วันเวลาปัจจุบัน 16 พ.ค. 2025, 23:53  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2013, 00:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ค. 2013, 22:08
โพสต์: 92

แนวปฏิบัติ: สมถะกรรมฐาน
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
สิ่งที่ชื่นชอบ: การทำสังฆทาน
ชื่อเล่น: ไผ่
อายุ: 21

 ข้อมูลส่วนตัว


คือเป็นบทสนทนาครับและระหว่างการสนทนาจะพรรณาภาพซึ่งยาวมากผมจำไม่ได้หมดจำได้เท่าๆที่จะเขียนดังนี้ครับผม

มนุษย์เราบนโลกนี้ทุกคนล้วนย่อมเคยเห็นสิ่งที่เทวดาส่งมาเตอนเราไม่ให้ประมาทในการใช้ชีวิต ให้มั่นในการทำความดี นั่นคือ เทวฑูต 5 ซึ่งขอเพิ่มมาอีกอันหนึ่งครับ เราย่อมต้องเคยเห็นเด็กพึ่งเกิด เด็กเล็กๆเป็นแน่ นี่คือเทวฑูตที่ 1 ส่วนเทวฑูตที่ 2 คือ เราย่อมเห็นคนแก่ เดินไม่ไหว หอบ เจ็บง่าย อ่อนแอ เหี่ยว นี่ก็คือสิ่งเตือนใจเราอีกอย่างหนึ่ง ส่วนเทวฑูตที่ 3 คือ เราย่อมเห็นคนทุกข์ทรมานจากโรคภัยต่างๆ ความย่อยยับต่างๆทางกายหรือทางใจ ความเป็นโรคภัย ความเสียใจ เทวฑูตที่ 4 เราย่อมต้องเคยเห็นคนตายข้างถนนบ้าง ในโรงพยาบาลบ้าง โจรยิงกับผู้ร้าย หรือแม้กระทั่งผู้ถูกลงโทษประหารชีวิต เทวฑูตที่ 5 เราย่อมเห็นคนตายแล้วมีร่างกายที่เสื่อมโทรมลง ร่างกายย่อยยับ อยู่ในโรงบ้าง สุสานบ้าง นี่แหละครับ เทวฑูตทั้ง 5 อย่างที่เตือนให้เรารู้ว่าชีวิตคนเราไม่แน่นอน อย่าได้เหลิงการใช้ชีวิต อย่าได้เหลิงแก่อำนาจ อย่าได้คิดว่าชีวิตเราจะดีแบบนี้ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

ซึ่งพญายมท่านค่อยๆไล่ถามเมื่อผ่านไปต่อเทวฑูตหนึ่งคนที่ถามว่าท่านประมาทแล้วหยุดทำกรรมชั่วหรือไม่ ซึ่งผลสุดท้ายก็ไล่ไปถึง เทวฑูตที่ ๕ ก็นึกถึงความดีไม่ได้เลย จึงถูกจับทรมานทันทีเลยครับผม

.....................................................
อย่าได้เห็นแก่ความสุข สนุกสนานชั่วครู่คราว
เพราะผลกรรมที่ตามมามันสุดแสนจะ
ทุกข์ทรมาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2013, 10:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


PaiKung26 เขียน:
คือเป็นบทสนทนาครับและระหว่างการสนทนาจะพรรณาภาพซึ่งยาวมากผมจำไม่ได้หมดจำได้เท่าๆที่จะเขียนดังนี้ครับผม

มนุษย์เราบนโลกนี้ทุกคนล้วนย่อมเคยเห็นสิ่งที่เทวดาส่งมาเตอนเราไม่ให้ประมาทในการใช้ชีวิต ให้มั่นในการทำความดี นั่นคือ เทวฑูต 5 ซึ่งขอเพิ่มมาอีกอันหนึ่งครับ เราย่อมต้องเคยเห็นเด็กพึ่งเกิด เด็กเล็กๆเป็นแน่ นี่คือเทวฑูตที่ 1

ส่วนเทวฑูตที่ 2 คือ เราย่อมเห็นคนแก่ เดินไม่ไหว หอบ เจ็บง่าย อ่อนแอ เหี่ยว นี่ก็คือสิ่งเตือนใจเราอีกอย่างหนึ่ง

ส่วนเทวฑูตที่ 3 คือ เราย่อมเห็นคนทุกข์ทรมานจากโรคภัยต่างๆ ความย่อยยับต่างๆทางกายหรือทางใจ ความเป็นโรคภัย ความเสียใจ

เทวฑูตที่ 4 เราย่อมต้องเคยเห็นคนตายข้างถนนบ้าง ในโรงพยาบาลบ้าง โจรยิงกับผู้ร้าย หรือแม้กระทั่งผู้ถูกลงโทษประหารชีวิต

เทวฑูตที่ 5 เราย่อมเห็นคนตายแล้วมีร่างกายที่เสื่อมโทรมลง ร่างกายย่อยยับ อยู่ในโรงบ้าง สุสานบ้าง นี่แหละครับ

เทวฑูตทั้ง 5 อย่างที่เตือนให้เรารู้ว่าชีวิตคนเราไม่แน่นอน อย่าได้เหลิงการใช้ชีวิต อย่าได้เหลิงแก่อำนาจ อย่าได้คิดว่าชีวิตเราจะดีแบบนี้ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง



เมื่อไม่มีใครลงโทษแล้ว คือตัดพญายมออกไป ยังจะพอมองเห็นสารธรรมไหม :b10: :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2013, 01:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ก.ค. 2013, 22:27
โพสต์: 76

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุ

.....................................................
".....มหาปุริสภาวสฺส ลกฺขณํ กรุณาสโห....."
".....อัชฌาศัยที่ทนไม่ได้เพราะกรุณาเป็นลักษณะของความเป็นมหาบุรุษ....."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2013, 18:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 18:54
โพสต์: 615

สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฏก อรรถกถา
ชื่อเล่น: พุทธฏีกา
อายุ: 0
ที่อยู่: ดอยสัพพัญญู

 ข้อมูลส่วนตัว www


พระยายมกล่าวอย่างนี้ว่า ดูกรพ่อมหาจำเริญ ท่านไม่ได้ทำความดีทางกาย
ทางวาจา และทางใจไว้ เพราะมัวประมาทเสีย ดังนั้น เหล่านายนิรยบาลจักลง
โทษโดยอาการที่ท่านประมาทแล้ว ก็บาปกรรมนี้นั่นแล ไม่ใช่มารดาทำให้ท่าน
ไม่ใช่บิดาทำให้ท่าน ไม่ใช่พี่น้องชายทำให้ท่าน ไม่ใช่พี่น้องหญิงทำให้ท่าน ไม่
ใช่มิตรอำมาตย์ทำให้ท่าน ไม่ใช่ญาติสาโลหิตทำให้ ไม่ใช่สมณะและพราหมณ์
ทำให้ท่าน ไม่ใช่เทวดาทำให้ท่าน ตัวท่านเองทำเข้าไว้ ท่านเท่านั้นจักเสวยวิบาก
ของบาปกรรมนี้ ฯ


--------------------------------------------------------------------
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๖
มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
๑๐. เทวทูตสูตร
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.p ... 750&Z=7030

.....................................................
39777.กฎกติกา มารยาท และบทลงโทษ ในการใช้บอร์ด

42529.สีลัพพตปรามาส - สีลัพพตุปาทาน (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
44772.e-Book สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 1 (ลานธรรมเสวนา)
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 2 (ลานธรรมเสวนา)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ส.ค. 2013, 12:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ ท่านพุทธฎีกา

:b47: :b47: :b47:

บุคคลที่ไปพบยมบาลได้นั้น ต้องเป็นบุคคลที่ก่ำกึ่งกันระหว่าง ทำดีกับทำชั่ว
บุคคลที่ถูกส่งตรงนรกทันที หรือไปเป็นสัตว์เดรัจฉาน เปรต อสุรกาย ไม่ต้องให้ยมบาลเสียเวลามาคุยด้วย
คือพวกที่ทำชั่วเยอะ ก็แยกย้ายกันไปตามกรรม ไม่ต้องให้ยมบาลตัดสิน
ส่วนพวกที่ทำดีไว้เยอะ ก็ส่งตรงสู่สุคติ ไปตามกรรมอีกเหมือนกัน

ส่วนพวกที่ก่ำกึ่งกันระหว่างดีกับชั่ว ก็โดนปัญหา 5 ข้อ คำตอบของคำถามทั้ง 5 ข้อนั้น
หากเป็นผู้ที่สำนึกได้ ก็ตอบปัญหาได้ซึ่งคำตอบทั้ง 5 ข้อก็มีคำตอบเดียวคือ เป็นทุกข์
ไม่ว่าจะเห็นอะไร เช่น ทารกเพิ่งเกิด เห็นแล้วเป็นอย่างไร ก็ต้องตอบว่า เป็นทุกข์ เพราะการเกิดนั้น
ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีปรีดา การเกิด แก่ เจ็บ ตาย ต้องโทษติดคุก ล้วนแล้วแต่เป็นทุกข์ทั้งสิ้น

นี่คือคำตอบที่ถูกต้องของทุกข้อ คือ เป็นทุกข์ ใครตอบยมบาลด้วยคำตอบนี้ก็ถือว่า ผ่านค่ะ
และหากยมบาลถามว่า เคยกระทำกุศลอะไรไว้บ้าง ก็คงต้องนึกกันหน่อย หากตื่นเต้นนึกไม่ออกต่อหน้า
ท่าน ก็คงต้องมีแน่นอน เพราะการอยู่ต่อหน้ายมบาลนั้น กดดันเสียยิ่งกว่าอยู่ในศาลเมืองมนุษย์อีก
การนึกคำตอบจึงไม่ง่าย ดังนั้นผู้ที่ทำกุศล และเคยแบ่งบุญให้กับท่านท้าวสักกะเทวราชและท่านยมบาล
ท่านยมบาลจะจำได้และช่วยบอกเราให้เรานึกถึงกุศลได้บ้าง เพราะท่านรู้จักผู้ที่แบ่งบุญให้ท่านหมด
ดังนั้นเวลาทำกุศล ก่อนจะอุทิศให้ใครก็แล้วแต่ต้อง แบ่งบุญให้ท่านท้าวสักกะเทวราชและท่านยมบาล
ก่อนแล้วค่อยอุทิศให้ผู้อื่นต่อไป

คำว่าแบ่งบุญ ก็คืออุทิศบุญกุศลนั่นแหล่ะค่ะ แต่เราจะไม่ใช่คำว่า อุทิศ กับท่านท้าวสักกะเทวราชและ
ท่านยมบาล ค่ะ

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ส.ค. 2013, 14:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ค. 2013, 22:08
โพสต์: 92

แนวปฏิบัติ: สมถะกรรมฐาน
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
สิ่งที่ชื่นชอบ: การทำสังฆทาน
ชื่อเล่น: ไผ่
อายุ: 21

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณสำหรับความรู้เพิ่มเติมนะครับ สาธุๆ

.....................................................
อย่าได้เห็นแก่ความสุข สนุกสนานชั่วครู่คราว
เพราะผลกรรมที่ตามมามันสุดแสนจะ
ทุกข์ทรมาน


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร