วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 22:19  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 14 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ส.ค. 2012, 08:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 เม.ย. 2012, 18:22
โพสต์: 310


 ข้อมูลส่วนตัว


grin grin


แก้ไขล่าสุดโดย แสงแห่งพระธรรม เมื่อ 18 ต.ค. 2012, 16:56, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ส.ค. 2012, 13:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8583


 ข้อมูลส่วนตัว


แสงแห่งพระธรรม เขียน:
เดียวนี้บ้านเมืองเจริญมนุษย์ฉลาดมีการศึกษา ไม่หลงอยู่ในความงมงาย บ้านเมืองถึงได้สงบร่มเย็น ทุกคนตั่งอยู่ในศีลธรรม ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ไม่สมสู่มีชู้ผัวเมียคนอื่น รักเดียวใจเดียว ไม่ดืมเหล้าเที่ยวกลางคืน สองทุ่มพากันเข้านอน :b8: :b8:


ผ่านมาก็แวะเข้ามาเฉยๆแต่ไม่ได้อ่านอะไรเลย แล้วก็เลยไป เลย

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ย. 2012, 09:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


แสงแห่งพระธรรม เขียน:
เดียวนี้บ้านเมืองเจริญมนุษย์ฉลาดมีการศึกษา ไม่หลงอยู่ในความงมงาย บ้านเมืองถึงได้สงบร่มเย็น ทุกคนตั่งอยู่ในศีลธรรม ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ไม่สมสู่มีชู้ผัวเมียคนอื่น รักเดียวใจเดียว ไม่ดืมเหล้าเที่ยวกลางคืน สองทุ่มพากันเข้านอน :b8: :b8:
พระพุทธองค์ท่านกล่าวไว้ว่าใครได้ไปกราบสักการะสถานที่เวชนียสถาน4ตำบลด้วยความศรัทธาที่ไหนก็ได้ที่หนึ่งหรือจะทั้ง4ก็ได้จะได้สู่สุขคติสวรรค์ในชาติหน้าก่อนทันที

อันนี้เป็นเรื่องเหตุผลอย่างแท้จริงไม่มีงมงาย แต่ใครจะคิดได้หรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง คนที่จะกราบได้นั้นถ้าไม่มีศรัทธาอย่างแรงกล้าแล้ว ก็อย่าหวังว่าจะไปกราบเลยหรอกครับ แค่พูดถึงก็เลิกคิดแล้ว มีเงินยังไม่พอ จะต้องมีแรงกายที่สมบูรณ์ มีเงินและร่างกายที่แข็งแรงยังไม่พอ จำเป็นต้องมีศรัทธาที่แรงกล้าอีกด้วย

แต่พระองค์ก็บอกไว้ว่าสวรรค์มิได้ไปทางนี้ทางเดียว มีทางอื่นมากมาย แต่ท่านใดไม่ได้ไปก็ไม่สามารถรับรู้ถึงความรู้สึก จะอธิบายยังไงก็ไม่สามารถรับรู้ถึงความรู้สึกได้อยู่ดี ผมเองรู้เลยว่าถ้าเราไปด้วยศรัทธาแล้วสวรรค์ไม่ใช่เรื่องยากเลยได้ไปแน่ๆ เพราะเกิดกับตัวข้าพเจ้า

เพราะอะไรรู้มั้ย ข้าพเจ้าเคยสาบานไว้ว่าจะไม่เดินทางต่างประเทศเทศอีกเลย ขนาดยุโรบหรืออเมริกาข้าพเจ้ายังไม่ไปเพราะอะไร พระข้าพเจ้าเคยเจอเครื่องบินตกหลุมอากาศน่ากลัวมาก ก็เลยสาบานจะไม่ขึ้นเครื่องอีกเลย จนภรรยาผมชวนผมไปอินเดียเพื่อกราบสังเวชนียสถาน ผมตัดสินใจไปตายเป็นตายจะขอเดินทางโดยเครื่องบินอีกสักครั้งเพื่อไปกราบสังเวชนียสถาน ตัวศรัทธาในพระองค์ต่างหากที่จะพาเราไปสู่สุขคติโลกสวรรค์ครับ ไม่ใช่ไปอยู่ในสถานที่แต่ไม่มีศรัทธา และมนุษย์ผู้มีปัญญาจะทำทั้งประโยชน์โลกนี้ และประโยชน์โลกหน้า และประโยชน์ที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ :b41:

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ย. 2012, 14:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
พระพุทธองค์ท่านกล่าวไว้ว่าใครได้ไปกราบสักการะสถานที่เวชนียสถาน4ตำบลด้วยความศรัทธาที่ไหนก็ได้ที่หนึ่งหรือจะทั้ง4ก็ได้จะได้สู่สุขคติสวรรค์ในชาติหน้าก่อนทันที :

พูดธรรมโดยขาดความรู้หรือเปล่า แบบนี้เขาเรียกพวกขาดความรับผิดชอบ
มันมีที่ไหน ที่พระพุทธองค์บอกให้กราบสักการะสถานที่เวชนียสถานแล้วจะขึ้นสวรรค์
พูดเรื่อยเปื่อยไม่รู้จักอายบ้างหรือครับ เห็นมีแต่พวกบริษัททัวร์ที่บอก

bigtoo เขียน:
อันนี้เป็นเรื่องเหตุผลอย่างแท้จริงไม่มีงมงาย แต่ใครจะคิดได้หรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง คนที่จะกราบได้นั้นถ้าไม่มีศรัทธาอย่างแรงกล้าแล้ว ก็อย่าหวังว่าจะไปกราบเลยหรอกครับ แค่พูดถึงก็เลิกคิดแล้ว มีเงินยังไม่พอ จะต้องมีแรงกายที่สมบูรณ์ มีเงินและร่างกายที่แข็งแรงยังไม่พอ จำเป็นต้องมีศรัทธาที่แรงกล้าอีกด้วย

ไอ้ที่พูดเนี้ย มันเป็นแนวคิดของศาสนาอื่นหรือเปล่า บิกทู่นี่มั่วได้ใจเลย
bigtoo เขียน:
แต่พระองค์ก็บอกไว้ว่าสวรรค์มิได้ไปทางนี้ทางเดียว มีทางอื่นมากมาย แต่ท่านใดไม่ได้ไปก็ไม่สามารถรับรู้ถึงความรู้สึก จะอธิบายยังไงก็ไม่สามารถรับรู้ถึงความรู้สึกได้อยู่ดี ผมเองรู้เลยว่าถ้าเราไปด้วยศรัทธาแล้วสวรรค์ไม่ใช่เรื่องยากเลยได้ไปแน่ๆ เพราะเกิดกับตัวข้าพเจ้า

พระองค์ที่คุณว่ามันใครกันครับ พระโคดม พระพุทธเจ้าของศาสนาพุทธ
ไม่ได้สอนให้คนไปสวรรค์ แต่สอนให้ไปนิพพาน
bigtoo เขียน:
เพราะอะไรรู้มั้ย ข้าพเจ้าเคยสาบานไว้ว่าจะไม่เดินทางต่างประเทศเทศอีกเลย ขนาดยุโรบหรืออเมริกาข้าพเจ้ายังไม่ไปเพราะอะไร พระข้าพเจ้าเคยเจอเครื่องบินตกหลุมอากาศน่ากลัวมาก ก็เลยสาบานจะไม่ขึ้นเครื่องอีกเลย จนภรรยาผมชวนผมไปอินเดียเพื่อกราบสังเวชนียสถาน ผมตัดสินใจไปตายเป็นตายจะขอเดินทางโดยเครื่องบินอีกสักครั้งเพื่อไปกราบสังเวชนียสถาน ตัวศรัทธาในพระองค์ต่างหากที่จะพาเราไปสู่สุขคติโลกสวรรค์ครับ ไม่ใช่ไปอยู่ในสถานที่แต่ไม่มีศรัทธา และมนุษย์ผู้มีปัญญาจะทำทั้งประโยชน์โลกนี้ และประโยชน์โลกหน้า และประโยชน์ที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ :b41:

ใครจะไปเชื่อที่คุณพูดครับ แค่เริ่มต้นพูด ก็บอกชาวบ้านว่า ตัวเองมุสาเสียแล้ว
ไอ้ที่สาบานแล้วไม่ทำตามที่สาบาน เขาไอ้พวกขี้โกหกนะครับ :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ย. 2012, 15:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


พระพุทธเจ้าตรัสว่า "อานนท์ สังเวชนียสถาน ๔ ตำบล นี้ คือ

๑. สถานที่พระตถาคตเจ้าบังเกิดแล้ว คือที่ประสูติจากพระครรภ์ (คือ อุทยานลุมพินี กึ่งกลางระว่างกรุงกบิลพัสดุ์และกรุงเทวทหะ กรุงกบิลพัสดุ์เป็นเมืองหลวงของแคว้นสักกะ กรุงเทวทหะเป็นเมืองหลวงของแคว้นโกลิยะ ปัจจุบันอยู่ในเขตประเทศเนปาลห่างชายแดนภาคเหนือของประเทศอินเดีย ๖ กิโลเมตรครึ่ง บัดนี้เรียกว่า รุมมิเนเด)

๒. สถานที่พระตถาคตเจ้าตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ (คือใต้ร่มไม่ศรีมหาโพธิ์ ภายในป่าสาละ ใกล้แม่น้ำเนรัญชรา ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม แคว้นมคธ ปัจจุบันคือ ควงโพธิ์ ที่ตำบลพุทธคยา รัฐพิหารประเทศอินเดีย)

๓. สถานที่พระตถาคตเจ้าแสดงธรรมจักร (คือสถานที่ซึ่งพระพุทธเจ้าแสดงธรรมปฐมเทศนาโปรดปัจจวัคคีย์ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ทางทิศเหนือของเมืองพาราณสี แคว้นกาสี ปัจจุบันนี้เรียกว่า สารนาถพาราณสีบัดนี้เรียกว่า วาราณสี)

๔. สถานที่พระตถาคตเจ้าปรินิพพาน (คือที่สาลวโนยาน เมืองกุสินารา แคว้นมัลละ ปัจจุบันี้เรียกเมืองกาเซีย จังหวัดโครักขปุระ)

สถานที่ทั้ง ๔ ตำบลนี้แล ควรที่พุทธบริษัท คือภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา มีความเชื่อความเลื่อมใสในพระตถาคตเจ้า จะดูจะเห็นและควรจะให้เกิดความสังเวชทั่วกัน"

"อานนท์ ชนทั้งหลายเหล่าใดเหล่าหนึ่งได้เที่ยวไปยังเจดีย์สังเวชนียสถานเหล่านี้ด้วยความเลื่อมใส ชนเหล่านั้น ครั้นทำกาลกิริยาลงจักเข้าถึงสุดคติโลกสวรรค์" อนึ่ง สังเวชนียสถาน มีความหมายถึง สถานเป็นที่ตั้งแห่งความสังเวช แต่คำว่าสังเวชในทางธรรมนั้น มีความหมายลึกซึ้งกว่าความหมายของคำว่าสังเวชที่พบเห็นกันทั่ว ๆ ไป กล่าวคือ ในทางธรรมหมายถึง ความรู้สึกสลดใจที่ทำให้คิดได้ ทำให้จิตใจหันมานึกถึงสิ่งที่ดีงามเกิดความไม่ประมาท เพียรพยายามทำสิ่งที่เป็นกุศลต่อไป จึงจะเรียกว่า สังเวช ความสลดในและหงอยหรือหดหู่เสีย ไม่เรียกว่าเป็นความสังเวช

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ย. 2012, 01:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


แสงแห่งพระธรรม เขียน:
เดียวนี้บ้านเมืองเจริญมนุษย์ฉลาดมีการศึกษา ไม่หลงอยู่ในความงมงาย บ้านเมืองถึงได้สงบร่มเย็น ทุกคนตั่งอยู่ในศีลธรรม ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ไม่สมสู่มีชู้ผัวเมียคนอื่น รักเดียวใจเดียว ไม่ดืมเหล้าเที่ยวกลางคืน สองทุ่มพากันเข้านอน :b8: :b8:


ข่าวจากหนังสือพิมพ์ ทีวี เป็นพยาน ความเจริญสู่ความสมบูรณ์แห่งบ้านเมืองนี้ ยังไม่ถึงพร้อม :b38:

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ย. 2012, 03:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
พระพุทธเจ้าตรัสว่า "อานนท์ สังเวชนียสถาน ๔ ตำบล นี้ คือ
"อานนท์ ชนทั้งหลายเหล่าใดเหล่าหนึ่งได้เที่ยวไปยังเจดีย์สังเวชนียสถานเหล่านี้ด้วยความเลื่อมใส ชนเหล่านั้น ครั้นทำกาลกิริยาลงจักเข้าถึงสุดคติโลกสวรรค์" อนึ่ง สังเวชนียสถาน มีความหมายถึง สถานเป็นที่ตั้งแห่งความสังเวช แต่คำว่าสังเวชในทางธรรมนั้น มีความหมายลึกซึ้งกว่าความหมายของคำว่าสังเวชที่พบเห็นกันทั่ว ๆ ไป กล่าวคือ ในทางธรรมหมายถึง ความรู้สึกสลดใจที่ทำให้คิดได้ ทำให้จิตใจหันมานึกถึงสิ่งที่ดีงามเกิดความไม่ประมาท เพียรพยายามทำสิ่งที่เป็นกุศลต่อไป จึงจะเรียกว่า สังเวช ความสลดในและหงอยหรือหดหู่เสีย ไม่เรียกว่าเป็นความสังเวช

มั่วได้ใจเลย อ่านพระธรรมชุ่ยๆแบบนี้ เขาเรียกว่าคนไร้ปัญญานะครับ
ไม่ได้ว่าบิกทู่โง่นะครับ แต่อาจารย์ผมเคยสอนไว้

อ่านพระธรรมต้องใช้ปัญญาพิจารณาตามไปด้วย แล้วต้องพิจารณาธรรมทั้งบท
ไม่ใช่อ่านเป็นท่อนๆ แล้วก็เชื่อไปตามนั้น อ่านพระธรรมต้องดูที่มาที่ไปด้วย
ถึงจะเรียกว่าพิจารณาธรรมด้วยปัญญา


เอาธรรมมาแย้งโดยขาดความเข้าใจ ลองอ่านธรรมที่ตัวเองเอามาซิ
เขาอธิบายว่าอย่างไร คนที่สอนบิกทู่เขาบอกหรือว่า ไปสังเวชนียสถานแล้วจะได้ไปสวรรค์
เขาบอกว่า ....การได้มาเห็นสังเวชนียสถาน จะทำให้ใจนึกถึงสิ่งที่ดีงาม
"ไม่ประมาท เพียรพยายามทำสิ่งที่มีกุศลต่อไป"


เขาไม่ได้หมายถึง มาสังเวชนีย์ฯแล้วจะขึ้นสวรรค์ เขาหมายถึงการมา
สังเวชนีย์ฯ ทำให้ระลึกนึกถึงพระพุทธเจ้า ใช้ความศรัทธามี่มีต่อพระพุทธเจ้า
มาเป็นกำลังใจหรือความเพียรพยายามทำในสิ่งที่เป็นกุศลต่อไป

....จะไปสุขคติโลกสวรรค์ จะต้องทำสิ่งที่เป็นกุศล
ไม่ใช่แค่มาสังเวชนีย์ฯจะได้ไปสวรรค์...


แล้วธรรมที่เป็นกุศลมีอะไรบ้าง ก็ไปอ่านไปศึกษาเอาเองจาก
มงคล38ประการ
หรือกุศลกรรมบท10


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ย. 2012, 05:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


ยิ่งคุยกับคุณนี้ผมยิ่งรักคุณมากขึ้นทุกทีเลยคุณรู้มั้ย มันก็ถูกของคุณนั้นแหล่ะ แต่พอดีผมนะกึ๋นพอได้เลยนะ ที่ไม่ใช่พวกแขกที่เดินเก็บใบโพธิขายซะด้วยซิอิๆๆ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ย. 2012, 07:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 เม.ย. 2012, 18:22
โพสต์: 310


 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
แสงแห่งพระธรรม เขียน:
เดียวนี้บ้านเมืองเจริญมนุษย์ฉลาดมีการศึกษา ไม่หลงอยู่ในความงมงาย บ้านเมืองถึงได้สงบร่มเย็น ทุกคนตั่งอยู่ในศีลธรรม ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ไม่สมสู่มีชู้ผัวเมียคนอื่น รักเดียวใจเดียว ไม่ดืมเหล้าเที่ยวกลางคืน สองทุ่มพากันเข้านอน :b8: :b8:


ข่าวจากหนังสือพิมพ์ ทีวี เป็นพยาน ความเจริญสู่ความสมบูรณ์แห่งบ้านเมืองนี้ ยังไม่ถึงพร้อม :b38:



ผมพูดประชดครับ ก็ยังคิดอยู่ว่าบทความแบบนี้ยังจะเอาลงอยู่ หรือผมจะคิดมากไปเอง อยู่ๆก็มากล่าวหาว่าพระไปมีเมียที่อินเดีย หลักฐานอะไรก็ไม่มี คนที่เขียนบทความนี้ก็เป็นพระ ที่ผมช่วยงานอยู่

เห็นแล้วน่าเบื่อ.......................................................... :b14:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ต.ค. 2012, 16:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 เม.ย. 2012, 18:22
โพสต์: 310


 ข้อมูลส่วนตัว


ทำไมผมต้องมาพิมข้อความบ้าๆแบบนี้




1 การพัฒนา การศึกษา ควรที่จะพัฒนาคนให้รู้จักเสียเปรียบคนอื่นเป็น ยอมแพ้เป้น ฟังคนอื่นเป็น ตามคนอื่นเป็น รอคนอื่นเป็น นั้นคือคุณภาพของคน แต่ที่เป็นมาและที่เป็นอยู่ การพัฒนาคนใช้กระบวนการศึกษาเป็นเครื่องมือพัฒนาคนให้ไร้คุณภาพมากขึ้น พัฒนาคนให้ป่าเถื่อน มากขึ้น เห้นแก่ตัวมากขึ้น นั้นหมายถึงพัฒนาคนให้ไร้การพัฒนามากขึ้น เป้นการพัฒนาที่นำไปสู่ความด้อยพัฒนามากขึ้น หรือ “การศึกษาพัมนาหน้ากากมนุษย์”
2 วันปีใหม่ วันเก่า วันเกิด วันสงกรานต์ ประการสำคัญต้องทำดี จึงขอฝากกลอนไว้ดังนี้ “ ทำดีเช้าสาย บ่ายเย็น ก็เป็นฤกษ์งามยามสวย ทำชั่วฤกษ์ทรามยามซวยขออวยพรให้ใฝ่ดี” ขอให้คิดดี พูดดี และทำดีในทุกๆวัน ทุกเวลา และโชควาสนาจะดีตามไม่ต้องไปขอพรจากใคร ไม่ต้องรับพรจากใครๆ ทั้งสิ้น พรที่ทำ พุด และคิดของตัวเรานั้นเอง เรารู้ตัวเราดีที่สุด
3 พวกหมอดู หมอเดาทั้งหลายนั้นเป็นเรื่องการคาดเดา แน่นอนการคาดเดาแบบกว่างๆ ตีขรุมนั้นมันอาจถุกต้องบ้างเสมอแหละ เหตุนั้นสื่อทั้งหลายอย่างมงายตาม อย่าสงเสริมความงมงาย อย่าตกป้นเครื่องมือเขา อย่าพวกหมอดูมันทำนายกันว่าหลังน้ำรดจะมีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ มันแงๆ อยู่แล้ว การเมืองยังมีความขัดแย้ง อันนี้ก็แงๆ ผู้หลักผู้ใหญ่จะมีอันตรายแล้วใหญ่ขนาดใหน มีหลายระดับ เมื่ออายุมากก็ต้องตายแงๆ เมื่อขัดแย้งอาจมีฆ่ากันยิ่งกัน ก็แงๆ อีก ไม่ต้องออกมาทำนายเปลียงน้ำลายหลอกเองแบบนี้ เด้กอมมือมันยังบอกได้เลย
4 พูดภาษาอังกฤษเก่ง แต่โกงเก่งเอาไหม? พูดภาษาอังกฤษเก่งเห็นแก่ตัวจัด จิตใจคับแคบเอาไหม? พูดภาษาอังกฤษเก่งแต่ไม่รักประชาชน ฆ่าประชาชน ทำร้ายประชาชนยังจะเอาอีกหรือ? อ ย่าเอาแต่เรื่องขี้หมามาทับก้อนทองคำกันเลยพวกใจผด็จการในคราบประชาชน พวกปากประชาธิปไตรแต่จิตใจใฝ่เผด็จการ ชอบกันนักหรือ
5 แม้จะพูดภาษาอังกฤษไม่เก่ง แต่ถ้าบริหารบ้านเมืองดี มีความรักความหวังดี กับประชาชนก็ดีแล้ว เพราะนี้คือประเทศไทย ไม่ใช่ประเทศขี้ข้าฝรั่ง แต่ถ้าพูดอังกฤษเก่งแต่ไม่รักประชาชน ดูถูกประชาชน และพูดภาษาฝรั่งเก่ง แต่พูดไทยผิดนั่นยิ่งเลวกว่ามิใช่หรือ กรณี้นายกยิ่งลักษณ์ ชินณวัตร พูดภาษาอังกฤษผิดถูก ผู้เขียนไม่สนใจ เพราะสนใจไปก้ไม่ค่อยจะรู้เรื่อง แต่เห็นว่าแม้จะพูดก็ไม่แปลก และไม่เสียหาย ก็ไม่ใช่ภาษาโคตรพ่อโคตรแม่พวกเรานี้วะ แต่ผู้บริหารต้องรักประชาชนให้มาก พูดและทำเพื่อประชาชน ยึดประชาชนเป็นสำคัญ เรื่องอื่น อย่างอื่นเป็นเรื่องรองทั้งนั้น อย่าไปหัวซามันมากเลย
6 ธุรกิจทางการศึกษาครูอาจารย์เพราะสนใจ ใจใฝ่เรื่องเงิน ยิ่งสอนนานยิ่งเห็นแก่ตัว มากขึ้น ใจคับแคบมากขึ้น เห็นแก่เพิ่มตามประสบการณ์การทำงาน เห็นแก่ตัวเพิ่มขึ้นตามวุฒิ ตามตำแหน่งทางวิชาการ เป้นมิจฉาวิชาการ เป็นนักบริหารก็เป็นนักบริหารมิจฉาบริหาร ใช้ยุทธศาสตร์การบริหารแบบยืมเงิน เป็นศูนย์กลาง money centered และขณะปัจจุบันนี้กำลังมีมากขึ้นทั้งสังคมไทยและสังคมโลก โปรดสังเกตุดูให้ดี
7 คนที่คิดหาเรื่องคนอื่น คิดหาความผิดของคนอื่น คิดสีร้ายคนอื่นทำบ่อยๆ จิตจะสะสมความเสียใส่จิต สสมอกุศลให้กับจิต ในที่สุดจิตจะสะสม พอกพูนแต่ความเลวไว้มากๆ จนกลายเป็นพื้นฐานของจิต และต่อมาพฤติกรรมต่างๆ สิ่งที่ทำ คำที่พูด และอารมณ์ที่นึกคิดจะร้ายไปหมด ประเด็นนี้นักการเมืองควรตระนักไว้ให้ดี เพราะคนกลุ่มนี้มุ่งจะเอาชนะกันทางการเมือง จึงคิดจับผิดคิดใส่ร้าย แต่ความร้าย ทั้งหลายมันมาอยู่ในจิตใจของตนก่อน เหตุนั้นเองคนประเภทนี้จะเป็นนักการเมืองที่เลวเพิ่มมากขึ้น คุณภาพต่ำลงเรื่อยๆและแก้ไขยากในที่สุด
8 ตื่นนอนแต่ละวันควรมองหาเรื่องดีๆ บ้างจิตใจจะได้ผ่องใส่ เบิกบานมีความสุข หากใครมองแต่เรื่องร้ายๆ มองหาความผิด คอยจ้องแต่จะจับผิดคนอื่น คิดเรื่องร้ายๆ คิดให้ร้าย คิดใส่ร้าย คนอื่น มองคนอื่นเห้นคู่ต่อสู่ เป้นศรัตรู จิตจะเป้นทุกขื นั่นคือตัวเราเป้นทุกข์ กลายเป็นสะสมความทุกข์ หาทุกข์ใส่ชีวิตตน
9 จิต เป็นสมบัติของเราแท้ จิตเป้นผู้ก่อตั่งทั้งความสุขและความทุกข์ หากสะสมเรื่องอกุศลก็เกิดทุกข์ หากสะสมความดี เรื่องกุศลจิตใจเป้นสุข จะเบาสะบสาย วิธีการก้อย่าไปจริงจังอะไรมาก ที่ไม่จริงจัง อย่ามั่นคงกับสิ่งที่มั่นคง คือเข้าใจนะรรมชาติ ตามธรรมชาติของความเป็นจริง เข้าถึงซึ่งความจริงนั่นเอง
10 สังคมไทยเราเต็มไปด้วยความเร่งรีบ บีบคั้น กำลังอยู่ในภาวะเก็บแต้มทุกข์สะสม ทุกข์ง่าย ประสบไรนิดหน่อยก็ทุกข์ จึงรอไม่เป็นให้ให้โอกาศคนอื่นไม่เป็น ขาดจิตสำนึกความเป็นประชาธิปไตร ส่านใหญ่แล้วเต็มไปด้วยอัตตาธิปไตร ยึดตัวกู ของกู เป้นหลัก สร้าวกฏเกณฑ์สนองความเป็นตัวกูของกู เพื่อผลประโยชน์ของกู แต่ชอบอ้างว่าเป็นประชาธิปไตร แอบอ้างว่าเพื่อประชาชนเห็นการแอบอ้าง สมอ้างทั้งสิ้น
11 สิ่งใดเป็นความดี เป็นเรื่องที่ดีให้ทำเลย คิดทำกันเองบ้าง ชวนกันทำความดีเพราะเห็นว่าเป็นความบ้างไม่ได้หรือชวนด้วยเหตุ ด้วยผล ไม่ต้องเอาคำศัพท์ต่างด้าวมามอมเมา วันทำความสะอาดครั้งยิ่งใหญ่ถวายพ่อหลวง หรือ วันทำความสะอาดครั้งยิ่งใหญ่เพื่อปวงชนชาวไทยทุกคน หรือ วันทำความสะอาดครั้งยิ่งใหญ่ใล่น้ำหนี หรืออะไรก็ได้ ชวนตรงๆไปเลย ทำไมต้อง big cleaning day กระสอบทรายใหญ่พุดกันไม่ได้หรือ ทำไมต้อง big bag หละ
12 ประเทศไทย ยังไม่พ้นภาวะความเป็นทาส แต่ที่ร้ายแรงที่สุดยังตกอยู่ในภาวะเป็นทาสทางจิตวิญญาณ ถ้าคิดอะไรแบบตะวันตกแล้วก้ ทำอะไรแบบตะวันตกแล้วดีไปหมด อย่างชวนไปทำความดีตามถนนหนทาง ที่สาธารณะไม่ไป แต่ถ้าชวน ไป bid clwaning day จิตอาสาเกิดทันที ตื่นเต้น แห่ไปกันมือฟ้ามัวดิน แน่นอนมันดีตรงที่ผลของการไปทำงาน แต่เสียตรงที่เหตุผลที่ต้องไปทำงาน การแก้ปัญหาน้ำ กระสอบทรายธรรมดา กระสอบทรายใหญ่ก้ไม่ตื่นเต้น แต่ถ้าเป็น big big ตื่นเต้นกัน แก้ปัญหาน้ำท่วมได้ดีเหลือเกิน ทีมฟุตบอลทุกวันนี้ต้องมีคำว่า unitede ต่อท้ายเสมอ อย่างมหาชัย ยูในเต็ต ชลบุรี ยูในเต็ต นี้คือเมืองไทยทุกวันนี้ ไม่อยากว่าหรอ แต่อยากตั่งข้อสังเกตุ ชวนคิดเล่นๆ
12 นักพูดแบบตีฝีปาก เจ้าสำนวน นักสร้างวาทะกรรม นักวาทกรรมที่ไม่มีวาทธรรม คือวาทกรรมที่ขาดหลักวาทกรรม ขาดหลักธรรม ความดีความถูกต้องเป็นฐานของการพูด ในที่สุดคนจะไม่เชื่อถือ อย่างนักการเมืองพูดในสภา ที่พูดเก่งๆ ค้านเก่งๆ มีข้อมูลดี น่าเชื่อถือ แต่แล้วก็เชื่อถือไม่ได้เพราะสิ่งที่นำมาพุดนั้นมันเป็ความจริง จึงเป็นได้แค่วาทกรรม แต่เป็นวาทกรรมแบบลอบลม วาทกรรมเลื่อนลอย สู้การพุดแต่น้อย แต่พุดความจริง เหมาะสมกับบุคคล และเกิดประโยชน์ เน้นที่ประโยชน์ต่อความดี ความถูกต้องเป้นฐานยึด
13 การพูดที่ดี หมายถึงการพูดความจริง ถูกกาลเทศ เป็นประโยชน์เหมาะสมกับบุคคล ไม่ได้หมายถึงการพูดเก่ง จำได้เก่ง พูดได้เร็ว นักพูดบางคนชอบพูดอย่างมีข้มมูล มีหลักฐาน พูดเก่ง พูดเร็ว แต่อาจไม่น่าเชื่อถือก็เป็นได้ นักพูดที่น่าเชื่อถือสมันโน่น มี ดร. สุขุม นวลสกุล อ. ผาณิต กันตามาระ คือพูดเก่งและพูดน่าเชื่อถือด้วย นักการเมืองบางพรรคเก่ง แต่อาจไม่น่าเชื่อถือเพราะพฤติกรรม การกระทำมันขัดกับการกระทำของตน ของพรรคตน อย่างบางสมัย ออก เยื่ยมชาวบ้านไม่เป็น แต่พอคนอื่นเป็นนายก เขาออก เยื่ยมชาวบ้าน ก็แอบออกไปด้วยได้เป็นนักข่าวกับเขา coppy แม้กระทั้งการออกเยื่ยม ชาวบ้าน พูดเก่ง ค้านเก่ง ค้านได้ทุกเรื่อง ค้านแม้กระทั้งการกระทำของหน้าพรรคของตนเอง ของ ส.ส พรรคตนเอง พูดเก่งแต่ไม่น่าเชื่อถือเหมือคนไม่ค่อยเชื่อถือระบบศาลเกือบทุกศาล เป็นเพราะนักกฤหมาย ไม่มีกฏแห่งความเป็นจริง กฏแห่งความยุติธรรม ขาดมโนสำนึกแห่งหลักนิติธรรม ประชาชนจึงเชื่อศาลพระภูมิมากว่าเกือบทุกๆศาลแล้วทุกวัน
14 หากครเคารพกติกา ยอมรับกฏกติกา รอให้เป็นเมื่อมีการเลือกตั่งผ่านไปแล้ว รอกันให้เป็นให้ผ่านหนึ่งการทำงานไป ฝ่านค้านก็รอไปก่อน เพียง 4 หากมันเลว บริหารไม่ดี ไม่มีผลงาน ประชาชนไม่ชอบใจ สมัยต่อไปเลือกตั่งใหม่ก็สู้กัน ประชาชนไว้วางใจใครก็ให้คนนั้นทำงานไป ถ้าทำแบบนี้บ้านเมืองก้ไม่มีปัญหา แต่ที่มีปัญหาเพราะมันยอมกันไม่เป็น ไม่ยอมทิ้ง อำนาจ ไม่ยอมรับการตัดสินใจของประชาชน เป้นพวกพ่อรู้ดี แบบนี้เองบ้านเมืองมีปัญหา
15 ดูคุณภาพของการศึกษา ดูที่พฤติกรรมของคน ดูคุณภาพของตน ดูที่ปราะกฏการณ์ทางสังคม และการพัฒนาคน ไม่ค่อยมองแค่สถาบันอย่างเดียว เพราะสถาบันการศึกษาเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการพัฒนาคน แต่การพัฒนาที่ดีที่สมบูรณ์แบบต้องมองกันทั้งสังคม ทุกสถาบันในสังคม สังคม ชุมชุน สื่อแขนงต่างๆ องค์กรต่างๆ ในสังต้องร่วมมือกัน ในการจัดการศึกษา ส่งเสริมการเรียนรู้ของสมาชิกคนในสังคม
16 ในที่สุดการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ของฝ่ายค้านที่นำ โดย นายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ ที่ยื่นถอด ถอน พล. ต. อ. ประชา พรหมนอก ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2554 ใช้เวลา 1 วันในการอภิปราย ส่วนใหญ่แล้วฝ่ายค้านใช้ข้อมูลเดิมๆ และใช้ข้อมูลตามที่สื่อหนังสือพิมพ์ลงข่าวมาแล้วทั้งนั้น ที่สุดแล้วการอภิปราย มติลงในวันที่ 28 พศจิกายน 2554 คือมีสมาชิกเข้าประชุม 481 คน ให้ความไว้วางใจ 273 เสียง ไม่ไว้วางใจ 188 งดออกเสียง 5เสียง และไม่ลงคะแนน 15 เสียง ประชาชนต้องเข้าใจระบบสภาเป็นอย่างนี้เอง ค่อยๆ ปรับ ค่อยพัฒนาไป
17 จากสถานการณ์น้ำท่วม มีคนเสียชีวิตแล้ว 615 คนและในจำนวนนี้ โดนไฟฟ้าดูด เสียชีวิต 102 คน ขอแสดงความเสียใจ กับบรรดา ญาติ มิตร ลูกหลาน ที่เสียชีวิต น้ำปีนี้มันมากจริงๆ ผู้นำประเทศเองก็คงคาดไม่ถึง และไม่ได้ทำงานเต็มที่ ตั่งใจแก้ปัญหาเต็มที่ น้ำมากผิดปกติจริงๆ น่าเห็นใจ เรื่องไฟฟ้าเองก้ได้ประกาศเตือน จะทั่วหรือไม่ทั่ว จะปฏิบัติตามหรือไม่ก็สุดจะตอบได้ ไม่ได้เกิดจากเจตณาของรัฐบาล แต่เขาเจตนาไปช่วยลดทุกข์ แก้ไขปัญหา แตกต่างจากการที่รัฐบาลสั่งให้ใช้อาวุธจริง ให้ยิงประชาชนจริง คือเริ่มต้นจากการให้ยิจริงใช้กระสุนจริง และมีคนตายจริง ไป92 ศพ บาดเจ็บไป2,000 คนใครเลว ใครใจร้าย ใจดำ ใครสมควรไว้วางใจ
18 นักการเมืองไทยเราก็อน่าทำเงื่อนไข ให้ประชาชน เข้าใจผิด ว่านักการเมืองไม่ดี ไม่อยากให้ประชาชน เบื่อการเลือกตั่ง เบื่อคนมาจากการเลือกตั่ง เพราะระบบการเลือกตั่ง ที่เลวน้อยที่สุด การพัฒนาจึงพัฒนาที่ประชาชน เพราะประชาธิปไตรมิใช่เป็นเพียงความรู้ แต่เป็นจิตสำนึกเป็นวิธีชีวิต
19 ศูนย์พักพิง ผู้ประสบภัยน้ำท่วม มรร. วิทยาเขตสิริธรราชวิทยาลัย เป็นอันว่าพอทนอยู่ต่อไปต้องกราบขอบพระคุณ หลวงปู่พระธรรมวราจารย์ และพระสงฆ์สามเณร นักศึกษาทั้งหลาย ที่ช่วยกันวางกระสอบทราย ป้องกันน้ำไว้ ได้ และไม่ได้เป็นการเอาเปรียบชาวบ้าน เพราะทำกันไว้ก่อน และหากปล่อยน้ำเข้ามาก็ไม่อาจลดการเข้ามาของน้ำตามชุมชนได้เพราะมันไหลล้นตามคลองอยู่แล้ว มันคงเต็มทั้งวิทยาเขต และชุมชนรอบๆ และชาวบ้านพวกนั้นจะไปพักที่ใหน เพราะตอนนี้ที่พักวิทยาเขตส่วนใหญ่ ก็ล้วนมากจากชุมชุนทั้งนั้น และขอเจริญพรขอบคุณ ทาง ผศ. ดร. เกศนี รองอธิการบดี ม. ราชภัฎนครปฐมที่กรุณา เตรียมสถานที่ไว้รองรับ แต่พออยู่กคง อยู่ก่อน
20 จิตดีแล้วอย่างอื่นจะดีตาม หากจิตเสียแล้วอย่างอื่นเสียตามไปหมด ที่เป็นปัยหาอยู่ในขณะนี้เป็นจิตเสีย หมายถึงเสียจากคุณภาพ ไม่มีองค์กร หน่วยงานใด ที่ทำหน้าที่ประกันคุณภาพจิต พัฒนาจิตประเมินคุณภาพจิต และประกันคุณภาพจิต แต่ก็ต้องระวังไว้จงดี ผู้ที่จะมาประกันคุณภาพจิตนั้น ต้องเป้นผู้จิตมีคุณภาพก่อน ตนเองต้องประกันคุณภาพตนเอง พัฒนาจิตตนเอง ประเมินตนเองและประกันตนเอ รู้เองด้วยตนเอง
21 สมัยก่อนนักวิชาการ นักกฏหมายใครได้พูดเรื่องการกระจายอำนาจ ภันเตทั้งหลาย แต่ตอนนี้ไม่มีใครพูดถึง กลายเป็นที่ดุถูกประชาชนเสียเอง เป็นนักเผด็จการเสียเอง นักรวมอำนาจเสียเอง มีการศึกษามากจนเป็นการด้อยศึกษา จิตใจคับแคบ
22 นักวิชาการ นักกฏหมายกลุ่มหนึ่ง และกับพรรคการเมืองบางพรรค ประชาชนบางพวก ไม่มากนัก ทำไมจึงกลัว ทักษิณ แบบขี้ขึ้นสมอง กันเหลือเกิน นักวิชาการ นักการเมืองขี้คลาด ขึ้กลัวอะไรกันนักกันหนา เพียงแค่รู้ข่าวว่า ทักสินจะมา แม้จะจริงหรือไม่จริงไม่รู้กลัวกันแบบขี้ขึ้นสมองแล้วกันหมด ไง่แล้วยังขี้คลาดอีก พวกโมหจริตแบบสุดโต่ง จนไม่ยอมฟังเหตุผล ไม่ฟังประชาชน กลัวจนขึ้นสมอง
23 การศึกษาเป็นเครื่องมือทำให้คนด้อยการศึกษา โดยผ่านกระบวนการศึกษา เพราะยิ่งมีการศึกษายิ่งมีความคับแคมทางจิตใจ มีโลกทัศน์ที่คับแคบ ยิ่งศึกษายิ่งมีความเห็นแก่ตัว ยิ่งศึกษามากมีความคับแคบทางความคิด ยิ่งศึกษายิ่งมีความเห็นแก่ตัว ยิ่งศึกษามาก ยิ่งการศึกษาต่ำ ยิ่งศึกษามากจิตใจยิ่ง ต่ำ มีพฤติกรรมต่ำ คนเมืองใหญ่ คนมีการศึกษา พวกชนชั่นกลาง ถูกพัฒนาพร้อมกับโครงสร้างแห่งความยุติธรรม โดนน้ำท่วมหน่อยทนไม่ได้ ประสบกับความลำบากหน่อยเป็นทนไม่ได้
24 พวกนักวิชาการ นักกฏหมาย กำลังคิดอะไรอยู่ ทำไมจึงคิดอะไรอยู่อย่างนั้น คิดจะฟ้องรัฐเพราะประสบภัยน้ำท่วม แต่สมัยที่รัฐบาลสั่งสลายการชุมนุมแล้วเป็นเหตุให้คนตาย พวกนี้ไปหลับอยู่ใหน ภัยน้ำท่วมเพราะน้ำมันมาก รัฐบาลอาจคาดไม่ถึง เพราะไม่เคยประสบภัย อย่างนี้มาก่อน หรือเป้นเหตุสุดวิสัย หากพวกนี้ฉลาดหน่อยก็ควรฟ้อง ทั้งกรณีที่รัฐบาลสั่งให้มีการสลายชุมนุม แล้วมีคนตาย จะทำอะไรควรอายประชาชนบ้าง นี้หรือคนมีการศึกษา ยิ่งศึกษายิ่งด้อยศึกษา นี้คือการศึกษาทำให้คนด้อยการศึกษาโดยผ่านกระบวกการศึกษา พูดแบบแปลงไทย คือ ยิ่งเรียนยิ่งโง่ ยิ่งเห็นแก่ตัว

25 น้ำปีนี้มากแปลก อยู่แปลก มันมาจากใหน มาอย่างไร ทำไมจึงมา สงสัยมันงงกับการเข้ามากรุงเทพ จำถนนหนทางไม่ได้ แล้วไม่เข้าใจกับกฏจารจร ที่มนุษย์สร้างขึ้นมา มนุษย์ทำคู คอลง โดยความคิดเห็นของมนุษย์เอง โดยไม่ฟังเสียงของธรรมชาติ ไม่ขอมติจากประชากรน้ำ ดูถูกภุมิปัญญาน้ำ อาจนึกว่าน้ำไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัย น้ำไม่มีระบบประกันคุณภาพ ไม่มีเกณ์มาตรฐาน ไม่มีสถาบัน ios นี้คือดูถูกสติปัญญาน้ำ มนุษย์ประเมินน้ำต่ำไป ระบบการศึกษาของพวกมนุษย์ต่างหาก ที่พัฒนา มนุษย์โดยผ่านระบบการจัดการศึกษา และการศึกษาพัฒนาให้มนุษย์ด้อยการศึกษา ด้อยการพัฒนา มิวิศัยทัศน์ที่คับแคบมากขึ้น มองปรากฏการทางสังคมและปรากฏการทางธรรมชาติที่คับแคบมากขึ้น
26 ไม่ต้องสู้ก้ต้องสู้ คนต่างจังหวัดเขาสบายอยุ่แล้ว ความทุกข์แค่นี้ไม่ระคายความรู้สึกเขาอยู่แล้วเพราะอยู่กับความทุกข์จนเคยชิน ความทุกข์ ความโดนเอาเปรียบ ดูถูกเหยียดหยาม โดนกลั่นแกล้งมาจนชิน แต่ที่หว่างก็คนกรุงเทพ ที่ขี้แยที่สุดโดนน้ำไม่ได้ ลำบากหน่อยเป็นไม่ได้ เพราะถูกเลี้ยงมาสบายจนเคยตัว ตามโครงสร้างแบบยุติธรรม การพัฒนาสนองความเห็นแก้ตัวแบบเยียกเย็น
27 คิดอะไรอยู่ ทำไมถึงคิดอะไรอยู่อย่างนั้น น้ำท่วมเป็นภัยธรรมชาติ การบริหารจัดการอาจผิด พลาดบ้าง เพราะไม่ตั้งรับไม่ทัน ไม่เคยมีมาก่อน ขาดประสบการณ์ทั้งฝ่ายการเมือง ข้าราชการประจำ ความจริงน้ำท่วมธรรมดา ไม่จำเป็นต้องอาศัยนโยบายรัฐบาลด้วยซ้ำไป แค่ราชการประจำก็ตัดสินได้ มันโง่ปล่อยให้น้ำท่วมหัวมัน ก็สมควรตาย แต่นี้น้ำมันมากเกินธรรมดาที่เคยมีมา แต่บางกรณี รัฐบาลให้ความรุนแรงกับชาวบ้าน สั่งทหรมาฆ่าชาวบ้านักวิชาการพวกไปรูใหน ไม่ออกมาลงชื่อ ทักท้วง ห้วมปรามรัฐบาลบ้าง หรือลงชื่อใล่รัฐบาล คุณคิดอะไรอยุ่ และทำไมจึงคิดอะไรอยู่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ต.ค. 2012, 18:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เขียนดีครับ แต่ติดกันแน่นไปหน่อย เคาะเว้นวรรคระหว่างข้อแต่ละข้อๆจะดีไม่น้อย :b14:


http://www.youtube.com/watch?v=AySfviN5wuE

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ต.ค. 2012, 19:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มิ.ย. 2010, 15:59
โพสต์: 390

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
พระพุทธองค์ท่านกล่าวไว้ว่าใครได้ไปกราบสักการะสถานที่เวชนียสถาน4ตำบลด้วยความศรัทธาที่ไหนก็ได้ที่หนึ่งหรือจะทั้ง4ก็ได้จะได้สู่สุขคติสวรรค์ในชาติหน้าก่อนทันที


จริงหรือ อันนี้พระพุทธองค์ของนิกายไหนพูด คงไม่ใช่พระสมณโคดม ผมว่าบิ๊กตู่พูดเองนะนี่นะ

.....................................................
บุรุษใดพึงเห็นแดน"โลก" เขาจักอยู่ในแดน"โลก"
บุรุษใดพึงเห็นแดน"สวรรค์" เขาจักอยู่ในแดน "สวรรค์"
บุรุษใดพึงเห็นแดน"นรก" เขาจักอยู่ในแดน"นรก"

บุรุษใดพึงเห็นแดนทั้งสาม เขาจักพึงสิ้นภพจบแดน...แล


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ต.ค. 2012, 21:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 เม.ย. 2012, 18:22
โพสต์: 310


 ข้อมูลส่วนตัว


ดีอย่างไงหรอ พระวิจารณ์การเมืองนี้ดีหรอ

สงสัยเห็นผมว่างจัดมั้ง ก๊อบข้อความในเฟรตบุ๊ต ปริ้นออกมาให้ผมนั่งพิมพ์
:b10: :b10:
ไม่มีไรหลอกแค่บ่นไปงั้นๆๆ เซ็ง เบื่อ อยากกลับบ้าน :b7: :b7:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ต.ค. 2012, 09:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผู้แทนคือผู้ที่ประชาชนเลือกเข้าไปทำหน้าที่แทนพวกเค้าในสภา ตามระบอบการปกครองในปัจจุบัน (ประชาธิปไตย คือ ระบอบการปกครองของรัฐ ซึ่งบริหารอำนาจรัฐมาจากเสียงข้างมากของพลเมือง โดยพลเมืองอาจใช้อำนาจของตนโดยตรง หรือ ผ่านผู้แทนที่ตนเลือกไปใช้อำนาจแทนก็ได้)

ดังนั้น ผู้แทนที่พลเมืองเลือกเข้าไปทำหน้าที่แทนเค้า ก็จงทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน อย่าทรยศประชาชน และอย่าเอาอำนาจที่ประชาชนมอบให้นั้นกลับไปทำร้ายทำลายพวกเขา



ดังนั้น การเมืองไม่ใช่เรื่องเลวร้าย :b1: แถมเป็นเรื่องที่ประชาชนทุกคนควรรู้ด้วยซ้ำ


หนูอยากกลับบ้าน :b12:
http://www.youtube.com/watch?v=lax6zQ_zJfQ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 14 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร