วันเวลาปัจจุบัน 19 มี.ค. 2024, 11:14  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 83 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2013, 18:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

ขอแจ้งข่าว “พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก” ลาสิกขาแล้ว !!!
ทางวัดสุนันทวนารามและลูกศิษย์เตรียมแถลงข่าวถึงสาเหตุ
ในวันอังคารที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๖ นี้ค่ะ

พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก พระภิกษุชาวญี่ปุ่น พระนักเผยแผ่ธรรม พระนักปฏิบัติด้านวิปัสสนากรรมฐาน แบบ “อานาปานสติ” ชื่อดัง ทายาทธรรมรุ่นแรกของหลวงพ่อชา สุภัทโท ได้ลาสิกขา (สึกหรือลาออกจากความเป็นภิกษุ) แล้ว เมื่อวันเสาร์ที่ ๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๖ ณ วัดชนะสงคราม ราชวรมหาวิหาร เขตพระนคร กรุงเทพฯ สิริอายุรวมได้ ๖๒ ปี ๑๑ วัน พรรษา ๓๘ หลังจากลาสิกขาแล้ว ท่านได้เดินทางออกจากประเทศไทยกลับไปยังบ้านเกิดที่ประเทศญี่ปุ่นทันที และไม่มีกำหนดกลับ

ทั้งนี้ พระสงฆ์ ลูกศิษย์ลูกหา และแม่ชีวัดสุนันทวนาราม จ.กาญจนบุรี เบื้องต้นยืนยันว่าพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก ได้ลาสิกขาไปแล้ว โดยให้เหตุผลว่ามีปัญหาด้านสุขภาพ อาทิเช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ ความดัน คลอเรสเตอรอลสูง ฯลฯ สุขภาพท่านไม่ค่อยแข็งแรงนัก ป่วยเป็นโรคเบาหวานมานานกว่า ๒ ปีแล้ว ทำให้ไม่สามารถปฏิบัติภารกิจสงฆ์ได้เป็นปกติ นอกจากนี้ยังมีกิจนิมนต์ตลอดเกือบทุกวัน อีกทั้งท่านต้องการวางมือ อยากพักผ่อนเพราะต้องรักษาตัวอีกนาน จำเป็นต้องลาสิกขาจากการเป็นพระ ตลอดจนท่านตั้งใจจะกลับไปรักษาตัวและช่วยงานที่ประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากท่านเคยพูดกับญาติโยมว่าท่านเป็นคนญี่ปุ่น หากมีโอกาสก็อยากจะกลับมาตุภูมิในบั้นปลายชีวิตเพื่อไปช่วยคนญี่ปุ่นบ้าง เพราะคนญี่ปุ่นขณะนี้ก็ยังมีคนที่ลำบากมากเช่นกัน

ก่อนหน้าที่พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก จะไปลาสิกขา ณ วัดชนะสงคราม ราชวรมหาวิหาร และเดินทางกลับไปยังประเทศญี่ปุ่น ในวันเดียวกันนั้นเมื่อเวลา ๐๙.๐๐ น. ท่านเมตตามาบรรยายธรรมอบรมให้แก่ทนายความใหม่ ตามคำนิมนต์ของสภาทนายความ ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี แล้วต่อด้วยไปเทศน์โปรดชาว “Suankeaw.club” ของมหาวิทยาลัยศิลปากรและกัลยาณมิตร ณ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม และท้ายสุดเมื่อเวลา ๑๕.๐๐-๑๖.๓๐ น. ท่านเมตตามาบรรยายธรรม ณ รายการธรรมประทีป WBTV สถานีโทรทัศน์โลกพระพุทธศาสนาฯ วัดยานนาวา (พระอารามหลวง) ซึ่งนับว่าเป็นเทศน์กัณฑ์สุดท้ายของท่านก่อนจะลาสิกขา

:b39: * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * :b39:

อนิจจัง !!! พึ่งจะมีการจัดงานปฏิบัติธรรมเนสัชชิก ทำบุญใส่บาตร และฟังเทศน์ฟังธรรม เพื่อถวายเป็นอาจาริยบูชาแด่ “พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก” เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดครบ ๖๒ ปี (ท่านเกิดเมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๔๙๔) ผ่านมาไม่กี่วันมานี้เองค่ะ ลูกขอน้อมกราบระลึกถึงคุโณปการที่ท่านมีต่อพระพุทธศาสนา คนไทย และมวลมนุษยชาติ ทั้งในอดีตกาลและที่จะมีสืบต่อไปอีกในอนาคตกาลเจ้าค่ะ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=45393

รู้สึกเสียดายพระอาจารย์จริงๆ ค่ะ ท่านเป็นพระดี พระแท้
การลาสิกขาของพระอาจารย์ท่าน
เป็นการสอนธรรมะครั้งสุดท้ายให้แก่พวกเราว่า...
ไม่ควรยึดมั่นถือมั่นในตัวตน ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน
แต่ให้มองที่หลักธรรม ปัจจุบันธรรม
ผู้มีบารมีมาก ย่อมมีแรงต้านมาก ย่อมมีมารมากเป็นธรรมดา
อะไรอะไรมันก็ไม่แน่ อย่าดีใจ อย่าเสียใจ
ทุกอย่างดำเนินไปตามเหตุปัจจัยที่สมบูรณ์ที่สุดเสมอ


รูปภาพ
ในภาพ...พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก ท่านเมตตามาบรรยายธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๖ เวลา ๑๕.๐๐-๑๖.๓๐ น.
ณ รายการธรรมประทีป WBTV วัดยานนาวา (พระอารามหลวง)
นับว่าเป็นเทศน์กัณฑ์สุดท้ายของท่านก่อนจะลาสิกขา


:b40: :b47: :b40:

การสึกจากพระ ซึ่งมักจะมีผู้ใช้ว่า “ลาสิกขาบท” นั้น
เป็นการใช้ไม่ถูกต้อง
เพราะที่ถูกต้องแล้วจะต้องใช้คำว่า “ลาสิกขา” ค่ะ

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=23&t=32190

พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก ลาสิกขา....เพราะอะไร?
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=45597

:b46: รวมคำสอนของครูบาอาจารย์เกี่ยวกับเรื่อง “กามกิเลส”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=48213


ที่มา... http://www.matichon.co.th/news_detail.p ... d&subcatid
facebook พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก
และ facebook ธรรมปทีป ธรรมประทีป วัดยานนาวา

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2013, 19:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


"เสียดายและใจหาย"

onion onion onion

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2013, 19:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 มี.ค. 2011, 13:32
โพสต์: 245


 ข้อมูลส่วนตัว


T T

.....................................................
"องค์ใดพระสัมพุทธ สุวิสุทธสันดาน ตัดมูลเกลศมาร บ มิหม่นมิหมองมัว
หนึ่งในพระทัยท่าน ก็เบิกบานคือดอกบัว ราคี บ พันพัว สุวคนธกำจร"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2013, 22:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

ขอยกความเห็น จาก fb. Savikanoi Dhammajak มาแสดงไว้ ณ ที่นี้ค่ะ

:b39: ๑. ความเห็นของคุณ Nash Siamwalla

ขออนุญาตท่านผู้อ่านไว้ก่อนเลยนะค่ะ จะได้ช่วยป้องกันจิตท่านทั้งหลายที่คิดสงสัย และอาจไปสร้างมโนกรรมในทางที่ไม่ดีกับท่านมิตซูโอะได้ นั่นก็คือ พระอริยบุคคลเบื้องต้น ๓ ระดับ คือ พระโสดาบัน พระสกิทาคามี และพระอนาคามี สามารถอยู่ในเพศฆราวาสได้โดยองค์ธรรมในใจท่านก็ไม่ได้หมองลง เพราะเป็นแล้วเป็นเลยค่ะ ตัวอย่างมีมากมายในสมัยพุทธกาล เช่น อนาถบิณฑิกเศรษฐี เศรษฐีระดับ Warren Buffet ยุคนั้น ยังเป็นทั้งพ่อค้าและพระโสดาบันได้ด้วย ส่วน ลูกสาวของอนาถบิณฑิกเศรษฐี เป็นพระอนาคามี ทั้งยังมีเศรษฐีที่เป็นพระอนาคามีอยู่อย่างน้อย ๒ คนค่ะ คือ อุคคเศรษฐี (บางทีเรียก อุคคคฤหบดี) และ จิตตคฤหบดี นอกจากนี้ นางวิสาขา เป็นพระโสดาบัน ก็มีครอบครัวลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมือง

ดังนั้น หากใครเผลอแม้แต่คิดไม่ดีกับท่านมิตซูโอะไปแล้ว ให้ขออโหสิกรรมเสีย จะได้ไม่เป็นบาปติดตัว เพราะท่านน่าจะเป็นพระอริยบุคคลเบื้องต้นแล้วแน่นอน และยิ่งวจีกรรม ไม่ว่าจะเขียนหรือพูด ก็ยิ่งไม่ควรทำขึ้นไปอีก ผลกรรมจะหนักขึ้นไปยิ่งกว่ามโนกรรมมากมายหลายเท่าค่ะ อย่าก่อกรรมให้ตัวเองด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์เลยนะค่ะ

เรื่องวิบากกรรมที่เกิดขึ้นกับแต่ละบุคคลนั้นเป็นเรื่องซับซ้อน พระพุทธองค์ทรงตรัสว่าไม่ควรไปคาดคิดด้นเดา เป็นปัญหาอจินไตย ปล่อยวางไปเสีย แต่ให้น้อมนำเข้ามาสอนใจตนเองว่า สังสารวัฏเป็นเรื่องน่ากลัว ให้เร่งทำความดี และให้คิดว่า ผู้มีบารมีมาก ย่อมมีมารมากเป็นธรรมดา เกินวิสัยผู้มีบารมีน้อยอย่างเรา ๆ จะเข้าใจได้ ถ้าเป็นห่วงอาการเจ็บป่วยของท่านมิตซูโอะก็ให้แผ่เมตตาให้ท่านได้นะค่ะ จะเป็นท่าทีที่เหมาะสมที่สุดในเวลาเช่นนี้ค่ะ ขออนุโมทนากับทุก ๆ ท่านที่คิดดี พูดดี ทำดี นะค่ะ _/\_

:b39: ๒. ความเห็นของคุณ Panikorn Wanthongchai

มีพระผู้ใหญ่หลายท่านต้องลาสิกขาเพราะมีปัญหาสุขภาพ เหตุเพราะท่านเคารพในสิกขาบท ไม่ต้องการให้พระพุทธศาสนาที่เคารพบูชาต้องมัวหมอง และไม่ต้องการให้เป็นภาระลูกศิษย์ หนทางแห่งอริยมรรคแม้ท่านจะลาสิกขาแล้ว แต่ก็มิใช่่การปิดบังหนทางแห่งที่สุดของโลกุตรมรรค เชื่อว่าด้วยความที่ท่านมีสายเลือดบูชิโด ท่านย่อมมีความกล้าหาญเช่นนี้ และก็เชื่อด้วยว่าท่านจะยังคงปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ขออำนาจแห่งบุญกุศลทั้งหลายที่ท่านได้ทำไว้ให้เกิดประโยชน์สุขในแผ่นดินไทย จงเป็นพละปัจจัยอำนวยให้ท่านหายจากการเจ็บป่วย และได้กลับมาปฏิบัติธรรมอย่างมั่นคงอีกครั้ง

:b44: ๓. ขอเพิ่มเติม : อรรถกถา กุททาลชาดก
แม้บวชแล้วสึก เชื้อแห่งความดีงามยังไม่เสื่อมถอย

มีพระสาวกรูปหนึ่ง นามว่า “พระจิตหัตถสารีบุตร” บวชๆ สึกๆ ถึง ๖ ครั้ง แต่ความดีของท่านไม่เคยเสื่อมถอย ยังมีเชื้อแห่งความดีงามอยู่เสมอ จนในที่สุดเมื่อเวลามาถึง ท่านก็บวชไม่สึกแล้วสำเร็จเป็นพระอรหันต์ พระพุทธเจ้าจึงทรงเล่าชาดก เมื่อครั้งเสวยพระชาติในอดีต เกิดในตระกูลคนปลูกผัก นามว่า “กุททาลบัณฑิต” พระพุทธองค์ก็ทรงเคยบวชแล้วสึกถึง ๖ ครั้งเหมือนกัน แต่เชื้อแห่งความดีไม่เคยเสื่อมถอยไป ครั้งที่ ๗ พระองค์ไม่สึก ได้พระกรรมฐาน แล้วได้แสดงธรรมถวายพระเจ้าพรหมทัต พระราชา จนอยู่ในธรรม กระทั่งพระราชาเสด็จออกบวชเป็นพระฤาษีตามพระพุทธองค์

พระราชาในครั้งนั้น ได้มาเป็น พระอานนท์
บริษัทในครั้งนั้น ได้มาเป็น พุทธบริษัท
ส่วนกุททาลบัณฑิต ได้มาเป็น เราตถาคต


ที่มา... http://www.84000.org/tipitaka/atita100/ ... 0.php?s=70

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2013, 23:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


:b1: ขออนุญาตพูดถึงทางด้านโหราศาสตร์บ้างนะค่ะ

อ.มิ้มเฒ่า โหราศาสตร์โบราณ
แห่ง https://www.facebook.com/profile.php?id=100001236041531

บอกว่า ตอนนี้ดวงเมือง ดาวพฤหัสบดี (๕) โคจรเล็งปะทะดาวพฤหัสบดีดวงเมือง (จีนเรียกว่าชง ๑๐๐%) ย่อมมีผลทำให้พระอริยสงฆ์มรณภาพ หรือ “จากเป็น” เช่น พระอาจารย์มิตซูโอะ ลาสิกขาได้

หมายเหตุ : ดาวพฤหัสบดีโดยทั่วไป หมายถึง ครู พระสงฆ์ ศาสนา กฏหมาย ต่างประเทศ

---------------------------------------------

ตอนปลายปีที่แล้ว ๒๕๕๕ ได้อ่านคำทำนายจากหมอดูหลายๆ ท่าน จำได้ขึ้นใจเลยค่ะว่า สิ่งที่หมอดูทุกท่านพูดตรงกันเรื่องหนึ่ง ก็คือ ภายในปี ๒๕๕๖ จะมีพระอริยสงฆ์หรือผู้นำทางจิตวิญญาณของประเทศไทย (องค์สำคัญมากๆ) ถึงกาลละสังขารค่ะ ตอนนั้นไม่ได้นึกถึงกรณีการ “จากเป็น” เลยค่ะ

ลูกขอน้อมกราบระลึกถึงคุโณปการที่ท่านอาจารย์มิตซูโอะ
มีต่อพระพุทธศาสนา คนไทย และมวลมนุษยชาติ
ทั้งในอดีตกาลและที่จะมีสืบต่อไปอีกในอนาคตกาลเจ้าค่ะ

---------------------------------------------

:b8: เราคนไทยทุกคนมาร่วมแรงร่วมใจกันสร้างกุศลกรรมให้ยิ่งๆ ขึ้นไป
ปฏิบัติตามหลักไตรสิกขา ให้ทาน รักษาศีล เจริญจิตตภาวนา
แล้วแผ่เมตตาอุทิศถวายให้กับประเทศชาติบ้านเมืองของเรากันให้มากๆ ค่ะ

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2013, 08:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 พ.ค. 2010, 12:41
โพสต์: 38

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2013, 08:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ที่นี่ก็พูดถึงอยู่เหมือนกัน

http://www.alittlebuddha.com/

บวชได้ก็สึกได้ ไม่แปลก สึกแล้วก็กลับบ้านเกิดเมืองนอนเขา เพราะไม่ใช่คนไทย ก็เหมือนพระฝรั่งที่บวชๆ แล้วก็สึก สึกแล้วก็กลับประเทศเขา มีบางท่านไม่สึกกลับไปสร้างวัดที่ต่างประเทศก็มีให้เห็นอยู่ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2013, 12:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


นอกจากนี้ พระอาจารย์หนูพรม สุขาโต รองเจ้าอาวาสและรักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดสุนันทวนาราม ได้กล่าวหลังการหารือกับคณะกรรมการมูลนิธิมายา โคตมี กว่า ๒ ชั่วโมงว่า ตามที่พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก ได้ลาสิกขาไปนั้น เป็นความจริง ขณะนี้ท่านเดินทางกลับญี่ปุ่นไปแล้ว และท่านยังคงยืนยันจะทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาในฐานะของฆราวาสต่อไป ทั้งนี้ ทางวัดทราบข่าวการลาสิกขาของท่าน เมื่อท่านเดินทางกลับถึงญี่ปุ่นแล้ว โดยท่านได้แจ้งมายังเพื่อนของท่านที่บวชอยู่ที่วัดป่านานาชาติ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ในส่วนของมูลนิธิมายา โคตมี และโครงการต่างๆ ที่ท่านได้ริเริ่มไว้ คณะทำงานก็จะยังคงดำเนินงานไปตามปกติ เนื่องจากท่านได้วางรากฐานไว้แข็งแรงแล้ว ส่วนสาเหตุที่ลาสิกขายังไม่แน่ชัดเพราะท่านไม่ได้แจ้ง การลาสิกขาของท่านทางวัดไม่ทราบว่าไปสึกที่ไหน และอาการป่วยของท่านก็เป็นองค์ประกอบหนึ่งเพราะท่านเป็นโรคหัวใจ โรคเบาหวาน ฯลฯ ช่วงเวลา ๒-๓ ปีมานี้ พระอาจารย์มีกิจนิมนต์ต้องเดินทางไปเทศน์ตามต่างจังหวัดบ่อยครั้ง ทั้งที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน ในทุกเดือนต้องเดินทางไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ แต่ขอยืนยันว่า ไม่ได้มีปัญหาเกี่ยวกับข้อขัดแย้งในมูลนิธิ หรือเรื่องเงินของมูลนิธิกับเงินของวัดแต่อย่างใด และการที่ท่านจะกลับมาหรือไม่ก็ไม่มีใครจะทราบได้ อย่างไรก็ตาม ทางวัดและมูลนิธิก็จะขอยืนยันเจตนารมณ์เดิมในการที่จะสานต่อเจตนารมณ์ของท่านต่อไป


นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวถึงกรณีพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก เจ้าอาวาสวัดสุนันทวนาราม จ.กาญจนบุรี พระชื่อดัง ลูกศิษย์รุ่นแรกของหลวงพ่อชา สุภัทโท ลาสิกขาว่า หลังทราบข่าวตนรู้สึกงงๆ และตกใจมาก เนื่องจากท่านมิตซูโอะได้บรรพชามานานหลายสิบปี ทำคุณประโยชน์ด้านพระพุทธศาสนามากมาย โดยเฉพาะการสอนและเผยแผ่การปฏิบัติธรรมที่มีความชัดเจน เข้าใจง่าย มีการปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสอนให้ทั้งชาวพุทธที่เป็นคนไทยและต่างชาติ และเดินทางไปเผยแผ่ทั่วประเทศ นอกจากนี้ท่านเขียนหนังสือเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติธรรม ทำการกุศลต่อสาธารณะนำสิ่งของที่ได้รับการถวายมาไปบริจาคช่วยเหลือพี่น้องในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนใต้

“พอทราบข่าวว่าท่านสึก ก็ไม่อยากเชื่อ ช็อกไปเลย เพราะไม่คิดว่าท่านมิตซูโอะจะสึก แต่คนจะคลอดลูก พระจะสึก ห้ามกันไม่ได้ ถือเป็นเรื่องของความพอใจของท่าน ท่านน่าจะคิดทำดีที่สุดแล้ว ส่วนเหตุผลของการสึกครั้งนี้น่าจะเป็นเหตุผลส่วนตัว ที่เรามิอาจจะทราบได้ เพราะที่ผ่านมาท่านไม่เคยมีเรื่องเสื่อมเสีย หรือมีปัญหา มีความขัดแย้งเรื่องใดๆ ท่านทำดีมาโดยตลอด เมื่อท่านสึกออกไปก็น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสิ่งที่ท่านได้สร้างแนวทางปฏิบัติไว้จะมีลูกศิษย์สืบทอดต่อไป สำหรับกระแสข่าวว่าพระมิตซูโอะสึกที่วัดชนะสงครามนั้น บอกตรงๆ ผมไม่ทราบว่าท่านสึกที่ไหนจริงๆ”


ล่าสุด แม่ชีพิณพรรณ เนียมมุณี แม่ชีที่มาปฏิบัติธรรมที่วัดป่าสุนันทวนารามนานกว่า ๘ ปี เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ ๑๑.๐๐ น. ของวันอังคารที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๖ อาจารย์ลัดดา สุวรรณกุล อายุ ๗๑ ปี ข้าราชการบำนาญ อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยศิลปากร จิตอาสาที่เข้ามาช่วยเหลือมูลนิธิภายในวัด ได้รับสายโทรศัพท์จาก อดีตพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก ที่โทรศัพท์ทางไกลมาจากประเทศญี่ปุ่น และแจ้งให้ทราบว่า อาจารย์ท่านได้สอบถามเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของทุกคนในวัดด้วยความห่วงใย และฝากให้ทุกคนในวัดช่วยดูแลทำนุบำรุงวัดและขอให้ช่วยสานต่อโครงการต่างๆ ที่ท่านได้ดำเนินการไว้เพื่อช่วยเหลือสังคมต่อไป

เมื่อเดินทางกลับถึงประเทศญี่ปุ่นบ้านเกิด ท่านก็ได้ไปปรึกษากับเจ้าหน้าที่มูลนิธิมายา โคตมี ที่เคยให้ความช่วยเหลือท่านอยู่ในประเทศญี่ปุ่นแล้วว่า ท่านจะไปช่วยในโครงการที่มูลนิธิฯ ดำเนินการที่ญี่ปุ่น เหมือนอย่างที่ปฏิบัติในเมืองไทย แต่ไปในฐานะของฆราวาส โดยเห็นพร้องต้องกันว่า มูลนิธิฯ จะมีกำหนดการเปิดคอร์สอบรมฝึกกรรมฐานให้แก่คนญี่ปุ่นและคนไทยที่อยู่ในญี่ปุ่นขึ้น ภายในเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๕๖ นี้ รวม ๓ วัน โดยกำหนดการฝึกอบรมกรรมฐานในวันที่ ๒๑ กันยายน ที่เมืองคุมาโมโตะ, วันที่ ๒๒ กันยายน ที่เมืองโอกินาวา และวันที่ ๒๓ กันยายน ที่เมืองนาโกยา ซึ่งในระยะเวลาทั้ง ๓ วันที่ทำการฝึกอบรมกรรมฐาน จะเปิดโอกาสให้คนไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่นเข้าพบเพื่อคลายความสงสัยเรื่องสาเหตุที่ต้องลาสิกขา ในช่วงเวลาระหว่าง ๑๑.๐๐ น. ถึงเวลา ๑๓.๐๐ น. ทุกวัน อาจารย์บอกว่าท่านถึงบ้านแล้ว สบายดี ไม่ต้องเป็นห่วง แต่ท่านยังห่วงคนที่วัด อยากให้ทุกคนปฏิบัติตามคำสอนต่อไป หากมีโอกาสต้องช่วยเหลือคนอื่นที่ด้อยกว่า จึงโทรศัพท์มาแจ้งข่าวเพื่อให้ทุกคนคลายใจ เพราะทราบว่าหลายคนเป็นห่วงอาจารย์มาก แต่อย่างไรก็ตาม ไม่มีการเปิดเผยถึงเมืองที่อยู่อาศัยของอดีตพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก แต่อย่างใด

แม่ชีพิณพรรณ เนียมมุณี กล่าวด้วยว่า ได้รับทราบว่าพระอาจารย์ท่านป่วยเป็นโรคเบาหวานมานานกว่า ๒ ปีแล้ว มีภาวะน้ำตาลสูงมาก สุขภาพท่านไม่ค่อยแข็งแรงนัก และมีกิจนิมนต์ตลอดเกือบทุกวัน โดยเมื่อวันที่ ๗ มิถุนายนที่ผ่านมา พระอาจารย์เดินทางมาที่วัดสุนันทวนารามแห่งนี้ เพื่อเปิดการปฏิบัติธรรมแก่เด็กนักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่ง จากนั้นได้เดินทางออกจากวัดไปในช่วงค่ำ แล้วเดินทางไปต่างประเทศทันที แต่พระอาจารย์ระบุว่ายังไม่ได้ทิ้งวัดแห่งนี้ โดยเมื่อรักษาหายแล้วจะเดินทางกลับมา ส่วนสาเหตุที่ไม่ได้บอกลูกศิษย์เพราะเกรงว่าจะเป็นห่วง

นอกจากนี้ แม่ชีพิณพรรณ เนียมมุณี ยังกล่าวต่อไปอีกว่า “แม่ชีเองรู้สึกเหมือนกับได้เสียพ่อผู้บังเกิดเกล้าไป เหมือนถูกทอดทิ้ง หลังจากที่เรียกสติกลับมาได้ และนึกถึงคำสอนของหลวงพ่อใหญ่ทำให้คิดได้ว่า เราจะต้องไม่ยึดติด ต้องปล่อยให้เป็นไปตามวัฏจักร และต้องเคารพในการตัดสินใจของท่าน เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดกับตัวเรา เราจะไม่รู้ ตัวท่านจะรู้ดีที่สุด”

สำหรับบรรยากาศภายในวัดสุนันทวนารามเป็นไปอย่างเงียบเหงา แต่แฝงไปด้วยความร่มรื่นจากต้นไม้นานาพันธุ์ที่ขึ้นอยู่ริมถนนทั้ง ๒ ฟากฝั่ง บริเวณศาลาพบชีพราหมณ์จำนวนหนึ่งกำลังตั้งหน้าตั้งทำความสะอาดลานวัด พร้อมทั้งล้างภาชนะต่างๆ เช่นที่เคยปฏิบัติมาทุกวัน ส่วนพระภิกษุที่จำพรรษาอยู่ภายในวัดก็ออกบิณฑบาตและทำวัตรเช้าตามปกติ สำหรับกิจกรรมอบรมวิปัสสนากรรมฐานของวัดนั้น ในวันพุธที่ ๑๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๖ จะมีเจ้าหน้าที่สังกัดกระทรวงสาธารณสุขกว่า ๑๐๐ คนมาอบรมปฏิบัติธรรม ซึ่งกำหนดการยังเป็นไปตามปกติ


วันอังคารที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๖ พระอาจารย์หนูพรม สุขาโต เปิดเผยว่า อาการป่วยของพระอาจารย์มิตซูโอะ ยอมรับว่าป่วยเป็นเบาหวานอยู่ และอาจจะเป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำให้ตัดสินใจลาสิกขากลับญี่ปุ่น เพราะในช่วงที่พระอาจารย์มิตซูโอะยังไม่ลาสิกขา แม้จะมีอาการป่วยอยู่ก็ยังสามารถปฏิบัติตามกิจของสงฆ์ได้เป็นปกติ ในส่วนของตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสุนันทวนาราม ซึ่งเป็นวัดสาขาของวัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี นั้น หลังจากนี้จะมีการทำหนังสือแจ้งไปยังวัดหนองป่าพง ถึงเรื่องการลาสิกขาของพระอาจารย์มิตซูโอะ เพื่อที่ทางวัดหนองป่าพงจะได้พิจารณาหาผู้ที่มีความเหมาะสมมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสต่อไป

โครงการสุดท้ายที่พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก ดำเนินการ คือ โครงการเพิ่มพลังการศึกษาด้วยหนังสือธรรมะ โดยแจกจ่ายหนังสือธรรมะไปยังโรงเรียนทั่วประเทศเพื่อเผยแผ่คำสอนในพระพุทธศาสนา

นางสาวดารณี บุญช่วย กรรมการและเหรัญญิกมูลนิธิมายา โคตมี กล่าวว่า มูลนิธิยังดำเนินงานต่อไปและยังสืบเจตนารมณ์ของท่าน ในส่วนของยอดบริจาคยังอยู่ครบ มูลนิธิกับวัดมีบัญชีแยกกันสามารถตรวจสอบได้

นายยงยุทธ ยุงรัมย์ เจ้าหน้าที่มูลนิธิมายา โคตมี กล่าวว่า จากการที่มูลนิธิฯ ได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับการสาสิกขาของพระอาจารย์มิตซูโอะไปแล้วนั้น ขณะนี้ทางมูลนิธิฯ ก็ยังคงดำเนินการตามปกติ โดยเฉพาะโครงการต่างๆ ที่พระอาจารย์มิตซูโอะได้ริเริ่มไว้ เรายังคงสานต่อตามกำลังที่มีอยู่ ส่วนพระที่จะมาทำหน้าที่แทนพระอาจารย์มิตซูโอะ ทางมูลนิธิฯ คงต้องมีการปรึกษากับทางวัดหนองป่าพงว่า จะให้พระรูปใดที่เหมาะสมมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส เพราะวัดสุนันทวนารามเป็นวัดสาขาของวัดหนองป่าพง ส่วนกรณีที่แถลงการณ์ของทางวัดสุนันทวนาราม และของทางมูลนิธิฯ ยังคลุมเครือนั้น ตนบอกได้เพียงว่าเป็นสิ่งที่ชัดเจนที่สุดแล้ว คือ พระอาจารย์มิตซูโอะลาสิกขาไปแล้ว และไม่ได้บอกอะไรกับทั้งทางวัดและมูลนิธิฯ รวมถึง ไม่ได้ฝากอะไรไว้ด้วย ทางเราเองก็สงสัยเหมือนกับประชาชน และลูกศิษย์ที่ศรัทธาในตัวท่าน อย่างไรก็ตามทางมูลนิธิฯ ไม่ได้ติดใจอะไร ทั้งนี้ยอมรับว่ามีลูกศิษย์โทรมาที่มูลนิธิฯ อย่างต่อเนื่อง และถามว่าเพราะอะไรท่านถึงสึก เราก็ตอบได้เพียงเท่านี้

นายยงยุทธ กล่าวด้วยว่า สำหรับที่มีผู้ตั้งข้อสงสัยเรื่องเงินบัญชีของวัดก็จะเป็นชื่อของวัด บัญชีของมูลนิธิฯ ก็จะเป็นชื่อของมูลนิธิฯ ซึ่งการเบิกจ่ายเป็นนิติบุคคล ต้องมีกรรมการเซ็นมากกว่า ๑ คน หากเป็นพระอาจารย์มิตซูโอะคนเดียวจะทำไม่ได้ในเรื่องนี้ จึงอยากให้ประชาชนเข้าใจตรงกัน


ท้ายนี้ ขอกล่าวถึง หนังสืออีกหนึ่งมุมมอง ซึ่งเป็นการรวบรวมบทสัมภาษณ์ที่พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก ได้เมตตาให้สัมภาษณ์ไว้กับสำนักพิมพ์ต่างๆ และตีพิมพ์ในนิตยสารและหนังสือรวม ๕ เล่ม ในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๕๒ บทสัมภาษณ์ของพระอาจารย์ได้สะท้อนมุมมองของท่านต่อ การดำเนินชีวิตอย่างมีสติรู้เท่าทันอารมณ์ โดยใช้พระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นหลักในการแก้ปัญหาทั้งปวง อนึ่ง พระอาจารย์ได้กล่าวถึงประวัติของท่านบางส่วนไว้ด้วยถ้อยคำที่สะท้อนถึงความเมตตา และหลักธรรมอันลึกซึ้ง ดังนี้

“...ต้นซากุระต้นเดียว ทำให้คนจำนวนมากมีความสุขได้
เราก็อยากให้ชีวิตเราเป็นเหมือนซากุระต้นหนึ่ง
ที่มีความงาม และให้ความสุขแก่ผู้คน
‘งาม’ ตามความหมายของพระพุทธศาสนา
ก็คือ งามในศีล สมาธิ และปัญญา...”


ที่มา... facebook พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก
ASTVผู้จัดการออนไลน์ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๖ ๑๓:๓๑ น.
หนังสือพิมพ์ข่าวสดรายวัน ออนไลน์

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2013, 12:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

คลายปม ผ้าเหลืองร้อน “พระมิตซูโอะ” ลือหนีพุทธพาณิชย์

ปรากฏการณ์ฮือฮา สร้างความตะลึง สะเทือนวงการศาสนา หลังข่าวลาสิกขาของพระชื่อดัง “มิตซูโอะ คเวสโก” พระชาวญี่ปุ่น เจ้าอาวาสวัดสุนันทวนาราม ลูกศิษย์รุ่นแรกของหลวงพ่อชา สุภทฺโท ผู้ซึ่งมีคำกล่าวเปรียบเปรยว่า “ซากุระผลิบานเป็นดอกบัว” แพร่กระจายออกไป ท่ามกลางความสับสน แปลกใจ มีการแถลงข่าว เกิดการตั้งคำถาม เป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากมาย เหตุใดพระอาจารย์จึงเลือกเดินทางสู่โลกแห่งความวุ่นวายอีกครั้ง

ปมปริศนา ผ้าเหลืองร้อน

อยู่ใต้ร่มกาสาวพักตร์มานานกว่า 37 พรรษา สำหรับพระชาวญี่ปุ่นชื่อดัง “มิตซูโอะ คเวสโก” พระนักคิด นักเขียน นักพูด เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชนหลายๆ คน แต่จู่ๆ กลับมีข่าวว่าพระอาจารย์มิตซูโอะลาสิกขาแบบกะทันหัน โดยไม่มีใครทราบเรื่องมาก่อน สร้างความตกใจและแปลกใจไม่น้อยให้กับลูกศิษย์ลูกหาที่เคารพในตัวท่าน และเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2556 ก็ยืนยันแล้วว่า พระอาจารย์มิตซูโอะได้ลาสิกขาจริง ณ วัดชนะสงคราม ราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2556 แล้วเดินทางกลับไปยังประเทศบ้านเกิดคือประเทศญี่ปุ่นโดยไม่มีกำหนดการกลับ

คลื่นคำถามซัดเข้ามามากมาย เหตุใดพระอาจารย์มิตซูโอะจึงต้องสึก?? ถึงแม้มีการยืนยันสาเหตุแล้วว่า เนื่องด้วยปัญหาสุขภาพจากโรคเบาหวานที่รุมเร้า แต่ด้วยการไม่รู้กำหนดการลาสิกขาล่วงหน้า คำตอบและท่าทีอึกอักของทาง มูลนิธิมายา โคตมี รวมถึง คำให้สัมภาษณ์จาก พระอาจารย์หนูพรม สุชาโต รองเจ้าอาวาสและรักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดสุนันทวนาราม ที่กล่าวว่า “การลาสิกขาของท่าน ทางวัดไม่ทราบว่าไปสึกที่ไหน และอาการป่วยของท่านก็เป็นองค์ประกอบหนึ่ง แต่ขอยืนยันว่า ไม่ได้มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเงินของมูลนิธิแต่อย่างใด และการที่ท่านจะกลับมาหรือไม่ก็ไม่มีใครจะทราบได้”

เลยทำให้เราต้องสืบค้นข้อมูลเพื่อตอบคำถามค้างใจนี้ให้กระจ่าง

แหล่งข้อมูลหนึ่งที่เชิญพระอาจารย์คนดังมาร่วมงาน และกำลังจะถึงวันงานอีกไม่นานนี้ ได้กล่าวกับทีมงาน ASTV ผู้จัดการ Live ว่าตอนนี้คิวงานถูกยกเลิกทั้งหมด และกล่าวเพิ่มเติมอีกด้วยว่า

สาเหตุหนึ่งที่ทำให้พระมิตซูโอะลาสิกขาแบบเงียบๆ นั้น เพราะมีปัญหากับกรรมการชุดปัจจุบัน ที่มีแนวทางการดำเนินงานแบบพุทธพาณิชย์

“คณะกรรมการใหม่เนี่ย เค้าเพิ่งทำงานมาได้ปี สองปีนะ ไม่ใช่คณะกรรมการที่เคยรู้ใจกันมาตลอด จนท่านเป็นท่านทุกวันนี้ พอเปลี่ยนคณะกรรมการใหม่เค้าก็เปลี่ยนมุมมอง วิธีการ เลยอาจทำให้ขาดความเข้าใจบางอย่าง เพราะท่านเป็นคนจำรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แต่ท่านไม่พูด คือท่านไม่อยากแตะเงินหรอก แต่คนรอบตัวท่านเป็นฝ่ายจัดการ ด้วยวิธีใดบ้างล่ะ มันมากเกินไปจนท่านไม่มีลมหายใจเป็นของตนเอง ท่านเลยสละ และไม่พูดถึงใครตรงนั้นเลยไง ท่านเต็มที่แล้วก็ไปเลย ท่านก็วิเวกของท่านเอง แล้วท่านอาจจะคิดได้ด้วยซ้ำไปนะว่า ในสิ่งที่มันมากเกินไปเนี่ยนะ มันก็เป็นธุรกิจทั้งนั้น

ท่านถูกนิมนต์ไปไหนต่อไหน โดยมีคนจัดการให้ตลอด ตัวท่านเองไม่ได้ใส่ใจเรื่องเงินหรอก แต่วิธีคิด การดำเนินงาน กลายเป็นว่าท่านเลยมานึกว่า ตัวท่านกำลังทำอะไรอยู่ ซึ่งคิดว่าท่านเก็บความรู้สึกนี้มานานแล้ว ท่านรู้มานานแล้วว่ากลุ่มคนพวกนี้วางกำหนดการให้ท่านไปนู่น ไปนี่ แต่ท่านไม่ว่าใคร เป็นนิสัยของท่านอยู่แล้ว คือท่านไม่อยากว่าใคร แล้วคำที่แถลงๆ กัน ที่ออกมาพูด คือไม่อยากให้มีเรื่องราว เพราะจะกระทบกับคนที่อยู่ตามมูลนิธิ ทั้งงานเขียนของท่านต่างๆ สิ่งต่างๆ มันยังต้องดำเนินอยู่ ทีนี้ก็รู้แล้วว่าไอ้สิ่งต่างๆ ดำเนินอยู่ อย่างน้อยสะท้อนไปถึงพระชื่อดังรูปอื่นๆ ที่ทำธุรกิจในเชิงจัดกิจกรรมต่างๆ มันเป็นสิ่งที่ควรระวัง เพราะอาจทำให้เสียบุคลากร คือพระดีๆ ได้ ซึ่งครั้งนี้ท่านสอนให้ทุกคนอยู่ให้ได้ด้วยตัวเอง จะได้รู้ว่าที่เอาท่านมาบังหน้าเนี่ย คนไม่ปฏิบัติตามคำสอนท่านเลย คนที่ทำงานอยู่ใกล้ชิดไม่ปฏิบัติแบบท่าน คนใกล้ชิดไม่นึกถึงหัวใจท่าน”


ชี้ให้เห็น ความไม่เที่ยง

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์การลาสิกขาของพระขวัญใจคนไทยครั้งนี้ ก็เป็นเหตุการณ์ที่เตือนสติชาวพุทธได้เป็นอย่างดีถึงความไม่เที่ยง พระอาจารย์ที่ศึกษาและเผยแผ่ธรรมะมาอย่างยาวนาน มีผลงานเขียนที่ประทับใจคนอ่าน มีมูลนิธิเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ในหลายๆ ด้าน แน่นอนว่าสร้างความตะลึงให้ประชาชนที่เลื่อมใสในตัวท่านไม่น้อย นพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตนเองรู้สึกตกใจเช่นกันกับการลาสิกขาแบบกะทันหันของพระมิตซูโอะเช่นนี้

“ตอนแรกที่ทราบข่าวก็ไม่อยากเชื่อ ช็อกไปเลย เพราะไม่คิดว่าท่านมิตซูโอะจะสึก แต่คนจะคลอดลูก พระจะสึก ห้ามกันไม่ได้ ถือเป็นเรื่องของความพอใจของท่าน ท่านน่าจะคิดทำดีที่สุดแล้ว ส่วนเหตุผลของการสึกครั้งนี้น่าจะเป็นเหตุผลส่วนตัว ที่เรามิอาจจะทราบได้ เพราะที่ผ่านมาท่านไม่เคยมีเรื่องเสื่อมเสีย หรือมีปัญหา มีความขัดแย้งเรื่องใดๆ ท่านทำดีมาโดยตลอด เมื่อท่านสึกออกไปก็น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสิ่งที่ท่านได้สร้างแนวทางปฏิบัติไว้จะมีลูกศิษย์สืบทอดต่อไป อย่างไรก็ตาม กรณีมีกระแสข่าวว่าพระมิตซูโอะสึกที่วัดชนะสงครามฯ นั้น บอกตรงๆ ผมไม่ทราบว่าท่านสึกที่ไหนจริงๆ เพราะการสึกอยู่ที่ผู้บวชพอใจว่าจะสึกที่ไหน กับใคร”

อีกด้านหนึ่ง ในพระธรรมวินัย การลาสิกขาถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาทั่วไปที่พึงกระทำได้ หากกายไม่พร้อม ใจไม่พร้อม อย่างที่ตัวท่านเองมีปัญหาด้านสุขภาพ อาจทำให้ปฏิบัติกิจของสงฆ์ไม่สะดวก การลาสิกขาออกมาเป็นฆราวาสเพื่อได้รักษาสุขภาพ และทำงานเผยแผ่ศาสนาก็ไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด เช่นที่ ดร.บุญรอด บุญเกิด คณบดีคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา กล่าวอธิบาย

“โดยหลักการทางพุทธศาสนานิกายเถรวาทในประเทศไทย ไม่ค่อยยึดติดกับการลาสิกขาอยู่แล้ว การบวชแล้วสึกเป็นเรื่องปกติ ถ้าคุณพร้อมทั้งร่างกายและด้านจิตใจเนี่ย ก็คงอยู่ในสมณเพศต่อไป แต่ถ้าเกิดว่าร่างกายไม่พร้อม จิตใจไม่พร้อม มีปัญหาอะไรต่างๆ เหล่านี้ก็สามารถที่จะลาสิกขาได้ปกติ แต่ว่าพอดีท่านเป็นชาวต่างชาติส่วนนึง อีกส่วนนึงคือท่านเป็นคนมีชื่อเสียง เป็นที่ยอมรับ คนไทยก็เลยจะคิดว่าท่านจะอยู่ตลอดไปอย่างหลวงพ่อปัญญาฯ ท่านพุทธทาสฯ

พอท่านลาสิกขา อาจทำให้คนมองว่าท่านมีปัญหาหรือเปล่า แต่ตามความเป็นจริง ท่านจะมีปัญหาหรือไม่มีปัญหา ท่านก็สามารถที่จะลาสิกขาหรือจำพรรษาต่อไปได้ โดยไม่ผิดระเบียบตรงไหนของพระวินัย แล้ววันนี้ท่านสึกไปแล้ว วันหน้าถ้าท่านพร้อม ท่านจะกลับมาบวชอีกก็ถือเป็นสิทธิพื้นฐานที่ท่านสามารถทำได้ เพราะสาเหตุที่ท่านสึกท่านไม่ได้มีข้อผิดพลาด แต่ถ้าสึกโดยมีข้อผิดพลาดก็จะไม่สามารถกลับมาบวชได้อีก ซึ่งข้อผิดพลาดเนี่ย หมายถึงต้องอาบัติขั้นหนักของวินัยสงฆ์”

ขอชาวพุทธ “อย่า ยึด ติด”

กล่าวได้ว่าพระอาจารย์มิตซูโอะ เป็นดั่งร่มไม้ใหญ่ของพุทธศาสนาในประเทศไทย ชาวพุทธหลายคนที่ชื่นชอบในคำสั่งสอนของท่าน แนวคิดที่เอามาประยุกต์ได้จริง จากจุดนี้เอง โลกออนไลน์จึงมีการวิพากษ์วิจารณ์กันมากมาย ส่วนมากยินดีกับเส้นทางที่ท่านเลือก บางส่วนอาจคิดร้ายไม่น่าฟัง ไปจนถึงบางส่วนที่ว่า เสียใจที่ไม่ได้ปฏิบัติธรรมกับพระมิตซูโอะอีก บางส่วนเลยคิดออกมาเสียงดังว่า คงไม่ไปปฏิบัติธรมแล้ว ประโยคนี้สามารถบอกอะไรหลายอย่างกับเราว่าตอนนี้ผู้คน “ยึดมั่นในตัวพระ” หรือ “ยึดมั่นในคำสอน” กันแน่

“จริงๆ แล้วถ้าเป็นอย่างนั้น สมมติว่ามีคนพูด “ฉันไม่เป็นคนไทยแล้ว” เอ้า ทำไมล่ะ “คนไทยไม่ดี คนไทยมีคดีข่มขืน ขอลาออกจากความเป็นคนไทย อย่างนั้นหรือเปล่า ตรงนี้นะ พระพุทธเจ้าเองก็ตรัสว่า ไม่ให้เรายึดติดกับตัวบุคคล เพราะตัวบุคคลมันไม่แน่ อาจจะดีหรือชั่ว อาจจะเปลี่ยนแปลงได้เพราะเหตุปัจจัยต่างๆ แต่ให้ยึดในหลักการหรือองค์กรหลัก

สมมติอย่างในมหาวิทยาลัย เราชอบผู้ชายคนนึงแล้วเค้าลาออก ต่อไปเราจะไม่เรียนที่มหาวิทยาลัยนั้นแล้วหรอ ซึ่งความจริงถึงจะเปลี่ยนอธิการบดี คณบดี เปลี่ยนอาจารย์สอน มหาวิทยาลัยก็ยังอยู่ได้ เพียงแต่ว่าคนที่เข้ามาก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตรงนี้ก็เช่นเดียวกัน คือพระอาจารย์ตอนที่เป็นสมณเพศอยู่ ก็สอน คนก็เลยยึดติดในตัวท่าน แล้วพอคิดว่าท่านสึกไปแล้วก็คงจะไม่มีคนดีๆ คนเก่งๆ อย่างนี้อีกแล้ว ก็เลยไม่มาปฏิบัติธรรม ซึ่งนั่นแสดงว่าเรายึดติดอยู่กับบุคคล ดังนั้นถ้าบุคคลเปลี่ยนแต่องค์กรยังอยู่ เราก็ต้องปฏิบัติตามหลักธรรมที่ท่านอาจารย์มิตซูโอะหรือที่ตามหลักพุทธศาสนาสอนไว้ ถ้าหลักการมันถูกต้องจะใครสอนก็เหมือนกัน ท่านสึกไปแล้ว ถึงแม้จะเป็นฆราวาสจะมาสอนก็ได้ ไม่เห็นเป็นเรื่องแปลกเพราะปัจจุบันสำนักธรรมที่เป็นฆราวาสก็เยอะแยะไป” ดร.บุญรอด กล่าว

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามแต่ ที่ทำให้ (อดีต) พระอาจารย์มิตซูโอะเลือกกลับมาครองฆราวาสอีกครั้ง แต่สิ่งหนึ่งที่ยังทำให้ผู้คนยังเคารพและศรัทธาในตัวท่านคือการยืนยันที่จะเผยแผ่หลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนาต่อไป เพราะการลาสิกขาไม่ใช่อุปสรรคในการปฏิบัติธรรม ถ้าใจนั้นยังคงเป็นพระ


ที่มา... ASTVผู้จัดการรายวัน 11 มิถุนายน 2556 21:21 น.
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews ... 0000070503

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2013, 21:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 มี.ค. 2011, 13:32
โพสต์: 245


 ข้อมูลส่วนตัว


ผมเข้าใจว่า อาจารย์มิตซูโอะท่านเห็นว่า ธรรมะของท่านที่เมืองไทยก็แข็งแกร่งพอแล้ว ถ้าท่านไปเปิดสอนกรรมฐานที่ประเทศญี่ปุ่นด้วย ก็จะเป็นการขยายกิจการพระพุทธศาสนาที่แท้จริงให้เข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นด้วย และเพื่อให้มีความมั่นคงเหมือนอย่างที่ประเทศไทย ท่านจึงจำเป็นต้องอยู่ที่นู่น เพราะว่าถ้าผู้ที่เป็นหลักอยู่ประเทศไทย อย่างไรการเผยแผ่กรรมฐานของท่านที่ญี่ปุ่นก็ไม่น่าจะแข็งแกร่งได้ ด้วยเหตุนี้ท่านจึงจำเป็นต้องอยู่ที่นู่น และใช้เวลามากพอสมควรที่จะทำให้ความมั่นคงของธรรมะแข็งแกร่งเหมือนอย่างที่ท่านทำในประเทศไทย ท่านจึงต้องไปอยู่ที่นู่น ผมเข้าใจว่าอย่างนี้ เพราะว่าตอนนี้ท่านกำลังจะเปิดสอนกรรมฐานที่ญี่ปุ่นถึง 3 เมือง และเปิดโอกาสให้คนไทยที่ญี่ปุ่นเข้าสัมภาษณ์ได้เพื่อความหายสงสัย ตามลิงค์นี้ครับ


http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews ... 0000070576

.....................................................
"องค์ใดพระสัมพุทธ สุวิสุทธสันดาน ตัดมูลเกลศมาร บ มิหม่นมิหมองมัว
หนึ่งในพระทัยท่าน ก็เบิกบานคือดอกบัว ราคี บ พันพัว สุวคนธกำจร"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2013, 21:38 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2863


 ข้อมูลส่วนตัว


มีเพื่อนคนใดมองเห็นว่าเป็นเรื่องของกรรมไหมคะ
กรรมของแต่ละท่านไม่เหมือนกันคะ


1. พระอริยคุณาธาร (เส็ง ปุสโส ป.ธ.6) วัดเขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น
พระกรรมฐานชั้นผู้ใหญ่ ท่านเป็นลูกศิษย์โดยตรงของหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล
และหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ฯลฯ ท่านอยู่รุ่นเดียวกับครูบาอาจารย์หลายองค์
เช่น หลวงปู่กงมา จิรปุญโญ, หลวงปู่ชอบ ฐานสโม และท่านพ่อลี ธัมมธโร
รวมทั้ง เป็นอาจารย์องค์สำคัญของหลวงพ่อพุธ ฐานิโย ในสมัยฝึกกรรมฐานใหม่ๆ
และเป็นอาจารย์ของพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ วัดภูทอก ด้วย
ท่านเป็นผู้เรียบเรียงหนังสือ ทิพยอำนาจ อันโด่งดังและเป็นที่ยอมรับ
องค์นี้ก็ลาสิกขาตอนแก่ พอสึกแล้ว ไม่ได้กลับมาบวชใหม่
แต่ไปบวชเป็นฤาษี นามว่่า ฤาษีสันตจิต เป็นที่โด่งดังมาก

หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม แห่งวัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี
ก็เคยเดินทางไปเรียนวิชาทิพย์อำนาจหลายอย่างจากพระอริยคุณาธาร
หลวงพ่อจรัญท่านบอกว่า องค์นี้เก่งกล้า สามารถแยกจิตและวิญญาณออกจากกัน
ไปปรากฏกายสอนในที่ต่างๆ กันในเวลาเดียวกันได้อย่างอัศจรรย์

ท้ายที่สุดพระอริยคุณาธาร ท่านก็ละสังขารในขณะเป็นฤาษี

ครูบาอาจารย์ท่านบอกว่ากรณีของพระอริยคุณาธาร เป็นเรื่องของกรรม

2. หลวงตาทองคำ ญาโณภาโส
ท่านเคยอยู่จำำพรรษาร่วมกับหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ที่วัดป่าบ้านหนองผือ จ.สกลนคร
องค์นี้ก็ลาสิกาขาภายหลังหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ละสังขารไปแล้ว
แต่ก็กลับมาบวชใหม่ตอนแก่ มีนามว่า หลวงตาทองคำ จารุวัณโณ
และในที่สุดท่านก็ละสังขารในสมณเพศ

ฯลฯ

และที่สำคัญที่สุด ฆราวาสก็สามารถดำเนินตามโลกุตรมรรคปฏิบัติได้คะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2013, 22:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 มี.ค. 2011, 13:32
โพสต์: 245


 ข้อมูลส่วนตัว


เคยเห็นเขาคุยกันในเว็บว่าพระอรหันต์ครองเพศฆราวาสไม่ได้แล้วเขาก็อ้างมิลินทปัญหา ผมก็สงสัยว่าจริงหรือไม่จริง เพราะว่าการบรรลุอริยบุคคลแต่ละขั้นก็คือการได้ปัญญาเพิ่มขึ้น จนได้ปัญญาถึงที่สุดเรียกว่าพระอรหันต์ ก็เป็นแต่ปัญญา เมื่อเป็นแต่ปัญญาแล้ว ก็สามารถทำทุกสิ่งทุกอย่างได้ แต่ไม่เหมือนคนทั่วๆไป ความไม่เหมือนคนทั่วๆไปนี้อยู่ภายในจิตใจของท่าน ดูไม่รู้ ถ้าไม่มีเจโตปริยญาณ เพราะบางทีท่านก็แกล้งทำให้เหมือนคนทั่วๆไป

ท่านพุทธทาสเคยกล่าวถึงเรื่องมิลินทปัญหาในประเด็นที่ว่าฆราวาสที่สำเร็จพระอรหันต์ถ้าไม่บวชแล้วจะต้องตายนี้ไว้ใน "จดหมายจากสวนโมกข์" หน้า 109 ว่าเป็นเพียงการอนุมานเท่านั้น คำว่าอนุมานนี้ผมก็แปลไม่ออกว่าแปลว่าอะไร เปิดพจนานุกรมแล้วเขาแปลว่า "คาดคะเน" ท่านพุทธทาสท่านเห็นว่าเป็นเพียงการคาดคะเน

.....................................................
"องค์ใดพระสัมพุทธ สุวิสุทธสันดาน ตัดมูลเกลศมาร บ มิหม่นมิหมองมัว
หนึ่งในพระทัยท่าน ก็เบิกบานคือดอกบัว ราคี บ พันพัว สุวคนธกำจร"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2013, 23:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


หัวหอม เขียน:
เคยเห็นเขาคุยกันในเว็บว่าพระอรหันต์ครองเพศฆราวาสไม่ได้แล้วเขาก็อ้างมิลินทปัญหา ผมก็สงสัยว่าจริงหรือไม่จริง เพราะว่าการบรรลุอริยบุคคลแต่ละขั้นก็คือการได้ปัญญาเพิ่มขึ้น จนได้ปัญญาถึงที่สุดเรียกว่าพระอรหันต์ ก็เป็นแต่ปัญญา เมื่อเป็นแต่ปัญญาแล้ว ก็สามารถทำทุกสิ่งทุกอย่างได้ แต่ไม่เหมือนคนทั่วๆไป ความไม่เหมือนคนทั่วๆไปนี้อยู่ภายในจิตใจของท่าน ดูไม่รู้ ถ้าไม่มีเจโตปริยญาณ เพราะบางทีท่านก็แกล้งทำให้เหมือนคนทั่วๆไป

ท่านพุทธทาสเคยกล่าวถึงเรื่องมิลินทปัญหาในประเด็นที่ว่าฆราวาสที่สำเร็จพระอรหันต์ถ้าไม่บวชแล้วจะต้องตายนี้ไว้ใน "จดหมายจากสวนโมกข์" หน้า 109 ว่าเป็นเพียงการอนุมานเท่านั้น คำว่าอนุมานนี้ผมก็แปลไม่ออกว่าแปลว่าอะไร เปิดพจนานุกรมแล้วเขาแปลว่า "คาดคะเน" ท่านพุทธทาสท่านเห็นว่าเป็นเพียงการคาดคะเน


เรื่องนี้ พูดยาก...เน๊อะ...
ถ้ามีพระอรหันต์มาเล่าให้ฟัง...ว่าอะไรเป็นอย่างไรได้...ก็คงจะดี ... :b12: :b9:

ถ้ามองเห็นสาระแค่ตรงปัญญา และหมายถึงแค่ว่าความรู้ ... อยู่ไหนก็อยู่ได้

แต่การที่ปัญญาจะไปถึงระดับนั้น ...
ระดับพลังงานของจิต...เป็นลักษณะที่...นอกสังสารวัฏ
พลังงานที่เป็น นอกสังสารวัฏ ปะปนอยู่กับ พลังงานที่ยังเกาะเกี่ยวเป็นกลุ่มสังสารวัฏ
มันจะปรากฏแรงกระทำที่ทำให้กลุ่มพลังงานที่เกาะเกี่ยวกันเป็นกลุ่มสังสารวัฏ ปั่นป่วน
มันเป็นสภาวะที่ พลังงานสองลักษณะที่แตกต่างกัน มาปะทะกัน
ซึ่ง เมื่อผัสสะในระดับนั้นปรากฏ สิ่งที่สะท้อนออกมาในทัศนะของผู้เข้าถึงธรรมระดับนั้น คือ นิมิตให้ได้หมายรู้
ซึ่ง พระอรหันต์ ที่รับรู้ ท่านก็จะบวช หรือ ไปใช้ชีวิตอย่างปลีกวิเวก...
ถ้าไม่เช่นนั้น ... :b41:
มันก็คงต้องมีทางดำเนิน...ที่เราต่างก็ไม่รู้...

ถ้ามี...ผู้ใดที่จะเฉลยให้หายสงสัยได้ ก็ดี...

:b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มิ.ย. 2013, 00:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


อยู่ได้....แต่ก็อยู่ไม่ได้...จนอยู่ไม่ได้จริง ๆ

ที่อยู่ได้....ก็เพราะความบริสุทธิ์ไม่เคยทำร้ายทำลายอะไร

แต่ก็อยู่ไม่ได้....กลัวคนรอบข้างจะทำบาปกับอรหันต์แบบไม่รู้เพราะเห็นเป็นฆราวาส

และอยู่ไม่ได้จริง ๆ....เพราะหมดอายุไข...

:b9: :b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มิ.ย. 2013, 07:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


เจ้าคณะภาค 1 ยืนยัน “พระมิตซูโอะ” ไม่ได้สึกที่วัดชนะฯ
ด้าน “สำนักพุทธฯ” รอเจ้าคณะตำบลไทรโยค
พิจารณาเจ้าอาวาสวัดสุนันทวนารามแทน “พระมิตซูโอะ”


กรณีการตัดสินใจลาสิกขา (สึก) ไปอย่างกะทันหันของ อดีตพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก พระนักเทศน์ พระนักเขียน ชื่อดังชาวญี่ปุ่น ที่บวชอยู่ในประเทศไทยมานานถึง 38 ปี ทั้งยังเป็นเจ้าอาวาสวัดสุนันทวนาราม ต.ไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี และเป็นลูกศิษย์รุ่นแรกของหลวงปู่ชา สุภัทโท พระสายวิปัสสนากรรมฐานชื่อดัง แห่งวัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับบรรดาลูกศิษย์เป็นอย่างมาก และยังทิ้งปมปริศนาถึงสาเหตุในการลาสิกขา และสถานที่ของการลาสิกขาไว้ด้วยนั้น

ล่าสุด วันที่ 12 มิถุนายน 2556 พระราชวิสุทธิเวที (สายชล ฐานวุฑฺโฒ ป.ธ.9) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม และเจ้าคณะภาค 1 กล่าวภายหลังร่วมพิธีฉลองเปรียญธรรมและมอบทุนการศึกษาประจำปี 2556 สำนักเรียนวัดพรหมวงศาราม ว่า ตามที่สื่อต่างๆ ระบุว่า อดีตพระอาจารย์มิตซูโอะมาลาสิกขาที่วัดชนะสงคราม และตนเป็นผู้ทำพิธีลาสิกขาให้นั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และจากการสอบถามเจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม และพระภายในวัด ก็ยืนยันเช่นกันว่า อดีตพระอาจารย์มิตซูโอะไม่ได้มาลาสิกขาที่วัดชนะสงครามแน่นอน

ซึ่งเรื่องนี้ สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (สมศักดิ์ อุปสโม ป.ธ.9) เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม และเจ้าคณะใหญ่หนกลาง ก็สอบถามมาเช่นกัน และตนได้ยืนยันไปว่า เรื่องการลาสิกขาของอดีตพระอาจารย์มิตซูโอะที่วัดชนะสงครามนั้นไม่เป็นความจริง และโดยส่วนตัวก็ไม่เคยรู้จักอดีตพระอาจารย์มิตซูโอะด้วย อย่างไรก็ตาม อาจจะเป็นไปได้ว่าอดีตพระอาจารย์มิตซูโอะไปลาสิกขาในวัดที่มีชื่อคล้ายกับวัดชนะสงคราม จึงทำให้เกิดการสื่อสารที่ผิดพลาดกันไปได้

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานว่า เรื่องการลาสิกขาของอดีตพระอาจารย์มิตซูโอะนั้น ทางทีมงานรายการธรรมประทีป ซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์โลกพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย วัดยานนาวา ได้มีการพูดถึงเรื่องดังกล่าวทันที หลังจากที่ได้เชิญอดีตพระอาจารย์มิตซูโอะ มาออกรายการสดเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวจึงสอบถามไปยัง นางพรรณทิพา หลักเสลา ผู้ประสานงานรายการธรรมปทีป โดยนางพรรณทิพา กล่าวว่า ในวันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมานั้น อดีตพระอาจารย์มิตซูโอะได้มาออกรายการสดที่วัดยานนาวา ในเวลา 16.00 น. โดยที่ทางรายการไม่ทราบมาก่อนว่าหลังจากนั้นท่านจะไปลาสิกขา ดังนั้น การออกรายการเมื่อวันที่ 8 มิถุนายนจึงถือว่าเป็นการเทศน์ครั้งสุดท้าย โดยในวันนั้นท่านเทศน์ในเรื่องเกี่ยวกับห่วงความสงบสุขในประเทศไทย

ช่วงเย็นวันเดียวกันได้มีกระแสข่าวถึงสาเหตุการลาสิกขาของอดีตพระอาจารย์มิตซูโอะว่า อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อดีตพระอาจารย์มิตซูโอะต้องลาสิกขาไปนั้น ส่วนหนึ่งมาจากการที่ท่านไม่พอใจการบริหารงานของคณะกรรมการมูลนิธิ ที่ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเน้นไปในเชิงพุทธพาณิชย์มากจนเกินไป ผู้สื่อข่าวจึงสอบถามไปยังมูลนิธิมายา โคตมี ซึ่งเป็นหนึ่งในมูลนิธิที่อดีตพระอาจารย์มิตซูโอะตั้งขึ้น ก็ได้รับการปฏิเสธที่จะให้ข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวในตอนนี้ แต่ทางมูลนิธิมายา โคตมีจะมีการชี้แจงรายละเอียดในเรื่องดังกล่าวให้ทราบอีกครั้งในเร็วๆ นี้


ที่มา... หนังสือพิมพ์คมชัดลึก ออนไลน์ วันที่ ๑๓-๐๖-๒๕๕๖
http://www.komchadluek.net/detail/20130 ... B8%AF.html

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 83 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 36 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร