วันเวลาปัจจุบัน 21 ก.ค. 2025, 00:59  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 16 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2013, 06:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


อุทิศเจาะจง

"ทีนี้การอุทิศส่วนกุศลแก่บุคคลต่างๆที่ตายไปแล้ว
จำเป็นไหมครับว่าะต้องออกชื่อ รู้สึกว่า มีมากเหลือเกิน"

ถ้านึกได้ก็ออกชื่อเขาก็ได้ ถ้าออกชื่อน่ะดีอยู่อย่าง
ถ้ากรรมหนาอยู่นิด ถ้าออกชื่อเจาะจงเขาได้เลยนะ
ถ้านึกไม่ออกก็ว่ารวมๆ ญาติก็ดี ไม่ใช่ญาติก็ดี
เอายังงี้ดีกว่า ถ้าขืนไล่ชื่อไปน่ากลัวจะไม่จบ

มันมีอยู่คราวหนึ่ง ไปเทศน์กัน ๓ องค์
บังเอิญที่ไปก็มีอารมณ์จิตคล้ายคลึงกัน
เวลาเพลเขาก็ถวายอาหาร ก็มีพระอื่นด้วยรวมแล้ว ๕ องค์

ทีนี้ตาทายกเขานำอุทิศส่วนกุศลในวันนั้น แกก็ออกชื่อคนตาย
แล้วก็บรรดาญาติทั้งหลายที่ตายไปแล้ว บอกเท่านั้นแหละ
พวกผีก็เข้ามาเป็นหมื่นล้อมรอบศาลาอยู่
ไอ้คนที่เป็นญาติรับโมทนาแล้วผิวพรรณดีขึ้น
ไอ้พวกที่ไม่ใช่ญาติก็เดินร้องไห้กลับ

พอเขานิมนต์ขึ้นไปเทศน์
ตอนลงท้ายเขาถามกันว่า การอุทิศส่วนกุศลทำยังไง
องค์ที่มีปากร้ายอยู่สักหน่อยบอกว่า

ญาติโยมที่นำอุทิศส่วนกุศล อย่าให้ใจแคบเกินไปนักสิ
อย่าลืมว่า การทำบุญแต่ละคราว
พวกปรทัตตูปชีวีเปรต ก็ดี พวก สัมภเวสี ก็ดี จะมายืนล้อมรอบ
อย่างสวดบท อยัญจะโขฯ น่ะ
พวกบรรดาผีทั้งหลายทั่วบริเวณจะคอยโมทนา
แต่ถ้าเราให้แต่ญาติๆก็จะได้
แต่บุคคลอื่นไม่ใช่ญาติจะไม่ได้

ฉะนั้นก็ควรจะให้ต่อๆกันไป
คือว่า ให้ทั้งหมด ทั้งญาติและไม่ใช่ญาติ

การอุทิศส่วนกุศล โดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

ทุกคนมีดีอยู่ในใจตนเสมอกัน ขึ้นอยู่กับว่าเราจะหมั่นกระทำหรือจะสร้างความไม่ดีหรือไม่อย่างไร ถ้าจิตเราเลือกยึดมั่นกระทำแต่ความดี หมั่นสะสมในบุญ จิตย่อมมีสุขพบสุข หากแต่เมื่อใดที่เราหลงในความไม่ดีแต่กลับมองว่าเป็นความดี จิตใจก็มีแต่ร้อนรน จิตอยู่ด้วยความไม่เป็นสุข ไม่สงบ ไม่ว่าจะกระทำสิ่งใด ก็มีแต่จิตที่ไร้ซึ่งความดีเปรียบดั่งมารที่หลอกตนว่าสุขไปวันๆ เท่านั้นเองด้วยความไม่ดีที่ก่อเกิดจนส่งผลกรรมติดตามเรา ให้เป็นกรรมนำทุกข์ พิจารณาให้ดีเถิด ชีวิตไม่มีใครดีมากกว่าหรือน้อยกว่า ใจของเราเท่ากันนะ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ตามที่กระทำความดี สร้างบุญ ทุกคนก็มีดีคนละแบบในชีวิตได้เสมอ อย่าได้เปรียบเทียบว่าใครดีมากหรือดีน้อยกันเลยหนอ







"..การทรงสมาธิวิปัสสนานั้น มิใช่การมานั่งหลับตาแต่เพียงอย่าง เดียว เป็นการปฏิบัติ เพื่อให้ใจเรารู้จัก มีสติสัมปชัญญะ คือ สมาธิ มีปัญญา ในการพิจารณา ธรรมะ ที่เกิดขึ้นอยู่ทุกนาที ที่เราได้พบเห็น ได้ยิน ในเหตุการณ์ทั้งปวง จงมุ่งไว้จุดเดียวว่า เราเข้ามาฝึกพระกรรมฐานนี้ เพื่อหวังการไม่เกิด หวังพระนิพพานเป็นจุดหมาย เมื่อรู้ความหวังของเราแล้ว ก็ต้องรู้ว่าทำอย่างไรถึงจะไปพระนิพพานได้.."



พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

(หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)





ประวัติหลวงปู่มั่น ตอนที35พระพุทธเจ้าและพระสาวกอรหันต์เสด็จมาอนุโมทนาหลวงปู่มั่น



พระพุทธเจ้าและพระสาวกอรหันต์เสด็จมาอนุโมทนา



หลังจากท่านเดินทางถึงแดนแห่งวิมุตติแล้ว คืนต่อ ๆ มามีพระพุทธเจ้าพร้อมพระสาวกจำนวนมากเสด็จมาอนุโมทนาวิมุตติธรรมกับท่านเสมอมิได้ขาด



คืนนั้นพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นกับพระสาวกบริวารเป็นจำนวนหมื่นเสด็จมาเยี่ยม



คืนนั้นพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นกับสาวกบริวารจำนวนแสนเสด็จมาเยี่ยม



คืนนั้นพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นมีสาวกเท่านั้นเสด็จมาเยี่ยมอนุโมทนา



จำนวนพระสาวกที่ตามเสด็จพระพุทธเจ้ามาแต่ละพระองค์นั้นมีจำนวนไม่เท่ากัน ทั้งนี้ท่านว่าขึ้นอยู่กับวาสนาของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ไม่เหมือนกัน ที่พระสาวกตามเสด็จมาด้วยแต่ละพระองค์นั้น มิได้ตามเสด็จมาทั้งหมดในบรรดาพระสาวกของแต่ละพระองค์ที่มีอยู่ แต่ที่ตามเสด็จมามากน้อยต่างกันนั้น พอแสดงให้เห็นภูมิพระวาสนาบารมีของแต่ละพระองค์นั้นต่างกันเท่านั้น



บรรดาพระสาวกจำนวนมากของแต่ละพระองค์ที่ตามเสด็จมานั้น มีสามเณรติดตามมาด้วยครั้งละไม่น้อยเลย ท่านสงสัยจึงพิจารณาก็ทราบว่า คำว่าพระอรหันต์ในนามธรรมนั้นมิได้หมายเฉพาะพระ แต่สามเณรที่มีจิตบริสุทธิ์หมดจดก็นับเข้าในจำนวนสาวกอรหันต์ด้วย ฉะนั้นที่สามเณรติดตามมาด้วยจึงไม่ขัดกัน



ในพระโอวาทของพระพุทธเจ้าทั้งหลายที่ประทานอนุโมทนาแก่พระอาจารย์มั่นนั้น ส่วนใหญ่มีว่า



เราตถาคตทราบว่าเธอพ้นโทษจากอนันตรทุกข์ในที่คุมขังแห่งเรือนจำของวัฏทุกข์ จึงได้มาเยี่ยมอนุโมทนา ที่คุมขังแหล่งนี้ใหญ่โตมโหฬารและแน่นหนามั่นคงมาก และมีเครื่องยั่วยวนชวนให้เผลอตัวและติดอยู่รอบตัวไม่มีช่องว่าง จึงยากที่จะมีผู้แหวกว่ายออกมาได้ เพราะสัตว์โลกจำนวนมากไม่ค่อยมีผู้สนใจกับทุกข์ที่เป็นอยู่กับตัวตลอดมา ว่าเป็นสิ่งที่ทรมานและเสียดแทงร่างกายจิตใจเพียงใด พอจะคิดเสาะแสวงหาทางออกด้วยวิธีต่าง ๆ เหมือนคนเป็นโรคแต่มิได้สนใจกับยา ยาแม้มีมากจึงไม่มีประโยชน์สำหรับคนประเภทนั้น ธรรมของเราตถาคตก็เช่นเดียวกับยา สัตว์โลกอาภัพเพราะโรคกิเลสตัณหาภายในใจเบียดเบียนเสียดแทง ทำให้เป็นทุกข์แบบไม่มีจุดหมายว่าจะหายได้เมื่อไร



สิ่งตายตัวก็คือโรคพรรค์นี้ ถ้าไม่รับยาคือธรรมจะไม่มีวันหายได้ ต้องฉุดลากสัตว์โลกให้ตายเกิดคละเคล้าไปกับความทุกข์กายทุกข์ใจ และเกี่ยวโยงกันเหมือนลูกโซ่ตลอดอนันตกาล ธรรมแม้จะมีเต็มไปทั้งโลกธาตุ ก็ไม่สามารถอำนวยประโยชน์ให้แก่ผู้ไม่สนใจนำไปปฏิบัติรักษาตัวเท่าที่ควรจะได้รับจากธรรม ธรรมก็อยู่แบบธรรม สัตว์โลกก็หมุนตัวเป็นกงจักรไปกับทุกข์ในภพน้อยภพใหญ่แบบสัตว์โลก โดยไม่มีจุดหมายปลายทางว่าจะสิ้นสุดทุกข์กันลงได้เมื่อใด ไม่มีทางช่วยได้ ถ้าไม่สนใจช่วยตัวเองโดยยึดธรรมมาเป็นหลักใจและพยายามปฏิบัติตาม



พระพุทธเจ้าจะมาตรัสรู้เพิ่มจำนวนองค์และสั่งสอนมากมายเพียงไร ผลที่ได้รับก็เท่าที่โรคประเภทคอยรับยามีอยู่เท่านั้น ธรรมของพระพุทธเจ้าไม่ว่าพระองค์ใด มีแบบตายตัวอยู่อย่างเดียวกัน คือสอนให้ละชั่วทำดีทั้งนั้น ไม่มีธรรมพิเศษและแบบสอนพิเศษไปกว่านี้ เพราะไม่มีกิเลสตัณหาพิเศษในใจสัตว์โลกที่พิเศษเหนือธรรมซึ่งประกาศสอนไว้ เท่าที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายประทานไว้แล้วเป็นธรรมที่ควรแก่การรื้อถอนกิเลสทุกประเภทของมวลสัตว์อยู่แล้ว นอกจากผู้รับฟังและปฏิบัติตามจะยอมแพ้ต่อเรื่องกิเลสตัณหาของตัวเสียเอง แล้วเห็นธรรมเป็นของไร้สาระไปเสียเท่านั้น



ตามธรรมดาแล้วกิเลสทุกประเภทต้องฝืนธรรมดาดั้งเดิม คนที่คล้อยตามมันจึงเป็นผู้ลืมธรรมไม่อยากเชื่อฟังและทำตาม โดยเห็นว่าลำบากและเสียเวลาทำในสิ่งที่ตนชอบ ทั้งที่สิ่งนั้นให้โทษ ประเพณีของนักปราชญ์ผู้ฉลาดมองเห็นการณ์ไกล ย่อมไม่หดตัวมั่วสุมอยู่เปล่า ๆ เหมือนเต่าถูกน้ำร้อนไม่มีทางออก ต้องยอมตายในหม้อที่กำลังเดือดพล่าน โลกเดือดพล่านอยู่ด้วยกิเลสตัณหาความแผดเผา ไม่มีกาลสถานที่ที่พอจะปลงวางลงได้ จำต้องยอมทนทุกข์ทรมานไปตาม ๆ กัน โดยไม่นิยมสัตว์น้ำ สัตว์บก สัตว์อยู่บนอากาศและใต้ดิน เพราะสิ่งแผดเผาเร่าร้อนอยู่กับใจ ความทุกข์จึงอยู่ที่นั่น



ที่นี่เธอเห็นพระตถาคตอย่างแท้จริงแล้วมิใช่หรือ?



พระตถาคตแท้คืออะไร คือความบริสุทธิ์แห่งใจที่เธอเห็นแล้วนั้นแล ที่พระตถาคตมาในร่างนี้ มาในร่างแห่งสมมุติต่างหาก เพราะพระตถาคตและพระอรหันต์อันแท้จริงมิใช่ร่างแบบที่มากันนี้ นี่เป็นเพียงเรือนร่างของตถาคตโดยทางสมมุติต่างหาก



ท่านพระอาจารย์กราบทูลว่า



ข้าพระองค์ทราบพระตถาคตและพระสาวกอรหันต์อันแท้จริงไม่สงสัย ที่สงสัยก็คือ พระองค์ทั้งหลายกับพระสาวกท่านที่เสด็จไปด้วยอนุปาทิเสสนิพพานไม่มีส่วนสมมุติยังเหลืออยู่เลย แล้วเสด็จมาในร่างนี้ได้อย่างไร?



พระพุทธเจ้าตรัสว่า



ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งแม้มีความบริสุทธิ์ทางใจด้วยดีแล้ว แต่ยังครองร่างอันเป็นส่วนสมมุติอยู่ ฝ่ายอนุปาทิเสสนิพพานก็ต้องแสดงสมมุติตอบรับกัน คือต้องมาในร่างสมมุติซึ่งเป็นเครื่องใช้ชั่วคราวได้ ถ้าต่างฝ่ายต่างเป็นอนุปาทิเสสนิพพานด้วยกันแล้วไม่มีส่วนสมมุติยังเหลืออยู่ ตถาคตก็ไม่มีสมมุติอันใดมาแสดงเพื่ออะไรอีก ฉะนั้นการมาในร่างสมมุตินี้จึงเพื่อสมมุติเท่านั้น ถ้าไม่มีสมมุติเสียอย่างเดียวก็หมดปัญหา



พระพุทธเจ้าทั้งหลายทรงทราบเรื่องอดีตอนาคตก็ทรงถือเอานิมิต คือสมมุติอันดั้งเดิมของเรื่องนั้น ๆ เป็นเครื่องหมายให้ทราบ เช่น ทรงทราบอดีตของพระพุทธเจ้าทั้งหลายว่าทรงเป็นมาอย่างไรเป็นต้น ก็ต้องถือเอานิมิตของพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น และพระอาการนั้น ๆ เป็นเครื่องหมายพิจารณาให้รู้ ถ้าไม่มีสมมุติของสิ่งนั้น ๆ เป็นเครื่องหมาย ก็ไม่มีทางทราบได้ในทางสมมุติ เพราะวิมุตติล้วน ๆ ไม่มีทางแสดงได้ ฉะนั้นการพิจารณาและทราบได้ ต้องอาศัยสมมุติเป็นหลักพิจารณา



ดังที่เราตถาคตนำสาวกมาเยี่ยมเวลานี้ ก็จำต้องมาในรูปลักษณะอันเป็นสมมุติดั้งเดิม เพื่อผู้อื่นจะพอมีทางทราบได้ว่า พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ๆ และพระอรหันต์องค์นั้น ๆ มีรูปลักษณะอย่างนั้น ๆ ถ้าไม่มาในรูปลักษณะนี้แล้ว ผู้อื่นก็ไม่มีทางทราบได้



เมื่อยังต้องเกี่ยวกับสมมุติในเวลาต้องการอยู่ วิมุตติก็จำต้องแยกแสดงออกโดยทางสมมุติเพื่อความเหมาะสมกัน



ถ้าเป็นวิมุตติล้วน ๆ เช่นจิตที่บริสุทธิ์รู้เห็นจิตที่บริสุทธิ์ด้วยกัน ก็เพียงแต่รู้อยู่เห็นอยู่เท่านั้น ไม่มีทางแสดงให้รู้ยิ่งกว่านั้นไปได้ เมื่อต้องการทราบลักษณะอาการของความบริสุทธิ์ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ก็จำต้องนำสมมุติเข้ามาช่วยเสริมให้วิมุตติเด่นขึ้น พอมีทางทราบกันได้ว่าวิมุตติมีลักษณะว่างเปล่าจากนิมิตทั้งปวง มีความสว่างไสวประจำตัว มีความสงบสุขเหนือสิ่งใด ๆ เป็นต้น พอเป็นเครื่องหมายให้ทราบได้โดยทางสมมุติทั่ว ๆ ไป ผู้ทราบวิมุตติอย่างประจักษ์ใจแล้ว จึงไม่มีทางสงสัยทั้งเรื่องวิมุตติแสดงตัวออกต่อสมมุติในบางคราวที่ควรแก่กรณี และทรงตัวอยู่ตามสภาพเดิมของวิมุตติ ไม่แสดงอาการ



ที่เธอถามเราตถาคตนั้น ถามด้วยความสงสัย หรือถามพอเป็นกิริยาแห่งการสนทนากัน



ท่านกราบทูลว่า



ข้าพระองค์มิได้มีความสงสัยทั้งสมมุติและวิมุตติของพระองค์ทั้งหลาย แต่ที่กราบทูลนั้นก็เพื่อถวายความเคารพไปตามกิริยาแห่งสมมุติเท่านั้น แม้พระองค์กับพระสาวกจะเสด็จมาหรือไม่ก็มิได้สงสัยว่าพระพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์อันแท้จริงมีอยู่ ณ ที่แห่งใด แต่เป็นความเชื่อประจักษ์ใจอยู่เสมอว่า ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเราตถาคต อันแสดงว่าพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ มีใช่ธรรมชาติอื่นใดจากที่บริสุทธิ์หมดจดจากสมมุติในลักษณะเดียวกันกับพระรัตนตรัย



พระพุทธเจ้าตรัสว่า



การที่เราตถาคตถามเธอ ก็มิได้ถามด้วยความเข้าใจว่าเธอมีความสงสัย แต่ถามเพื่อเป็นสัมโมทนียธรรมต่อกันเท่านั้น



บรรดาพระสาวกที่ตามเสด็จพระพุทธเจ้ามาแต่ละพระองค์และแต่ละครั้งนั้น มิได้กล่าวปราศรัยอะไรกับท่านพระอาจารย์มั่นเลย มีพระพุทธเจ้าประทานพระโอวาทพระองค์เดียว ส่วนพระสาวกทั้งหลายเป็นเพียงนั่งฟังอยู่อย่างสงบเสงี่ยม น่าเคารพเลื่อมใสมากเท่านั้น แม้สามเณรองค์เล็ก ๆ ที่น่ารักมากกว่าจะน่าเคารพเลื่อมใส ก็นั่งฟังอยู่อย่างสงบเสงี่ยม เช่นเดียวกับพระสาวกทั้งหลาย อันเป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสมากและน่ารักมากด้วย ซึ่งยังอยู่ในวัยเล็กมากก็มี อายุราว ๙ ขวบ ๑๐ ขวบ ๑๑





คนที่รู้จักใช้ชีวิต เพียงมีธรรมนำชีวิต ให้เรารู้ว่า สิ่งใดที่จะกระทำผิดหรือถูก เมื่อกระทำถูกก็มีผลดีกับชีวิต เมื่อรู้ว่าจะผิดก็หยุด ปรับเปลี่ยนความคิด หยุดที่จะกระทำ พิจารณามุมมองดีๆ เพียงเท่านี้ชีวิตก็เป็นสุข สุขที่เกิดได้ด้วยรู้เท่าทันใจตน ด้วยสติแลปัญญา พิจารณาให้ดีเถิด ชีวิตทุกชีวิตต้องมีการเรียนรู้ รู้อย่างเข้าใจ





" ตั้งหิ้งพระในห้องนอนกลัวบาป "



ผู้ถาม : อยากเรียนถามหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง คือว่าลูกมีความจำเป็นจึงต้องทำหิ้งพระไว้ในห้องนอน แต่มีคนบอกว่าการที่ทำหิ้งพระไว้ในห้องนอนจะมีบาปมีกรรม เพราะเวลาผัดหน้าแต่งหน้าหรือนอนทำให้พระพุทธรูปกำลังใจเสีย ทีนี้จะย้ายไปก็ไม่สะดวก จะทำจิตทำใจอย่างไรเมื่อมีความจำเป็นอย่างนี้เจ้าคะ



หลวงพ่อ : ปัดโถ่เอ๋ย ท่านมีเนื้อมีท่านยังไม่เสียเลย ดี เป็นมงคลใหญ่ไม่เป็นไร ทำตามปกติ พระพุทธเจ้าท่านว่าใครล่ะ ดิ้นเป็นเรอะ ถ้าพระพุทธเจ้าดิ้นเป็นสงฆ์ไม่เหลือแล้ว



ดี พระอยู่ในห้องนอนน่ะดี เห็นทุกวัน ตื่นขึ้นมาก็มองเห็น ไปทำงานก็มองเห็น จิตเป็นพุทธานุสสติ อันนี้มันลงนรกไม่ได้อยู่แล้ว จะแก้ผ้าแก้ผ่อนอย่างไรก็ตามเถอะ นิมนต์พระดูด้วยก็ได้ นานๆ ที (หัวเราะ)





" คู่ครอง "



ถาม : ...เราทำบุญหรือทำกรรมอะไรมา ต้องมาผิดหวังในเรื่องของคู่ครอง ?



ตอบ : เรื่องนี้ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าสมัยก่อนไปแย่งของคนอื่นเขาไว้หรือเปล่า ? จริง ๆ แล้วหลวงพ่อท่านบอกว่า “อยู่คนเดียวเปลี่ยวกายแสนสบายแต่ไม่สนุก ถ้าอยู่สองครองทุกข์ถึงสนุกก็ไม่สบาย”



ความจริงเราสบายนะ เราลดทุกข์ลงไปครึ่งหนึ่ง คอยดูคนรอบ ๆ ข้างเราสิ ถึงรักกันปานจะกลืนก็เถอะ ถึงเวลามันก็ต้องทะเลาะเบาะแว้ง กระทบกระทั่งกันอยู่ตลอด ลิ้นกับฟันถึงจะมีลูกเป็นโซ่ทองคล้องใจก็จริง แต่ถ้าคนเราเวลาเหนื่อยมา เวลาหิวมา เวลาเจ็บไข้ได้ป่วย อารมณ์มันเสียง่ายเดี๋ยวก็ทะเลาะกัน



ดูว่ารอบข้างเรามีคู่ไหนที่เขามีความสุขจริง ๆ มันจ๊ะจ๋าหวานจ๋อยกันได้พักเดียวแล้วหลังจากนั้นก็ทุกข์ล้วน ๆ ถามคนข้าง ๆ สิเขาแต่งมาแล้ว ถามว่าพี่มีความสุขจริง ๆ ไหม ? ไม่มีหรอก ลำบากจะตายชัก เหนื่อยจากข้างนอกมาด้วยกันแท้ ๆ กลับมาบ้านเรายังมีเจ้านายเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง ถ้ามีลูกก็เพิ่มขึ้นอีกสองคน บางครอบครัวเห็นแล้วก็น่าสงสาร





" การทรงฌาน "



ถาม : แล้วมันมีจุดหนึ่งครับในการทำสมาธิ อาการใจมันไม่เคลื่อนเลย มันไม่ต่ำลงไปแล้วก็ไม่สูงขึ้น ?



ตอบ : อันนั้นเป็นการทรงฌาน ถ้าหากว่าทรงฌานตอนแรก ๆ มันไม่เคยชิน มันเหมือนกับเราได้อะไรมหาศาลน่าตื่นเต้นมาก แต่หลังจากที่เราทำไป ๆ สิ่งที่เราคิดว่าได้มากมหาศาลแท้จริงมันมีนิดเดียว มันก็เลยกลายเป็นว่ามันชักเฉย ๆ เหมือนกับตายด้านกับมัน



เพียงแต่ว่าลักษณะนั้นจริง ๆ แล้วก็มีประโยชน์ สามารถรักษาใจของเราไม่ให้ฟุ้งซ่านไปกับรัก โลภ โกรธ หลงได้ นิวรณ์จะกินใจของเราไม่ได้



แต่ว่าให้มีสติอยู่เสมอว่า เราแค่อาศัยมันเท่านั้น มันไม่ใช่ที่พึ่งที่แท้จริงของเรา มันเป็นเพียงเครื่องมือที่จะส่งเราให้ไปถึงจุดหมายเท่านั้นเอง ถ้าหากว่าเราไม่มีสติไปยึดไปเกาะว่ามันเป็นสิ่งที่ดีวิเศษเลิศแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ยังยึดติดอยู่ในรูปราคะอรูปราคะ เป็นสังโยชน์ใหญ่ที่ดึงให้เราอยู่กับวัฏฏะต่อไป







เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


กำหนดการลงมารับสังฆทานและเจริญกรรมฐานของตุ๊พ่อสิงห์เดือนมิถุนายน2556
084-640-1363

เชิญเป็นเจ้าภาพโรงทาน "หล่อพระพุทธมารดา" งานบุญวันอาสาฬหบูชา
โทร: 086-8032001


ร่วมน้อมถวายเครื่องกรองน้ำหลายวัดที่นครพนม
086-1050222

ขอเชิญร่วมบุญถวายเทียนพรรษา ๙ วัด ประจำปี ๒๕๕๖
081-8052466




ขอเชิญสาธุชนผู้ใจบุญร่วมบุญใหญ่สร้างศาลาปฏิบัติธรรม กับหลวงปู่บุญเพ็ง ขันติโก
081-873-8561

ขอเชิญร่วมสร้างศาลาโรงธรรม
๐๘๔๔๐๔๔๖๗๗

ร่วมสร้างบุญ สร้างพระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ วัดถ้ำเขามะกา จังหวัดสระแก้ว
081-6294651

ร่วมสร้าง ศาลาการเปรียญ กับ วัดจากแดง
http://www.facebook.com/MATTABUDDHA

หล่อพระเนื้อสำริด วาระที่ ๓ ส่วนพระเศียร
086-378-3401


ขอเชิญร่วมบุญสร้างเครื่องทรงพระพุทธอาภากรมงคลสถิต
โทร 081-2707969


ขอเชิญร่วมปิดทองท่านปู่พระอินทร์_ท่านย่า ที่เรือนท่านปู่ท่านย่าวัดวีระโชติธรรมาราม
https://www.facebook.com/metaya.p?hc_location=stream

ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพถวายปัจจัยแด่พระมหาเถระทรงสมณศักดิ์และครูบาอาจารย์
โทร.๐๘๘-๙๙๕-๖๕๙๕ ,๐๘๘-๙๓๒-๖๕๖๓

ขอเชิญร่วมพิธีสมโภช บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เบิกเนตรพระพุทธเจ้า ๒๘ พระองค์ที่ วัดม่วง อ.เมือง จ.นครราชสีมา
๒๓ มิ.ย. ๕๖ โดยหลวงปู่คำบุ เป็นประธาน ติดต่อสอบถามได้ที่ พระปลัดไพวัลย์ จิตตคุตโต ๐๘๑ ๙๖๗๘๐๙๔ ได้ทุกวัน


ร่วมทำบุญสมทบ เทพื้นซีเมนต์ ศาลา แทนหลังเก่าที่ทรุดโทรมวัดป่าวิเวก
ธนาคารกรุงไทย สาขามุกดาหาร บัญชีวัดป่าวิเวก เลขที่บัญชี 420-0-22456-9


ถวายตู้+พระไตรปิฏก(ฉบับมหาจุฬา) แด่วัดขาดแคลน 37 วัด
http://www.yantip.com/viewthread.php?ti ... 3D1&page=1

ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพหล่อสมเด็จองค์ปฐมเนื้อทองคำ

และสมเด็จองค์ปฐม หน้าตักกว้าง 80 นิ้ว

และเลี้ยงภัตตาหารเพลพระภิกษูสงฆ์ 1,000 รูป

ณ.วัดสระพัง ต.ดอนข่อย อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม


ในวันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ 2556
เวลา 13.49 น. เททองหล่อสมเด็จองค์ปฐม



ขอเชิญร่วมทำบุญสร้างฉัตรกลางแจ้งถวาย "หลวงพ่อสำเร็จทันใจ"
โทร.084 – 7972215

เชิญจาริกแสวงบุญสู่แดนพุทธภูมิ อินเดีย–เนปาล นมัสการสังเวชนียสถาน 4 ตำบล : 27ธค56-5 มค57
086-100-2195


ขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมบุญใหญ่มหากุศลสร้างพระพุทธโสธรจำลองสูง 7 เมตร
081-018-5836

สร้างพระบรมรูปพ่อขุนศรีอินทราทิตย์และพ่อขุนผาเมือง ณ ทุ่งบางงา อ ท่าวุ้ง ลพบุรี
โทร 081 834 1338

ขอเชิญร่วมทำบุญโครงการบูรณะพระพุทธรูปสมัยโบราณ วัดพระเชตุพน (วัดโพธิ์) ให้สวยงามดังเดิม

ร่วมทำบุญได้ที่

ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาปากคลองตลาด 1

ชื่อบัญชี โครงการบูรณะพระพุทธรูปสมัยโบราณ

เลขที่บัญชี 262-300097-8


ร่วมทำบุญสร้างสมเด็จองค์ปฐม ณ สำนักหินชะโงก จ.กำแพงเพชร
ณ สำนักหินชะโงก ต.วังควง อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร


ร่วมทำบุญสร้างสมเด็จองค์ปฐม และหล่อพระ กับมูลนิธิเพื่อแผ่นดิน
ร่วมทำบุญสร้างซุ้มเรือนแก้วของสมเด็จองค์ปฐม

และเททองหล่อพระสิวลี และพระมหากัจจายนะ

ในวันอาสาฬหบูชา 2556 (วันที่ 22 กรกฎาคม 2556)

ร่วมทำบุญได้ที่

ธ.กรุงไทย มูลนิธิเพื่อแผ่นดิน 521-0-14153-5

ธ.ไทยพาณิชย์ โครงการสร้างพระฯ 566-4-58568-8


สร้างกุฏีที่พักสำหรับพระภิกษุอาพาธในกรุงเทพฯ
มือถือ 086-1050222

ขอเชิญร่วมบุญผ้าป่าบูรณะซ่อมแซมวัดท่าสองคอนและวัดปัพพตาวาส อ.สังคม หนองคาย
084 6837 580


(ปิดรับ 14 มิ.ย.) แผ่นละ 8 บาทปิดทองพระพุทธชินราช 4 เมตร ณ.วัดจากแดง
085-361-4989

ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพกระดิ่งช่อฟ้าศาลาการเปรียญ จำนวน ๕ ลูก
โทร. 084 – 7972215


ขอเชิญเป็นเจ้าภาพหล่อเทียนพรรษา ๒๕๕๖ จำนวนทั้งหมด ๓๕ ต้น
โทร.๐๓๕-๘๓๗๕๙๐

ต้องการหาเจ้าภาพสร้างพระประธานประดิษฐานที่ศาลาปฏิบัติธรรม
0868431282


บุญใหญ่ หล่อพระพุทธรูป ร่วมกับ พระครูบาเหนือชัย โฆสิโต(พระขี่ม้า) รวม ๓๒๙ องค์
081-9106286

บุญเร่งด่วน...สร้างแท่นหลวงปู่ทวดปางยืนและป้ายหินอ่อนบูชาพระคาถา
089-6427273

ขอเชิญสร้างสมเด็จองค์ปฐม ๖๐ นิ้วพระประธานโบสถ์และกฐิน ถวาย ๑๖ พย ๒๕๕๖
โทร. 097-172-1557


ลูกหลานหลวงพ่อโสธร ร่วมเป็นเจ้าภาพ.๙,๙๙๙ กองบุญ มหากฐินสามัคคี เททองหล่อพระ กองละ ๙๙ บ
084-7733177


เชิญร่วมพิธียกเสาเอกศาลาหลวงพ่อสุโขทัย
วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน 2556
ณ วัดสักใหญ่ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี

ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคี ณ สำนักสงฆ์หลังถ้ำ จ.อุบลฯ
081 – 1533091

ขอเชิญร่วมบวชเนกขัมมะปฎิบัติธรรม
ณ สำนักสงฆ์วัดป่าน้ำตกเขมโก
0819812587

ร่วมบุญเป็นเจ้าภาพผ้าป่าสามัคคีสร้างกำแพงวัดป่าดอนหายโศก จ.อุดรธานี


ด่วน ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าหาทุนต่อเติมอาคารแก่ผู้ป่วยพื้นที่สูง(ชาวเขา)โดยกำหนดถวายองค์ผ้าป่าในวันศุกร์ ที่ ๒๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๖ เวลา ๑๐.๐๐ น. ณ สถานบริการสาธารณสุขชุมชนบ้านกาหม่าผาโด้ หมู่ ๕ ตำบลแม่หละ อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก

ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างองค์พระพุทธโสธร ที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดสมุทรสาคร
084-326-7286

โครงการถวายพระไตรปิฎกสืบสานศาสนธรรม ในไทย ลาว พม่า เวียดนาม กัมพูชา จีน !!
086 – 670 – 4579

ขอเชิญร่วม บริจาค ชุดเครื่องเขียน แก่เด็กที่ยากจนแต่มีคุณธรรม
โทร.๐๘๒-๑๑๒๕๙๕๔


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2013, 10:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


บุญ คือ เครื่องชำระสันดาน ความดี กุศล ความสุข ความประพฤติชอบทางกาย วาจา ใจและกุศลธรรม และปารมีหรือบารมี หมายถึง คุณความดีที่บำเพ็ญอย่างยิ่งยวด เพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายอันสูงยิ่ง...


สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนแก่พาหิยะนั้น

ถือเป็นที่สุดของวิปัสนา

ดูกรพาหิยะในกาลใดแล
เมื่อท่านเห็นจักเป็นสักว่าเห็น
เมื่อฟังจักเป็นสักว่าฟัง
เมื่อทราบจักเป็นสักว่าทราบ
เมื่อรู้แจ้งจักเป็นสักว่ารู้แจ้ง
ในกาลนั้นท่านย่อมไม่มี
ในกาลใดท่านไม่มี
ในกาลนั้นท่านย่อมไม่มีในโลกนี้
ย่อมไม่มีในโลกหน้า
ย่อมไม่มีในระหว่างโลกทั้งสอง

นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์ฯ"



ภิกษุทั้งหลาย ! เรากล่าวการกระทำตอบแทน ที่ทำได้ไม่ง่ายแก่ท่านทั้งสอง ท่านทั้งสอง นั้นคือใคร ? คือ มารดา บิดา
ภิกษุทั้งหลาย ! บุตรพึงประคับประคอง มารดา ด้วยบ่าข้างหนึ่งพึงประคับประคอง บิดา ด้วยบ่าข้างหนึ่งเขามีอายุมีชีวิตอยู่ตลอดร้อยปี และเขาพึงปฏิบัติ ท่านทั้งสองนั้นด้วยการอบกลิ่น การนวด การให้อาบน้ำ และการดัด และท่านทั้งสองนั้น พึงถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะบนบ่าทั้งสองของเขานั่นแหละ"
ภิกษุทั้งหลาย ! การกระทำอย่างนั้นยังไม่ชื่อว่า...อันบุตรทำแล้วหรือทำตอบแทนแล้วแก่มารดาบิดาเลย
ภิกษุทั้งหลาย ! อนึ่ง"บุตรพึงสถาปนามารดาบิดาในราชสมบัติอันเป็นอิสราธิปัตย์ ในแผ่นดินใหญ่อันมีรตนะ ๗ ประการมากหมายเช่นนี้" การกระทำกิจอย่างนั้นยังไม่ชื่อว่า...อันบุตรทำแล้วหรือทำตอบแทนแล้วแก่มารดาบิดาเลยข้อนั้นเพราะเหตุไร ?
เพราะมารดาบิดามีอุปการะมาก บำรุงเลี้ยง แสดงโลกนี้แก่บุตรทั้งหลาย
ส่วนบุตรคนใด...ยังมารดาบิดาผู้ไม่มีศรัทธา ให้สมาทานตั้งมั่นในสัทธาสัมปทา(ความถึงพร้อมด้วยศรัทธา) ยัง มารดาบิดาผู้ทุศีล ให้สมาทานตั้งมั่นใน สีลสัมปทา(ความถึงพร้อมด้วยศีล) ยัง มารดาบิดาผู้มีความตระหนี่ ให้สมาทานตั้งมั่นใน จาคสัมปทา(ความถึงพร้อมด้วยการบริจาค) ยัง มารดาบิดาทรามปัญญา ให้สมาทานตั้งมั่นใน ปัญญาสัมปทา(ความถึงพร้อมด้วยปัญญา)
ภิกษุทั้งหลาย ! ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้แล การกระทำอย่างนั้นย่อมชื่อว่า... อันบุตรนั้นทำแล้วและทำตอบแทนแล้วแก่มารดาบิดา.

กายกับใจนั้น มีความสัมพันธ์กันอย่างแนบแน่น ความเจ็บป่วยด้านหนึ่งอาจส่งผลอีกด้านหนึ่งได้ เช่น คนป่วยทางกาย ถ้าใจตกหรือใจเสีย ที่ป่วยน้อยก็ป่วยมาก ที่ป่วยมากก็ทรุดหนักไปอีก โรคทางใจบางอย่างก็ทำให้เกิดโรคทางกาย เช่น เกิดความวิตกกังวล เครียดมาก ๆ ก็ทำให้ปวดหัว หน้ามืดตาลาย หรือเป็นโรคกระเพราะได้...







ภิกษุณีปฏาจารา อ่านว่า ปะ ตา จา รา
สาวน้อย ปฏา จารา
มีวาสนา เกิดมา ตระกูลใหญ่
พ่อแม่เธอ ร่ำรวย เกินกว่าใคร
ปราสาทใหญ่ สูงเจ็ดชั้น นั้นบ้านเธอ
รอบกายเธอ มีสาวใช้ วัยไล่เลี่ย
เฝ้าคลอเคลีย คอยรับใช้ ไม่ห่างหาย
ไม่มีแม้ สักคน ที่เป็นชาย
หญิงมากมาย เฝ้ารับใช้ ให้บันเทิง
พ่อแม่แสน หวงห่วง หวงลูกรัก
แม่ห้ามหนัก ไม่ให้ลง ไปเที่ยวไหน
คอยกีดกัน ไม่ให้พบ สายตาชาย
อยู่สบาย แค่ในบ้าน ไม่อาจจร
แต่มนุษย์ มักเป็น ดังเช่นนี้
ยามที่มี สุขสบายมาก อยากจะหนี
อยากแสวงหา สิ่งแปลกใหม่ ในชีวี
กินอยู่ดี ก็น่าเบื่อ เหลือจะทน
แม้จะมี ความสุข อย่างล้นเหลือ
มีเหลือเฟือ ของกินใช้ ไม่ขัดสน
แต่ก็เหมือน นกน้อย ที่บินวน
เพราะหลงกล ติดเข้าไป ในกรงทอง
แต่ก็มี ชายหนุ่มน้อย คอยเฝ้าอยู่
ปากประตู ปราสาท ขนาดใหญ่
ปฏาจารา เห็นแล้ว แสนถูกใจ
ชวนหนีไป อยู่กินกัน ฉันผัวเมีย
หนีไปปลูก กระท่อมน้อย ในป่าใหญ่
กาลผ่านไป ก็มีบุตร สุดหรรษา
ได้สี่ขวบ ก็ประจวบ เหมาะเวลา
ท้องต่อมา ก็เตรียมคลอด อย่างปลอดภัย
ในบัดนี้ เธอมีลูก สองคนแล้ว
ดั่งดวงแก้ว ดวงใจ ใครจะเหมือน
ลูกคนเล็ก ยังแบเบาะ แค่หนึ่งเดือน
เกิดเหตุเตือน ลางสังหรณ์ นอนฝันไป
ฝันไปว่า ผาหินกลิ้ง ทิ้งถล่ม
ลูกผัวจม อยู่ใต้หิน สิ้นดับขันธ์
สะดุ้งตื่น ยื่นมือคว้า หาลูกพลัน
เพราะฝันนั้น ช่างเหมือนจริง ยิ่งหวั่นใจ
พอรุ่งเช้า ผัวก็ออก ไปล่าสัตว์
งูเห่ากัด ตายลง ตรงโคนไผ่
พอตกเย็น ไม่เห็นกลับ นางร้อนใจ
รีบออกไป ตามก็พบ ศพสามี
นางร้องไห้ ฟูมฟาย ใจสลาย
ผัวมาตาย จะพึ่งใคร ได้ที่ไหน
ลูกยังเล็ก เด็กเหลือเกิน อยู่ยังไง
ตัดสินใจ หอบลูกเต้า เข้าในเมือง
หวังกลับไป พึ่งพ่อแม่ คงแลเหลียว
ลูกคนเดียว พ่อแม่คง ไม่ผลักไส
เห็นหน้าหลาน พ่อกับแม่ คงเห็นใจ
ให้อภัย ได้ขอโทษ หายโกรธกัน
ระหว่างทาง แม่น้ำขวาง ทางเอาไว้
จะข้ามไป ต้องลุยฝ่า น่าหวาดเสียว
น้ำไม่ลึก แต่มันไหล แรงนักเชียว
ข้ามคนเดียว ยังลำบาก ยากเหลือเกิน
ลูกคนโต ทิ้งไว้ ที่ใกล้ฝั่ง
ทั้งร้องสั่ง ห้ามไปไหน ให้อยู่นี่
จะอุ้มน้อง ไปอีกฟาก ฝั่งนที
ส่วนเจ้านี้ ให้รอก่อน แม่ย้อนมา
พอข้ามฟาก มาอีกฝั่ง ดั่งใจหมาย
วางลูกชาย ไว้ในเบาะ อย่างเหมาะสม
แดดไม่ร้อน นอนสบาย ได้รับลม
ชักหิวนม ร้องงอแง หาแม่ตัว
นางก็ย้อน ข้ามฟาก มาอีกฝั่ง
ไม่ระวัง หันหลังให้ ไม่เฉลียว
พญานก บินผ่านมา ท่าปราดเปรียว
พญาเหยี่ยว ตัวใหญ่โต โผหากิน
มันเห็นเด็ก เหมือนกระต่าย ดิ้นกระแด่ว
มันเห็นแล้ว โฉบเด็กไป ไม่ให้พลาด
ปฏาจารา เห็นแล้ว ใจแทบขาด
ร้องตวาด โบกมือไล่ ให้วุ่นวาย
ฝ่ายคนโต อีกฝั่ง นั่งดูอยู่
ก็มองดู แม่โบกมือ หรือเรียกหา
ก็ดีใจ กระโดดไป ในธารา
หวังเพียงว่า จะหาแม่ แค่เอื้อมมือ
หันกลับมา หาคนโต โธ่น้ำซัด
น้ำไหลพัด จมหาย ไปต่อหน้า
ลูกอีกคน เหยี่ยวโฉบไป ลับสายตา
สุดปัญญา จะช่วยใคร ได้สักคน
อยากจะตื่น จากความฝัน อันโหดร้าย
ต้องมากลาย เป็นแม่ม่าย ผัวดับสูญ
เหมือนเคราะห์กรรม ซ้ำซัด พลัดจากบุญ
กรรมทวีคูณ สูญเสียบุตร สุดโศกา
ยังเหลือทาง อีกหนึ่ง ซึ่งคือแม่
คงช่วยแก้ ทุกข์เศร้า บรรเทาหาย
เดินหวนกลับ สู่ปราสาท แสนสบาย
ลูกผัวตาย เหลือแม่พ่อ รอปลอบใจ
ตั้งแต่เกิด ก็ไม่รู้ ไม่เคยเห็น
ความตายเป็น เช่นไร ไม่สงสัย
เพราะไม่เคย มีพี่น้อง ที่ต้องตาย
ใจสลาย ต้องมาพบ กับตนเอง
อีกหนึ่งโยชน์ ก็จะถึง ซึ่งหมู่บ้าน
เดินผ่านงาน ในป่าช้า มีศพเผา
เขากำลัง เอาศพ ใส่ในเตา
เป็นสองเฒ่า เศรษฐีใหญ่ ที่ในเมือง
เพราะพ่อแม่ ของเธอ แสนแก่เฒ่า
เฝ้าโศกเศร้า สูญเสียบุตร สุดใจหาย
ลูกสาวหนี ตามเขาไป ใจจะวาย
ตรอมใจตาย ตามกัน วันนั้นเอง
เป็นอันว่า สูญสิ้นแล้ว หมดทุกสิ่ง
ที่พักพิง ของจิตใจ ไม่เหลือหลอ
แค่เป็นหม้าย ลูกผัวตาย ยังไม่พอ
พ่อแม่ก็ มาชิงตาย วายชีวา
เกินรับไหว ใจบอบช้ำ ระกำจิต
เหมือนโดนปลิด บิดหัวใจ ไปขยี้
กำลังใจ ถูกกระทำ ถูกย่ำยี
หมดวิธี จะหันหน้า ไปหาใคร
ขาดที่พึ่ง จึงเสียจิต เพราะผิดหวัง
เกินกำลัง ใจจะรับ ความสูญเสีย
อยู่ต่อไป ยังไง ใจอ่อนเพลีย
เป็นคนเสีย สติไป ในบัดดล
นางฉีกทึ้ง เสื้อผ้า อาภรณ์ทิ้ง
แล้วออกวิ่ง เปลือยกาย ไม่อายเขา
ไร้จุดหมาย ไร้ทิศเดิน เกินคาดเดา
เดินตัวเปล่า ไปเรื่อยเรื่อย เมื่อยก็นอน
นอนอย่างหมู กินอย่างหมา น่าสังเวช
กายทุเรศ สกปรก เพราะหมกหมม
นอนเกลือกกลิ้ง ดินทราย และโคลนตม
นอนระทม เพราะพิษไข้ เกือบใกล้ตาย
วันสุดท้าย ในเคราะห์กรรม นำหลุดพ้น
นางเดินจน มาพบองค์ พระทรงศรี
พระพุทธองค์ เลิศกว่าใคร ในปฐพี
เอ่ยวจี จนดังก้อง หูของนาง
โอ้น้องหญิง เธอจงมี สติเถิด
อย่าเตลิด เลยเถิดไป ไม่เข้าท่า
ผู้พลัดพราก จากของรัก เสียน้ำตา
ไหลออกมา มากเกินกว่า น้ำทะเล
ความพลัดพราก ย่อมมี ในสัตว์โลก
ความเศร้าโศก โชคร้าย ไม่ไว้หน้า
ถือกำเนิด เกิดขึ้น ในโลกา
รอเวลา ตายเป็นซาก จากกันไป
สัตว์โลกนี้ เหมือนดิ้นรน บนกิ่งไม้
ส่วนรอบกาย ถูกรายล้อม ด้วยไฟสุม
จะลงไป ก็ไม่ได้ ถูกไฟรุม
เกาะกิ่งกุ่ม รอรับ ชะตากรรม
มนุษย์นี้ เกิดมาแล้ว ไม่แคล้วแน่
เจ็บป่วยแก่ อีกพลัดพราก จากของหวง
ความสุขที่ ตาเห็น เป็นสิ่งลวง
ติดในบ่วง แห่งกรรม นำเกิดมา
นางได้ฟัง ด้วยพลัง พระสุรเสียง
ก็พอเพียง คืนสติ จิตผ่องใส
ระลึกตน รู้สึกตัว รู้สึกอาย
ผ้าพันกาย ชาวบ้านมอบ จึงขอบคุณ
เมื่อแต่งตัว เรียบร้อย ค่อยค่อยนั่ง
คอยรับฟัง พระทรงโปรด เทศนา
พระพุทธองค์ ทรงอนุญาต บรรพชา
แต่นั้นมา นางจึงเป็น ภิกษุณี
เปรียบได้เหมือน ผู้เดินทาง อย่างเหนื่อยล้า
ดั้นด้นมา พบร่มเงา จึงเข้าพัก
พบความสุข ที่ไม่เคย ได้รู้จัก
หมดเรื่องรัก โลกิยะ จะชักจูง
ได้สำรวม อินทรีย์ ที่สงบ
ได้มาพบ พระธรรม ดั่งน้ำใส
พระเทศนา ดั่งน้ำทิพย์ ชโลมกาย
แสนสบาย ห่างไกลโลก แห่งโลกีย์
นางประพฤติ ปฏิบัติ ไม่ขัดศีล
จนเริ่มชิน สำรวมจิต เป็นนิสัย
เกิดปัญญา พิจารณา ถึงความตาย
สัตว์ทุกราย ล้วนต้องตาย ไม่ต่างกัน
ในวันหนึ่ง นางเทน้ำ ใช้ล้างเท้า
น้ำไหลยาว ไปน้อยหนึ่ง จึงหดหาย
เทอีกครั้ง ไกลกว่าเก่า ค่อยซึมทราย
ครั้งสุดท้าย ยาวที่สุด ยังหยุดลง
ส่งจิตให้ พิจารณาน้ำ ไหลตามพื้น
นางก็ยืน มองดู อย่างสงบ
เพ่งจิตไป ตามกระแส จึงได้พบ
จิตบรรจบ ใจเริ่มว่าง สว่างปัญญา
น้ำที่ไหล นองไป ก็เปรียบว่า
คนเกิดมา ที่ตายใน วัยเริ่มต้น
มีมากมาย ที่ตายใน วัยกลางคน
มีมากล้น ที่ตายใน วัยชรา
เกิดมาแล้ว ก็ต้องตาย อย่างแน่แน่
ก็ดูแต่ ลูกของเรา เอา เปรียบได้
แค่เกิดมา เป็นทารก ก็ตกตาย
อีกทั้งชาย ผู้สามี นี้ก็ตาย
ทั้งพ่อแม่ แก่ชรา ก็ถึงฆาต
ไม่ประหลาด เลยความตาย ในภายหน้า
จะวัยไหน ก็ตายได้ ดับชีวา
อนิจจา ขันธ์ทั้งห้า นั้นทุกข์จริง
จะยึดติด ทำไม ไร้สาระ
อยากชนะ ต้องฝึกละ แต่เนิ่นเนิ่น
มัวแต่คิด ใช้ชีวิต อยู่เพลินเพลิน
ยามเผชิญ หน้าความตาย ใจไม่ยอม
ภิกษุณี ปฏาจารา บรรลุแล้ว
ใจเพริดแพร้ว ดั่งแก้วใส ไร้ขุ่นหมอง
ตัดกิเลส ละตัณหา ที่หมักดอง
ก็สมปอง เป็นอรหันต์ วันนั้นเอง
นี่แหละหนา ใช้วิกฤติ เป็นโอกาส
ความผิดพลาด ผิดหวังเป็น แรงกระตุ้น
เปลี่ยนความทุกข์ ความเสียใจ ให้เป็นทุน
ย้อนเป็นคุณ หนุนดีได้ บั้นปลายตน
ดีกว่านั่ง ฟูมฟาย วุ่นวายบ้า
ใจไม่กล้า รับความจริง สิ่งที่เห็น
รู้ทั้งรู้ มันจะเกิด มันจะเป็น
ดีแต่เต้น ดีแต่ร้อง นองน้ำตา
ไปโทษดวง โทษชะตา ฟ้าลิขิต
ผูกดวงจิต กับเครื่องราง อ้างของขลัง
ตนนั่นแหละ ต้องเผชิญ เพียงลำพัง
บอกดังดัง ตนพึ่งได้ แต่ตนเอง
พระธรรมนี้ คิดให้ดี ชี้ทางออก
ไม่เคยหลอก บอกตรงตรง ปลงสังขาร
ความลุ่มหลง ในตัณหา คือตัวมาร
เป็นตัวการ ของความทุกข์ ในโลกเรา




เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มิ.ย. 2013, 09:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


สมชาย พึ่งตน พึ่งธรรมปุจฉา-วิสัชนา เปิดธรรมที่ถูกปิดด้วย พุทธวจน





ผู้จมมิดในหลุมคูถ



อานนท์ ! ภิกษุรูปนั้นชะรอยจักเป็นพระใหม่ บวชยังไม่นาน หรือว่าเป็นพระเถระผู้พาลผู้เขลา. ข้อที่เราพยากรณ์โดยส่วนเดียวแล้ว จักกลับกลายไปเป็นสองส่วนได้อย่างไร.

อานนท์ ! เรายังมองไม่เห็นคนอื่นแม้สักคนหนึ่งซึ่งเราได้วินิจฉัยประมวลเหตุการณ์ทั้งปวงแล้ว จึงพยากรณ์ไว้อย่างนั้นเหมือนอย่างเทวทัต.



อานนท์ ! ตราบใด เรายังมองเห็นธรรมขาวของเทวทัต แม้เพียงเท่าปลายแหลมสุดแห่งเส้นขน, ตราบนั้นเราก็ไม่พยากรณ์เทวทัตว่า เทวทัตต้องไปเกิดในอบาย เป็นสัตว์นรก ตั้งอยู่ชั่วกัลป์หนึ่ง ช่วยเหลืออะไรไม่ได้ก่อน. อานนท์ ! เมื่อใดแล เรามองไม่เห็นธรรมขาวของเทวทัต แม้เพียงเท่าปลายแหลมสุดแห่งเส้นขน, เมื่อนั้น เราจึงพยากรณ์เทวทัตว่า เทวทัตต้องไปเกิดในอบาย เป็นสัตว์นรก ตั้งอยู่ชั่วกัลป์หนึ่ง ช่วยเหลืออะไรไม่ได้.



อานนท์ ! เปรียบเหมือน หลุมคูถลึกชั่วบุรุษ เต็มไปด้วยคูถจนปริ่ม ขอบหลุม ; บุรุษคนหนึ่งพึงตกลงไปในหลุมคูถนั้นจนมิดทั้งตัว. ยังมีบุรุษบางคนหวังประโยชน์เกื้อหนุน หวังความเกษมสำราญจากสภาพเช่นนั้น หวังจะช่วยยกเขาขึ้นจากหลุมคูถนั้น, บุรุษนี้จึงเข้าไปใกล้ เดินเวียนดูรอบ ๆ หลุมคูถนั้นมองไม่เห็นอวัยวะของคนในหลุมนั้น แม้เพียงเท่าปลายแหลมสุดแห่งเส้นขน ที่ยังที่ยังไม่ได้เปื้อนคูถ ซึ่งตนพอจะจับยกขึ้นมาได้. ข้อนี้ฉันใด ;

อานนท์ ! เมื่อใด เรามองไม่เห็นธรรมขาวของเทวทัต แม้เพียงเท่าปลายแหลมสุดแห่งเส้นขน, เมื่อนั้น เราจึงกล้าพยากรณ์เทวทัตว่า เทวทัตต้องไปเกิดในอบาย เป็นสัตว์นรก ตั้งอยู่ชั่วกัลป์หนึ่ง ช่วยเหลืออะไรไม่ได้ ฉันนั้นแล.



---------------------------------------------------------

๑. บาลี พระพุทธภาษิต ฉกฺก. อํ. ๒๒/๔๕๐/๓๓๓, ตรัสแก่ท่านพระอานนท์ โดยที่มีภิกษุรูปหนึ่งถามท่านว่า “ท่านอานนท์ผู้มีอายุ ! พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงวินิจฉัยประมวลเหตุการณ์ทั้งปวง ครบถ้วนดีแล้วหรือ จึงทรงพยากรณ์ว่าพระเทวทัต ต้องเกิดในอบาย เป็นสัตว์นรก ตั้งอยู่ชั่วกัลป์หนึ่ง ช่วยเหลืออะไรไม่ได้, หรือว่าทรงพยากรณ์โดยปริยายบางอย่างเท่านั้น” ดังนี้แล้ว ท่านพระอานนท์จึงให้คำตอบว่า “ผู้มีอายุ ! คำพยากรณ์ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพยากรณ์แล้ว ย่อมเป็นความจริงเช่นนั้นเสมอ” ดังนี้แล้ว ; พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบเรื่องนี้ จึงได้ตรัสพระพุทธวจนะนี้.



แม้พระบรมศาสดาของเราก็เช่นเดียวกัน พระองค์ประทับนั่งอยู่ ณ ควงไม้โพธิพฤกษ์แห่งเดียว เมื่อจะดับโลกสาม ก็มิได้เหาะขึ้นไปในโลกสาม คงดับอยู่ที่จิต"







ทำไมต้องสร้างสมเด็จองค์ปฐม..?



เป็นคำถามที่เจอแล้วต้องค้นหาคำตอบให้กับตัวเอง และผู้ถาม..นับว่าเป็นโชคดีที่ได้เดินทางไปวัดท่าซุง ได้ไปนมัสการสมเด็จองค์ปฐมและได้คำตอบที่น่าสนใจมาฝากกัลยาณธรรมทุกท่าน....



ลองอ่านบทสนทนาธรรมระหว่างพระเดชพระคุณพระราชพรหมยานกับลูกศิษย์ดูก็แล้วกัน



หลวงพ่อ ช่างมาถามเกี่ยวกับลักษณะองค์ปฐม อาตมาบอกสร้างแบบพระพุทธรูปธรรมดา แต่ต้องอ้วนหน่อยนะ คือมีเนื้อมากหน่อย ไม่ใช่อ้วนพุงพลุ้ยนะ และก็เวลาลงไปสอนกรรมฐาน เมื่อเสร็จแล้วก็คุยกันเขาก็ถามปัญหาถามไปถามมา เขาถามถึงพระพุทธเจ้าองค์ปฐมว่า ถ้าจะสร้างจะมีอานิสงค์ยังไง ลุงสองลุง นายบัญชี กับ ลุงพุฒิ ท่านมายืนอยู่นานแล้ว ท่านไม่มีโอกาสคุย เพราะอาตมาขึ้นไปคุยกับพระซะ ท่านบอกว่า การสร้างองค์ปฐมนี่ ท่านเปลี่ยนบัญชีใหม่ เอาบัญชีมาให้ดู บอก นี่... บัญชีเล่มนี้ (คือว่าเป็นอีกเล่มหนึ่งจากที่จดธรรมดา) "บัญชีสีทอง" เป็นทองคำล้วนทั้งเล่มเลย ฉันอยากได้บัญชีเอามาขาย ท่านบอก ถ้าสร้างองค์ปฐมลงบัญชีเล่มนี้โดยเฉพาะ ก็แสดงว่าคนที่จะสร้างพระพุทธเจ้าองค์ปฐมได้นี่ ต้องเป็นคนมีบุญมาก...หรือไง?

แต่ ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องเงินมากนะ คือว่าโดยมากเราจะไม่นึกถึงกันใช่ไหม เรานึกถึง พระกกุสันโธ พระโกนาคม พระพุทธกัสสป แต่ยังไม่เคยนึกถึงองค์ปฐม ส่วนใหญ่ไปนึกถึง พระศรีอาริย์ ยังไม่เป็นพระพุทธเจ้าใช่ไหม นี่องค์นี้เป็นองค์แรกก็คุยกันแล้ว ท่านบอกว่า การสร้างพระพุทธเจ้าองค์ปฐมทำได้ยาก คือว่าเป็นพระพุทธเจ้าต้นพระพุทธเจ้าทั้งหมด ใช่ไหม และการทำบุญเนื่องในการสร้างวิหารก็ดี สถานที่ก็ดี เอาของไปประดับก็ตาม ทีนี้อย่างคนมีเงินน้อยๆ ใช่ไหม ก็มีสตางค์ไม่มาก เอาสตางค์ 9 สตางค์ 10 สตางค์ไปใส่แท่น อย่างนี้ลงบัญชีสีทองหมด คือไม่หมายความต้องมีเงินมากเสมอไปนะ ที่เขามีน้อยๆ บาทสองบาท 10 สตางค์ 20 สตางค์ พวกนี้เอาไปใส่แท่นอย่างนี้ลงบัญชีทองหมด ก็ถามว่า บัญชีทองหมายถึงอะไร ท่านบอกว่า "มันหมายถึงกลับไม่ได้ เพราะว่าพระพุทธเจ้าทุกองค์ต้องโมทนาหมด"



ผู้ถาม "หลวงพ่อครับ การหล่อองค์ปฐมด้วยทองคำนี่อานิสงส์จะเหมือนกับหล่อพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน หรือว่าจะแตกต่างกันอย่างไรครับ ถ้าเป็นทองคำเหมือนกัน?"



หลวงพ่อ "ก็มีอานิสงส์เหมือกัน แต่ว่าต่างกันอยู่นิดหนึ่งที่ไปนิพพานเร็ว ไปนิพพานเร็วมาก เพราะเขาเขา บัญชีสีทอง ใช่ใช่ตัวทอง บัญชีทั้งเล่มเป็นทอง ลงบัญชีเล่มนั้น"



ผู้ถาม "หมายถึงเป็นเจ้าภาพหล่อองค์ปฐมนี่หรือครับ?"



หลวงพ่อ "ใช่ๆ ๆ จะทองคำก็ดี จะเป็นเงินก็ตาม.. เหมือนกันลงบัญชีเล่มเดียวกัน"..





ความแข็งแรงของมือ วัดกันที่ความสามารถในการยึดจับสิ่งที่ควรยึดจับไว้ ความเข้มแข็งของใจ วัดกันที่ความสามารถในการปล่อยวางสิ่งที่ควรปล่อยวางไป



เพื่อนมนุษย์คือ เพื่อนเวียนว่ายในวัฏฏสงสารด้วยกันกับเรา เขาก็ตกอยู่ใต้อำนาจกิเลสเหมือนเรา ย่อมพลั้งเผลอไปบ้าง – พุทธทาส



สิ่งที่ผ่านมาในชีวิต บางทีไม่ใช่มาเพื่อให้ถือครอง แต่ผ่านมาเพื่อให้บทเรียนว่า..ทุกอย่างไม่เที่ยง



ข้อแตกต่างระหว่างศีลห้ากับกรรมบถ ๑๐



ถาม : ศีลห้ากับกรรมบถ ๑๐ ต่างกันอย่างไรครับ?



ตอบ : กรรมบถ ๑๐ จะเน้นเรื่องวาจา ศีลห้าแค่ห้ามโกหก แต่กรรมบถ ๑๐ ห้ามพูดคำหยาบ ห้ามพูดส่อเสียด (ยุยงให้เขาแตกร้าวกัน) ห้ามพูดคำหยาบ ห้ามพูดวาจาเพ้อเจ้อไร้ประโยชน์ กลายเป็นบังคับเรื่องวาจา



และเน้นเรื่องใจ ไม่คิดโลภอยากได้จนเกินพอดี ถ้าอยากได้ให้หามาอย่างถูกต้องตามศีลตามธรรม ไม่โกรธเกลียดอาฆาตพยาบาทใคร โกรธแล้วก็ลืม ไม่ผูกโกรธ และ มีสัมมาทิฐิ เห็นว่าที่พระพุทธเจ้าท่านสอนนั้นดีทุกอย่าง เราจะทำตาม



ถาม : ถ้าทำได้ก็ควรทำควบไปด้วยใช่ไหมครับ ?



ตอบ : ใช่..รักษาศีล ๕ ควบกับกรรมบถ ๑๐ ไปด้วย



" ภาวนาแล้วไปต่อไม่ได้ "



ถาม : ภาวนาแล้วไม่รู้จะไปยังไงต่อ



ตอบ : เรื่องของการปฏิบัติถ้าหากเราภาวนาอย่างเดียวมันจะมีจุดสุดท้ายว่าสุดกำลังของตัวเอง ถ้ามันถึงจุดนั้นแล้วมันจะไปต่อไม่เป็น ถ้าหากไปต่อไม่เป็นเขาให้คลายกำลังใจมาพิจารณา ถ้าเราไม่พิจารณามันจะฟุ้งซ่าน คราวนี้มันจะฟุ้งซ่านอย่างดุเดือดมากเพราะมันเอากำลังตอนภาวนาไปฟุ้งซ่าน



ให้พิจารณา จะเป็นไตรลักษณ์เห็นความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ ความไม่มีอะไรเป็นของเรา หรือพิจารณาตามแบบวิปัสสนาญาณ ๙ หรือพิจารณาตามแบบอริยสัจ ๔ อันใดอันหนึ่งก็ได้ พอพิจารณาไปเรื่อย ๆ จิตมันจะรวมตัวคราวนี้มันจะภาวนา...เราก็ภาวนาใหม่ พอภาวนาไปจนสุด มันไปต่อไม่ได้ มันก็จะเริ่มถอย เราก็มาพิจารณาใหม่ มันต้องสลับอย่างนี้ถ้าไม่อย่างนั้นมันก็จะมีปัญหาอย่างที่คุณเป็น



" ปีติที่เกิดจากการทำบุญ "



ถาม : ปีติที่เกิดจากการทำบุญ ฟังธรรม การนั่งสมาธิ?



ตอบ : ไม่ว่าจะเป็นปีติที่เกิดจากการฟังธรรม การทำบุญ การนั่งสมาธิ เป็นปีติแบบเดียวกัน



แต่ถ้าเป็น ปีติทางโลก ที่ตาได้เห็น หูได้ยิน จมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รส กายได้สัมผัส จะเป็นปีติอีกอย่างหนึ่ง เป็นปีติที่ต้องมีสิ่งกระตุ้นจากภายนอกจึงจะเกิดขึ้น ตัวเองจะมีความสุขไปสักพักหนึ่ง พอสิ่งกระตุ้นหมดไป ความสุขก็หายไปด้วย จึงทำให้มีคนประเภทนี้ติดกินติดเที่ยว เพราะเขาทำแล้วเขามีความสุข แต่เป็นความสุขที่ไม่ยั่งยืน



ปีติที่เกิดจากการทำบุญ จากการปฏิบัติธรรม และการนั่งสมาธิภาวนา เป็นปีติที่สร้างขึ้นในใจของเราเองจะยั่งยืน คนที่ไม่เข้าใจจึงเตลิดไปไกล กลายเป็นนักเที่ยวกลางคืนไปเยอะทีเดียว น่าเสียดาย น่าเป็นห่วง การเที่ยวกลางคืนมีแต่เสียมากกว่าดี


เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มิ.ย. 2013, 12:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


หลวงพ่อฤๅษี สอนเรื่อง "อย่านึกถึงความชั่วที่ทำมาแล้ว"



"ถ้าเราทำบาปไว้มาก พระพุทธเจ้าทรงแนะนำไว้ว่า ท่านทั้งหลายจงอย่านึกถึงความชั่วที่ทำมาแล้ว ความชั่วก็คือบาป บาปก็คือความชั่ว เราไม่ยอมนึกถึงมัน นึกถึงความดีอย่างเดียว ที่พระพุทธเจ้าทรงแนะนำให้เจริญภาวนา



หนึ่ง การให้ทาน

สอง รักษาศีล

สาม เจริญภาวนา



ถ้าเราให้แต่ทาน และรักษาศีลสองอย่าง เราลืมง่าย ถ้าทุกขเวทนาเข้ามาถึงเราอาจจะลืมทาน ลืมศีล ดีไม่ดีจิตใจเศร้าหมองไปโกรธใครเข้าบ้าง เห็นภาพที่เราเคยฆ่าสัตว์บ้าง อย่างนี้ลงนรกแน่นอน



ถ้าเรามีภาวนาด้วย อันนี้ไม่แน่นอนนัก จะไปนรก ไปสวรรค์ยังไม่แน่นอน ถ้าในคติสองอย่างเราภาวนาอ่อนนะ ถ้าบังเอิญควบคุมให้จิตเป็นฌาน ถ้าใช้จิตทรงฌานไว้ทุกวัน คำว่า ฌาน ไม่ใช่ของหนัก ฌานก็ได้แก่อารมณ์ชิน คิดไว้เสมอว่าเราจะเจริญสมาธิ ตั้งใจภาวนาว่า พุทโธ ภาวนาได้ทุกอย่าง ไม่ใช่เฉพาะ พุทโธ นะ



เอา พุทโธ ก็แล้วกันเป็นอันดับแรก ถ้าเราภาวนาพุทโธเป็นปกติ วันหนึ่งเราสามารถทำได้สัก ๑๐ นาที ๒๐ นาทีก็ตาม คือว่ามีเวลาน้อยก่อนจะหลับเมื่อศีรษะถึงหมอน ก็ภาวนาว่า พุทโธ หายใจเข้านึกว่า พุท หายใจออกนึกว่า โธ แต่ถ้าสามารถทำได้ก็นึกถึงภาพพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งจะเป็นวัดไหนก็ได้ที่เราชอบ จะเป็นองค์ไหนก็ได้ที่เราชอบ องค์ไหนที่เราชอบมาก็นึกถึงภาพองค์นั้น แล้วภาวนาว่า พุทโธ อย่างนี้ทุกวัน ทำอย่างนี้ไปทุกวันจนกว่าจะชิน



คำว่า ชิน ก็หมายความว่า ถ้าศีรษะถึงหมอนเมื่อไร เราภาวนาว่า พุทโธ เมื่อนั้น อย่างนี้เราเป็นฌาน ถ้าเป็นฌานอย่างนี้ทุกคน ถึงแม้จะบาปมากขนาดไหนก็ตาม ก่อนจะตายแทนที่จะเห็นภาพที่เราเคยทำบาป บาปจะเข้ามาไม่ได้ มันจะมีแต่ภาพของบุญ



ถ้าหากว่าวันไหน ถ้าเราจะตายจริง ๆ ก่อนหน้านั้นสัก ๒ - ๓ วัน ก็จะมีรถทิพย์มารับ มีขบวนแห่ที่เทวดานางฟ้า ท่านจะมาก่อนอย่างน้อย ๓ วัน ในเมื่อเราเห็นรถทิพย์ เห็นเทวดา เห็นนางฟ้า มีความสวยสดงดงาม จิตก็ลืมทุกขเวทนา จิตนึกถึงบุญอย่างเดียว เขามาเขาไม่มาเปล่า เขาชวนด้วยนะ ฉันอยู่ชั้นนั้น ฉันอยู่ชั้นนี้ ไปกับฉันเถอะอย่างนี้ทุกคนไปสวรรค์แน่"



อันคุณค่าความเป็นคนดูที่ไหน

เห็นใครๆเขาดูที่ใบหน้า

ดูไม่งามเขาก็ว่าไร้ราคา

ตัดสินคนที่ใบหน้าควรหรือไร



หน้าตาดีใช่ว่าจะใจดีด้วย

หน้าตาสวยงดงามแลสดใส

มันอาจต่างไม่เหมือนใจข้างใน

คิดดูไซร้มันไม่ยุติธรรม



ตัดสินคนว่าดีชั่วที่ใบหน้า

มันชินชาเสียแล้วยุคสมัย

ก็ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะเหตุใด

ที่ทำให้วิถีชนนั้นเปลี่ยนแปลง



คนจะงามงามที่ใจใช่ใบหน้า

งามวาจางามความคิดงามนิสัย

งามมารยาทงามกิริยางามน้ำใจ

เช่นนี้ไซร้จึงจะเป็นคนเต็มคน

คนจะงาม งามที่ใจ ใช่ใบหน้า

คนจะสวย สวยจรรยา ใช่ตาหวาน



คนจะแก่ แก่ความรู้ ใช่อยู่นาน

คนจะรวย รวยศิลทาน ใช่บ้านโต



สอนคนอื่นไม่ยากเท่ากับสอนตัวเอง

รู้คนอื่นไม่สู้รู้จักตัวเอง

พึ่งคนอื่นไม่เท่ากับพึ่งตัวเอง



ในอดีตอาจจะเคยเลวร้ายที่สุด แต่นั่นคืออดีต ปัจจุบันหากคุณมีศีล นั่นคือ คุณดีที่สุด ณ ปัจจุบัน



อธิษฐานบารมี

ธรรมโอวาทหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง



ถ้าปราศจากอธิษฐานบารมี กว่าจะเข้าถึงจุดหมายปลายทาง ก็รู้สึกว่ามันเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาหรือไม่ค่อยจะตรงนัก ฉะนั้น องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า จึงทรงแนะนำบรรดาท่านพุทธบริษัท ให้มีอธิษฐานบารมี



ในการที่ท่านพุทธบริษัททั้งหลายตั้งใจกล่าววาจาว่า อิมาหัง ภควา อัตตภาวัง ตุมหากัง ปริจัจชามิ แปลเป็นใจความว่า ข้าพระพุทธเจ้า ขอมอบกายถวายชีวิต แด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า



นี่ก็หมายความว่า เราจะเอาชีวิตของเราเข้าแลกกับความดี ที่องค์สมเด็จพระชินสีห์ทรงแนะนำไว้ อย่างนี้อาศัยเจตนา และ ความตั้งใจ จัดว่าเป็น อธิษฐานบารมี บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย จะเข้าถึงความดีด้วยความรวดเร็วอย่างคาดไม่ถึง



"ธรรมใดเกิดแต่เหตุ พระพุทธเจ้าตรัสเหตุแห่งธรรมนั้น

ความดับของธรรมนั้น พระมหาสมณะตรัสอย่างนี้"

ความหมายคือทรงสอนด้านของอริยสัจ คือ ทุกข์ตัวเดียว







" อานิสงส์ของการยกจิตไปเกาะพระนิพพาน "



ถาม : ใช้มโนมยิทธิดูเรื่องต่างๆ แล้วถูกบ้าง ไม่ถูกบ้าง ?



ตอบ : ถ้าหากว่าเคยถูก ให้จำด้วยว่าเราวางอารมณ์แบบไหนถึงถูก ถ้าเราจำได้แล้ว ถึงเวลาใช้อารมณ์อย่างนั้นก็จะถูกไปเรื่อย แต่ถ้าเราจำไม่ได้ ไปมั่วเข้าก็จะถูกบ้างไม่ถูกบ้าง



ถาม : ยกจิตไปเกาะพระนิพพาน มีอานิสงส์อย่างไร ?



ตอบ : อันดับแรกได้ พุทธานุสติ ถ้ากำลังใจปักมั่นแน่วแน่ เชื่อว่าตรงนั้นคือพระนิพพานก็เป็น อุปสมานุสติ อยู่ที่ความเชื่อมั่นของเรา



สมัยก่อนบางทีอาตมาร่างกายแย่ๆ จับภาพพระไม่เห็นองค์ท่านเลย จิตมัวมากเพราะร่างกายแย่ ป่วยหนัก เห็นแต่ยอดเกตุนิดเดียวแหลมๆ ก็ตั้งใจน้อมกราบลงไปตรงนั้น มั่นใจว่าพระพุทธเจ้าอยู่ตรงนั้นก็ใช้ได้แล้ว ดังนั้น..กำลังใจของเราแต่ละวันไม่เท่ากัน บางวันก็ชัดเจน บางวันก็มัว แต่ให้เรามั่นใจว่าตรงนั้นคือพระนิพพานแน่นอน



เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2013, 14:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


ควรเลือกทำบุญกับเนื้อนาบุญที่ดี "

พระอาจารย์ กล่าวว่า "เคยสงสัยกันบ้างหรือไม่ว่า ทำไมบุญจึงมีความอัศจรรย์ส่งผลได้มากขนาดนั้น? เพราะว่าบุญอยู่ในลักษณะทวีคูณ ยิ่งสภาพจิตของผู้รับบริสุทธิ์มากเท่าไร ก็เหมือนกับคนแข็งแรง

สมมติว่าคนแข็งแรงหยิบของชนิดหนึ่ง แล้วขว้างออกไป อย่างเราขว้างได้แค่ใกล้ๆ แต่ท่านสามารถขว้างไปไกลลิบเลย คือส่งผลให้มากขึ้นตามกำลังของท่าน

ฟังๆ ดูในเรื่องของบุญ บางทีก็เหมือนกับโฆษณาชวนเชื่อ แต่เราต้องเข้าใจด้วยว่า ส่วนที่เขาทำนั้นจำเป็นที่จะต้องเลือกเนื้อนาบุญ ทั่วๆ ไปเราเห็น เราเจอ เราสามารถทำได้ ให้ทำไปเลย ไม่จำเป็นต้องเลือก แต่ถ้ามีโอกาสประกันความเสี่ยง มีให้เลือกได้ เราก็เลือกทำกับเนื้อนาบุญที่ดี พูดง่ายๆ ก็คือ ทำได้ทุกที่ ทำไปเถอะ แต่ตรงไหนที่เรามั่นใจเราก็เป็นขาประจำหน่อย"





" ในอดีตเคยศีลขาดจะตกนรกหรือไม่ ? "



ถาม: ในอดีตเคยศีลขาดจะตกนรกหรือไม่ ?

ตอบ: ถ้าในอดีตเคยทำศีลขาด...ไม่ต้องไปตามนึกถึง ปัจจุบันนี้ตั้งหน้าตั้งตาทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนาให้ทรงตัวไว้ ถ้าอารมณ์ใจทรงตัว เกาะในด้านดีเอาไว้ได้มั่นคง ก็เป็นอันว่ารอดชั่วคราว ไปพระนิพพานได้เมื่อไรก็เป็นอันว่ารอดถาวร



ไม่อย่างนั้นต่อให้เป็น เทวดา พรหม ถ้าไม่ใช่ พระอริยเจ้า ก็มีสิทธิ์ร่วงลงไปนรกอีก



ถาม: เขาตามเก็บหมดไหมครับ ?



ตอบ: เก็บเรียบ... เขาคิดยิบคิดย่อย ถ้าสอบผู้ตรวจสอบบัญชี ต้องได้อันดับหนึ่งของประเทศแน่เลย แม้แต่นิดๆ หน่อยๆ เขาก็คิดหมด ที่เราเห็นว่าเป็นการบังเอิญ ทำโดยไม่เจตนาก็ตาม..เขาคิดหมด





อานิสงส์การถวายยา



ถาม : (มีผู้ถวายตู้พร้อมยารักษาโรค)



ตอบ: อยากมีอานิสงส์แบบ พระพากุละเถระ ไหม ? ในบาลีท่านบอกว่า ตลอดชีวิตแม้แต่สมอที่จะฉันเพื่อรักษาโรคสักชิ้นหนึ่งก็ไม่เคย



ท่านเป็นเอตทัคคะ คือเป็นผู้เลิศในทางไม่มีโรค หรือมีโรคน้อย แต่นั่นท่านไม่ได้ถวายยา ถ้าถวายยาน่าจะดีกว่านั้น ในอดีตท่านเคยสร้างส้วมถวายพระ



"อโรคยา ปรมา ลาภา" ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐจริงๆ..ใช่ไหม ?





คนที่มาด่าเราก็ไม่ต่างจากคนบ้าเสียสติมาแก้ผ้าให้เราดู หากเราโกรธด่าตอบก็เหมือนไปแก้ผ้าแข่งเค้า แล้วคนที่แก้ก่อนกับแก้ทีหลัง ใครจะบ้ากว่ากัน?



จงพากันเพ่งโทษที่ตนเองกันให้มากๆ อย่าไปเผลอคิดว่าเราดีแล้ว เราถูกต้องแล้ว เราเก่งแล้ว ดังนี้เป็นต้น แลจงอย่าดีแต่พล่ามกันไปเรื่อยว่าฉัน ยังไม่ดี ฉันยังเลวอยู่เลย ต่างๆนาๆ โดยที่ไม่คิดจักแก้ไข หรือแก้ไขอยู่แบบสักแต่ว่า มิได้ใส่ใจลงไปจริงๆ ก็ไอ้อารมณ์โลภ โกรธ หลง นิวรณ์ทั้ง ๕ กิเลส ตัณหา ราคะทั้งปวงนี่มันเก่งนักล่ะ ไล่ตามครอบงำเราเสมือนเงาติดตามตัวกันเลยทีเดียว เผลอให้มันยามใด มันก็ถาโถมเข้าสิ่งสู่ในใจเรา แลออกยากนักหนา หากไม่เพียรใช้กรรมฐานคู่ปรับกับมัน มาถอดถอนออก ก็หลุดพ้นจากความชั่วเหล่านี้ได้ยาก ด้วยต่างพากันสะสมกันมานานนับอสงไขยไม่ถ้วน ในทุกวันนี้ผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นนักปฏิบัติภาวนาเพื่อที่หวังหลุดพ้นในชาตินี้นั้นมีมากมายนัก แต่ที่เห็นว่าปฏิบัติกันจริงจังด้วยความจริงใจต่อตนเองนั่นมีน้อยมาก ดั่งที่บอกว่าดีแต่พล่าม ดีแต่คุยโวโอ้อวดว่าฉันเป็นศิษย์หลวงพ่อนั้น ศิษย์หลวงปู่นี้ อาจารย์นั่นนี่ ฉันไม่ดี ฉันเลวเยี่ยงนั้นเยี่ยงนี้ ว่ากันไปตามติดตำราที่พระคุณหลวงพ่อฯ ท่านได้เคยกล่าวที่ว่า "หากเห็นว่าตนเองดีเมื่อใด ก็เลวเมื่อนั้น แต่หากเห็นตนเองเลวเมื่อใด เมื่อนั้นจึงจักดี" ก็เพียงเพื่อให้เพื่อนในกลุ่มได้ชื่นชมตนเอง ว่ากันไปเรื่อยให้เสียชื่อครูบาอาจารย์ แลสำนัก แต่ความคิด คำพูด ตลอดถึงการกระทำนั้น มิได้แสดงออกถึงการปฏิบัติตามแนวที่ครูอาจารย์ของตนท่านได้แนะนำพร่ำเตือนไว้เลย การกระทำเยี่ยงนี้นอกจากเป็นการประจานตนเองแล้ว ก็ยังเป็นการประจานไปถึงพระคุณหลวงพ่อฯ แลครูบาอาจารย์ในสำนักตนอีก ด้วยแสดงว่ายังเข้าไม่ถึงเปลือกความดีของพระพุทธศาสนาแต่อย่างใดเลย ด้วยยังมีจริยาอวดตัว ยังสนใจในจริยาผู้อื่นอยู่ ตามที่พระคุณพ่อฯได้พร่ำสอนไว้ในอุ ทุมพริกสูตร (แต่ไม่ยอมทำตามคำพ่อสอน) ก็ถ้าหากเราเห็นราคะ ความโลภ โกรธ หลง นิวรณ์ทั้ง ๕ อันได้แก่พอใจในกาม อารมณ์ขัดเคืองใจให้โกรธ ความหดหู่ท้อแท้ ความฟุ้งซ่านไม่รู้จักหยุด แลความง่วงสะลึมสะลือเซ่อซ่า เสมือนเป็นบ่อขี้ บ่อเยี่ยว บ่อน้ำหนอง บ่อน้ำเน่าน้ำครำ แลเรากำลังอยู่ในบ่อดังกล่าวนี้ มันก็ต้องรีบหาทางขวนขวายตะเกียกตะกายเพื่อให้พ้นขึ้นมาจากความโสโครกนั้นจริงๆ ไม่ใช่ดีแต่พล่ามคำพูดไปวันๆ เพียงเพื่ออยากประกาศตนให้ใครๆในโลกได้รับรู้ว่าฉันเป็นนักปฏิบัติ เพื่อความหลุดพ้น ฉันจักไปนิพพานชาตินี้แน่ ฉันปรารถนาพุทธภูมิ ฉันปรารถนาพระนิพพาน พูดไปมากๆ น้ำขี้ น้ำเยี่ยว น้ำหนอง ของโสโครกเทือกนั้นมันก็จักกระเด็น เข้าปากไปเท่านั้นล่ะ รีบๆเข้าเถิด ทำให้มันจริง ทำให้มันได้ คนทำจริงเขาไม่พูดมากหรอก มันเปลืองน้ำลาย เปลืองกาลเพลา ด้วยท่านที่เพียรปฏิบัติภาวนาจริงๆนั้นท่านต่างเห็นว่าชีวิตนี้สั้นนัก แลเป็นของไม่แน่นอน เห็นภัยในวัฏฏะจริงๆ จึงได้เพียรปฏิบัติไปโดยไร้จริยาโอ้อวดโดยสิ้นเชิง โดยมากจักมีลีลาที่ไม่เหมือนนักปฏิบัติทั่วไปที่พากันภาวนาตามเทศกาลบ้าง เฉพาะวันคุณพระฯบ้าง เปล่าล่ะ ท่านพระโยคาวจรผู้มีความเพียรเหล่านี้นั้น จักภาวนาปฏิบัติไปตลอดต่อเนื่องอย่างไม่ลดละทั้งกลางวัน กลางคืน เพียงเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะตามที่ตนปรารถนา คือความว่าง วางภาระทั้งหมด ได้แก่พระนิพพาน นั่นล่ะ เอ้า..ตั้งใจกันให้มาก ๆ กว่านี้นะ..!!





"ผู้เจริญในสมาธิ ย่อมอบรมจิต จิตที่อบรมแล้ว ย่อมละราคะได้

ผู้เจริญในวิปัสสนา ย่อมอบรมปัญญา ปัญญาที่อบรมแล้ว ย่อมละอวิชชาได้"...!!



" ปฏิบัติธรรม แล้วยังมีความโกรธ ? "



ถาม : ถ้าเราปฏิบัติธรรม แล้วยังมีความโกรธ ?



ตอบ : เรื่องปกติ เขาไม่ได้ห้ามโกรธ คนที่หมดความโกรธแล้วมีแต่พระอนาคามีขึ้นไป พระสกทาคามียังนึกถึงความโกรธอยู่ แต่ความโกรธไม่ค้างคาใจ พระโสดาบันยังโกรธได้เต็มๆ แต่ไม่ฆ่าใครไม่ทำร้ายใคร แล้วเราถึงหรือยัง ? ก็ต้องมีบ้าง



ถาม : มารู้ตัวตอนโกรธไปแล้ว ?



ตอบ : ไม่เป็นไร..โกรธได้แต่อย่าไปผูกโกรธ เลิกแล้วก็ลืมเสีย พอถึงเวลาเรารู้เท่าทันก็อย่าไปแสดงออกไปทางกาย ทางวาจา เก็บไว้ในใจให้อกแตกตายไปคนเดียว ทำแบบนี้บ่อยๆ เดี๋ยวความโกรธก็ค่อยๆ ลดกำลังลงไปเอง







" การเจ็บไข้ได้ป่วย เป็นการทดสอบที่ดีที่สุด "



ถาม : เมื่อประมาณสองเดือนที่แล้ว ผมไปผ่าตัดเพราะว่าเป็นมะเร็งที่ตับ ตอนนั้นผมจับกายคตา และจับภาพพระไว้ ตอนที่ดมยาสลบภาพพระก็อยู่ จนเราสลบภาพพระก็หายไป ถ้าบังเอิญตายตอนนั้นจริงๆ จะได้ไปที่ดีๆ ไหมครับ ?



ตอบ : เราตั้งใจจะไปที่ไหน เราจะได้ไปที่นั่น เหมือนกับเราตั้งโปรแกรมคอมพิวเตอร์ล่วงหน้าไว้ ต่อให้ช่วงนั้นขาดสติก็ไม่เป็นไร



ถาม : วันนั้นเหมือนกับไม่ห่วงอะไร แต่พออาการดีขึ้น เราก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม ?



ตอบ : จะเห็นว่าช่วงฉุกเฉินในชีวิตของเรา ความรู้สึกตอนนั้นเราจะรู้สึกเหมือนกับว่าเราพร้อมที่จะไป ถ้ารู้จักสังเกตเราจะรู้ว่าต้นทุนที่เราสั่งสมมา ความจริงพอเพียงแล้ว เพียงแต่ว่าถ้าไม่มีเหตุก็รวมไม่ได้สักที เหมือนเราสะสมน้ำทีละหยด ๆ บางทีได้ครึ่งค่อนโอ่งแล้วแต่เราไม่รู้ จนกระทั่งมีเหตุให้ไปเปิดโอ่งดู เราถึงรู้ว่ามีน้ำตั้งเยอะ



ดังนั้น..สำหรับนักปฏิบัติแล้วถึงบอกว่า การเจ็บไข้ได้ป่วย เป็นการทดสอบที่ดีที่สุด เขาถึงได้ไม่กลัวเรื่องเจ็บเรื่องป่วยกัน เพราะเขาอยากจะรู้ว่าตัวเองมีต้นทุนเท่าไร โดยเฉพาะในตอนช่วงนั้นกำลังใจเราปล่อยวางได้จริงหรือไม่จริง จะรู้ชัดมากเลย



ในเมื่อเป็นเช่นนั้นนักปฏิบัติเวลาเกิดเหตุฉุกเฉินหรือเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมา เขาไม่ได้กลัวเลย เพราะวัดต้นทุนตัวเองได้



ถาม : บางครั้งผมเดินภาวนา คาถาเงินล้าน หรือ นะมะพะธะ บางทีรู้สึกเหมือนขาลอยๆ หน้ามืดเหมือนจะเป็นลม เป็นอาการอะไรครับ ?



ตอบ : บางทีก็เป็นสภาวะที่เกิดขึ้นในช่วงนั้น เราต้องรู้จักสังเกตตัวเอง อาจจะสมาธิทรงตัวมากขึ้น แต่คราวนี้ว่าอยู่ในลักษณะปฐมฌานหยาบ จิตกับประสาทเริ่มแยกออกจากกัน ไม่รับรู้อาการทางร่ายกาย อาจมีลักษณะหน้ามืดหมดสติ แต่ถ้าหากว่าคุณนั่งอยู่ทุกอย่างจะรวมอยู่ข้างใน แต่คราวนี้คุณไปบังคับร่างกายให้เคลื่อนไหวด้วย ถึงเวลาตัวจะไป แต่ใจไม่ไปด้วย เพราะรวมไปแล้ว พอแยกออกจากกันก็เหมือนจะขาดสติไปเลย



ถาม : เราควรจะต้องอยู่กับการภาวนาให้มากใช่ไหมครับ ?



ตอบ : ได้ทั้งวันยิ่งดี



ถาม : มีครั้งหนึ่งท่านสอนผมว่า ให้มองทุกสิ่งทุกอย่างเสื่อมสลาย ไม่ควรยึดถือมั่นหมาย วิธีนี้จะใช้คู่กับคาถาเงินล้านได้หรือเปล่าครับ ?



ตอบ : ใช้ได้ ท่องจบก็สลายหมด แล้วก็เริ่มต้นท่องใหม่ เห็นไหมว่าไม่เที่ยง ขณะที่ท่องอยู่ก็ทุกข์ด้วย เห็นชัดๆ อยู่เลย




เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มิ.ย. 2013, 08:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


“ถ้าเราทำดี พูดดี คิดดีแล้ว
คนอื่นเขาว่าเราทำไม่ดี
ก็ไม่เป็นไร เมื่อเราทำดีแล้ว
คนอื่นว่าไม่ดีมันเป็นเรื่องของเขา
เราอย่าไปทิ้งความดีของเรา
... ความดีมันอยู่ที่ตัวเราไม่ใช่คนอื่นมอง
อย่าลืมว่ากรรมใคร ก็เป็นของคนนั้น
อย่ายึดมั่นถือมั่น และ อย่าจับตาดูผู้อื่น”

แม้พระบรมศาสดาของเราก็เช่นเดียวกัน พระองค์ประทับนั่งอยู่ ณ ควงไม้โพธิพฤกษ์แห่งเดียว เมื่อจะดับโลกสาม ก็มิได้เหาะขึ้นไปในโลกสาม คงดับอยู่ที่จิต"

" หลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤาษีฯ สอนการให้ทานที่มีผลในชาตินี้ "

คัดบางส่วนจากหนังสือหลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม 3

โดยพระราชพรหมยาน

ผู้ถาม: "เวลามีคนมาขอทานหน้าบ้าน เขามักจะขอโดยการร้องเพลงยาวๆ ฟังแล้วอดสงสารไม่ได้ค่ะ แต่บางทีก็รำคาญต้องรีบบอกให้หยุดร้อง ให้สตางค์แล้วก็ให้เขาไปเร็วๆ อย่างนี้จะเป็นอะไรไหมคะ....?"

หลวงพ่อ: "ไม่เป็นไรหรอกหนู เมื่อสมัยบวชใหม่ ๆ หลวงพ่อปานบอกว่า ถ้าจะให้ทานคนขอทานอย...่าให้เขาพูดมาก หมายความว่าพอมาถึงไม่ต้องให้ยกมือไหว้พูดขอ ถ้าเขาจะขอก็บอกไม่ต้องฉันให้แล้ว ฉันเต็มใจให้แล้ว คือว่าเราจะให้ใคร อย่าให้เขาพูดมาก อย่าให้เสียเวลา ให้เร็ว ๆ ที่สุด ตั้งใจเป็นการสงเคราะห์จริงๆ แล้วผลมันให้ในชาตินี้ ฉันทดสอบมาแล้วเป็นความจริง....

การให้ทานโดยไม่เตรียมการไว้ก่อน ใครมาเราก็ได้เราให้ได้ ถ้าทำอย่างนี้เสมอ ๆ คนมาขอทาน เราไม่ยอมให้พูดขอ รีบควักเลย แล้วมันจะมีผลในชาตินี้ คือสิ่งที่เราขัดข้องคิดว่าจะไม่ได้มันจะโผล่ เราก็ให้เท่าที่จะให้ได้ เขาไม่บังคับเรานี่ พอทำไปไม่กี่ปีก็เริ่มให้ผล ของที่มันจะได้มามันมีการคล่องตัวมากขึ้น

แต่เวลาให้ เราอย่าไปคิดถึงผลอันนี้นะ ต้องให้ด้วยการสงเคราะห์จริง ๆ คือตัดไปเลย มันได้เท่าไหร่ก็ช่าง ถ้าไปคิดว่าเราต้องการให้เพื่อต้องการผลตอบแทนผลจะถูกตัดเพราะเป็นการให้ทานที่ประกอบด้วยความโลภ

พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า "ตุลิตะ ตุลิตัง สีฆะ สีฆัง" ธรรมของเรามิใช่เป็นเครื่องเนิ่นช้า ต้องเร็ว ๆ ไว ๆ


บุญ คือ เครื่องชำระสันดาน ความดี กุศล ความสุข ความประพฤติชอบทางกาย วาจา ใจและกุศลธรรม และปารมีหรือบารมี หมายถึง คุณความดีที่บำเพ็ญอย่างยิ่งยวด เพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายอันสูงยิ่ง...

สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนแก่พาหิยะนั้น

ถือเป็นที่สุดของวิปัสนา

ดูกรพาหิยะในกาลใดแล
เมื่อท่านเห็นจักเป็นสักว่าเห็น
... เมื่อฟังจักเป็นสักว่าฟัง
เมื่อทราบจักเป็นสักว่าทราบ
เมื่อรู้แจ้งจักเป็นสักว่ารู้แจ้ง
ในกาลนั้นท่านย่อมไม่มี
ในกาลใดท่านไม่มี
ในกาลนั้นท่านย่อมไม่มีในโลกนี้
ย่อมไม่มีในโลกหน้า
ย่อมไม่มีในระหว่างโลกทั้งสอง

นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์ฯ"


ภิกษุทั้งหลาย ! เรากล่าวการกระทำตอบแทน ที่ทำได้ไม่ง่ายแก่ท่านทั้งสอง ท่านทั้งสอง นั้นคือใคร ? คือ มารดา บิดา
ภิกษุทั้งหลาย ! บุตรพึงประคับประคอง มารดา ด้วยบ่าข้างหนึ่งพึงประคับประคอง บิดา ด้วยบ่าข้างหนึ่งเขามีอายุมีชีวิตอยู่ตลอดร้อยปี และเข...าพึงปฏิบัติ ท่านทั้งสองนั้นด้วยการอบกลิ่น การนวด การให้อาบน้ำ และการดัด และท่านทั้งสองนั้น พึงถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะบนบ่าทั้งสองของเขานั่นแหละ"
ภิกษุทั้งหลาย ! การกระทำอย่างนั้นยังไม่ชื่อว่า...อันบุตรทำแล้วหรือทำตอบแทนแล้วแก่มารดาบิดาเลย
ภิกษุทั้งหลาย ! อนึ่ง"บุตรพึงสถาปนามารดาบิดาในราชสมบัติอันเป็นอิสราธิปัตย์ ในแผ่นดินใหญ่อันมีรตนะ ๗ ประการมากหมายเช่นนี้" การกระทำกิจอย่างนั้นยังไม่ชื่อว่า...อันบุตรทำแล้วหรือทำตอบแทนแล้วแก่มารดาบิดาเลยข้อนั้นเพราะเหตุไร ?
เพราะมารดาบิดามีอุปการะมาก บำรุงเลี้ยง แสดงโลกนี้แก่บุตรทั้งหลาย
ส่วนบุตรคนใด...ยังมารดาบิดาผู้ไม่มีศรัทธา ให้สมาทานตั้งมั่นในสัทธาสัมปทา(ความถึงพร้อมด้วยศรัทธา) ยัง มารดาบิดาผู้ทุศีล ให้สมาทานตั้งมั่นใน สีลสัมปทา(ความถึงพร้อมด้วยศีล) ยัง มารดาบิดาผู้มีความตระหนี่ ให้สมาทานตั้งมั่นใน จาคสัมปทา(ความถึงพร้อมด้วยการบริจาค) ยัง มารดาบิดาทรามปัญญา ให้สมาทานตั้งมั่นใน ปัญญาสัมปทา(ความถึงพร้อมด้วยปัญญา)
ภิกษุทั้งหลาย ! ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้แล การกระทำอย่างนั้นย่อมชื่อว่า... อันบุตรนั้นทำแล้วและทำตอบแทนแล้วแก่มารดาบิดา.

ถ้าไม่มีการให้อภัยผิด
และไม่คิดที่จะลืมซึ่งความหลัง
จะหาสามัคคียากลำบากจัง
ความผิดพลั้งย่อมมีทั่วทุกตัวคน

อนัตตา4
ธรรมะในดอกบัว... บานตามเหตุปัจจัย... ร่วงโรยไปตามเหตุปัจจัย...ไม่มีใครเป็นเจ้าของ...สิ่งใดจริงตั้งอยู่ด้วยเหตุ... ดับไปด้วยเหตุ.. ฉะนั้นแล


ความ"อยาก"ทำให้ใจดิ้นรนเป็น"ทุกข์"
...ความ"อยาก"ต้องใช้คู่ไปกับ"สันโดษ"
...จึงจะลดการดิ้นรนของใจ เพราะ
..."สันโดษ" เป็นความพอใจในความสามารถของตนที่ทำเต็มที่แล้ว

คนไร้วาสนาคือคนประมาทมัวเมาเมื่อขาขึ้น
คนไร้วาสนาคือคนท้อแท้ท้อถอยเมื่อขาลง
ความไร้วาสนาหรือมีวาสนานั้นอยู่ที่ใจตน
ไม่มีใครทำให้

...ความภูมิใจที่ยิ่งใหญ่ของเรา...
ไม่ได้อยู่ที่เราไม่เคยล้ม
แต่อยู่ที่สามารถลุกขึ้นได้ทุกคร้งที่เราล้ม.

ขณะที่เราเจริญสตินะ ฐานใดฐานหนึ่ง
จะเห็นพระไตรปิฎกทั้งแปดหมื่นสี่พัน
พระธรรมขันธ์ตรงนี้เพราะ สิ่งที่เป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นว่าเป็นตัวเราของเราก็อยู่ตรงนั้น สมุทัยที่จะเกิดก็เกิดตรงนั้น มรรคที่จะประหารกิเลสที่จะทำหน้าที่ เพื่อประหารกิเลสก...็อยู่ตรงนั้น นิโรธความดับทุกข์ได้ถ้าจะดับทุกข์ได้ก็ดับตรงนั้น

ดับขณะหนึ่ง ขณะหนึ่งตรงนั้น คือ
ถ้าสติญาณปัญญาไม่แจ่มแจ้งมันก็กลาย
เป็นที่ตั้งแห่งสมุทัยให้ทุกข์เกิด
ถ้าสติปัญญาญาณแจ่มแจ้งขณะนั้น ก็กลาย
เป็นมรรคที่ทำให้ทุกข์ดับ คือนิโรธที่บังเกิดขึ้น
เพราะฉะนั้นมรรคมีองค์แปดนะมันก็เกิดรวม
อยู่ตรงนั้นเลย มรรคของใครผู้นั้นก็ทำ
กันเอาเอง


จิตนั้นเป็นนาย กายเป็นบ่าว
บุคคลในโลกนี้บำรุงบำเรอบ่าว
แต่ปล่อยให้นายอดอยาก
ชีวิตนี้จึงไม่ประสบผลสำเร็จ
ไม่สามารถนำชีวิตไปสู่ความสุขที่แท้จริงได้


...พ่อ..ลูก..คุยโทรศัพท์กัน..(เด็กอายุ ๗ ขวบ)
...ลูกพูด..พ่อๆ เวลากิเลสความหิวเข้าไปกระทบใจพ่อ ทำให้พ่อหิว
...พ่อพูด..พ่อรู้ลูก
...ลูกพูด...พ่อๆรู้แต่พ่อไม่เคยปฏิบัติเลย
...พ่อพูด...ปฏิบัติยังไงละลูก
...ลูกพูด...พ่อก็อย่าทำตามมันซิ พ่อจะได้ไม่ต้องกิน จะได้ไม่อ้วน


ธรรมะในดอกบัว... บานตามเหตุปัจจัย... ร่วงโรยไปตามเหตุปัจจัย...ไม่มีใครเป็นเจ้าของ
สิ่งใดจริงตั้งอยู่ด้วยเหตุ... ดับไปด้วยเหตุ



กรรมในอดีตอาจตกแต่ง
ให้บางคนมีจิตเศร้าหมองเป็นประจำ
และเมื่อภาวะใดเกิดขึ้นบ่อยๆ
เจ้าตัวย่อมอุปาทานว่ามันจะ
เป็นของติดตัวตลอดไป แก้ไม่ได้
ความจริงก็คือเมื่อฝึกเจริญสติ สังเกตรู้ตามจริง จะพบว่าเมื่อใดเราพบจิต
... รู้วิธีที่จะเห็นภาวะของจิตที่ปรากฏต่อหน้าต่อตาเมื่อนั้นสติก็ช่วย "ซ่อม" จิตให้เดี๋ยวนั้น
เพราะสติเป็นเหตุใกล้ให้เกิดกุศล เกิดความสว่าง เกิดภาวะทางธรรมชาติดีๆขึ้นภายใน
แม้ความเศร้าหมองเพิ่งเล่นงานอยู่หยกๆ
พอเกิดสติเห็นว่าจิตเศร้าหมองสักแต่
เป็นภาวะมืดๆมัวๆหาตัวตนบุคคลเราเขา มนุษย์หรือสัตว์ใดไม่เจอ สติที่เกิดขึ้นแทนที่นั้นก็ยังจิตให้เปลี่ยนแปลงทันทีสมกับที่คัมภีร์บอกไว้ว่าเมื่อเกิดสติเท่าทันอกุศลจิต
อกุศลจิตจะเปลี่ยนเป็นมหากุศลในทันที


...ผู้มี"ทรัพย์และปัญญา" ย่อมรู้จักเลือกดอกไม้
...ที่มี"กลิ่นหอม" มาร้อยเป็นสังวาลย์ สวมใส่
...ท่องไปในโลกทั้งสาม ก่อนเข้า"นิพพาน"


หากยึดถือมาก ให้ความสำคัญมันมาก ทุกข์มาก
หากยึดถือน้อย ให้ความสำคัญมันน้อย ทุกข์น้อย
ทุกสิ่งทุกอย่าง มันเช่นนั้นเอง


บุญเป็นอะไร?
สิ่งนั้นๆ เป็นเหมือน ของเกลื่อนกลาด
ที่เป็นบาป เก็บกวาด ทิ้งใต้ถุน
ที่เป็นบุญ มีไว้ เพียงเจือจุน
ใช้เป็นคุณ สะดวกคาย คล้ายรถเรือ,
หรือบ่าวไพร่ มีไว้ใช้ ใช่ไว้แบก
... กลัวตกแตก ใจสั่น ประหวั่นเหลือ
เรากินเกลือ ใช่จะต้อง บูชาเกลือ
บุญเหมือนเรือ มีไว้ขี่ ไปนิพพาน
มิใช่เพื่อ ไว้ประดับ ให้สวยหรู
เที่ยวอวดชู แบกไป ทุกสถาน
หรือลอยล่อง ไปในโลก โอฆกันดาร
ไม่อยากข้าม ขึ้นนิพพาน เสียดายเรือ


ธรรมะอาจไม่สวย..แต่รวยด้วยปัญญา..
...ในสมัยพุทธกาลมีพระรูปหนึ่ง ไปบำเพ็ญอยู่ในป่าตั้งนาน
...ไม่ได้มรรคผลอันใด จึงเดินทางกลับเพื่อเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า
...มาขอกรรมฐานเพิ่มเติม ผ่านหนองน้ำแห่งหนึ่งท่านหยุดพัก
...เห็นนกกระยางกินปลา จิตท่านเกิดสลดสังเวช สัตว์โลกช่าง
...เบียดเบียนกันจริงหนอ จิตเห็นทุกข์ในสังขารขันธ์ ที่ท่อง
...เที่ยวอยู่ในวัฏสงสารนี้ จิตจึงปล่อยวาง และบรรลุพระอรหันต์
...ที่ริมหนองน้ำนั้น


เครื่องมือท่องจักรวาล...
..."บุญ" เป็นเครื่องมือสำหรับใช้ท่องไปในจักรวาล
...เพื่อมิให้ตนเองต้องลำบาก เมื่อยังไม่ถึง"นิพพาน"
...ทุกอย่างจะสำเร็จได้ต้องเริ่มต้นด้วย"บุญ"


อารมณ์ทั้งหลายนี่ไม่คงทนเลย
ผ่านมาผ่านไปเกิดดับตลอดเวลา
ไม่มีอะไรจริงจัง อย่าไปเชื่อว่ามันจริง
อย่าไปเชื่อความคิด เชื่อว่า ความคิดเราต้อง
เป็นอย่างนี้จริง ๆ ที่คิดขึ้นมาน่ะ คิด
จะโกรธใครก็ต้องโกรธไปจริง ๆ คิดว่าไอ้สิ่งนี้
... ไม่ดีก็จะต้องยึดเป็นว่าสิ่งนี้ไม่ดีจริง ๆ
คิดว่าสิ่งนี้ดีมาหาเราแล้วก็ต้องไปยึดว่ามันดีจริง
ๆ ไม่มีอะไรจีรังหรอก อย่าไปเชื่อตัวเอง
อย่าไปเชื่อความคิดตัวเอง อย่าไปเชื่อว่า
ความคิดตัวเองถูก ในความถูกก็มีความผิด ใน
ความผิดก็มีความถูก แล้วแต่ว่าเอาอะไร
เป็นตัววัด ไม่มีอะไรสูง ไม่มีอะไรต่ำ


ความคิดคือสิ่งที่สังขารปรุงขึ้นมา อาจทำให้เราสุขหรือทุกข์ก็ได้ ถ้าเราเข้าไปยึดความคิดนั้น ถ้าเราเพียงทำความเข้าใจเขา เขาก็เป็นเพียงอารมณ์หนึ่งที่จรมา เดียวเขาก็จากไป ไม่มีสิ่งใดตั้งอยู่ได้เมื่อมีเกิดก็มีดับ เป็นธรรมดา เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว ควร"รู้เฉย"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2013, 19:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


เราค่อยๆคลายพันธนาการ ที่เป็นเครื่องเกี่ยวใจ
...ให้ออกไปทีละน้อย ทีละน้อย ใจก็จะเบา
...จะปล่อย จะละ จะวาง มันก็ง่าย
""""จะไปยึดไว้ทำไม..มันมีแต่ของชั่วคราว""""
""""ปล่อยมากได้มาก ปล่อยน้อยได้น้อย"



ค่ามีที่ตรงไหน
ค่ากระดาษ แผ่นหนึ่ง ไม่ถึงสตางค์
พอวาดวาง ด้วยอักษร ประเสริฐศรี
มีเนื้อหา แห่งพระธรรม คำดี ๆ
มันกลับมี ค่าอนันต์ เหลือพรรณนา

... เพียงกระดาษ ลายเซ็น เป็นที่ระลึก
คนโง่ยึก แย่งกัน ซื้อสรรหา
ส่วนผู้ฉลาด มาตร์ใหญ่ ใฝ่ธรรมา
แผ่นกระดาษ สูงค่า มาเพราะธรรม

แม้กระดาษ ห่อของ ตรองดูเถิด
ค่ามันเกิด เพราะอะไร ไยมิขำ
แม้กายเน่า ที่คู่เคล้า เฝ้าลูบคลำ
เมื่อมีธรรม ก็หมดเน่า ไม่เศร้าเอย


ธรรมะในดอกบัว... บานตามเหตุปัจจัย... ร่วงโรยไปตามเหตุปัจจัย.ไม่มีใครเป็นเจ้าของ
สิ่งใดจริงตั้งอยู่ด้วยเหตุ... ดับไปด้วยเหตุ.. ฉะนั้นแล


บุญ และ บาป..
...บุญเป็นของเบา...บาปเป็นของหนัก
...ถ้าผู้ใดยึดไว้ มีค่าไม่ต่างกัน...
"""ต้องวนอยู่ในวัฏสงสารเช่นเดียวกัน


ยึดไว้ไม่ได้ทั้งบาปและบุญเพราะเป็นปัจจัยให้เวียนว่ายอยู่ในสังสารวัฏฏ์ เหมือนกัน


ทุกชีวิตมีเวลาอันจำกัด จงอย่าช้ารีบเร่งทำ
ความดี อย่าประมาทคิดว่าจะไม่ตาย เพราะ
ความตายไม่ได้บอกเวลา

ไม่มีอะไรที่น่ารัก ไม่มีอะไรที่น่าเกลียด
ไม่มีอะไรที่น่าหวัง
ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามสภาพธรรมดา
คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
เมื่อถึงคราวเกิดมันก็เกิด เมื่อถึงคราวดับมันก็ดับ
ไม่มีใครทำให้มันเกิด ไม่มีใครทำให้มันดับ


การเบื่อโลก การรู้ทุกข์เป็นสิ่งดี
แต่เบื่อแล้วจิตเศร้าหมองใช้ไม่ได้
ต้องปล่อยวาง รู้อุเบกขา


ความจริงโลกมันก็เป็นธรรมดาของมันอย่าง
นั้นที่ต้องมีด้านบวกและด้านลบ แต่เราไปบ้า
กับมันเอง สิ่งที่ธรรมดามันก็เลยกลายเป็นสิ่งที่
ไม่ธรรมดา สิ่งที่ธรรมดามันก็เลยมาทำให้เรา
เป็นทุกข์ ที่เราเป็นทุกข์เพราะเราไม่
เข้าใจสภาพความเป็นจริงของมัน ถ้าหา...กเรา
เข้าใจสภาพความเป็นจริงของมัน
แล้วปล่อยวางเสีย มันก็หมดเรื่อง ก็โลกมันก็
เป็นของมันอย่างนั้นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
ไปทุกข์กับมันทำไม มันขึ้นของมันอย่างนั้น
มันลงของมันอย่างนั้น มันเจริญของมันอย่าง
นั้น แล้วมันก็เสื่อมของมันอย่างนั้น ที่เรา
เป็นทุกข์เพราะเราไปยึดมั่นถือมั่นมันเอง

ภิกษุ ท.! ในบรรดาผ้าที่ทอด้วยสิ่งที่เป็นเส้น ๆ
กันแล้ว ผ้าเกสกัมพล(ผ้าทอด้วยผมคน) นับว่า
เป็นเลวที่สุด.ผ้าเกสกัมพลนี้ เมื่ออากาศหนาว
มันก็เย็นจัด, เมื่ออากาศร้อน มันก็ร้อนจัด. สีก็
ไม่งามกลิ่นก็เหม็น เนื้อก็กระด้าง;ข้อนี้เป็นฉันใด,

... ภิกษุ ท.! ในบรรดาลัทธิต่าง ๆของเหล่าปุถุสม
ณะแล้วลัทธิมักขลิวาท นับว่าเป็นเลวที่สุด ฉัน
นั้น.ภิกษุ ท.! มักขลิโมฆบุรุษนั้น มีถ้อยคำ
และหลักความเห็นว่า“กรรมไม่มี, กิริยาไม่มี,
ความเพียรไม่มี” (คือในโลกนี้ อย่าว่าแต่จะมีผ
ลกรรมเลยแม้แต่ตัวกรรมเองก็ไม่มี, ทำอะไรเท่า
กับไม่ทำ.กิริยาและความเพียรก็นัยเดียวกัน)

ภิกษุ ท.! แม้พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทั
้งหลาย ที่เคยมีแล้วในอดีตกาลนานไกล
ท่านเหล่านั้น ก็ล้วนแต่เป็นผู้กล่าวว่า มีกรรม
มีกิริยามีวิริยะ. มักขลิโมฆบุรุษย่อมคัดค้านพระอร
หันตสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ว่าไม่มีกรรม ไม่มีกิริยา
ไม่มีวิริยะ ดังนี้.

ภิกษุ ท.! แม้พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทั
้งหลาย ที่จักมีมาในอดีตกาลนานไกลข้างหน้า
ท่านเหล่านั้นก็ล้วนแต่เป็นผู้กล่าวว่า
มีกรรมมีกิริยา มีวิริยะ. มักขลิโมฆบุรุษย
่อมคัดค้านพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเหล่านั้น
ว่า ไม่มีกรรม ไม่มีกิริยา ไม่มีวิริยะ ดังนี้.

ภิกษุ ท.! ในกาละนี้ แม้เราเองผู้เป็
นอรหันตสัมมาสัมพุทธะก็เป็นผู้กล่าวว่า มีกรรม
มีกิริยา มีวิริยะ.มักขลิโมฆบุรุษย่อมคัดค้านเราว่า
ไม่มีกรรม ไม่มีกิริยา ไม่มีวิริยะ ดังนี้.ภิกษุ ท.!
คนเขาวางเครื่องดักปลาไว้ที่ปากแม่น้ำ ไม่
ใช่เพื่อความเกื้อกูล, แต่เพื่อความทุกข์
ความวอดวายความฉิบหาย แก่พวกปลาทั้งหล
ายฉันใด; มักขลิโมฆบุรุษเกิดขึ้นในโลก
เป็นเหมือนกับผู้วางเครื่องดักมนุษย์ไว้ ไม่ใช่เพื่อ
ความเกื้อกูล,แต่เพื่อความทุกข์ความวอดวาย
ความฉิบหาย แก่สัตว์ทั้งหลายเป็นอันมาก ฉัน
นั้น.-------------------------------------



ทุกๆ วันคนเราจะทำบุญทำบาป สลับกันไป เช่นตอนเช้า ตักบาตร ซึ่งถือว่าเป็นบุญ พอไปถึงที่ทำงาน ก็ทำให้อารมณ์เสีย กับเพื่อนร่วมงาน กับลูกน้อง กับเจ้านาย ซึ่งเป็นตัวบาป พอเลิกงานขับรถกลับบ้าน มีรถมาปาดหน้า ก็นึกสบถขึ...้นมา ด่าเขา ก็เป็นบาป พอถึงบ้าน เห็นหน้าลูก หน้าเมีย หน้าสามี ทำให้อารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง จิตใจชุ่มชื่น ก็เป็นบุญ พอสักพัก ลูกเปิดเพลง เสียงดัง หยอกล้อกันเสียงดัง ก็ด่าลูกไป ก็เป็นบาป พอก่อนนอน ไหว้พระสวดมนต์ นั่งสมาธิ ก็เป็นบุญ
......... ดังนั้นจะเห็นว่า วันๆหนึ่ง เราจะทำบุญ ทำบาป สลับกันไปทุกวัน ถ้าตราบใด ยังตามกิเลสอารมณ์ ดูจิตไม่ทัน ยังทำตามกิเลสอยู่มาก เราก็จะได้บาปมากกว่าบุญ พอมาหักลบกลบหนี้กัน อาจจะมีบาป มากกว่าบุญ แต่ถ้าบางคน ทำบุญใหญ่ ทำบาปเล็กน้อย ก็อาจจะมีบุญมากกว่าบาป แต่ขึ้นชื่อว่าบาป ก็ทำให้จิตใจหมองหม่นได้ ไม่ทำเสียดีกว่า ดังนั้น อย่าตามใจกิเลสของเราให้มากนัก เพราะกิเลสของมนุษย์นั้นมากกว่า แม่น้ำ มหาสมุทรเสียอีก ดังธรรมะ จากหลวงปู่ทวดกล่าวไว้

"แม่น้ำทะเล และมหาสมุทร ไม่มีที่สิ้นสุดของน้ำ ฉันใด กิเลสตัณหาของมนุษย์ก็ย่อมไม่มีที่สิ้นสุด ฉันนั้น"



ยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก ยังต้องอยู่ใต้ฝ่า
เท้ามนุษย์ ที่ไม่ละ "ความเพียร" ….


เมื่อวันที่เราหมด ‘ ลมหายใจ ‘
สิ่งที่เขาจำได้ ไม่ใช่แค่ ‘ หน้าตา ‘
แต่มันคือ ‘ ความดี ‘ ที่มีคุณค่า
แม้แต่กาลเวลา ก็มิอาจพามันหายไป

เราต่างก็มี ‘อดีตที่พลาดพลั้ง‘ ทั้งนั้น
แต่เรา ‘เลือกได้‘
ว่าจะใช้มันเพื่อ ‘ตอกย้ำ‘ หรือเพื่อ ‘เตือนใจ‘ ตัวเอง

จิตคนเราเหมือนแมงมุมที่พ่นใย
เพื่อสร้างใยแมงมุมขึ้น
จากความไม่มีอะไร
แล้วแมงมุมก็ติดอยู่ในใย
ที่ตัวเองสร้างเอง

ธรรมะจะเกิดประโยชน์สูงสุดได้ ก็เมื่อน้อมนำไปประพฤติปฏิบัติ
จนสามารถถอดถอนความทุกข์ออกจากจิตใจได้จริงๆ



เชื่อคนอื่นมาก็เยอะแล้ว..
ทั้งหมอดู...หมอเดา
ผีเจ้า...เข้าทรง..
เซียมซี..หมอพระ..หมอชี.
หมอเทวดา..
เชื่อเขาว่า...
... เชื่อโบราณ..
เชื่อตำนาน..
เชื่อ..เชื่อ..เชื่อ

ไม่ลองจะรู้ได้อย่างไร..เลยลองหมดทุกอย่างแหละ
อย่างอื่นที่ว่า ยังลองมาหมดแล้ว..ไม่เห็นได้เรื่องสักอย่าง
เขาว่าอย่างโน้นดี ก็ทำตาม อย่างนี้ดีก็ทำตาม
เป็นไงกันบ้าง...

ยังทุกข์เหมือนเดิม..
ไม่มีใคร..ทำให้เราพ้นทุกข์ได้สักคน

ลองเชื่อพระพุทธเจ้าดูสักที...ลองสิ
ทำตามที่ท่านบอก..
ไม่ต้องมาก..
แค่ใบไม้กำมือเดียวเอง...

การทำดีบางครั้งอาจเจ็บปวด …
แต่ในที่สุด …
คุณต้องได้รู้ว่าอยู่บนเส้นทางของคนดีจะ
ไม่มีความเสียใจ



..........นิทานเรื่องนางโกสาตกี...........


บัดนี้จะชักนิทานมาเพื่อแสดงถึงอานิสงส์การบูชาพระเจดีย์ที่บรรจุพระบรมธาตุ ความว่าบุคคลผู้ใดมีความเลื่อมใสได้บูชาซึ่งพระบรมธาตุจะมีผลให้สำเร็จประโยชน์ในกุศลบารมีเป็นที่ยิ่ง ดังวัตถุนิทานว่า เมื่อพร...ะสัมมาสัมพุทธเจ้าเข้าสู่ปรินิพพานแล้ว พระเจ้าอชาตศัตรูได้ไปเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาจากเมืองกุสินารา ด้วยความศรัทธาเลื่อมใส มาก่อเป็นเจดีย์ใหญ่ที่กลางนครราชคฤห์ เพื่อให้เป็นที่กราบไหว้บูชาแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ดังได้ยินมาว่า ยังมีหญิงผู้หนึ่งมีปกติอยู่ในเมืองราชคฤห์มีจิตศรัทธาปรารถนาจะบูชาพระบรมธาตุ ได้เที่ยวแสวงหาดอกไม้ก็เจอดอกโกสาตกีอันมีสีเหลืองสดใส ภาษาไทยแปลว่าดอกบวบ นางก็ชื่นชมโสมนัสหรรษานำดอกไม้นั้นมาออกจากบ้านด้วยความศรัทธาปสาทะที่จะได้บูชาพระพุทธเจดีย์ ครั้งนั้นยังมีวัวแม่ลูกอ่อนพาลูกสัญจรมาตามมรรคาวิถี ก็ขวิดนางกุมารีล้มลงในมรรคา นางก็ทำกาลกิริยาตาย ยังไม่ทันเดินไปถึงทันได้ไหว้พระเจดีย์ ครั้นดับจิตลงด้วยอานิสงส์ที่นางมีเจตนาแก่กล้าจะไปไหว้ทำพุทธบูชาพระมหาเจดีย์ ด้วยกุศลจิตนี้จึงนำให้นางไปอุบัติบังเกิดเป็นนางฟ้าอยู่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีเทพธิดาพันหนึ่งเป็นบริวาร เทพยดาทั้งหลายจึงได้เรียกนางว่า นางโกสาตกีเทพธิดา มีรูปอันงามโสภาน่าพึงชม อุดมไปด้วยสิริลักขณา มีอำนาจวาสนาอยู่ในภูมิอันเป็นทิพย์ ก็ด้วยผลจากที่มีจิตคิดจะไปบูชาพระบรมธาตุเจดีย์
ครั้งนั้นท้าวสักกเทวราช เสด็จไปประภาสสวนนันทวันอุทยาน ก็ได้ทัสนาการเห็นนางโกสาตกีเทพธิดาจึงมีเทวบัญชาไต่ถามว่า ดูกรนางเทพธิดาผู้มีรูปทรงโสภาและเครื่องประดับอันงามทั้งวิมานกาญจนะระยับประดับไปด้วยแก้ว ทั้งรัศมีก็วาวแววไปด้วยแสงสว่าง หมู่เทพธิดาคณานางก็แวดล้อมเป็นบริวาร ท่านได้สร้างกุศลมาเป็นประการใด นางโกสาตกีเทวธิดาจึงได้สำแดงบุพพกุศลของตนถวายโดยบรรยายที่ได้กล่าวมาแล้วแต่หลังพระอินทร์ได้ทรงฟังซึ่งผลแห่งการสักการบูชา อันนางโกสาตกีเทวธิดาแสดงถวายทุกประการ ท้าวมัฆวานก็สรรเสริญผลสักการบูชาแก่มาตลีเทพบุตรว่า ดูกรมาตลี เครื่องบูชาจะน้อยก็ดีจะมากก็ดีไม่เป็นประมาณในการกุศล เพราะว่ากุศลจะมากจะน้อยนั้นขึ้นอยู่กับว่ามีจิตเลื่อมใสมากหรือเลื่อมใสน้อย ฝ่ายว่าพระพุทธเจ้าจะยังทรงพระชนม์อยู่ก็ตามหรือดับขันธ์เข้าสู่พระปรินิพพานไปแล้วก็ตาม เมื่อบุคคลเหล่าใดมามีจิตเลื่อมใสกระทำพุทธบูชาอยู่ย่อมมีผลเสมอกัน เมื่อพระอินทร์มีเทวบัญชาดังนี้แล้วก็บังเกิดจิตศรัทธาน้อมนำเอาเครื่องสักการบูชาอันเป็นทิพย์ไปทำวันทนาการอภิวาทกราบไหว้พระบรมธาตุเกศแก้วจุฬามณีเจดียสถานอันอลังการอยู่เทวสถานสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ แล้วจึงได้กลับสู่เวชยันต์วิมานด้วยจิตผ่องใสปรีดาปราโมทย์ในการระลึกถึงพระพุทธคุณ ด้วยประการฉะนี้
อนึ่งพระพุทธเจ้าได้ตรัสบอกถึงบุคคลที่สมควรแก่การนำกระดูกไปบรรจุเจดีย์ คือเมื่อว่าบุคคลเช่นนี้ตายแล้วสมควรก่อเจดีย์บรรจุอัฐิของท่านไว้ที่ทาง ๔ แพร่ง ให้มนุษย์และเทวดาได้กราบไหว้ บุคคลเช่นนั้นมี ๕ ประเภทคือ ๑.พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๒.พระปัจเจกพุทธเจ้า ๓.พระอรหันต์ ๔.พระอนาคามี ๕.พระเจ้าจักรพรรดิ์ผู้ทรงปกครองอาณาประชาราษฎร์โดยธรรม เพราะเหตุว่าบุคคลใดได้มีโอกาสบูชาพระธาตุเจดีย์อันดับ ๑ ถึง ๔ ย่อมได้รับอานิสงส์คือได้เข้าถึงมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ และนิพพานสมบัติ ส่วนการบูชาธาตุเจดีย์อันดับ ๕ นั้น ย่อมเป็นไปเพื่อมนุษย์สมบัติและสวรรค์สมบัติเท่านั้นเพราะว่าพระเจ้าจักรพรรดิ์ท่านยังไม่เข้าสู่โลกุตตรภูมิ


เพชรแท้ ไม่ว่าอยู่บนเรือนแหวนหรืออยู่
ในโคลนตม ก็ยังเป็นเพชรแท้วันยังค่ำ
พระอริยบุคคลไม่ว่าอยู่ที่ใด
จะมีคนเคารพยกย่องหรือสาปแช่งดูถูก
ก็ยังเป็นพระอริยบุคคลวันยังค่ำ



หลวงพ่อฤษีลิงดำ ท่านได้พูดเกี่ยวกับการนั่งสมาธิ ว่า จุดประสงค์หลััก ของการนั่งสมาธิ ไว้ น่าอ่านมากครับ

.....ความประสงค์ที่เจริญสมาธิก็คือ ต้องการให้อารมณ์สงัด และเยือกเย็น ไม่มีความวุ่นวายต่ออารมณ์ที่ไม่ต้องการ และความประสงค์ที่สำคัญกว่านั...้นก็คือ อยากให้พ้นอบายภูมิ คือไม่เกิดเป็นสัตว์นรก เปตร อสุรกาย สัตย์เดียรฉาน อย่างต่ำถ้าเกิดใหม่ขอเกิดเป็นมนุษย์และต้องเป็นมนุษย์ชั้นดีคือ
๑. เป็นมนุษย์ที่มีรูปสวย ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน ไม่มีอายุสั้นพลันตาย
๒. เป็นมนุษย์ที่มีความอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพย์ ทรัพย์สินไม่เสียหายด้วย ไฟไหม้ โจรเบียดเบียน น้ำท่วม หรือลมพัดทำลายเสียหาย
๓. เป็นมนุษย์ที่มีคนในปกครองอยู่ในโอวาท ไม่ดื้อด้านดันทุรังให้มีทุกข์ เสียทรัพย์สินและเสียชื่อเสียง
๔. เป็นมนุษย์ที่มีวาจาไพเราะ เมื่อพูดออกไปเป็นที่พอใจของผู้รับฟัง
๕. เป็นมนุษย์ที่ไม่มีอาการปวดประสาท คือปวดศรีษะมากเกินไป ไม่เป็นโรคประสาทไม่เป็นบ้าคลั่งเสียสติ
..............รวมความว่าโดยย่อก็คือ ต้องการเป็นมนุษย์ที่มีความสงบสุขทุกประการ เป็นมนุษย์ที่มีความอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพย์สินทุกประการ ทรัพย์สินไม่เสียหายจากภัย ๔ ประการคือ ไฟไหม้ ลมพัด โจรรบกวน น้ำท่วม และเป็นมนุษย์ที่มีความสงบสุข ไม่เดือดร้อนด้วยเหตุทุกประการ

บุญที่ได้ทำไว้ในโลกนี้
ย่อมต้อนรับผู้ที่จากไป
เหมือนญาติที่รักมาจากที่ไกล
ฝูงชนย่อมเต็มใจต้อนรับ


"ผู้ปฏิบัตินั้นใครทำเรา เราให้อภัยไป ไม่ผูกเวรผูกกรรม
ขอให้ต่างอยู่เย็นเป็นสุข รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งปวงเถิด
ทำอย่างนี้ รักษาบุญไว้ในใจ บุญก็รักษาใจเราให้ไม่ดุร้าย
จิตใจก็สม่ำเสมอ เบิกบานด้วยบุญกุศล
ไม่อ่อนแอท้อแท้ จากหนุ่มตราบเฒ่าชรา"




เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2013, 19:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


โมทนาสาธุ..ครับ
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มิ.ย. 2013, 08:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


ทางพ้นทุกข์
เรื่องจากพระไตรปิฎก : พระสูตร

กุมารกสูตร ถ้าพวกเธอกลัวต่อความทุกข์ ... พวกเธออย่างได้ทำบาปกรรม
ทั้งในที่ลับและที่แจ้งเลย

... ขณะประทับอยู่ที่พระเชตะวันมหาวิหาร พระพุทธเจ้าเสด็จเข้าไปบิณฑบาตยังเมืองสาวัตถี
ระหว่างทางทอดพระเนตรเห็นเด็กหนุ่มจำนวนหนึ่งจับปลาอยู่
พระพุทธเจ้าตรัสถามพวกเขาว่า “พ่อหนุ่มทั้งหลาย พวกเธอกลัวความทุกข์ ความทุกข์
ไม่เป็นที่ปรารถนาของพระเธอมิใช่หรือ”

เด็กหนุ่มกราบทูลว่า “เป็นอย่างนั้นพระเจ้าข้า”
พระพุทธองค์ตรัสสอนพวกเขาว่า
“ถ้าพวกเธอกลัวต่อความทุกข์ ถ้าความทุกข์ไม่เป็นที่รักของพวกเธอ พวกเธออย่างได้ทำบาปกรรม
ทั้งในที่ลับและที่แจ้งเลย ถ้าพวกเธอจะทำหรือกำลังทำ บาปกรรมที่ทำนี้จะตามสนองพวกเธอ
ถึงจะเหาะหนีไปไหนก็ไม่มีทางหลีกพ้นจากความทุกข์เลย”

พระสูตรนี้ชื่อว่า กุมารกสูตร การเบียดเบียนรังแกสัตว์
หรือการทำลายชีวิตสัตว์ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด เป็นบาปทั้งสิ้น
วิธีสอนของพระพุทธองค์ง่าย ๆ และได้ผลดี คือทรงสอนให้เอาเขามาใส่ใจเรา
เมื่อนึกว่าเราเองไม่ชอบให้ใครเบียดเบียนรังแกคนอื่น สัตว์อื่น ก็คงไม่ชอบเช่นกัน
คิดได้ดังนี้แล้วก็จะมีเมตตากรุณาต่อสรรพสัตว์เหมือน ๆ กัน

พหุธิติสูตร์ มีมาก อยากมาก ทุกข์มาก ไม่มี ไม่อยาก ไม่ทุกข์

โค 14 ตัวของพราหมณ์คนหนึ่งหายไป แกตามหาโคเข้าไปในป่า พบพระพุทธเจ้าประทับนั่งสมาธิอยู่ในป่า
เห็นพระพักตร์อิ่มเอิบด้วยความสุข จึงรำพึงว่าสมณะผู้นี้ท่าทางมีความสุขจริงหนอ พระพุทธเจ้าตรัสแก่เขาว่า

“พราหมณ์เอย โค 14 ตัว ของเราไม่มีเลย แต่ของท่านหายไปได้ 60 นี่แล้ว
ด้วยเหตุนี้เราจึงมีความสุข
งาที่มีใบเลวใบหนึ่งหรือสองใบในไร่เราก็ไม่มี เราจึงมีความสุข
หนูก็ไม่มีมาวิ่งกระโดดโลดเต้นในฉางของเรา เราจึงมีความสุข
เครื่องปูลาดที่ใช้มาตั้ง 7 เดือนที่มีสัตว์อาศัยอยู่ของเราก็ไม่มี เราจึงมีความสุข
พราหมณ์เอย ภรรยาผู้มีบุตรหนึ่งคนหรือสองคนของเราก็ไม่มี เราจึงมีความสุข
แมลงวันตัวที่มาไล่ตอมคนนอนหลับก็ไม่ไต่ตอมเราเลย เราจึงมีความสุข
พราหมณ์เอย ในเวลาเช้า เจ้าหนี้ทั้งหลายก็ไม่มาทวงหนี้เราเลย ด้วยเหตุนี้เราจึงมีความสุข”

พระสูตรนี้ชื่อ พหุธิติสูตร แสดงภาพตรงกันข้ามระหว่างพระพุทธเจ้ากับพราหมณ์ พราหมณ์มีโคและโคหาย
ปลูกงา งาก็ไม่ค่อยงาม ข้าวในฉางก็มีหนูเต็ม เครื่องปูลาดก็มีมดมีไรสิงอาศัย มีบุตรภรรยาจะต้องเลี้ยงดู
เวลานอนก็มีแมลงวันมาไต่ตอม จึงเต็มไปด้วยความทุกข์และกังวล

แต่พระพุทธองค์ไม่มีสิ่งเหล่านี้ จึงทรงมีความสุข
“การมีมาก ๆ อยากได้มาก ๆ ก่อให้เกิดทุกข์ ไม่มี ไม่อยากได้จึงจะเป็นความสุขที่แท้”
ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่อย่างนี้ก็อดที่จะแสวงหามาปรนเปรอตามประสาปุถุชนไม่ได้

โลกวิปัตติสูตร ถึงคราวสุขก็เพื่อฟูลอย ถึงคราวทุกข์ก็ถอยจม

ภิกษุทั้งหลาย โลกธรรม 8 ประการย่อมหมุนไปตามโลก และสัตว์โลก
ก็หมุนเวียนตามมันไป โลกธรรม 8 ประการคือ

ได้ลาภ - เสื่อมลาภ ได้ยศ - เสื่อมยศ
สุข - ทุกข์ สรรเสริญ – นินทา

โลกธรรมทั้ง 8 ประการนี้เกิดขึ้นทั้งแก่ปุถุชนคนผู้มิได้เรียนรู้และแก่อริยสาวกผู้ได้เรียนรู้
ต่างกันแต่ว่าฝ่ายแรกไม่รู้เห็นตามความเป็นจริงว่าสิ่งเหล่านี้ไม่เที่ยงเป็นทุกข์
มีความแปรเปลี่ยนไปเป็นธรรมดาและลุ่มหลงยินดียินร้าย ปล่อยให้มันเข้ามาย่ำยีจิต
ปล่อยให้จิตขึ้นลงไปตามกระแสของมัน ย่อมไม่พ้นจากทุกข์ มีความโศกและความพิไรรำพันเป็นต้น
ส่วนอริยสาวกผู้ได้เรียนรู้ พิจารณาเห็นตามเป็นจริงว่า สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่เที่ยง
เป็นทุกข์ มีความแปรเปลี่ยนไปตาเป็นธรรมดา ไม่ลุ่มหลงมัวเมา อยู่อย่างมีสติ
ย่อมปราศจากทุกข์ มีความโศกและความพิไรรำพัน เป็นต้น"

พระสูตรนี้ชื่อ โลกวิปัตติสูตร ทรงสอนให้รู้ธรรมดาของชีวิตว่าทุกคนไม่ว่าปุถุชนหรือพระอริยเจ้า
ย่อมพบพาน "โลกธรรม" 8 ประการด้วยกัน แต่การรับรู้แตกต่างกัน
ปุถุชนคนมีกิเลส ไม่ว่าคฤหัสถ์หรือบรรพชิต ย่อมฟูหรือยุบไปตามกระแสโลกธรรม
ลุ่มหลง ไม่รู้ตามเป็นจริง ผลที่สุดก็ไม่พ้นทุกข์

ส่วนพระอริยเจ้าไม่ฟู ไม่ยุบไปตามกระแสโลกธรรม รับรู้ตามเป็นจริงว่ามันก็แค่นั้น
ไม่ติดสมมติบัญญัติ อยู่เหนือโลกธรรม จึงหาความทุกข์มิได้
อาวุธที่สำคัญที่จะต่อกรกับโลกธรรมได้คือ "สติ"
พระอริยเจ้าท่านมีสติตลอดเวลาจึงรู้เท่ารู้ทัน
ปุถุชนถ้าหากหมั่นปลูกสร้างสติเสมอก็จะสามารถรู้เท่าทันยับยั้งใจ
ได้บางครั้งบางคราว แทนที่จะทุกข์มากก็ทุกข์น้อยลง




ปัญญาเกิดจากการพิจารณาอุบายธรรม

....ในจุดสำคัญที่พระพุทธองค์เสี่ยงถาดทองคำ ให้ศึกษาย้อนหลังดูประวัติที่พระองค์ปฏิบัติมานาน ๕ ปีกว่า พระองค์ได้ปฏิบัติลองผิดลองถูกมาหลายวิธีด้วยกัน พระองค์ยังเป็นปุถุชน กำลังแสวงหาช่องทางการปฏิบัติที่ถูกต้อง... ทำทุกวิถีทางที่คิดว่าจะให้กิเลสตัณหาอาสวะหมดไปจากใจ แต่ก็ไม่ได้ผล จนมาถึงการเสี่ยงถาดทองคำที่แม่น้ำเนรัญชรา ที่แห่งนี้เป็นสถานที่เปลี่ยนความเห็นของพระองค์เป็นครั้งสุดท้าย ในตำรากล่าวว่า ก่อนปล่อยถาดทองคำ พระองค์มีคำอธิษฐานว่า ถ้าเราจะได้ตรัวรู้เป็นพระพุทธเจ้าในชาตินี้ ขอให้ถาดไหลทวนกระแสน้ำขึ้นไป เมื่อวางมือ ถาดทองคำก็ทวนกระแสน้ำขึ้นไปทันที จึงทำให้พระองค์มีความมั่นใจว่า ในชาตินี้เราจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแน่นอน จะสำเร็จด้วยวิธีใดให้ผู้อ่านใช้ปัญญาศึกษาให้ดี เพราะในช่วงนี้เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ นั่นคือ พระองค์จะเปลี่ยนแปลงความเห็นเป็นครั้งสุดท้าย เปลี่ยนจากตวามเห็นผิดมาเป็นความเห็นถูกตรงเสี่ยงถาดทองคำนี้เอง

....พระองค์จึงประกาศได้อย่างเต็มตัวว่า แนวทางการปฏิบัติที่เป็นไปเพื่อความบริสุทธื? ที่จะให้ถึงซึ่งวิมุตินิพพาน พระองค์ได้ค้นพบแนวทางนี้ด้วยพระองค์เองไม่มีใครเป็นครูอาจารย์อบรมสั่งสอน ให้ผู้อ่านใช้ปัญญาพิจารณาให้ดี จะไม่เหมือนทำสมาธิความสงบที่ครูอาจารย์แนะนำสั่งสอน การใช้ปัญญาเป็นวิธีที่โดดเด่นเป็นสัมมาทิฏฐิ มีความเห็นที่ถูกต้องชอบธรรมตามหลักความเป็นจริง สิ่งที่ปิดบังว่าอะไรทำให้คนเกิด พระองค์จะรู้เห็นด้วยปัญญาที่แจ่มแจ้งชัดเจนในสัจธรรมก็ในช่วงนี้นี่เอง

....เมื่อ พระองค์เห็นถาดทองคำไหลทวนกระแสน้ำขึ้นไป พระองค์จึงเอามาเป็นอุบายในการพิจารณาด้วยปัญญา นำเอาถาดทองคำมาคิดเปรียบเทียบกับใจพระองค์เอง เป็นครั้งแรกที่บวชมา ๕ ปีกว่า ไม่เคย ใช้ปัญญาพิจารณาน้อมเอาสิ่งใดๆเข้ามาเปรียบเทียบกับจิต เป็นครั้งแรกของชีวิต ที่พระองค์ได้คิดด้วยปัญญาในลักษณะนี้


พระองค์พิจารณาว่า ถาดทองคำที่ไหลทวนกระแสน้ำขึ้นไป เหมือนใจที่พ้นแล้วจากกิเลสตัณหา จะไม่มาเกิดตายในภพทั้งสามนี้อีก จุดที่สำคัญคือพระองค์ใช้

ปัญญาพิจารณาย้อนศร หมายถึงพระองค์ใช้ปัญญาพิจารณากลับกัน โดยใช้คำเปรียบเทียบแล้วพิจารณาจากใจว่า ถ้าถาดทองคำไหลไปตามกระแสน้ำจะไปตกในที่
ไหน ถาดทองคำก็จะไหลลงสู่มหาสมุทร แล้วไหลวนเวียนไปมาอยู่ในท่ามกลางมหาสมุทรนั้นอย่างหาทางจบสิ้นไม่ได้ คลื่นมหาสมุทรซัดทอดไปไหน ถาดทองคำ
ก็ไหลไปตามกระแสน้ำในมหาสมุทรฉันใด ใจเมื่อถูกกิเลสตัณหาครอบงำให้มืดมิดปิดตัวแล้ว ก็จะเป็นไปตามทางของกิเลสตัณหาโดยไม่รู้ตัวฉันนั้น

นี้เองหนอใจที่ได้มาเกิดในภพทั้งสามนี้บ่อยๆก็เพราะใจมีโมหะอวิชชาปิดบัง ในครั้งที่พระองค์ยังไม่ได้บวช ก็ได้ใช้ปัญญาคิดพิจารณาคิดหาในสิ่งที่ทำให้คนเกิดมาก่อนแล้ว พิจารณาอย่างไรก็ไม่รู้
ว่าเป็นด้วยเหตุอันใด ในบัดนี้พระองค์รู้แล้วว่าเป็นเพราะเหตุอย่างนี้ จึงได้ประกาศขึ้นในใจว่า แนวทางการปฏิบัติที่จะให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์นั้นเรารู้แล้วด้วยญาณของ
ตัวเอง ไม่มีใครเป็นครูอาจารย์อบรมสั่งสอน แนวทางการปฏิบัติที่ผิดพระองค์ก็รู้ แนวทางปฏิบัติที่ถูกพระองค์ก็รู้ ไม่มีความสงสัยในอุบายการปฏิบัติธรรมแต่อย่าง
ใด แต่ก่อนพระองค์ได้หลงทิศทางในการปฏิบัติมา ๕ ปีกว่า ทำสมาธิความสงบมาตลอด ไม่เคยได้คิดด้วยปัญญาพิจารณาในสิ่งใดๆ ใจจึงถูกอวิชชาตัณหาปิดบัง
ไม่รู้เห็นความจริง จึงทำให้ใจต้องมาเกิดใหม่


บัดนี้ ญาณทรรศนะได้เกิดขึ้นแล้ว จึงเป็นโลกวิทู รู้แจ้งในภพทั้งสาม อวิชชาตัณหาที่เคยปิดบังใจมาก่อน ก็ได้เปิดเผย ความสว่างกำจัดความมืดได้ฉันใด

ใจที่มีปัญญาญาณก็ได้กำจัดตัวอวิชชาตัณหาให้หมดไปฉันนั้น ยิ่งพระองค์ใช้ปัญญาพิจารณาในหลักสัจจธรรมมากเท่าใร ความเข้าใจในหลักสัจจธรรมนั้น

ย่อมรู้เห็นที่เป็นจริงมากขึ้นเมื่อมีความรู้จริงเห็นจริงในสัจธรรม ใจก็ปล่อยวางไม่ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งใดๆ นี้คือใจได้ละในความหลงผิดเอง

พระองค์คิดค้นในหลักปฏิบัติด้วยตนเอง เรียกว่าหลักสัมมาทิฏฐิ มีความเห็นที่ถูกต้องชอบธรรมได้แล้ว จึงเรียกว่า ปัญญาได้เกิดแล้ว สัมมาสังกัปโป

ความเห็นชอบ การดำริชอบ ทั้งสองหลักนี้พระองค์ได้นำมาเป็นอุบายในทางการปฏิบัติต่อเนื่องกันในสมัยครั้งนั้น ให้เราศึกษาดูให้ดี

มิใช่ว่านั่งสมาธิจิตมีความสงบแล้วจะเกิดปัญญาขึ้นตามที่เราเข้าใจ




เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสมทบทุนเจาะน้ำบาดาลจัดตั้งทุนนิธิของวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่
082-6862770



ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพหล่อสมเด็จองค์ปฐม หน้าตัก 4 ศอก
โทร 085-415-9264


ร่วมสร้างบุญกับ พระอวิรุทธิ์ อุตตโม (ร่วมบุญได้เรื่อยๆ)
สร้างแบบพระสมเด็จองค์ ปฐมทรงเครื่องจักรพรรดิ ปางเปิดโลกสูง 4เมตร สร้างแบบพระยืน เพื่อนำไปถวายยังวัดต่างๆ จะจัด
ร่วมบุญได้ที่
ชื่อบัญชี พระอวิรุทธ์ อุตตโม
บัญชี ธ.กรุงไทย /สาขา ถนนศรีอุตรา
เลขที่-2970225360


ขอเชิญร่วมโครงการ "จัดสร้างสมเด็จองค์ปฐมทรงเครื่องพระเจ้าจักพรรดิ์ ขนาด 30 นิ้ว"
089-829-5295


ขอเชิญญาติธรรม อุบาสก อุบาสิกา พุทธบริษัททั้งหลายได้ร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพในการสร้าง พระสมเด็จ พระจักดิืพรรดิ์ และเทปูน รอบฑณธอุโบสถ ณ วัดหลวง ต ยุ้งทะลาย อ อู่ทอง สุพรรณบุรี
085-3210807


เป็นเจ้าภาพสร้างท่านจตุมหาราชทั้ง 4
โทร 082-2255904


ขอเชิญร่วมทำบุญสร้างศาลาการเปรียญ
085-0305948


วัดข่อยกลาง ลพบุรี สร้างโบสถ์
https://www.facebook.com/wannasiri.wongjumras


ร่วมบูรณะตกแต่ง และพ่นสีทอง สมเด็จองค์ปฐม 4ศอก 19องค์ ณ วัดท่าซุง สาขา9 ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
090-820-9133


ร่วมสร้างพระประธาน สมเด็จพระพุทธสิกขีทศพลฯที่1 (สมเด็จองค์ปฐม) หน้าตัก 10 ม. เนื้อปูน
083-412-1929

ร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐมทรงเครื่องจักรพรรดิล้านนา หน้าตัก30นิ้ว ถวายวัดป่าพร้าว อ.เมือง จ.ลำปาง
081-2896933

ทำบุญทอดผ้าป่า ถวายวัดถูกไฟไหม้และพายุเข้า
โทร 080-1781549


สร้างพระสมเด็จองค์ปฐม ทองคำ 3 องค์ พระอริยสงฆ์ 1 องค์
โทร ๐๘๑-๘๘๗-๑๕๗๖

สร้างพระพุทธกึ่งพุทธกาล ณ วัดป่าภูสิงห์น้ำทิพย์
091-518-1961


ขอเชิญร่วมทำบุญถวายพระประจำวัน บรรจุสมเด็จองค์ปฐม 21 ศอก
080-498-1143


ร่วมสร้างบุญ เวียงเจ้าเศรษฐี ฟื้นฟุ โบราณสถาน..เป็นวัดร้างมานานแ้ล้ว
ให้เป็นที่กราบไหว้ให้กับคนในชุมชน
080-1275462

ร่วมบุญสร้างสมเด็จองค์ปฐม 3 องค์ 3 วาระ
โทร 081-643-1255

ทำบุญสร้างอุโบสถ สร้างพระประธาน ณ วัดหนองแวง (หลวงพ่อรวย) ต. ทุ่ม อ.เมือง จ. ศรีสะเกษ
โทร.089-815-69-85

ขอเชิญเป็นเจ้าภาพหล่อเทียนพรรษา ๒๕๕๖ จำนวนทั้งหมด ๓๙ ต้น
โทร.๐๓๕-๘๓๗๕๙๐

เชิญผู้ใจบุญร่วมสร้างกุฏิถวายหลวงปู่บุญมา ปุญญวนโต(ที่อาพาธ) วัดภูหันบรรพต จ.ขอนแก่น

สร้างพระนาคปรก และ พระไตรปิฎก รวมตู้ เพื่อถวาย วัดพระธาตุมอนจึง อ เชียงดาว จ เชียงใหม่
โทร 081 834 1338

เชิญสร้างพระพุทธรูปหน้าตัก ๑๐ เมตร วัดอ่างศิลา สระแก้ว
089 - 095 – 7351

ขอเชิญร่วมพิธีอัญเชิญพระพุทธเมตตาหน้าตัก ๖๙ นิ้ว
โทร. ๐๘๖-๐๐๔-๐๘๘๑

โครงการสร้างพระนาคปรกใหญ่ หน้าตัก 17.50 เมตร หรือ 35 ศอก
08-1295-4037


ร่วมบุญสร้างองค์พระใหญ๋....พระพุทธโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า...ขนาดหน้าตัก ๒๐ เมตร
087-007-8607

ขอเชิญร่วมสร้าง พระพุทธชยธนบุรี
086-6843660

ขอเชิญหล่อปู่ชีวก และพระประจำวันเกิด
https://www.facebook.com/Watbuakhwandotcom


ขอเชิญเป็นเจ้าภาพสร้างศาลาปฏิบัติธรรม
088-2013956




ร่วมทำบุญหล่อสมเด็จองค์ปฐม 8 ศอก วัดบ้านหนองม่วง จ.ศรีสะเกษ
วันที่ 7 กรกฎาคม 2556

สามารถร่วมบุญได้ที่

ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาคอมเพล็กช์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

เลขที่บัญชี 793-250037-2 บัญชีออมทรัพย์

ชื่อบัญชี นางสาวเครือรัตนากิ่งสกุล ,นายปิยะวัฒน์ หาญชัย,นายพีรพัฒน์ คำวชิรพิทักษ์



สร้างโบสถ์ วัดรังษีนิมิต ปราณบุรี 6 ก.ค. 56
โทร. 087-6777787


ขอเชิญร่วมงานหล่อทองเหลือง สมเด็จองค์ปฐมบรมมหาจักรพรรดิ
วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน 2556 เวลาประมาณ 9:00 น.
ขอเชิญร่วมงานหล่อทองเหลือง สมเด็จองค์ปฐมบรมมหาจักรพรรดิ

หน้าตัก 109 นิ้ว ที่ โรงหล่อพระพุทธรังษีปฎิมา
อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี


ขอเชิญทำบุญหล่อพระประธานวัดคลองบง สุโขทัย
0877799522

ขอเชิญร่วมทำบุญหล่อพระสมเด็จองค์ปฐม 108 องค์ วัดหนองพงนก จ.นครปฐม

สร้าง พระพุทธเมตตาขนาดหน้าตัก 108 นิ้ว หินทรายเขียว
https://www.facebook.com/pen.egt?hc_location=stream


ต้องหาการเจ้าภาพจัดซื้อกระถางบัวทำกระถางธูปจุดบูชาหน้าพระ ใบละ ๒๐๐ บาท
โทร ๐๘๓-๑๑๔๓๖๘๑

ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพเททองหล่อพระพุทธมหาจักรพรรดิ วัดสามัคคีบรรพต(บางเสร่นอก)15 ส.ค.56
โทรศัพท์ 08-6815-6993



ขอเชิญร่วมทำบุญ “บูรณะพื้นที่รอบพระธาตุดอยจัน” ณ วัดดอยจัน จังหวัดเชียงราย
http://www.watmahathatdoichan.com/




ร่วมถวายเทียนและผ้าอาบน้ำฝน 4 วัดป่ากรรมฐาน
085-361-4989



สร้างกุฏีที่พักสำหรับพระภิกษุอาพาธในกรุงเทพฯ
086-1050222

ร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐม ๕.๙ เมตร พระประธานอุโบสถ วัดเขื่อนช้าง อ.กันทรรักษ์ ศรีสะเกษ
โทร 087-9817323

ร่วมหล่อสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก 4 ศอก ถึง 3 องค์ 3 วาระ
โทร 085-415-9264


ขอเชิญเป็นส่วน๑ในการสร้างมณฑปร่วมเจ้าภาพโคมไฟ
โทร.๐๕๔-๕๔๕-๓๑๙

ขอเชิญร่วมบุญสร้างฐานชุกชี"ฐานพระประธานโบสถ์ ราคา ๗๐,๐๐๐ บาท
โทร 089-814-6959

ทำบุญหลังคากันสาด ที่วัดจวนฯ พระประแดง
085-361-4989

ภาพจิตกรรมฝาผนัง กัณฑ์ทศพร
โทร. 084 - 7972215

ขอเชิญร่วมทำบุญสร้างห้องน้ำวัดศรีสว่างมงคล
โทร. 084 – 7972215


ขอเชิญทำบุญจองเป็นเจ้าภาพพัดลมติดผนังศาลาการเปรียญ จำนวน ๒๙ ตัว ๆ ละ ๑,๐๐๐ บาท
โทร. 084 – 7972215



ร่วมบุญสร้างศาลาวัดยางตะพาย พิจิตร อิฐก้อนละ 30 บาท
089-6427273


ถวายผ้าอาบน้ำฝน45ผืนๆละ 150บาท แด่พระกรรมฐาน ที่วัดพุทธบูชา
085-361-4989



ขอเชิญร่วมสร้างหลวงพ่อพุทธชินราช ขนาดหน้าตัก ๑๐๘ นิ้วถวายวัดวังดินสอ จ.พิษณุโลก

ร่วมสร้างฐานมณฑปประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ วัดพิชยญาติการาม
โทร. 02-861-5425

ขอเชิญร่วมทำบุญทอดผ้าป่าสร้างหอระฆัง,หอสวดมนต์ 8,999 กองๆละ 20 บาท
โทร. 089-8523498


ผ้าป่าสร้างศาลาปฎิบัติธรรม ของ หลวงปู๋หงษ์ พรหมปัญโญ
ท่านสามารถร่วมบุญได้โอนปัจจัยมาที่แม่ชึจรัจศรี จันครบ ธ.กรุงเทพ บัญชีออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 092-0108834



ขอเชิญร่วมถวายเทียนพรรษากราบลป.วงศ์/คบ.ธรรมชัย/อจ.เปลี่ยน/ลพ.บุญญรัตน์/คบ.พรชัย
089-686 0043

ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าการศึกษา
0816329117

ขอเชิญร่วมทอดกฐินสามัคคี สร้างที่พักปฏิบัติธรรม ณ วัดถ้ำขาม อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร
โทร ๐๘๓-๕๙๙-๓๘๘๑

ขอเชิญทำบุญจองเป็นเจ้าภาพพัดลมติดผนังศาลาการเปรียญ จำนวน ๓๐ ตัว ๆ ละ ๑,๐๐๐ บาท
โทร. 084 - 7972215

ขอร่วมบุญหล่อประธานสมเด็จองค์ปฐมบรมครู เพื่อประดิษฐาน ณ ศาลาปฏิบัติธรรม๒ วัดป่าหนองแสง

ขอเชิญร่วมทำบุญสร้างห้องน้ำวัดศรีสว่างมงคล
โทร. 084 - 7972215


ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคีสร้างพระอัครสาวก วัดซับพลู


รับสมัครครูสมาธิ รุ่นที่33 (เตตติงสโม) ชื่อรุ่น อิทธิพล(พลังแห่งฤทธิ์)
085-1452590

ขอเชิญเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าการศึกษา
0816329117

ขอเชิญร่วมโครงการ สร้างพระแท้ เข้าพรรษานี้ จัดซื้อหนังสือศีลของพระและสมณะวิสัย
087-911-3307



การกระตุ้นเตือนซึ่งกันและกันให้มาสร้างความดี
https://www.facebook.com/groups/226951157350091


https://www.facebook.com/pages/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น/238296179593402





ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพผลิตซีดีมรณานุสติ เพื่อแจกเป็นธรรมทานเข้าพรรษานี้
โทร.086260270


ขอเชิญมาร่วมอุปสมบทหมู่เพื่อถวายแด่พระเจ้าอยู่หัว ที่วัดบางขุด
081-018-5836


วันที่ 6-8 กรกฎาคม 2556 งานอุปสมบทนาคหมู่ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล
081-9955-748



ขอเรียนเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพถวายความเย็นในกุฏิรับรองวัดพระธาตุม่อนหินแก้ว
________________________________________
081-0255321




เชิญเป็นเจ้าภาพโรงทาน "หล่อพระพุทธมารดา" งานบุญวันอาสาฬหบูชา

086-8032001

ไถ่ชีวิตโคกระบือ
โทร ๐๙๐-๕๑๙๓๕๓๓, ๐๔๕- ๒๕๒ ๘๒๔

ขอเชิญร่วมทำบุญกับผู้ปฏิบัติธรรม ปิดรับวันที่27 มิถุนายน 2556ณ วัดสันป่าสัก อ.เกาะคา จ.ลำปาง
โอนได้ที่เลขที่ บัญชี 789-2-290940 ธนาคารกสิกรไทย ประเภทบัญชีออมทรัพย์ ชื่อกรวิก ปานทอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2013, 03:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


smiley smiley :b8: :b8:

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2013, 08:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


เอาขาขวาทับขาซ้าย มือซ้ายวางลงบนตัก
เอามือขวาวางทับลงไป เอาหัวแม่มือชิดกัน
แต่ว่าอย่าให้ถึงกับไปกดดันกัน วางให้เป็นที่สบาย
ตั้งตัวให้ตรง ดำรงสติให้มั่น
อย่าให้มีการกดข่มประสาท ส่วนต่างๆของร่างกาย
ให้กำหนดนั่งให้เป็นที่สบาย อย่าก้มนักและก็อย่าเงยนัก อย่าเอียงซ้าย อย่าเอียงขวา

เมื่อท่านเตรียมนั่งสมาธิตามแบบวิธีการสำเร็จแล้ว
ต่อไปขอได้โปรดตรวจดูศีลของตน
การบำเพ็ญสมาธิตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า
ต้องขึ้นต้นด้วยศีล อย่างต่ำก็ศีล ๕
ตั้งแต่เช้ามาจนถึงบัดนี้
ขอให้พิจารณาดูศีลตามขั้นภูมิแห่งตนเอง
ถ้าตรวจพบว่าศีลของเราบกพร่อง
ก็ให้อธิษฐานจิตเอาไว้ว่าจะทำให้บริสุทธิ์ ต่อไป
ถ้ารู้ว่าศีลของตนเองบริสุทธิ์สะอาดดีแล้ว
ก็ควรจะได้ทำความภูมิใจ
เบิกบานใจ
ว่าเราเป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์สะอาดดีแล้ว

โดยเฉพาะในปัจจุบันนี้ เรามานั่งอยู่นิ่งๆไม่ได้ทำอะไร
กายก็อยู่ในท่าทีที่สงบ วาจาก็สงบ ใจก็สำรวมมีสติสัมปชัญญะ
เพื่อแน่ว่าเราไม่ได้ละเมิดศีลข้อใดข้อหนึ่งเป็นแน่นอน

ดังนั้น

จึงควรได้อธิษฐานจิตของตัวเองว่า
ศีลของเราบริสุทธิ์แล้ว ศีลของเราบริสุทธิ์แล้ว ศีลของเราบริสุทธิ์แล้ว
เมื่อเราตรวจศีลเป็นที่บริสุทธิ์เป็นที่พอใจแล้ว
ต่อไปโปรดตั้งใจนึกถึง
พระพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์ว่า
พุทโธ ธัมโม สังโฆ
พุทโธ ธัมโม สังโฆ
พุทโธ ธัมโม สังโฆ

ครั้นจบแล้ว
แล้วมาสำรวมอยู่ที่จิต รู้อยู่ที่จิต
ทำความเชื่อมั่นว่า
พระพุทธเจ้าก็ดี พระธรรมก็ดี พระสงฆ์ก็ดี
อยู่ที่จิตของเรา

พระพุทธเจ้าคือความรู้สึกสำนึกผิดชอบชั่วดี มีอยู่ที่จิตของเราแล้ว
พระธรรม คือการทรงไว้ ซึ่งความรู้สึกเช่นนั้น
พระสงฆ์คือมีสติ สังวรณ์ ระวัง ตั้งใจ จะละความชั่ว ประพฤติความดี ทำจิตให้บริสุทธิ์สะอาด

ผู้มีความรู้สึก สำนึกผิดชอบชั่วดี และคงไว้ซึ่งความรู้สึกเช่นนั้น
ตั้งใจแน่วแน่ว่า
เราจะละความชั่ว ประพฤติความดี ทำจิตให้บริสุทธิ์ สะอาด อยู่เสมอ
ผู้นั้น ได้ชื่อว่า
มีคุณพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์อยู่ในจิตของเรา

ดังนั้น

เราจึงไม่ควรไปกังวลสิ่งอื่น
จึงกำหนดเอาจิตตัวผู้รู้ของเราเท่านั้น แล้วทำความเชื่อมั่นว่า
พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ อยู่ในจิตของเรา
ในขณะที่เรายังไม่ชำนาญ ในการกำหนดรู้จิตของตัวเอง
เพื่อจะให้การกำหนดรู้นั้นชัดเจนขึ้น
จึงควรบริกรรมภาวนา พุทโธ พุทโธ พุทโธ อยู่ในจิต
นึก พุทโธ พุทโธ พุทโธ อยู่อย่างนั้น
อย่าไปแสดงอาการข่มจิต
อย่าบังคับจิต
อย่าไปสะกดจิตให้มันหยุดคิดอย่างอื่น
เพียงแต่ประคองให้มันอยู่กับพุทโธเพียงอย่างเดียว
นึกว่าหน้าที่ของเราปัจจุบันนี้
มีแต่นึกบริกรรมภาวนา พุทโธ พุทโธ พุทโธ เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
หน้าที่อื่นๆของเราไม่มี
มีแต่ประคองจิตกับพุทโธให้อยู่ด้วยกัน
เมื่อจิตกับพุทโธอยู่ด้วยกัน มีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด
ตอนแรก
เราอาจจะตั้งใจนึกบริกรรมพุทโธ พุทโธ พุทโธ
เมื่อเราไม่ได้ตั้งใจจิตของเราจะไม่บริกรรมพุทโธ
ต่อเมื่อเราตั้งใจจิตของเราจึงจะนึกบริกรรมภาวนาพุทโธ
ในตอนแรกๆมันจะเป็นอย่างนี้
แต่จะด้วยประการใดก็ตาม
อะอืม ขอให้นักปฏิบัติทั้งหลายจงตั้งใจให้แน่วแน่
ว่า
เราจะภาวนาพุทโธเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
การภาวนาพุทโธเป็นการระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า
พุทโธ เป็นชื่อหนึ่งของพระพุทธเจ้า
ซึ่งเราแปลพุทโธว่าพระพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้า แปลว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน

เมื่อเราบริกรรมภาวนาพุทโธอยู่
หนักๆเข้า
จิตของเราจะเกิดความคล่องตัวต่อการภาวนาพุทโธ
เราจะรู้สึกว่า เราไม่ได้ตั้งใจจะนึกพุทโธ
แต่
จิตของเรานึกพุทโธเอง
แล้วเราก็มี สติรู้อยู่เอง ในขณะจิตนั้น
อันนี้เป็นการสังเกตุการภาวนาพุทโธ ในขั้นแรก
__________________
ทีแรก เราภาวนาพุทโธ พุทโธ พุทโธ
พอเผลอปั๊ป
มันไปคิดอย่างอื่น
แล้วเราก็มานึกพุทโธขึ้นมาใหม่
พอเผลอมันไปคิดอย่างอื่น แล้วเราก็เอามาหาพุทโธใหม่

สำหรับผู้ที่ฝึกหัดภาวนาพุทโธในตอนแรกๆนี่
ต้องพยายามเอาจิตกับพุทโธให้มีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด
จงพยายามนึกพุทโธ พุทโธ พุทโธ อยู่ทุกขณะจิตทุกลมหายใจ
ไม่เฉพาะแต่เวลามานั่งสมาธิภาวนาเพียงอย่างเดียว
ในขณะที่ ยืน เดิน นั่ง นอน รับประทาน ดื่ม ทำ
ควรจะนึกบริกรรมภาวนาพุทโธ พุทโธ พุทโธ ไว้ทุกขณะจิต
เพื่อจิตของเราจะได้คล่องตัวต่อการนึกพุทโธ
นึกพุทโธจนคล่องตัว
ซึ่งในที่สุด
จิตของเราจะนึกพุทโธ พุทโธ พุทโธ เองโดยอัตโนมัติ
เมื่อจิตของเรานึกพุทโธ พุทโธ พุทโธ เองโดยอัตโนมัติ
เราไม่ได้ตั้งใจจะนึกแต่ว่ามันนึกพุทโธ พุทโธ พุทโธ ของมันเอง
บางครั้งเราห้ามไม่ให้มันนึก มันก็ไม่ยอมหยุด มันนึกของมันอยู่อย่างนั้น
เมื่อจิตไปนึกถึงบริกรรมภาวนาพุทโธ พุทโธ พุทโธ เอง มันไม่ยอมหยุด
จะดึงให้มันหยุดมันไม่หยุด
มันนึกพุทโธของมันอยู่อย่างนั้น
อันนี้จิตของท่านติดกับพุทโธแล้วนึกถึงพุทโธเอง
เรียกว่า
จิตได้องค์ของฌานที่หนึ่ง คือวิตก
เมื่อมีสติรู้พร้อมอยู่เอง ในขณะจิตนั้น
ตัวนึกพุทโธก็นึกคิดอยู่ ตัวระลึกรู้ก็ระลึกอยู่
คือตัวสติก็ระลึกรู้อยู่เองโดยอัตโนมัติ
จิตนึกพุทโธเอง ตัวรู้ก็รู้เองโดยอัตโนมัติ
มันนึกจนกระทั่งมันไม่ยอมหยุด ตัวรู้ก็ไม่ยอมหยุด
ยืน เดิน นั่ง นอน รับประทาน ดื่ม ทำ มันนึกพุทโธ พุทโธ ของมันอยู่อย่างนั้น




พระปฏาจาราเถรี เป็นบุตรีเศรษฐีเมืองสาวัตถี เป็นที่รัก เป็นที่หวงแหนของบิดามารดามาก ไม่ยอมให้คบหาสมาคมกับบุรุษ ถึงกับสร้างปราสาท ๗ ชั้น (ก็คือตึก ๗ ชั้นนั้นเอง) ให้นางอยู่ จะไปไหนทีต้องขออนุญาตเป็นทางการจากบิดา ทำให้นางรู้สึกอึดอัดมาก จนในที...่สุดนางก็เกิดความรักใคร่กับคนใช้ในบ้าน มีสัมพันธ์กันลับๆ โดยที่บิดามารดาไม่ทราบ

ครั้นบิดามารดาจัดการให้แต่งงานกับบุตรเศรษฐีฐานะทัดเทียมกัน นางก็หนีตามคนรักไปอยู่ยังชนบทห่างไกล จะยากจนข้นแค้นอย่างไร นางก็อดทนได้ เพราะอานุภาพแห่งความรัก ทั้งสองครองรักกันในกระท่อมซอมซ่ออย่างมีความสุข จนนางตั้งท้องบุตรคนแรก

เมื่อลูกจะคลอด นางก็นึกถึงบิดามารดา คิดว่าถ้าคลอดลูกท่ามกลางบิดามารดาญาติพี่น้อง คงจะอบอุ่นและปลอดภัย จึงขอร้องสามีให้พากลับไปยังเมืองสาวัตถี สามีกลัวความผิดที่ตนกระทำ บิดามารดาคงไม่ให้อภัยแน่ จึงบ่ายเบี่ยง ไม่ยอมพานางกลับ

เมื่อสามีไม่อยู่ในวันหนึ่ง นางก็หนีสามีกลับบ้าน ระหว่างทางก็ปวดท้องรุนแรงและคลอดลูก สามีตามมาทัน จึงพานางกลับบ้านตามเดิม

ครั้นตั้งท้องลูกคนที่สอง นางก็พาลูกน้อยหนีสามีกลับอีก สามีตามมาทันเช่นเดิม บังเอิญว่าคราวนี้เกิดพายุฝนกระหน่ำ มีสายน้ำหลากมา สามีไปหากิ่งไม้ใบไม้มาทำเพิงหลบฝน แต่เคราะห์ร้ายถูกงูกัดตาย นางต้องทนทุกข์ทรมานตลอดคืน

เมื่อสว่างนางจึงอุ้มลูกที่เกิดใหม่ อีกมือจูงลูกชายคนโต เดินมุ่งหน้าไปยังเมืองสาวัตถี พบกระแสน้ำไหลเชี่ยวขวางทางอยู่ ครั้นจะพาลูกทั้งสองข้ามน้ำพร้อมกันก็ไม่ได้ จึงวางลูกคนเล็กไว้บนฝั่งน้ำ แล้วอุ้มลูกคนโตข้ามน้ำไปให้ยืนรออยู่บนฝั่งโน้น กลับมาเพื่อจะมาเอาลูกคนเล็กข้ามน้ำ ไปถึงกลางลำธาร เหยี่ยวตัวหนึ่งเห็นลูกเล็กของนางนึกว่าเป็นชิ้นเนื้อ จึงโฉบลงมา นางจึงรีบยกมือทั้งสองขึ้นตะโกนไล่เหยี่ยวเสียงดังลั่น สายไปเสียแล้ว เหยี่ยวได้เอาลูกน้อยของนางไปต่อหน้าต่อตา

ฝ่ายลูกชายคนโตเห็นแม่ยกมือขึ้นร้องนึกว่าแม่ร้องเรียก ก็กระโจนลงน้ำจะมาหาแม่ ถูกกระแสน้ำพัดหายไปในบัดดล ปฏาจาราสูญสิ้นหมดทุกอย่าง สามีก็ตายระหว่างทาง ลูกน้อยคนหนึ่งถูกเหยี่ยวเฉี่ยวเอาไป ลูกชายอีกคนหนึ่งก็ถูกกระแสน้ำพัดหายไป ชีวิตนี้มันช่างโหดร้ายอะไรเช่นนี้ นางร้องไห้คร่ำครวญอย่างน่าสงสารไปตลอดทาง

ระหว่างทางมุ่งหน้าเข้าเมืองสาวัตถีเพื่อไปหาบิดามารดาซึ่งเป็นที่พึ่งสุดท้าย พบชาวเมืองคนหนึ่งเดินสวนทางมา นางจึงถามถึงบิดามารดาของตน บุรุษนั้นบ่ายเบี่ยงว่า "อย่าถามถึงตระกูลนั้นเลย เมื่อคืนที่ผ่านมาเธอไม่รู้หรือว่าพายุฝนตกกระหน่ำอย่างรุนแรง"

"ฉันรู้จ้ะ ฉันเองก็ผ่านวิกฤตแห่งชีวิตมาเพราะพายุฝนนี้เหมือนกัน ฉันจะเล่าให้ฟังภายหลัง แต่ก่อนอื่นฉันอยากทราบว่าพ่อแม่ฉันสบายดีอยู่หรือ"

"พวกเขาคงไปสบายแล้วล่ะแม่หนู" บุรุษกลางคนคนเดิมกล่าวเป็นนัย

"ลุงหมายความว่าอย่างไร"

"หมายความว่า ท่านทั้งสอง รวมทั้งลูกชายคนโต และคนใช้ทั้งหมดเสียชีวิตแล้ว คฤหาสน์ของท่านถูกฟ้าผ่า ไฟลุกไหม้คลอกคนในคฤหาสน์ตายหมด ไม่มีใครรอดสักคน เปลวไฟลุกโชนตลอดคืน จนป่านนี้แล้วยังไม่มอด ยังเห็นควันพวยพุ่งสู่ท้องฟ้าอยู่ นางดูสิโน่นไง ควันไฟที่บ้านท่านเศรษฐี" บุรุษวัยกลางคนเล่า พลางชี้ให้นางดูควันไฟที่ยังพอมองเห็นอยู่รำไร

เท่านั้นแหละครับ สติที่ยังพอมีอยู่บ้างก็ขาดผึงทันที นางล้มลงสิ้นสมปฤดี ณ บัดดล ฟื้นขึ้นอีกทีก็ไม่เป็นผู้เป็นคนแล้ว กลายเป็นคนเสียสติ เดินวนเวียนไปอย่างไร้จุดหมาย จนผ้าผ่อนที่นุ่งหลุดหายไป ก็ไม่รู้สึกตัว ประชาชนเห็นนางก็ไล่ตะเพิด "หญิงบ้าไป...ไป๊" ไม่มีใครปรารถนาให้นางเข้าใกล้

ถ้าใครสักคนรู้เบื้องหลังของนาง เขาคงจะสงสารนางจับใจ ไม่กล้าเอ่ยปากไล่เป็นแน่แท้

นางเดินสะเปะสะปะ บ้างหัวเราะ บ้างร้องไห้ เข้าไปยังพระเชตวันมหาวิหารขณะพระบรมศาสดาทรงแสดงพระธรรมเทศนาอยู่ ประชาชนต่างก็ออกปากไล่ให้นางหนีไป พระศาสดาตรัสให้พวกเขาอนุญาตให้นางเข้ามา พระองค์ตรัสเตือนสติว่า "น้องหญิงจงกลับได้สติเถิด"

กระแสพระดำรัสกระตุกสติสัมปชัญญะของนางกลับคืนมา เมื่อมองเห็นเปลือยล่อนจ้อนต่อหน้าธารกำนัล ก็เลยนั่งลงด้วยความอาย บุรุษคนหนึ่งได้โยนผ้าให้นางนุ่งห่ม นางเข้าไปกราบแทบพระยุคลบาทกราบทูลพลางร่ำไห้ไปพลางถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสามี ลูกน้อยทั้งสอง และบิดามารดาและพี่ชาย

พระพุทธองค์ตรัสว่า "อย่าคิดมากเลยปฏาจารา สามี ลูกทั้งสอง บิดามารดา และพี่ชายของเธอก็ตายไปแล้ว ถึงเธอจะร้องไห้จนน้ำตาท่วมตัว เธอก็ช่วยให้เขาเหล่านั้นฟื้นขึ้นมาไม่ได้ น้ำตาของผู้ที่ร้องไห้เพราะรักวิปโยคในสังสารวัฏอันยาวนานนี้ ถ้าจะวัดกันแล้ว มีมากกว่าน้ำในมหาสมุทรทั้งสี่เสียอีก เธออย่าได้มัวประมาทอยู่เลย จนทำที่พึ่งแก่ตัวเองเถอะ แล้วเธอจะไม่ต้องเสียน้ำตาอีกต่อไป ปิยชนคนที่เรารักทั้งหลาย มีบิดามารดา เป็นต้น ไม่อาจเป็นที่พึ่งแก่เราได้ดอก นอกจากเราต้องพึ่งตัวเราเอง"

การบรรลุธรรมของนางปฏาจารา

ภิกษุณีปฏาจาราได้รับความทุกข์ที่เกิดจากความสูญเสียคนรักจนเสียสติ เนื่องจากพ่อแม่ลูกสามีต้องมาตายในเวลาใกล้เคียงกัน เมื่อบวชแล้วอยู่มาวันหนึ่งท่านกลับจากบิณฑบาตก่อนขึ้นกุฏิท่านได้ใช้กระบวยตักน้ำล้างเท้า ตักครั้งแรกน้ำไหลซึมไปตามพื้นเล็กน้อย ตักรดครั้งที่ ๒ นำก็ไหลยาวออกไปอีกนิดหนึ่ง ตักรดครั้งที่ ๓ น้ำก็ไหลออกไปอีกมากกว่าครั้งที่สอง ในขณะที่นางตักน้ำล้างเท้าและเห็นน้ำที่ไหลออกไปนั้น นางพิจารณายกเอาอาการไหลของน้ำขึ้นพิจารณาว่า “คนเราเมื่อตายในปฐมวัยเปรียบดังน้ำที่ไหลในครั้งแรก คนที่ตายในมัชฌิมวัยก็เปรียบดุจน้ำที่ไหลในครั้งที่ ๒ ส่วนคนที่ตายในปัจฉิมวัยก็เปรียบดังน้ำที่ไหลในครั้งที่ ๓” นางได้บรรลุอรหัตตผลในขณะที่กำลังรดน้ำล้างเท้า ณ ตีนบันไดนั่นเอง

ใครเคยฟังเพลงวังแม่ลูกอ่อนของ พร ภิรมย์ เพลงนี้ดัดแปลงมาจากประวัติคราว ๆ ของนางปฏาจารานั่นเอง แต่นางไม่ได้ตายเหมือนในเพลง แต่นางปฏาจาราได้เดินทางต่อไปเพื่อจะไปหาพ่อแม่ แต่ก็มาเห็นพ่อแม่และพี่ชายที่อยู่บ้าน ๆ ถูกไฟไหม้ตายหมดเพราะฟ้าผ่าบ้านเมื่อคืนที่ฝนตกหนักนั้นเอง นางจึงเสียสติเป็นบ้าเดินไปอย่างไร้จุดหมายผ้าผ่อนไม่มีติดตัว และเดินหลงเข้าไปในวัดเชตวันในขณะที่พระผู้ภาคเจ้ากำลังแสดงพระธรรมเทศนาอยู่ และนางได้รับการปลอมประโลมใจจากพระธรรมเทศนาจนมีสติขึ้นมาอีก นางจึงได้ขอบวชอยู่ในสำนักภิกษุณี

ข้อพิจารณา

๑.คนเราโดยธรรมชาติเมื่อได้รับสิ่งสะเทือนใจอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นเหตุใด ย่อมมีความทรงจำติดอยู่ในใจตลอดเวลา เมื่อมองสิ่งใดมักอดหวนระลึกถึงเรื่องในอดีตนั้นไม่ได้ บางคนอดกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ต้องร้องไห้ออกมา เช่นเดียวกับภิกษุณีปาฏาจารา เมื่อนางเห็นน้ำที่ไหลก็ทำให้หวนคิดถึงอดีตลูก ๆ สามี พ่อแม่และพี่ชายที่ต้องมาตายจากไปในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน เป็นความสะเทือนใจที่ไม่อาจลืมเลือนได้ แต่นางเอาภาพการไหลของน้ำที่เห็นนั้นมาพิจารณาเป็นธรรมานุสติ จนนางได้บรรลุธรรมโดยอาศัยอดีตที่เจ็บปวดมาเทียบเคียง

๒.ลักษณะการบรรลุธรรมของภิกษุณีปฏาจารา ใช้วิปัสสนากรรมฐานเป็นตัวนำ โดยการพิจารณาธรรมารมณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตากระทบรูป คือ น้ำที่ไหลออกไป เมื่อมีสติกำหนดพิจารณาโดยอาศัยการพิจารณาใคร่ครวญสภาวธรรมที่เกิดขึ้น องค์แห่งโพชฌงค์ ๗ จึงเกิดขึ้นและบริบูรณ์เต็มที่จนสามารถบรรลุอรหัตตผลในที่สุด




เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2013, 09:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


การบรรลุธรรมของวักกลิ

ท่านวักกลิเป็นคนที่มีราคะจริตและโมหะจริต คือเป็นคนหลงในความสวยงามเห็นอะไรก็มักชื่นชมหลงใหลไร้เหตุผลในการพิจารณาเอาแต่อารมณ์ของตนเป็นใหญ่ เมื่อท่านได้พบพระผู้มีพระภาคเจ้าได้เห็นพระวรกายอันสง่างามของพระองค์ก็เกิดความรัก...ใคร่และชื่นชมอยากจะได้พบเห็นพระองค์อยู่ตลอดเวลา จึงตัดสินใจออกบวชด้วยหวังว่า ถ้าบวชแล้วจะได้อยู่ใกล้ชิดและได้ติดตามพระผู้มีพระภาคเจ้าไปได้ทุกที่จะได้เห็นพระองค์อยู่ตลอดเวลา

เมื่อท่านบวชแล้วพระผู้มีพระภาคเจ้าจะเสด็จไปในที่ใดก็ตามท่านก็จะตามไปทุกที่ เพื่อจะได้เฝ้าดูพระองค์ จนพระพุทธเจ้าต้องคอยตักเตือนท่านอยู่บ่อย ๆ ว่า

“วักกลิ เธออย่างมาดูร่างกายอันเน่าเปื่อยของเราอยู่เลย หาประโยชน์อะไรมิได้ วักกลิ ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นชื่อว่าเป็นตถาคต ผู้ใดเห็นตถาคตผู้นั้นชื่อว่าเห็นธรรม”

แม้พระผู้มีพระภาคเจ้าจะทรงแนะนำห้ามปรามพระวักกลิสักเท่าใดก็ตาม ท่านก็ยังคงเฝ้าติดตามพระผู้มีพระภาคเจ้าอยู่ตลอดเวลาหาเชื่อฟังไม่ จนในวันหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเห็นว่าเป็นเวลาอันสมควรแล้วที่จะสอนให้ท่านได้บรรลุธรรม จึงทำทีขับไล่พระวักกลิให้ออกไปให้พ้นอย่ามาเฝ้าดูพระองค์อีก พระวักกลิถูกพระผู้มีพระภาคเจ้าขับไล่เช่นนั้นก็เกิดความน้อยใจและเสียใจเป็นอย่างมาก ได้เดินออกจากวัดเวฬุวันไปยังเขาคิฌชกูฏเพื่อกระโดดเขาหวังให้ตายลงไป ในขณะที่ท่านกำลังโดดเขานั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ทรงปรากฏกายให้พระวักกลิเห็นพร้อมทั้งเหยียดพระกรให้พระวักกลิจับ และตรัสปลอบใจว่า

“มาเถิดวักกลิ เธออย่าได้กลัวเลย เธอจงแลดูตถาคต

เราจักยกเธอเหมือนดังควาญช้างยกช้างขึ้นจากเปือกตม

มาเถิดวักกลิ เธออย่าได้กลัวเลย เธอจงแลดูตถาคต

เราจักยกเธอผู้เปรียบดังพระจันทร์อันราหูจับแล้วนั้นขึ้นเอง”

พระวักกลิเมื่อได้เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าอีกครั้ง ด้วยความรักที่มีต่อพระองค์และเมื่อได้รับการปลอบใจด้วยถ้อยคำอันหวานก็หายน้อยใจและเกิดความปีติใจขึ้นมาแทนที่ พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงแสดงธรรมสอนให้ท่านพิจารณาว่า

“อันภิกษุผู้มากด้วยความปราโมทย์เลื่อมในแล้วในพระพุทธศาสนา

บรรลุแล้วซึ่งบทอันสงบย่อมเขาไปสงบแห่งสังขารอันเป็นสุข”

ท่านวักกลิได้พิจารณาไปตามคำสอนของพระพุทธองค์ ในที่สุดท่านก็ได้บรรลุอรหัตตผล ณ ที่เชิงผานั่นเอง

ข้อพิจารณา

๑.ผู้ที่ต้องพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักย่อมได้รับทุกข์โทมนัสเป็นอันมากจนสามารถทำร้ายตัวเองได้ แม้ว่าความตายจะเป็นสิ่งที่ทุกคนกลัวที่สุดในชีวิตก็ตาม แต่เพราะความทุกข์ที่เกิดจากความพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักนั้น สำหรับสายตาของคนอื่นอาจมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ คิดว่าไม่เห็นจะต้องทุกข์มากถึงขั้นต้องฆ่าตัวตายเลย ตัวอย่างเช่น บางคนอกหักเพราะถูกคนรักตีจากไป บางคนผิดหวังเพราะธุรกิจล้มเหลวต้องสินเนื้อประดาตัว นักเรียนบางคนที่เคยเรียนเก่งได้เกรดดีมาตลอดแต่ต้องผิดหวังกับเกรดที่ลดลง บางคนเหล่านี้เมื่อประสบกันสิ่งนั้น ๆ แล้วถึงขั้นตัดสินใจฆ่าตัวตาย แต่บางคนประสบกับสิ่งเดียวกันนี้กับมองว่าเป็นเรื่องธรรมดาจะเสียใจก็แค่เพียงเล็กน้อยไม่นานก็จะหายจากความเสียใจนั้นได้ ที่เป็นเช่นนี้เพราะความรู้สึกผูกผันอันเป็นความรัก ความหวัง และความปรารถนาในสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นไม่เท่าเทียมกัน ผู้ที่รักมาก หวังมาก ปรารถนามาก แม้สิ่งนั้น ๆ จะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยในสายตาคนอื่น แต่สำหรับคนบางคนแล้วมันเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตจนสามารถตัดสินใจทำร้ายตัวเองได้เมื่อต้องพลัดพราก หรือผิดหวังจากสิ่งเหล่านั้น

ในทางกลับกัน ผู้ที่กำลังจะพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ถ้าได้รับสิ่งนั้นกลับคืนมาย่อมรู้สึกดีใจ ปราโมทย์ใจเป็นที่สุด ลืมความทุกข์ที่เคยเกิดขึ้นและสามารถจะทำอะไรก็ได้ถ้าคนที่รักนั้นต้องการให้ทำ เพื่อแลกกับการกลับมาอีกครั้งหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเข้าใจถึงความรุ้สึกอันนี้เป็นอย่างดี พระองค์จึงใช้วิธีนี้กับพระวักกลิ เพื่อทำให้พระวักกลิรู้สึกเสียใจที่ต้องพลัดพรากจากพระองค์อันเป็นที่รักที่สุดในชีวิต เมื่อเห็นท่านเสียใจจนคิดฆ่าตัวตาย พระองค์ก็ทรงเข้าไปปลอบโยน ทำให้พระวักกลิเกิดความปราโมทย์ใจ ยินดีเป็นที่สุด ความปีติใจ นั่นเองเป็นอุบายที่ช่วยให้พระวักกลิได้บรรลุธรรม

๒.พระผู้มีพระภาคเจ้าสอนว่า “ความรักคือความทุกข์” เพราะถ้ารักย่อมต้องกลัวสูญเสียความรัก จึงต้องดิ้นรนในการรักษาของรักนั้น อันนี้เป็นทุกข์ในเบื้องต้น และจะทุกข์มากเป็นที่สุดเมื่อต้องพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักนั้น จนสามารถที่จะทำอะไรก็ได้ทุกอย่างแม้แต่การฆ่าตัวตาย อนุสรณ์สถานที่แสดงถึงความรักที่มีต่อสิ่งอันเป็นที่รักมีปรากฏให้เห็นอยู่ทั่วโลก เช่น ปราสาททัชมาฮาลในประเทศอินเดีย อันได้ชื่อว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกก็เกิดจากอิทธิพลแห่งความรัก อนุสาวรีย์หลายแห่งเป็นอนุสรณ์แห่งความรักที่เกิดจากความรักที่คนเรามีต่อสิ่งนั้น ๆ แม้แต่วัดหลายแห่งในประเทศไทยก็เป็นวัดที่เป็นอนุสรณ์แห่งความรัก เช่น วัดราชนัดดา เป็นต้น เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงสอนให้ภิกษุทั้งหลายให้พิจารณาอยู่เนื่อง ๆ ว่า “เรามีความพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักเป็นธรรมดา” ไม่อยากทุกข์เพราะรักก็อย่าไปรัก

สมัยหนึ่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี พระองค์ได้ตรัสเรียกพระภิกษุสงฆ์ทั้งปวงมาประชุมพร้อมกันแล้ว จึงทรงมีพระมหากรุณาตรัสพระพุทธพจน์นี้ว่า
ดูกรเธอผู้เห็นภัยในวัฏสงสารทั...้งหลาย! ครั้งหนึ่งเมื่อแรกตรสรู้เราตถาคตอยู่ที่ควงไม้อชปาลนิโครธ ใกล้ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ณ ตำบลอุรุเวลา เมื่อเราตถาคตหลีกเร้นอยู่ผุ้เดียวในที่่นั้น ได้เกิดความคิดขึ้นในใจอย่างนี้ว่า

ทางนี้เป็นเอกายนมรรค คือเป็นมรรคาทางเป็นที่ไปอันเอก
- เพื่อความบริสุทธิ์แห่งสัตว์ทั้งหลาย
- เพื่อก้าวล่วงความโศกและความร่ำไร
-เพื่อความดับสูญแห่งทุกข์และโทมนัส
- เพื่อบรรลุญายธรรม
- เพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง

ทางที่เป็นไปอันเอกนี้ คือสติปัฏฐาน ๔ ประการ
สติปัฏฐาน ๔ ประการเป็นไฉน?
สติปัฏฐาน ๔ ประการ คือ
๑. ผู้เห็นภัยในวัฏสงสารพิจารณาเห็นกายในกายอยู่
๒. ผู้เห็นภัยในวัฏสงสารพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาั้งหลายอยู่
๓. ผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร พิจารณาเห็นจิตใตจิตอยู่
๔. ผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร พิจารณาเห็นธรรมในธรรมทั้งหลายอยู่
โดยเป็นผู้มีความเพียร มีสัมปชัญญะมีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสเสียได้ เอกายนมรรคนี้ย่อมเป็นทางเป็นที่ไปอันเอก เพื่อความบริสุทธิ์แห่งสัตว์ทั้งหลาย เพื่อก้าวล่วงความโศกและความร่ำไร เพื่อความดับสูญแห่งทุกขโทมนัส เพื่อบรรลุญายธรรม เพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง เอกายนมรรคนี้คือสติปัฏฐาน ๔ ดังนี้
ดูกรเธอผู้เห็นภัยในวัฏสงสารทั้งหลาย! ทีนั้นแล ท้าวสหัมบดีพรหมรู้ความในใจของเราตถาคต จึงหายตัวจากพรหมโลกมาปรากฏเบื้องหน้าเราในขณะนั้นทันที มีอุปมาดุจบุรุษผู้มีกำลังเหยียดแขนที่คู้ หรือคู้แขนที่เหยียดเท่านั้น แล้วสหัมบดีพรหมก็กระทำผ้าเฉวียงบ่าข้างหนึ่งประนมหัตถ์มาทางเราตถาคต แล้วได้มีพรหมวาทีว่า

"ข้าแต่พระองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาค! กรณีนี้ย่อมเป็นเช่นนั้น ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ! เอกายนมรรคนี้ เป็นทางเป็นไปที่อันเอกเพื่อความบริสุทธิ์แห่งสัตว์ทั้งหลายเพื่อก้าวล่วงความโศกและความร่ำไร เพื่อความดับสูญแห่งทุกข์และโทมนัส เพื่อบรรลุญายธรรม เพื่อทำพระนิพพานให้แจ้งจริงแล้ว พระเจ้าข้า" ดังนี้


อริยบัณฑิต ย่อมพิจารณามรรคผล - นิพพาน เฉพาะท่านที่มีปัญญา ย่อมพิจารณากิเลสที่ตนละได้และกิเลสที่ยังเหลืออยู่

ส่วนท่านที่ไม่ได้ศึกษาย่อมไม่พิจารณาเพราะตนไม่มีความรู้ แต่ว่าทำการกำหนดในบทพระกรรมฐานต่อไป




เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


ขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาสร้างศาลาบำเพ็ญกุศล
087-0478532


เป็นเจ้าภาพสร้างศาลาปฏิบัติธรรม
088-2013956

ขอเชิญทุกท่านร่วม
สร้างพระพุทธกึ่งพุทธกาล
ณ วัดป่าภูสิงห์น้ำทิพย์
091-518-1961


วันที่ 7 กค. 56 ร่วมส่งพระประธาน 16 องค์ไป 15 วัด 1 โรงเรียน
089-797-3317


หาเจ้าภาพอุปถัมป์สร้างช่อฟ้าเเละหน้าบรรณ"วิหารพระพุทธเจ้าสามกาล"
โทร 086-8032001


เชิญร่วมหล่อพระประธาน ณ วัดนาคปรก
ปางมารวิชัย หน้าตัก 4 ศอก (2เมตร) เพื่อนำไปเป็นพระประธานของวัดสิริมงคล จ.ร้อยเอ็ด ในวันที่ 30 มิ.ย. 2556 ณ วัดนาคปรก อ.ภาษีเจริญ กทม. เริ่มพิธีพราห์มเวลา 15.00 น. พิธิหล่อพระ 16.00 น


ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพ อาสนะที่นั่งพระสงฆ์ และ หมอนอิงพร้อมผ้าปูอาสนะสงฆ์หรือบริจาคตามกำลังศรัทธา
ณ วัดปางค่า ต.ไชยสถาน อ.เมือง จ.น่าน
โทร 0861858116


ขอเชิญร่วมถวายปัจจัยสร้างกุฎิวัดปางค่า ต.ไชยสถาน อ.เมือง จ.น่าน
โทร 0861858116

ร่วมบุญมหากุศลสร้างพระพุทธเมตตามหาโพธิญาณ ได้ที่

คุณสมบุญ ว่องพิบูลย์ 084-0935817



ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคีสร้างพระอัครสาวก ที่วัดซับพลู

เชิญร่วมบุญพิมพ์หนังสือธรรมะองค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี
https://www.facebook.com/watpabaantaad.luangta?fref=ts


เชิญบวชเนกขัมมะถวายเป็นพระราชกุศล
ในวันพฤหัสบดีที่ 27 ถึงวันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน 2556
ท่านใดสนใจติดต่อได้ที่ 0889956595


เชิญร่วมเป็นเจ้าภาพจัดสร้างน้ำดื่มให้กับผู้ยากไร้
0813563564
ขอเจริญศรัทธา รับเจ้าภาพถวายอาสนะพระอุปัชฌาย์ ๑๐ ชุด

088-2013956


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2013, 07:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


นางไม้
ถาม : แล้วอย่างพวกนางไม้ละคะ ?
ตอบ : พวกนางไม้ ถ้าบารมีน้อยหน่อยบางทีเจอพระ เขาก็ขอมาทำบุญใส่บาตร อาตมาเองก็เคยเจอ ก่อนจะออกบิณฑบาตก็มักจะซ้อมมโนมยิทธิ กำหนดใจดูก่อนว่า คนที่จะใส่บาตรเราคนแรกวันนี้ เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ใส่เสื้อผ้าสีอะไร เหล่านี้เป็นต้น แล้วพอไปถึงก็ตรวจสอบว่าตรงกับที่รู้มาไหม ?

วันนั้นก็กำหนดใจดูแล้วว่า เออ...คนแรกที่จะทำบุญให้ เขาใส่เสื้อแขนยาวสีฟ้าเก่า ๆ เป็นเสื้อแขนยาว...แบบเสื้อเชิ้ต แต่ว่าเขาเป็นผู้หญิง คราวนี้ ไปถึงพอเห็นก็ เออ..เรารู้ถูก ก้มหน้าลงเปิดบาตร ตอนก้มลงเปิดบาตรนั่นแหละ ความลับแตกคือเขาเองก็คงบังเราไม่หมด ชายผ้าที่แลบออกมาไม่ใช่สีฟ้าเก่า ๆ นะซิ..เป็นผ้าประดับทอง มีเพชรด้วย

เราก็ปิดบาตรโครม..ยังไม่ต้องใส่ ขอถามก่อนว่าเป็นใคร ?..(หัวเราะ)..เขาก็เลยต้องแสดงตัวจริงให้เห็น เป็นรุกขเทวดาที่อยู่ใกล้ ๆ เป็นผู้หญิงสวยมาก แต่ว่าเนื้อเขาคล้าย ๆ กับเนื้อเรา แสดงว่าบุญน้อยมาก เทวดายิ่งบุญสูงเท่าไร เนื้อของท่านจะใสมากเท่านั้น นี่เนื้อสีคล้าย ๆ เรา ก็แสดงว่าเป็นเทวดาที่จนหน่อย แต่ขนาดจน ๆ ยังคาดเข็มขัดทองเส้นเท่าฝ่ามือ..!

ถามว่าเขามาทำอะไร ? เขาบอกขอทำบุญหน่อยเถอะค่ะ อยากได้บุญ ก็เลยบอกเขาไปว่า ผลบุญใดที่เราทำมาตั้งแต่ต้นจนบัดนี้ ขอให้เธอจงโมทนา เราจะได้รับประโยชน์ความสุขเท่าไร ขอให้เธอได้รับด้วย เขาก็โมทนากลายเป็นนางฟ้าสวยแพรวพราวแล้วก็ไปแนบ บาตรเบิดไม่ใส่เลย..(หัวเราะ).."อดแดก"... นี่จำจนขึ้นใจเลย ต่อไปต้องให้เขาใส่ก่อน..(หัวเราะ).. งวดนั้นเสียท่า รีบให้เขาไปหน่อย เขาได้แล้วเลยไม่ต้องใส่บาตร ไปดีกว่า..แหม..เสียท่า..

ถาม : บ้านพักที่โรงเรียนนะคะ มีอยู่ ๔ คืนด้วยกัน นอนตอนตี ๒ กำลังหลับเขามาเรียกชื่อก็สะดุ้ง เอ๊ะ..ผีหรือเปล่า ? แต่ไม่ได้ขานนะคะ พออยู่อีก ๒ คืนมาเรียกอีก เรียกอยู่ประมาณ ๔ คืน เอ๊ะ...ผีอะไร หนูสวดก็ "ยันทุน" ไล่ ...(หัวเราะ)...
ตอบ : ไม่ต้อง "ยันทุน" หรอก ยันจนหมดทุนเขาก็ไม่ไป เพราะว่าถ้าเป็นพวกเทวดาเขาไม่กลัวคาถา..!








บุญกับบารมี
ถาม : บุญ กับบารมีไม่เหมือนกัน ?
ตอบ: จริง ๆ การสร้างบุญคือการสร้างบารมี การที่เราได้ทำความดีหรือความชั่วก็ตาม จะส่งผลให้จิตใจของเราเข้มแข็งมั่นคงขึ้น คนชั่วก็มีบารมีของคนชั่ว คนดีก็มีบารมีของคนดี เกิดจากการสร้างสมมา

คราวนี้จะกล่าวไปแล้ว บุญกับบารมีแทบจะแยกกันไม่ออก คือเรายิ่งทำมากเท่าไร บารมีก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น เพราะยิ่งทำมาก แปลว่าจิตเราที่จะสละออกเพื่อตัดความโลภก็ยิ่งมีมาก ในเมื่...อยิ่งมีมากก็แสดงว่าบารมีคือกำลังใจของเราก็ยิ่งสูงขึ้น เลยเกี่ยวกันจนแยกไม่ออก

ถาม : หมดบุญได้ แต่บารมีไม่ถอย
ตอบ: ไม่ถดถอย เขาหมดจากกำลังบุญส่วนนั้นก็จริง หมายถึงว่าคุณหาได้แค่นี้วันนี้ คุณกินไป..ใช่ไหม ? กินไปจนกระทั่งหมดแล้ว เราก็ต้องไปหาใหม่ แต่อายุของเราไม่ได้ลดลงนี่ เราก็แก่ไปเรื่อย ๆ อยู่ทุกวัน เงินเดือน เดือนนี้มาใช้หมดเกลี้ยงไปแล้ว ไม่ใช่เราจะกลับเป็นเด็กใหม่ เพราะยังแก่เหมือนเดิม บารมีคือกำลังใจ ตัวบุญคือสิ่งที่เราสร้างสมมา ยิ่งสร้างสมบุญมากเท่าไร บารมีด้านดีก็ยิ่งมากเท่านั้น

ถาม : บารมีด้านชั่วมีหรือ ?
ตอบ: คนทำชั่ว ลองไปยืนใกล้ ๆ บางทีเราขาสั่นนะ..กำลังใจของเขาที่ไปในด้านนั้น ใช้กำลังใจเหมือนกัน เพียงแต่ใช้ไปคนละทางเท่านั้นเอง

ถาม : กำลังใจ หรือบารมี มี ๒ อย่าง ด้านดีกับชั่ว
ตอบ: ประเภทกลาง ๆ ไม่มี กลาง ๆ จะมีตอนเข้านิพพานแล้ว

ถาม : ด้านชั่วกับด้านดีเท่า ๆ กัน ลักษณะคล้าย ๆ กันไหม ?
ตอบ: ก็คล้ายกัน คือ เป็นผู้นำก็มีความเด็ดขาด

ถาม : ในหลวงเคยถามหลวงพ่อวัดท่าซุงว่า ทานบารมีตัวเดียวไปนิพพานได้ไหม ?
ตอบ: ทำไมจะไม่ได้ ได้อยู่แล้ว อยู่ที่ว่าใครจะเริ่มด้านไหน พอเราเริ่มตัวหนึ่ง อีก ๙ ตัวได้ควบกันไปด้วย เราจะให้ทาน เราต้องรู้ว่าผลของการให้ดีอย่างไร ตัวนี้เป็นปัญญาบารมี คนจะให้ได้จิตต้องประกอบไปด้วยเมตตาเป็นปกติ ก็มีเมตตาบารมี คนที่มีเมตตาบารมี ศีลก็ทรงตัวเป็นปกติอยู่แล้ว เพราะไม่คิดจะเบียดเบียนใคร ก็มีศีลบารมี ไล่ไปเถอะ ๑๐ ตัวอยู่ครบ ตัวเองเริ่มมาอย่างไรก็เอาตัวนั้นเป็นหลัก อย่างพวกเรามาด้านทานบารมี ก็มีหน้าที่อย่างเดียวคือ ตั้งหน้าตั้งตาให้ไปเรื่อย






ทำบุญแล้วอธิษฐานจัดว่าโลภหรือไม่ ?
ถาม : เวลาที่เราทำบุญแล้วอธิษฐานจิตว่า ขออย่างนั้นขออย่างนี้ กับการไม่อธิษฐานเลย การทำบุญแบบไหนดีกว่ากันคะ ?
ตอบ : แบบอธิษฐานถูกต้องดี แบบไม่อธิษฐานเลยอาจพลาดจากประโยชน์ใหญ่ไปได้ การทำบุญโดยอธิษฐานขอให้เป็...นนั่นเป็นนี่ เราจะขอหรือไม่ขอก็ตาม สิ่งที่เราทำทั้งดีและชั่วจะส่งผลกลับคืนมาอยู่แล้ว ถึงคุณต้องการหรือไม่ต้องการผลที่คุณกระทำคุณได้แน่

จึงจำเป็นที่จะต้องกำหนดเจาะจงไปเลยว่า ผลที่เราทำนั้นเราต้องการให้เป็นแบบไหน เป็นเมื่อไร ถ้าเราตั้งใจแบบนี้ก็เหมือนกับยิงปืนเล็งเป้า ก็สามารถที่จะยิงได้อย่างแม่นยำ แต่ถ้าหากไม่มีการเล็งเลย ไม่ได้กำหนดเลย เราหิวข้าวตอนนี้ แต่อีก ๓ วันข้าวค่อยมาถึง เป็นอย่างไร ...ไส้กิ่วเลย ดีไม่ดีอดตาย แบบอานันทเศรษฐี

อานันทเศรษฐีตอนเป็นเศรษฐี ถ้าฟังพระพุทธเจ้าเทศน์จะได้เป็นพระอนาคามี แต่ถ้าหากทรัพย์สินลดน้อยลงมาเป็นคหบดี ฟังพระพุทธเจ้าเทศน์จะได้เป็นพระโสดาบัน บังเอิญว่าเขารักษาทรัพย์สินไม่ได้ ทำให้ยากจนกลายเป็นขอทาน พระพุทธเจ้าบอกว่าเทศน์แล้วไม่มีผล เพราะจิตของเขากังวลอยู่ด้วยการทำมาหากิน ก็เลยเสื่อมจากมรรคผลไปอย่างน่าเสียดาย พระอานนท์ถามว่า พระพุทธเจ้าตรัสว่า ผู้ใดมีวิสัยจะได้มรรคผล จะไม่เสื่อมจากวิสัยอันนั้น แล้วทำไมอานันทเศรษฐีถึงได้เสื่อม พระพุทธเจ้าตรัสว่าอานันทเศรษฐีขาดอธิษฐานบารมี

เพราะฉะนั้น..ใครที่บอกว่าทำบุญแล้วอธิษฐานเป็นการโลภนั้นอย่าไปฟัง เราต้องการหรือไม่ต้องการ ผลนั้นเกิดกับเราแน่ จะโลภหรือไม่โลภก็เกิดแน่ แต่ที่เราอธิษฐานนั่นเป็นการเจาะจงว่าให้เกิดอย่างไร ให้เกิดเมื่อไร ตัวนั้นเป็นการประกันเอาไว้ก่อน เพื่อว่าในเวลาที่เราต้องการแล้วต้องได้จริง ๆ ไม่ใช่ว่าตอนที่เราต้องการไม่ได้ มาได้ตอนที่เราไม่ต้องการ

บางทีถ้าเป็นอย่างอานันทเศรษฐีก็พลาดประโยชน์ใหญ่ในชีวิตไปเลย เป็นพระอนาคามีอย่างไรก็ไม่ต้องมาเกิดใหม่ให้ทุกข์อีกแล้ว นี่กลายเป็นขอทาน ไม่ทราบว่าจะต้องเวียนตายเวียนเกิดอีกกี่หมื่นกี่แสนกัป ต่อไปอธิษฐานให้เยอะ ๆ (หัวเราะ) จริง ๆ แล้ว แค่อธิษฐานขอไปนิพพานอย่างเดียว กว่าจะไปถึงยอดเขา ตลอดทางมีอะไรก็กวาดไปหมดอยู่แล้ว

ถาม : ถ้าเราอธิษฐานไปแล้ว สมมติว่าเราเคยอธิษฐานในอดีตชาติ แล้วพอมาในชาติปัจจุบัน เรายังไม่รู้ว่าผลกรรมที่เราได้รับในปัจจุบันนี้ อาจเป็นเพราะว่าเราอธิษฐานไว้แล้วก็ตาม ถ้าเราขอยกเลิกการอธิษฐานของเรา
ตอบ : ได้...อธิษฐาน ก็คือ การตั้งใจมั่น เราสามารถเปลี่ยนใจได้ มีสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนใจได้ทุกเวลา แต่ส่วนมากแล้วเขามุ่งมั่น ไม่เปลี่ยนกันง่าย ๆ หรอก





เบญจกัลยาณี ความงามของสตรี 5 ประการ คือ...

1. เกสกลฺยาณํ (ผมงาม) คือ หญิงที่มีผมยาวถึงสะเอวแล้วปลายผมงอนขึ้น

2. มงฺสกลฺยาณํ (เนื้องาม) คือ หญิงที่มีริมฝีปากแดงดุจผลตำลึงสุกและเรียบชิดสนิทกันดี

... 3. อฏฺฐิกลฺยาณํ (กระดูกงาม) คือ หญิงที่มีฟันสีขาวประดุจสังข์ และเรียบเสมอกัน

4. ฉวิกลฺยาณํ (ผิวงาม) คือ หญิงที่มีผิวงามละเอียด ถ้าดำก็ดำดังดอกบัวเขียว ถ้าขาวก็ขาวดังดอกกรรณิกา

5. วยกลฺยาณํ (วัยงาม) คือ หญิงที่แม้จะคลอดบุตรถึง 10 ครั้ง ก็ยังคงสภาพร่างกายสาวสวยดุจคลอดครั้งเดียว







ขณะใดที่ใจของลูกยังรักษาอภิญญาสมาบัติไว้ รักษาปฏิปทาสาธารณประโยชน์ ขณะนั้นลูกจงภูมิใจว่าพ่ออยู่กับลูกตลอดเวลา ถึงแม้ว่าร่างกายกายาของพ่อจะสลายไป แต่ใจของพ่อยังอยู่กับใจของลูก ลูกจะไปไหนก็ชื่อว่าพ่อไปด้วยช่วยลูกทุกประการ





ให้พิจารณาดูสัจจะ ความจริงใจกับตนเองให้ถี่ถ้วน ว่าสิ่งที่เราเคยได้คิด เคยได้ตั้งมั่น เคยได้พูด เคยได้สัญญากับตนเองเอาไว้อยากหนักแน่นมั่นคงนั้น ว่าเราเบื่อการเวียนว่าตายเกิดแล้ว เราต้องการพ้นทุกข์ในชาตินี้ เราต้องการพระนิพพ...าน ฯลฯ ลองย้อนกลับมาดูความประพฤติ แลการกระทำในขณะเดี๋ยวนี้ของตนดูซิ ว่าผลนั้น มันสมควรแก่เหตุที่ตนได้ตั้งใจไว้ฤาไม่ ความคิดอ่านที่จักเอาดี ที่ต้องการได้ดีนั้น เสมือนเต่าที่คอยเอาหัวหาง แข้งขา ผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ตลอดเพลา หากสัจจะของเราเป็นไปดังนี้แล้วนั้น จักไปหาความดี ความสำเร็จในมรรคผลกระไรได้ ก็พระคุณหลวงพ่อฯ ท่านได้เคยสอนไว้แล้วว่า จุดสำคัญของอริยสัจ ๔ คือให้ดูทุกข์... ให้รู้ทุกข์ ให้เห็นทุกข์ ให้มันเกลียดทุกข์ ให้มันซึ้งในทุกข์ ให้มันเบื่อทุกข์ ถึงกับให้เฉยกับทุกข์ ด้วยรู้เท่าทันสภาวะแห่งทุกข์ แลในที่สุดให้ใจมันวางทุกข์ คือเห็นทุกอย่างเป็นธรรมดา ที่เห็นเป็นธรรมดาก็ด้วยต้องผ่านการพิจารณากลั่นกรองด้วยปัญญาของตน ว่าในขณะนี้นั้น ทุกสิ่งที่มันเกิดขึ้นกับชีวิตเรา ทุกสิ่งที่มันให้ผลกับเรา ทุกสิ่งแลทุกสภาวะทางอารมณ์ที่มันเกิดขึ้นกับเรานั้น มันเกิดจากเหตุที่เราได้เคยสร้างเอาไว้ทั้งนั้น ด้วยในกาลก่อนเราต้องได้สร้างกุศล แลอกุศลมาพร้อมๆกัน มาชาตินี้จึงต้องได้รับผลทั้งทางกาย แลทางใจ ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง สุขบ้าง ทุกข์บ้าง ตามครรลองแห่งโลกธรรมทั้ง ๘ ที่ผ่านมาเรามีทั้งหัวเราะ ร้องไห้ ยิ้มแย้ม ขื่นขม ระทม ทรมาน กังวลใจ ตรอมใจ เศร้าใจ ดีใจ สบายใจ สารพัด ก็นี่ล่ะ กี่วันกี่คืน กี่ภพกี่ชาติที่ผ่านมาอารมณ์ต่างๆเหล่านี้ มันก็หมุนวนไปมาให้เราได้รับอยู่เยี่ ยงนี้ สภาวะเยี่ยงนี้จึงเป็นเหตุ ยามเราพอใจเราก็ติดสุข ยามเราไม่พอใจเราก็เป็นทุกข์ ยามที่ได้สัมผัสกับทุกข์ ก็ว่าไม่เอาแล้ว ไม่อยากเกิดแล้ว แต่พอยามได้สัมผัสกับสิ่งที่เราคิดว่าสุข เราก็ปรารถนาในสุขนั้นอีกทันที แลปรารถนาให้สุขนั้นเผื่อไปยังชาติภพหน้าอีก อยากให้มีอีก อยากให้เป็นอีก จึงเข้าไปหาต้นเหตุของการเกิดทุกข์อีก ที่เรียกว่าตัณหานั่นล่ะ พอจักเห็นกันหรือยังล่ะ? ฉะนั้น การที่เราได้เห็นทุกข์ ได้สัมผัสกับทุกข์อยู่ทุกวันนั้น (ทั้งๆที่ไม่ต้องการเจอทุกข์นั่นล่ะ) จึงเป็นเหตุให้เราไม่ลุ่มหลงโลก ไม่ยินดีในโลก แลในที่สุดก็จักเป็นผลให้เราวางทุกอย่างในโลกได้ จงจำไว้ว่าหากต้องการพ้นจากกองทุกข์ในชาตินี้ ก็จงอย่าขาดสัจจะในการพิจารณาธรรมอย่างต่อเนื่อง หาได้มีสิ่งใดไม่ที่จักได้มาโดยไม่ลงทุน แลเมื่อลงทุนแล้วจักต้องได้กำไร อย่าปล่อยให้ขาดทุน เช่นเดียวกับที่เราพากันตั้งคำสัจจ์เอาไว้ว่า ขอชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย ชาติต่อไปเราจักไม่กลับมาเกิดอีก...รีบปฏิบัติ แลจงทำให้ได้ วางให้เป็น มันก็ต้องถึงที่หมายนะ..!!






เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2013, 08:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


จงพอใจ ในสิ่ง ที่มีอยู่
ไม่ต้องดู ผู้ใด เทียบใครเขา
ให้เป็นพระ คือ “พอ-ละ” ประพฤติเบา
เตือนตัวเรา เท่านั้น ทุกวัน “พอ”







"แม่รักลูก รู้ว่าลูกเบื่อโลก เพราะโลกนี้เป็นทุกข์ แต่แม่ขอให้ลูกอดทนเข้าไว้
"ทุกข์"ก็ขอให้รู้ว่าทุกข์ อย่าเศร้าโศก อย่าให้ใจเป็นทุกข์ไปด้วย ต้องเข้มแข็งไว้ ลูกมีหน้าที่จะต้องทำ

ลูกเอ๋ย ดูพ่อของลูก(หลวงพ่อฤาษีฯ)ซี ต้องทนทุกขเวทนามากกว่าลูกอีก แต่พ่อของลูกยังอยู่
เพราะต้องการช่วยเหลือมนุษย์และพระศาสนา ให้คนที่ยัง"ไม่รู้"ทุกข์ ให้รู้ทุกข์อย่างเราด้วย
ลูกรักของแม่ ลูกต้องอดทนต่อไป...นะลูกรัก....."

"ลูกทุกคน อย่าร่าเริงจนเกินไป จงอย่าทำจิตใจหดหู่ เมื่อกฎแห่งกรรมมาถึง เราจะต้องสู้เพื่อหักล้างในการเกิด เราจะไม่เกิดอีกต่อไป!!!
ขอให้ลูกทุกคนจงรักษากำลังใจ ทรงไว้ซึ่งความดีตามกำลังของจิต ความดีใด ที่องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทรงแนะนำไว้แล้ว ขอลูกทุกคนจงนำไปประพฤติปฏิบัติ รักษากำลังใจไว้เพื่อพระนิพพานโดยเฉพาะ

ไฟร้ายที่จะไหม้ใจของเรา คือ ราคะ-โทสะ-โมหะ จงอย่ามีในจิตของลูก"








พ่อน่ะรักลูกทุกคนนะ แม่ขอยืนยัน อดีตก็เป็นอย่างนี้ อดีตท่านมีลูกมากอย่างนี้ และพ่อก็รักลูกเท่ากันทุกคน เพราะฉะนั้น ถ้าอันใดเป็นการแบ่งเบาภาระพ่อได้ ทำให้พ่อสบายทำเข้าไปเถอะลูกนะ ชาติสุดท้ายแล้ว พ่อก็ไม่มา แม่ก็ไม่มา ท่านย่าก็ไม่มา ท่านปู่ก็ไม่มา ไปอยู่กันที่โน่นนะลูกนะ แม่จะรออยู่ที่โน้น แม่จะรอเอาตามามองลูกๆทุกคน ฉะนั้นอย่าได้น้อยใจ





มีพระธรรม นำทาง จงกำหนด
เว้นละลด กรรมหนา พาสดใส
ธรรมเบิกทาง ปูชีวิต เสริมจิตใจ
ดำเนินไป บนทางธรรม สู่ความดี





ศีลธรรม งดงาม-ดี เหนือสตรี บุรุษใด
ผุดผ่อง นวลยองใย ประทับใจ ไม่วางเว้น

ศีลธรรม งามเป็นสุข ก่อกรรมถูก สิ้นทุกข์เข็ญ
พ้นบาป สิ้นสาปเวร ล้างลำเค็ญ เป็นสุขใจ

... ศีลธรรม งดงามแท้ ละมุนแด กว่าแพรไหม
อ่อนหวาน เหนือตาลไตร หอมชื่นใจ สิ่งใดปาน

ศีลธรรม งามบริสุทธิ์ กล่อมจิตจุติ ผุดพิมาน
เอิบอิ่ม ปริ่มเปรมกัลป์ สรวงสวรรค์ สราญรมย์

ศีลธรรม งามเสียดฟ้า กว้างไกลกว่า สุธาธม
สมเจต นารมณ์ ได้สุขสม ร่มเย็นมี

ศีลธรรม งามดั่งศิลป์ วิจิตรจินต์ วศินศรี
สวยงาม ด้วยความดี งามเกินวลี " ความดีงาม "

ศีลธรรม งามอย่างยิ่ง คือความจริง ยิ่งกว่างาม
ใจพร้อม จงน้อมนาม จะดี-งาม อำมฤตเอยฯ







บุญเก่าไม่พอ คือไม่พอจะทำให้อยากคบกัน
บุญใหม่ไม่พอ คือไม่พอจะทำให้จากกันโดยดี
อย่าว่าแต่จะทำให้อยู่กันได้รอด

• ถ้าเป็นคู่แท้ที่เคยร่วมบุญร่วมบารมีกันมาก่อน
ก็มิใช่ว่าจะต้องด่วนเจอทันใจเสมอไป
... แต่อาจรอจังหวะเหมาะสม
ที่เมื่อพบกันแล้ว
ต่างอยู่ในภาวะพร้อมจะร่วมทางกุศลดังเดิมอีกด้วย

.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

• การมีคนรัก
ไม่ได้หมายความว่าคุณรู้จักรัก

ความรู้สึกแสนดี
การมีเรื่องประทับใจได้ช่วยกันสานสายใยผูกพัน
เป็นเพียงเปลือกนอกของความรัก

เนื้อแท้ของความรัก
คือการมีกันและกันในยามยาก

แก่นสารของความรัก
คือการรู้ทาง
ที่จะร่วมกอดคอเดินหน้าไปสู่ความดับทุกข์
ไม่เหลือแม้น้ำตาอาลัยกันในยามตาย






อย่าให้เสียชาติเกิด
ตัวของเราโชคดี เกิดมาในปฏิรูปเทส คือ ในถิ่นที่เหมาะสม ได้พบพระพุทธศาสนา ปู่ย่าตาทวดนับถือพระพุทธศาสนามาตลอด แต่ว่าเราทำตัวให้สมกับความโชคดีของตัวเองแล้วหรือยัง ?

เมื่อครู่เราคงจะเห็น ท่านพระมหาสันติ โชติกโร นำพระฝรั่งมา ท่านเป็นฝรั่ง อยู่อัสดงคประเทศ อยู่ด้านตะวันตก ห่างไกลจากหลักธรรมพระพุทธศาสนามาก แต่เขาดิ้นรนไขว่คว้า จนในที่สุดได้เจอกับหลักธรรมของพระพุทธเจ้า และเลื่อมใสถึง...ขนาดบวชเป็นพระภิกษุในบวรพุทธศาสนา

แล้วตัวเราทั้งหลายทำตัวให้สมกับความโชคดีแล้วหรือยัง ? ที่เกิดในประเทศที่มีพระพุทธศาสนาเป็นดวงแก้วอันล้ำค่า
เราไขว่คว้าหาธรรมะส่วนใดส่วนหนึ่งเป็นสมบัติของตนเองได้แล้วหรือไม่ ?
เราให้ทานได้ทุกครั้งที่พบเห็น ทั้งสถานที่และบุคคลที่สมควรจะให้หรือไม่ ?
เรารักษาศีลได้ครบถ้วนทุกสิกขาบทหรือไม่ ?
เรามีการปฏิบัติสมาธิภาวนาบ้างหรือไม่ ?

ต้องถามตัวเราเองว่า แม้แต่ฝรั่งเขายังรู้คุณค่า เห็นความสำคัญของพระพุทธศาสนาจนกระทั่งเข้ามาบวช

ท่านที่ประสบความสำเร็จ เป็นอาจารย์ใหญ่ ๆ โต ๆ อย่างหลวงพ่อสุเมโธ ก็ดี หลวงพ่อชยสาโร ก็ดี หลวงพ่อพรหมวํโส ก็ดี ท่านล้วนแล้วแต่เป็นฝรั่งทั้งสิ้น เราที่เป็นคนไทยต้องคำนึงว่าเราเสียชาติเกิดหรือเปล่า

ไม่ใช่ต่อไปภายภาคหน้า ถึงเวลาจะศึกษาธรรมะของพระพุทธเจ้า เราต้องไปเรียนที่อเมริกา ต้องไปเรียนที่อังกฤษ ต้องไปเรียนที่ออสเตรเลีย อาตมามีลูกศิษย์อยู่ท่านหนึ่ง ตอนนี้ทำปริญญาเอกอยู่ที่เยอรมัน เป็นปริญญาเอกทางพระพุทธศาสนา ฟังแล้วสะอึกไหม ? ทำปริญญาเอกทางพระพุทธศาสนาจะต้องไปทำที่เยอรมัน นี่เกิดอะไรขึ้นกับแผ่นดินไทยของเรา ?

อย่าได้ทำตัวเป็นหนูตกถังข้าวสาร คิดว่ากินเมื่อไรก็ได้ ถ้าประมาทแบบนั้น อาจจะยังไม่ทันกิน เจ้าของข้าวสารเขามาเจอเข้าก็โดนทุบตายเสียก่อน หรือโดนแมวกินเสียก่อน ต้องรีบขวนขวาย ตะเกียกตะกายกอบโกยให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า เราจะรู้ได้อย่างไรว่าความตายมาถึงพรุ่งนี้ บาลีว่า โก ชญฺญา มรณํ สุเว ไม่มีใครสามารถหลีกหนีพ้นจากเสนาของมัจจุราช คือความตายได้เลย ดังนั้น ถ้าเราประมาทอยู่ ชีวิตเกิดหมดสิ้นลงเสียก่อน ธรรมะใด ๆ ก็ยังไม่ได้สร้างเสริมให้เป็นของตนเองเลยแม้แต่ส่วนเดียว ถ้าอย่างนั้นต้องเรียกว่าเสียชาติเกิดจริง ๆ"






ปัญหาต่าง ๆ ที่เข้ามาในลักษณะที่เป็นแรงกระทบอยู่ตลอดเวลา ถ้ากำลังใจของเราไม่มั่นคงก็จะพังในเวลาอันรวดเร็ว แต่ถ้าเราสะสมกำลังเอาไว้เพียงพอ ก็จะสามารถที่จะยืนหยัดต่อสู้กับกิเลสได้





การทุ่มเทให้กับงาน เป็นการแสดงออกอย่างหนึ่งว่า กำลังใจของเราเข้าถึงธรรมมากน้อยเท่าไร ถ้ายังไม่ทุ่มเทจริงจัง ยังกลัวเหนื่อย ยังกลัวลำบากอยู่ ก็แปลว่ากำลังใจเรายังรักยังห่วงร่างกายนี้อยู่มาก ถ้าอย่างนั้นโอกาสที่จะเข้าถึงธรรมจริง ๆ ก็ยาก





เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2013, 08:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


" บุพเพสันนิวาส "

ถาม : คำว่าบุพเพสันนิวาส ที่ท่านบอกว่าประกอบด้วย ๒ ประการคือเคยอยู่ร่วมกันมาในชาติปางก่อน และได้เกื้อกูลกันในชาตินี้ อยากจะถามว่าคนที่ต้องแต่งงานกันนั้น ได้ถูกกำหนดแล้วด้วยกฎของกรรมหรือเปล่าครับ ?

ตอบ : มีทั้งเก่าแล้วก็ใหม่ คำว่าบุพเพสันนิวาส ปุพพะ ปุพเพ คือ แต่ปางก่อน สันนิวาส คือ อยู่ร่วมกัน

ลักษณะนี้ตัวบุญบารมีที่สร้างรวมกันมา ถ้าหากหลายชาติต่อหลายชาติรวมกัน เวลาเจอกันสัญญา...เก่าก็จะกลับมา จะวิ่งเข้าหากันอย่างกับแม่เหล็กดูดเศษเหล็กเลย ที่เขาเรียกว่ารักแรกพบอะไรนั่นนะ ถ้าเป็นพวกนี้นี่หลีกกันไม่พ้น ถึงเวลาต้องแต่งกันแน่ นี่เป็นกรรมเก่า

แต่ว่าอีกประเภทหนึ่งที่เรียกกันว่า เกื้อกูลกันในปัจจุบัน นั่นคือว่าสงเคราะห์ช่วยเหลือกันในชาตินี้ เป็นการสร้างกรรมใหม่

บุพเพสันนิวาสนั่นกรรมเก่า ถ้าหากว่าเกื้อกูลกันในปัจจุบัน พอเห็นอกเห็นใจก็แต่งกันเป็นเนื้อคู่กันไป ทั้ง ๒ ประการมีทั้งเก่าแล้วก็ใหม่ ถ้าบุพเพสันนิวาสนี่เป็นกรรมเก่า ถ้าเกื้อกูลกันในปัจจุบันนี้ใหม่เริ่มต้นนับหนึ่ง

ถาม : สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ?

ตอบ : เปลี่ยนแปลงได้ไม่มีปัญหาอะไร เพราะฉะนั้น..ถ้าใครบอกไม่มีคู่อย่าไปเชื่อหมอดูนะ ไม่มีคู่ก็หาเอาในชาตินี้สิ

ถาม : ถ้าเกิดว่าเราไปชอบเขาแล้วเขาไม่ชอบเรา ?

ตอบ :อย่าไปยุ่งกับเขาก็หมดเรื่อง ...(หัวเราะ)...

ถาม : ถือว่าไม่ได้มีเวรต่อกันใช่ไหมคะ ?

ตอบ : ก็จะไปมีอะไรล่ะ ไม่ไปผูกพยาบาทคาดพยาเวรไม่ได้ไปสร้างกรรมใหม่ อะไรก็ไม่มีปัญหา




ชีพสิ้น พ่อยินยอม เพียงลูกพร้อม ตามพ่อไป
หนทาง ลำบากไกล หากก้าวล่วง บ่วงแห่งมาร
ข้างหน้า โน่น..ลูกเอ๋ย.. ตรงไปเลย..พระนิพพาน
จะพ้น จากสงสาร สราญสม ดังใจจง
... เร่งรีบ ยุรยาตร ตามรอยบาท พุทธองค์
ขันธ์ห้า ละวางลง ตรงเข้าสู่ ประตูชัย
เมืองแก้ว งามแพร้วเพริศ แสนประเสริฐ สุขสดใส
มิเกิด แก่ เจ็บ ตาย นิรทุกข์ สุขนิรันดร์





" ตามรอยเท้าพ่อ "

หนทางแม้สุดไกล ขอมุ่งไปกว่าจะถึง
ยากเข็ญมิคำนึง ถึงทุกข์ทนสักเพียงไร
เดินตามรอยเท้าพ่อ มั่นคงต่อธรรมวินัย
พ่อชี้หนทางใด จะมุ่งไปไม่ลังเล

จิตมั่นด้วยศรัทธา ทุกเวลามิหันเห
ผู้ใดจะรวนเร มิซวนเซตามเขาไป
พ่อนำทางให้ลูก มีแต่ถูกลูกมั่นใจ
... ขอเดินตามพ่อไป ตราบจนถึงซึ่งนิพพาน




วิธีตัด รัก โลภ โกรธ หลง ให้ขาดเร็วที่สุด

ถาม : มีวิธีในการตัด รัก โลภ โกรธ หลง อย่างไร ให้ขาดเร็วที่สุด ?

ตอบ : ต้องเอากรรมฐานคู่ศึกของเขามาใช้
ในเรื่องของ กามราคะคือความรัก นี่ต้องใช้อสุภกรรมฐาน หรือ กายคตานุสติ ที่เป็นคู่ศึกโดยตรงของเขา

ตัวโลภ ก็ ทานบารมี กับ จาคานุสติ

ตัวโกรธ ก็ใช้ เมตตาบารมี หรือว่าจะใช้ วรรณกสิณสี่ ก็ได้
...
ถ้าตัวหลง จำเป็นต้องเจริญอานาปานุสติให้มากเข้าไว้ ไม่อย่างนั้นเผลอสติเมื่อไร โอกาสที่จะหลงไปยึดติดอยู่กับ โลภะ โทสะ โมหะ ก็จะมีอีก

ตราบใดที่ยังรัก ยังโลภ ยังโกรธอยู่ เราต้องหลงแน่ ๆ จ้ะ เพราะฉะนั้น..ตัวหลงนี่ตัดยากที่สุด แต่ขณะเดียวกัน รัก โลภ โกรธ หลง ก็เหมือนกับม้านั่งสี่ขา ถ้าหากว่าเราตัดขาใดขาหนึ่งได้ ที่เหลือก็ไม่แข็งแรงแล้วจ้ะ









กำลังใจตก

ถาม : .................................

ตอบ : ไม่ได้ขาด จริง ๆ แล้วเขามั่นคง เพียงแต่เวลาเจอข้อสอบก็รวนเหมือนกัน ข้อสอบพวกนี้เวลามาทดสอบเรา จะเป็นจุดอ่อนของเราทั้งนั้น เพราะฉะนั้น..แน่แค่ไหนก็รวนทั้งนั้นแหละ ยกเว้นว่าเจอมาเยอะจนอ่านเชิงกันออก ก็จะรู้ว่าควรแก้ไขวิธีไหนถึงจะได้ง่ายที่สุด

ลักษณะของกำลังใจตก ที่เขาเรียก จิตตก สมาธิตก จะเหมือนกับคนหกล้ม

สมมุติว่า คน ๒ คนหกล้มพร้อมกัน ค...นหนึ่งลุกแล้วเดินไปเลย ขณะที่อีกคนหนึ่งนั่งคร่ำครวญ "โอ๊ย...เจ็บเหลือเกิน ปวดเหลือเกิน ไม่น่าเลย เดินมาตั้งนานแล้ว ล้มได้อย่างไร ?" ถามว่าใครจะได้ระยะทางมากกว่ากว่ากัน คำตอบก็ต้องเป็นคนที่ล้มแล้วลุกเลย..ใช่ไหม ?

เรื่องของการทำความดีเหมือนกัน ถ้าเวลาผิดพลาดอะไรไป เช่น ละเมิดศีล ทำให้กำลังใจตก สมาธิคลายตัว ถ้าเราตั้งหน้าตั้งตาทำใหม่ ครู่เดียวก็จะได้เหมือนเดิม ถ้ายิ่งไปนั่งคร่ำครวญเสียเวลานานเท่าไร นั่นก็คือสิ่งที่มารเขาต้องการ เพราะเขาอยากจะให้เราเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว จะได้ไปถึงจุดหมายช้า ยิ่งไปถึงช้าเท่าไร เขาก็มีโอกาสที่จะดึงเราให้ติดอยู่ในวัฏสงสารมากเท่านั้น






ก่อนนอนหากยังเอาความทุกข์ความกังวัลมาเบียดเบียนใจตนอยู่ จะขึ้นชื่อว่า "รักตนเอง" ได้อย่างไร พักกายพักใจให้เต็มที่ก่อนดีไหม จะได้มีแรงไปต่อ..





วาระบุญ
ถาม : วาระของบุญที่จะเข้ามาให้บวช ให้บรรลุมรรคผล ขึ้นอยู่กับอะไร ?
ตอบ : ขึ้นอยู่กับบุญบารมีเก่าที่สร้างมารวมกับของใหม่ที่เราทำอยู่ในปัจจุบัน เหมือนอย่างกับเราเทน้ำใส่ขวด ...ของเก่าอาจจะมีครึ่งขวด เราก็เติมน้ำใหม่ไปเรื่อย ๆ พอเต็มขวดก็ได้วาระนั้นพอดี

ถ้าหากว่าก่อนหน้าจะเต็มขวด แม้จะขาดอยู่แค่นิดหนึ่ง แต่ทำอย่างไรก็เข้าไม่ถึง ต้องรอไว้ให้อีกนิดหนึ่งเต็มพอดีก่อน เพราะฉะนั้น..ต้องทั้งของเก่ากับของใหม่รวมกัน

ถาม : ของใหม่จะทำมากเท่าไร ถ้าวาระเดิมไม่ส่งก็ไม่ได้ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ใช่..จังหวะเวลาจะพอดี ก็ต้องอาศัยของเก่ามาช่วยด้วย





เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 16 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร