบอดไม่เห็น รูป ดำ แดง เป็นต้น แทงๆหูจนเยื่อหูฉีกขาดจนฟังเสียงไม่ได้ยิน ฯลฯ เอามีดตัดเส้นเอ็นร่างกายจนขาดหมดทั้งตัว จนไม่รู้สึกถึงอาการ เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ...บ้าง

ตา หู จมูก ฯลฯ ของท่านก็ยังอยู่ครบ ตายังใช้ดูนั่นนี่ หูก็ยังใช้ฟังเสียงเป็นปกติ จมูกก็ใช้ดมกลิ่นเป็นปกติ คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2014, 01:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ความเห็นผม ผัสสะเกิดดับตลอดเวลาครับ เพราะผัสสะเกิดที่ใดที่หนึ่งในทวาร ไม่ได้เกิดพร้อมกัน ถ้าผัสสะเกิดที่โสต ผัสสะที่ทวารอื่นก็ดับลง แม้อายตนะภายในยังทำงานอยู่และกระทบอายตนะภายนอกก็ตามแต่ไม่เกิดวิญญาณ ก็ไม่เกิดผัสสะครับ ผัสสะดับเพราะอายตนะภายนอกดับลงก่อน หรือวิญญาณดับลงก่อน หรืออายตนะภายในดับลง เช่น หูหนวก

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2014, 09:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ถ้าดับผัสสะได้ขณะที่ยังไม่ปรินิพพาน
อย่างนั้น ก็ดับนามรูป ได้ด้วยสิ

คนอะไร เดินไปเดินมาได้ ไม่มีนามรูป ไม่มีผัสสะ

ลองทบทวนใหม่ครับ คุณวไลพร

บางครั้ง ดูเหมือนมีวิธีดับผัสสะ ได้บ้าง แต่อย่าลืม

มโนผัสสะ

ปิดหู ปิดตา ปิดจมูก แต่ขณะนั้น ไม่ได้ปิดใจ

แม้ไม่ได้คิด จดจ่ออยู่ที่อารมณ์เดียวก็จริง แต่ก็ต้องใช้จิต ไม่ใช่หรือ

จิต เจอกับอารมณ์ ก็คือ มโนผัสสะ

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2014, 09:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


govit2552 เขียน:
ถ้าดับผัสสะได้ขณะที่ยังไม่ปรินิพพาน
อย่างนั้น ก็ดับนามรูป ได้ด้วยสิ

คนอะไร เดินไปเดินมาได้ ไม่มีนามรูป ไม่มีผัสสะ

ลองทบทวนใหม่ครับ คุณวไลพร

บางครั้ง ดูเหมือนมีวิธีดับผัสสะ ได้บ้าง แต่อย่าลืม

มโนผัสสะ

ปิดหู ปิดตา ปิดจมูก แต่ขณะนั้น ไม่ได้ปิดใจ

แม้ไม่ได้คิด จดจ่ออยู่ที่อารมณ์เดียวก็จริง แต่ก็ต้องใช้จิต ไม่ใช่หรือ

จิต เจอกับอารมณ์ ก็คือ มโนผัสสะ


มโนผัสสะดับได้ด้วย วิธีทำสัญญาเวทยิตนิโรธ เป็นนิโรธสมาบัติ(ฌาน๙)
แต่เมื่อออกจากฌาน มโนผัสสะก็จะเกิดดังเดิม

พระอรหันต์ส่วนใหญ่จะปรินิพพาน ด้วยการทำนิโรธสมาบัติที่ว่านี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2014, 09:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


govit2552 เขียน:
ถ้าดับผัสสะได้ขณะที่ยังไม่ปรินิพพาน
อย่างนั้น ก็ดับนามรูป ได้ด้วยสิ

คนอะไร เดินไปเดินมาได้ ไม่มีนามรูป ไม่มีผัสสะ

ลองทบทวนใหม่ครับ คุณวไลพร

บางครั้ง ดูเหมือนมีวิธีดับผัสสะ ได้บ้าง แต่อย่าลืม

มโนผัสสะ

ปิดหู ปิดตา ปิดจมูก แต่ขณะนั้น ไม่ได้ปิดใจ

แม้ไม่ได้คิด จดจ่ออยู่ที่อารมณ์เดียวก็จริง แต่ก็ต้องใช้จิต ไม่ใช่หรือ

จิต เจอกับอารมณ์ ก็คือ มโนผัสสะ




เป็นความปกติของเหตุ ความไม่รู้ที่มีอยู่ ทำให้เกิดการคาดเดาเอาเองว่า จะต้องเป็นอย่างนั้น อย่างนี้
ถึงจะถูกต้อง ตามความรู้สึกนึกคิดของตน ตามที่ตนนั้นรู้

หากไม่ยอมฝึก สักแต่ว่า รู้ เพราะ ไม่รู้จักคำว่า รอ

เป็นเหตุให้ เกิดการสร้างเหตุของ ภพชาติใหม่ ให้เกิดขึ้นเนืองๆ


วลัยพร ได้เกริ่นนำไปตั้งแต่แรกแล้วว่า เรื่อง ดับผัสสะ หรือ วิธีการดับผัสสะ
ไม่ใช่เป็นข้อคิดเห็นของวลัยพร แต่นำมาจาก พุทธวจนะ

หรือคิดว่า เก่งกว่าพระพุทธเจ้า จึงออกมาคัดค้าน พุทธวจนะ

ทั้งๆที่ เพิ่งเกริ่นนำไปเท่านั้นเอง

นี่แหละ พวกใจเร็วด่วนได้

กูรู้ มันเยอะ ล้นจนทนไม่ได้ จึงด่วนติติง ไม่มองก่อนว่า เป็นทิฏฐิของใคร



walaiporn เขียน:
ก่อนเข้าสู่เรื่อง อายตนะ มาพูดถึงเรื่อง กาย กันก่อน

วลัยพร ไม่มีข้อคิดเห็นของตนเอง

ขออาศัยอ้างอิง จากพุทธวจนะ(ยังมีต่อ)

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2014, 10:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b8:
ขออนุญาตแจมด้วยคนนะครับน้องวลัยพร



บอกได้คำเดียวว่า เลี่ยน จนอยากอ้วก

อย่ามาร่ายมนต์ ใส่นะ ไม่กลัวหรอก


asoka เขียน:
การดับผัสสะ มี 2 วิธี

1.ปิดกั้นอายตนะทั้ง 6 ไม่ให้รับผัสสะ อันเป็นตัวปัจจัย....วิธีปิดกั้นที่นิยมมาแต่โบราณ คือใช้ สติ หรือ กรรมฐานต่างๆมาปิดกั้น

2.ทำลายผู้รับผัสสะ.....อันเป็นตัวเหตุ.......ผู้รับผัสสะและตอบสนองต่อผัสสะทั้งหลาย ที่อยู่ลึกที่สุดคือ

สักกายทิฏฐิ...หรือ อัตตา

ถ้าสักกายทิฏฐิ ตาย ผัสสะหลายอย่างจะกลายเป็นสักแต่ว่า

ถ้าสักกายทิฏฐิและมานะทิฏฐิตาย หมดสิ้น.....ผัสสะทั้งหมดจากทุกทวาร จะกลายเป็น สุญญะ กลายเป็น สักแต่ว่า หมดปฏิกิริยาตอบโต้

การดับผัสสะวิธีแรก ต้องเข้าฌาณสมาบัติ

การดับผัสสะวิธีที่ 2 ่ต้องเข้าสังขารุเปกขาญาณ หรือ พละสมาบัติ (ผลสมาบัติ)

ชีวิตประจำวันของพระอรหันต์ก็คล้ายผู้ที่ผัสสะดับ เพราะทุกสิ่งที่มากระทบทวารทั้ง 6 จะกลาายเป็น สุญญะ เหมือนการเอาจำนวน หรือมูลค่าใดๆมาคูณกับเลขศูนย์ ........X x O = O
tongue tongue tongue
smiley smiley smiley




นี่ก็ชอบขายของ ขายไปทั่ว

สักแต่ว่า ท่องจำ :b6:

เมื่อท่องจำมา จึงไม่สามารถ นำไปกระทำเพื่อ ดับเหตุของการเกิดได้

ดูจาก ความยึดมั่นถือมั่น ชอบใช้คำขู่
ชอบร่ายมนต์ ชอบกล่าวคำสาปแช่งผู้อื่น

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2014, 11:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปและรูปอาศัย


ภิกษุ ท. ! มหาภูต (ธาตุ) สี่อย่าง และรูปที่อาศัยมหาภูตสี่อย่างเหล่านั้นด้วย ;
นี้ เรียกว่า รูป.
- นิทาน. สํ. ๑๖/๔/๑๔; และ ขนฺธ. สํ. ๑๗/๗๒/๑๑๓.


ภิกษุ ท. ! ภิกษุ ชื่อว่าผู้ไม่รู้จักรูป เป็นอย่างไรเล่า ?

ภิกษุ ท. ! ภิกษุ ในกรณีนี้ ย่อมไม่รู้ตามเป็นจริง ว่า
“รูป ชนิดใดชนิดหนึ่งนั้น คือมหาภูตสี่อย่าง และรูปที่อาศัยมหาภูตสี่อย่างเหล่านั้นด้วย” ดังนี้.

ภิกษุ ท. ! นี้แล เรียกว่า ภิกษุ ผู้ไม่รู้จักรูป.
- เอกาทสก. อํ. ๒๔/๓๗๘/๒๒๔.


ภิกษุ ท. ! ภิกษุ ชื่อว่าผู้รู้จักรูป เป็นอย่างไรเล่า ?

ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมรู้ตามเป็นจริง ว่า
“รูปชนิดใดชนิดหนึ่งนั้นคือ มหาภูตสี่อย่างและรูปที่อาศัยมหาภูตสี่อย่างเหล่านั้นด้วย” ดังนี้.

ภิกษุ ท. ! นี้แลเรียกว่า ภิกษุ ผู้รู้จักรูป.
- เอกาทสก. อํ. ๒๔/๓๘๑/๒๒๔.

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 116 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 8  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร