วันเวลาปัจจุบัน 16 ก.ค. 2025, 07:05  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 18 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ต.ค. 2012, 18:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2012, 12:01
โพสต์: 376


 ข้อมูลส่วนตัว


ดิฉันไม่เข้าใจเลยว่า ทุกวันนี้เข้าวัด ทำไมพระท่านจึงสอนไปในแนวทำดีได้ไปสวรรค์ทำชั่วได้ไปนรก
ทำไมท่านจึงไม่สอนธรรมที่แท้จริง ธรรมของพระพุทธเจ้าจริงๆ อริยสัจ4 พรหมวิหาร 4 โลกุตรธรรม 9
ท่านสอนแต่เรื่องทำดีไปสวรรค์เกิดเป็นเทวดา ทำชั่วไปนรกเป็นผี เป็นเปรตไปซะอย่างนั้น

ทุกวันนี้คนทำดีด้วยความกลัว ความหวาดผวาว่าจะได้ไปนรก ไม่ได้ทำดีด้วยใจจริง ไม่ได้ทำเพราะใฝ่ดี
หรือมองโลกตามสภาพความจริงตามที่พระพุทธเจ้าสอน แต่กลับไปประหวั่นพรั่นพรึงในนรกภูมิซะ

ขณะที่บางคนไม่เชื่อเรื่องนรกเรื่องสวรรค์ก็พากันทำบาปทำกรรม ด้วยความไม่รู้ตามหลักความจริง
ที่พระสัมมาสัมพุธเจ้าทรงสอน กลับคิดไปว่าทำดีไม่ได้ดี ทำชั่วได้ดี นรกสวรรค์เป็นตัวยังไงไม่เคย
เห็นซะงั้น

ทั้งหลายเหล่านี้ก็เป็นเพราะคนเหล่านี้ไม่รู้จักความจริง มองไม่เห็นธรรมของพระพุทธเจ้า เพราะไม่เคย
ฟังธรรมมะที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า มัวแต่ไปฟังธรรมมะปลอมๆ ที่บอกว่าทำดีไปสวรรค์ทำชั่วไปนรก

น่าเสียดายนะคะที่ธรรมมะของแท้กำลังจะสาบสูญ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ต.ค. 2012, 19:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ก็สอนถูกแล้วนี้ครับ...ทำดีไปสวรรค์...ทำชั่วตกนรก

แล้วไม่เป็นธรรมตรงไหน??..อิอิ

ก็ขนาด....เฝ้าดูจิตเกิดขึ้น..ดูมันดับไป....ยังเป็นธรรมได้เลย...

ทุกคนต่างก็เกลียดทุกข์...อยากสุข...กันทุกคน...แม้แต่คนอยากจะนิพพานก็ล้วนแต่เป็นผู้ไม่อยากมีทุกข์...

ดูเถอะว่า...ขนาดเรานั่งนาน ๆ ฟังธรรมมันเมื่อย...ยังต้องขยับเขยื้น...เพื่อบรรเทาทุกขเวทนา...จะได้ฟังธรรมรู้เรื่อง...ก็ในเมื่อเราเกิดมามันมีแต่ทุกข์...ไปอยู่สวรรค์ให้ทุกข์น้อยหน่อย..ไปตั้งหลักก็ไม่น่าจะผิดอะไรเหมือน ๆ กับที่ขยับให้หายเมื่อย..นั้นแหละ

หากจะว่า..ทำไมพระท่านไม่สอนสุดยอดธรรม..คือ..อริยะสัจสี่...ไปเสียเลย

อยากให้ลองมองอีกแง่ว่า..ก็ลองมองดูคนฝั่งคนที่ไปฟังบ้าง..อิอิ..ว่ามีความสามารถรับวิทยายุทธอันสุดยอดได้มั้ย?

หากยัง..เหร่อ เหร่อ..หร่าหร่า...มาขอเครื่องรางของขลัง...อยากได้ของดีเผื่อสามีจะกลับบ้าน...ดูฤกษดูยาม...เอาแป้งมาปะให้เสา...ท่านเห็นแล้ว...ก็เลยแนะนำว่า...โยมไปสวรรค์ก่อนละกันนะ......อิอิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ต.ค. 2012, 19:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 20:29
โพสต์: 5113

แนวปฏิบัติ: พิจารณากาย
สิ่งที่ชื่นชอบ: มณีรัตน์,พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ร้วห่อทอง
อายุ: 39

 ข้อมูลส่วนตัว


จะให้คนทุกคนมีสติปัญญาฉลาดหลักแหลมในธรรมเท่าเทียมกันคงไม่ได้นะคะ

บางคนเขาก็ต้องพึ่งความหวังเรื่องนรก-สวรรค์ในการละความชั่ว ทำความดี สิ่งที่เขาทำก็เป็นความดีในระดับหนึ่งเหมือนกัน เขาก็บรรเทาทุกข์ของเขาไปได้ตามระดับของเขา

ส่วนศาสนาสอนอะไร ศาสนาก็สอนเรื่องเดิม แต่อยู่ที่ผู้สอนกับผู้รับการสอน ว่า ทั้งสองฝ่ายเข้าถึงธรรมะระดับใด อันนี้เราคงว่าใครไม่ได้ ผู้สอนเข้าถึงระดับไหน เขาก็สอนระดับนั้น ส่วนแม้ผู้สอนจะเข้าถึงระดับสูงสุดแล้ว แต่ถ้าผู้รับการสอนสติปัญญาไม่ถึง ก็คงไม่สามารถจะรู้จะเข้าใจได้อยู่ดี

แต่เราก็สามารถช่วยกันได้บ้าง อย่างน้อยๆตัวเราก็ทำให้ดีเสียก่อน เพราะที่เราทำ ที่คิดว่าดี ก็อาจยังไม่ได้ดีพอเลย ดังนั้น ทำตัวเราให้ถึงความดีเีสียก่อน แ้ล้วแก่นแท้ของศาสนาก็ไม่สาบสูญแน่ๆ เพราะถ้าเราถึงความดีแล้ว อย่างน้อย เราก็เป็นพยานแก่ตัวเองได้


.....................................................
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ต.ค. 2012, 20:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เหอ ๆ ๆ .. คนเราศรัทธา วาสนาเสมอกันที่ไหน .. บางคนไปวัดทุกวัน
บางคนดึงแขนดึงขายังไม่ย่อมขยับเลย จะไปแต่หอพนัน โรงสุรายาเสพติด

ต่อให้จ้างไปฟัง ก็คงเอาแต่ค่าจ้างละม้างงง ... :b32:

สมัยพุทธกาลท่านก็สอนผู้ที่ยังไม่มีศรัทธา ให้เกิดศรัทธา เกิดอัธยาศัย ฝอกจิตใจเสียก่อน
เรียกว่า อนุปุพพิกถา คือ คือเทศนาที่ทรงแสดงตามลำดับ เพื่อชำระจิตของผู้ฟังให้ผ่องใส
แล้วจึงแสดงอริยะสัจสี่ อันได้แก่ .. :b1:

- ทานกถา พรรณาทาน คุณของทานการแบ่งปันโภคะ
- สีลกถา พรรณาเรื่องศีล คุณของศีล
- สัคคกถา พรรณาเรื่องสวรรค์ ความสุขที่พรั้งพร้อมด้วยกาม
- กามาทีนวกถา พรรณาโทษของกาม
- เนกขัมมนิสังกถา พรรณาเรื่องอานิสงค์การออกจากกาม(บวช)

วาสนาไม่มี ศรัทธาด้อย อย่างพวกข้าน้อยทั้งหลาย หากขึ้นต้นด้วยเรื่อง อริยะสัจสี่
สงสัยฟังได้ไม่นาน หรือไม่ก็ศรีษะแตกเป็นเจ็ดเสี่ยง แหง๋ม แหง๋ม .. อิอิ .. :b32: :b13:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ต.ค. 2012, 21:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2012, 12:01
โพสต์: 376


 ข้อมูลส่วนตัว


แต่ที่น่าเศร้าสลดไปกว่านั้นก็คือ บางคนนะคะ ศีล 5 มีอะไรบ้างยังไม่รู้เลย

ศีลข้อ1 ไม่รู้
ศีลข้อ2 ไม่รู้
ศีลข้อ3 ไม่รู้
ศีลข้อ4 ไม่รู้
ศีลข้อ5 ไม่รู้

นี่ดูซิ แสดงว่าไม่เคยฟังธรรมเลยนะ แต่แค่ยกตัวอย่างนะคะ แต่สำหรับบางคนถึงแม้จะจำศีล 5 ไม่ได้ แต่จิตใจมีคุณธรรมเต็มเปี่ยม คือแยกแยะได้ว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด เมื่อถึงเวลาใช้งานมันก็แยกได้เอง ดีกว่าคนที่ท่องศีล 5 ได้น้ำไหลไฟดับ หรืออ่านพระไตรปิฎกได้คล่อง จำได้ทุกหน้า ไม่ขาดตกสักบรรทัด แต่ทำตัวเหมือนโจร อันนี้น่าสลดกว่า เพราะจิตใจแยกไม่ออกระหว่างดีชั่ว ควบคุมตนเองไม่ได้ เรียกว่าศึกษามาแต่ไม่ได้ซึมซับ สักแต่ว่าอ่อนท่องจำ แต่ไม่ได้เข้าใจความหมาย เปรียบเหมือนกับคนไม่เคยฟังธรรมของจริงนั่นแหละนะคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ต.ค. 2012, 00:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มิ.ย. 2010, 22:55
โพสต์: 213

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


s002 เดี๋ยวครับ พระท่านสอนผิดเพราะเหตุอะไร ผมก็ยังงงๆ อยู่ เพราะทำดีได้ไปสวรรค์ก็ไม่น่าจะผิด ทำชั่วไปลงนรกก็ไม่น่าจะผิด พระเตมีย์ทรงบำเพ็ญเนกขัมมบารมีได้ก็เนื่องเพราะขยาดในนรก ถ้าจะทำๆ ไปโดยไม่มองความจริงว่านรกมีสวรรค์มี พลาดไปก็ตกขุมใหญ่นา

เรื่องศีลมันละเอียดนะคุณ กังวลมากๆ ก็ดังหาตรวนมามัดแขนมัดมือ พอจะไปถือศีลข้อเดียวคือศีลใจก็ดันไม่รู้ว่าใจคืออะไรอีก จะมีศีลต้องรู้ศีลก่อนนะ

ศีลภิกษุห้ามต้องกายสตรี แต่แม่ของท่านกำลังจมน้ำ ทำไม่ท่านไม่โดดน้ำไปช่วยแม่ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องโดนปรับโทษอาบัติ

ศีลภิกษุห้ามวิ่ง ช้างตกมันกำลังวิ่งมาทางท่าน ท่านไม่วิ่งหนีแต่เผอิญรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องโดนปรับโทษอาบัติ

ศีลคนธรรมดาห้ามเบียดเบียนสัตว์ เอ...แต่ใยแมลงมุมเต็มบ้าน มดแมลงเต็มพื้น หัวเต็มหัว หากไปปัดใย ไปกวาดไปถูพื้น ไปสระผม จะผิดศีลข้อนี้หรือไม่น้อ? เพราะถ้าไม่ทำก็ศีลปุดเหมือนกัน ในข้อหาเบียดเบียนตนเอง :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ต.ค. 2012, 00:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


เป็นคำถามที่ดีครับ พระสอนด้วยการทำดีนั้นเป็นการสอนในเรื่องศีลที่ดี แต่ยังไม่ครบ ที่ยังไม่ครบคือ ยังไม่ได้ยกขึ้นสู่การปฏิบัติธรรมในเรื่องวิปัสสนาภาวนา แต่ทุกอย่างก็ต้องเกี่ยวเนื่องกัน คือทำให้สมบูรณ์ครับผม

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ต.ค. 2012, 03:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หญิงไทย เขียน:
ดิฉันไม่เข้าใจเลยว่า ทุกวันนี้เข้าวัด ทำไมพระท่านจึงสอนไปในแนวทำดีได้ไปสวรรค์ทำชั่วได้ไปนรก
ทำไมท่านจึงไม่สอนธรรมที่แท้จริง ธรรมของพระพุทธเจ้าจริงๆ อริยสัจ4 พรหมวิหาร 4 โลกุตรธรรม 9
ท่านสอนแต่เรื่องทำดีไปสวรรค์เกิดเป็นเทวดา ทำชั่วไปนรกเป็นผี เป็นเปรตไปซะอย่างนั้น

ปัญหามันอยู่ตรงที่ผู้สอนก็ไม่รู้ไม่เข้าใจ คำสอนของพระพุทธเจ้า
รู้อะไรมาอย่างไหนก็สอนไปอย่างนั้น ผิดถูกก็ไม่รู้
แต่เราจะไปกล่าวโทษพระก็ไม่ได้ ถ้าท่านมีเจตนาดี เพียงแต่ไม่รู้จักวิธีการ
และเนื้อหาที่ถูกที่แท้เท่านั้น

ดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องรู้จัก เลือกฟังเลือกศึกษากับบุคคลให้ถูกธรรม
นั้นก็คือการเลือกคบหา....บุคคลที่เป็นกัลยาณมิตร

บุคคลผู้เป็นกัลยณมิตรไม่จำเป็นต้องเป็นพระหรือนักบวช
ขอเพียงแต่ให้บุคคลนั้นมีธรรมในเรี่อง กัลยาณมิตรธรรม๗ประการ ดังนี้...

*คุณสมบัติของกัลยาณมิตร (กัลยาณมิตรธรรม ๗)

๑. ปิโย น่ารัก ในฐานเป็นที่สบายใจและสนิทสนม ชวนให้อยากเข้าไปปรึกษา ไต่ถาม

๒. ครุ น่าเคารพ ในฐานประพฤติสมควรแก่ฐานะ ให้เกิดความรู้สึกอบอุ่นใจ
เป็นที่พึ่งใจและปลอดภัย

๓. ภาวนีโย น่าเจริญใจ หรือน่ายกย่อง ในฐานทรงคุณ คือ ความรู้และภูมิปัญญาแท้จริง
ทั้งเป็นผู้ฝึกอบรมและปรับปรุงตนอยู่เสมอ ควรเอาอย่าง ทำให้ระลึกและเอ่ยอ้างด้วยซาบซึ้งภูมิใจ

๔. วตฺตา จ รู้จักพูดให้ได้ผล รู้จักชี้แจงให้เข้าใจ รู้ว่าเมื่อไรควรพูดอะไรอย่างไร
คอยให้คำแนะนำว่ากล่าวตักเตือน เป็นที่ปรึกษาที่ดี

๕. วจนกฺขโม อดทนต่อถ้อยคำ คือ พร้อมที่จะรับฟังคำปรึกษาซักถามคำเสนอแนะวิพากษ์วิจารณ์
อดทน ฟังได้ไม่เบื่อ ไม่ฉุนเฉียว

๖. คมฺภีรญฺจ กถํ กตฺตา แถลงเรื่องล้ำลึกได้ สามารถอธิบายเรื่องยุ่งยากซับซ้อน ให้เข้าใจ
และให้เรียนรู้เรื่องราวที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นไป

๗. โน จฏฐาเน นิโยชเย ไม่ชักนำในอฐาน คือ ไม่แนะนำในเรื่องเหลวไหล
หรือชักจูงไปในทางเสื่อมเสีย
*


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ต.ค. 2012, 03:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หญิงไทย เขียน:
ทุกวันนี้คนทำดีด้วยความกลัว ความหวาดผวาว่าจะได้ไปนรก ไม่ได้ทำดีด้วยใจจริง ไม่ได้ทำเพราะใฝ่ดี
หรือมองโลกตามสภาพความจริงตามที่พระพุทธเจ้าสอน แต่กลับไปประหวั่นพรั่นพรึงในนรกภูมิซะ

ขณะที่บางคนไม่เชื่อเรื่องนรกเรื่องสวรรค์ก็พากันทำบาปทำกรรม ด้วยความไม่รู้ตามหลักความจริง
ที่พระสัมมาสัมพุธเจ้าทรงสอน กลับคิดไปว่าทำดีไม่ได้ดี ทำชั่วได้ดี นรกสวรรค์เป็นตัวยังไงไม่เคย
เห็นซะงั้น

ทั้งหลายเหล่านี้ก็เป็นเพราะคนเหล่านี้ไม่รู้จักความจริง มองไม่เห็นธรรมของพระพุทธเจ้า เพราะไม่เคย
ฟังธรรมมะที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า มัวแต่ไปฟังธรรมมะปลอมๆ ที่บอกว่าทำดีไปสวรรค์ทำชั่วไปนรก

น่าเสียดายนะคะที่ธรรมมะของแท้กำลังจะสาบสูญ

เรื่องความดีความชั่ว เรื่องนรกสวรรค์มันมีมาก่อนพุทธศาสนาหรือก่อนที่
พระโคดมจะประกาศศาสนาเสียอีก

ลักษณะธรรมของพระพุทธเจ้า ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องนรกสวรรค์(สัมมาทิฐิโลกียะ)
และไม่ได้ปฏิเสธการไม่เชื่อเรื่องนรกสวรรค์(มิจฉาทิฐิ)
เพียงแต่ธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นธรรมต่อยอด เป็นการรู้เพื่อละ คือการเรียนรู้แล้วปล่อยวาง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ต.ค. 2012, 09:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue

เราต้องยอมรับว่าปัจจุบันชาวพุทธส่วนใหญ่ยังเข้าไม่ถึงแก่นของธรรมที่จะนำไปสู่การปฏิบัติได้
(ภาวนา) ยังคงติดกันอยู่แค่ ทานและศีล พระท่านจึงมักจะเทศนาธรรมเรื่องเกี่ยวกับ ทาน และศีล
ทำทานแล้วจะได้อานิสงค์อย่างไร รักษาศีลแล้วจะได้อานิสงค์อย่างไร....และคนที่เข้าวัดก็มีแต่
คุณลุง คุณป้า คุณตา คุณยาย ...ที่จะพากันเข้าวัดตอนแก่แล้วทั้งนั้น...และวัตถุประสงค์ในการทำบุญ
ของคนส่วนใหญ่ก็ไม่เหมือนกัน...เท่าที่สังเกตุดูจะเน้นทำทานแล้วหวังฐานะร่ำรวยในภพปัจจุบัน
เมื่อตายแล้วก็ไม่ลำบากไม่ต้องไปลงอบาย ถ้าเกิดใหม่ก็ขอให้ได้รับความสุขสบายอีก...ยังทำบุญแล้วหวังผลตอบสนองต่อตนเองทั้งนั้น
...มันไม่ใช่แค่ว่าพระท่านไม่มีความรู้(ที่ไม่รู้ก็มีมาก)แต่ท่านรู้ว่าคนส่วนใหญ่จะติดกันอยู่แค่ ทานและศีล...อย่างวัดที่เราไปประจำพระที่วัดส่วนใหญ่ก็มีความรู้ทางปริยัติทั้งนั้นแต่ท่านก็สอนแค่ ทานและศีล..
นานๆทีท่านจะสอนเรื่องการภาวนาซึ่งแน่นอนคนส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่อง...
เหมือนเราจะคุยกับใครสักคนเราก็ต้องประเมินความรู้ของผู้ฟังแล้วไอ้เรื่องที่เราจะคุยเนี่ยเค้าจะฟังรู้เรื่องไหม..ถ้าความรู้คนฟังแค่ชั้นมัธยมแต่ดันเอาความรู้ระดับปริญญาตรีปริญญาโทไปคุยมันคงคุยกันไมรู้เรื่องจริงไหม...

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ต.ค. 2012, 14:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


ในปัจจุบันการที่จะหาบุคคลที่แสดงธรรมได้ไพเราะ ลึกซึ้ง เป็นธรรมะ เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย สละ คลาย มีน้อยลงมาก(ถ้าเทียบกับสมัยพุทธกาล) และไม่เพียงแสดงธรรมตื้นเขินเท่านั้น แต่ยังมีการแสดงธรรมผิดๆและมีการกล่าวติรัจฉานกถามากขึ้น ทุกวันนี้ถ้าปรารถนาจะฟังธรรม ผมก็จะอาศัยอ่านจากพระไตรปิฎกเป็นส่วนมากครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2012, 02:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อิอิ....

อ่านเอาเรื่องหรอ?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ต.ค. 2012, 13:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


การที่จะเห็นธรรมที่แท้จริง
มันเป็นที่ ปัจจัย ต้องพร้อมด้วย

ไม่ใช่แค่ว่าต้องสอนอะไร อย่างไร
เพื่อให้รู้ ให้เข้าใจ อะไร อย่างไร

ถ้ามีแรงผลักดันภายในใจแล้ว
ต่อให้ไม่มีการเคยพูดถึงเรื่องนรก อบาย สวรรค์ เลยก็ตาม
มันก็ต้องมีช่องทางที่มันจะต้องทะลักออกมา

แต่ถ้าไม่มีแรงผลักดันอะไร
ระนาบต่าง ๆ ก็จะลดลง...เอง

ว่าแต่ เราอยากรับรู้ธรรมแท้
หรือว่าเราอยากจะเห็น ธรรมแท้ กันล่ะ


:b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ต.ค. 2012, 16:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:

แต่ถ้าไม่มีแรงผลักดันอะไร
ระนาบต่าง ๆ ก็จะลดลง...เอง

:b12:

:b6: .. เขาเรียกอะไรน้า ... :b6: .. ศรัทธาหรือเปล่าหนอออ..

:b9: :b13:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ต.ค. 2012, 20:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


วิริยะ เขียน:
eragon_joe เขียน:

แต่ถ้าไม่มีแรงผลักดันอะไร
ระนาบต่าง ๆ ก็จะลดลง...เอง

:b12:

:b6: .. เขาเรียกอะไรน้า ... :b6: .. ศรัทธาหรือเปล่าหนอออ..

:b9: :b13:


แท้จริงแล้ว เราต่างศรัทธาในอะไร กันแน่นะ

พระพุทธเจ้า
หรือ
คุณธรรมบางอย่างที่ส่องประกาย...ที่ภายใน

:b41: :b41: :b41:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 18 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร