วันเวลาปัจจุบัน 15 พ.ค. 2025, 20:21  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 14 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ต.ค. 2012, 20:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 พ.ย. 2011, 08:49
โพสต์: 14


 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีค่ะดิฉันมีความสับสนข้องใจเหลือเกินว่า เมื่อก่อนดิฉันก็เป็นบุคคลคนธรรมดาคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตตามประสาประมาณว่าไม่ได้ก่อกรรมทำเลวอะไรขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้ปฏิบัติธรรมเป็นประจำอะไรมากมายไม่ได้มีความฝักใฝ่ทางธรรมมากนัก ทำบุญตักบาตรบ้างตามโอกาสชีวิตของดิฉันก็ดำเนินไปเรื่อยๆไม่ได้มีปัญหาชีวิตอะไรมาก แต่พอตอนนี้ดิฉันสนใจธรรมมาก เรียนรู้ทุกอย่างที่จะปฏิบัติธรรมอย่างถูกต้อง ทั้งศึกษาหลักธรรมคำสอน ทั้งหมั่นอบรมจิต บวชชีถือศีลกินเจนั่งวิสนากรรมฐาน บริจาคทาน สวดมนต์ทุกคืน ฟังเทศฟังธรรมทุกวัน และให้คำปรึกษาผู้อื่นเรื่องธรรมะบ้างเมื่อมีโอกาส ชีวิตของดิฉันกลับมีปัญหาเข้ามาทุกด้าน ทั้งเรื่องครอบครัว การงาน การเงิน แม้กระทั้งเพื่อนที่ชอบเบียดเบียนและพูดจาให้เจ็บซ้ำน้ำใจทั้งที่เราก็พูดด้วยดีๆ ก็ได้แต่ข่มใจไว้ว่าเสียใจหนอ ทั้งปัญหาทางพ่อแม่ได้รับความลำบาก เงินทองไม่พอใช้ พ่อแม่เหนื่อยกายเหนื่อยใจกับน้องของดิฉันที่ก็ทำตัวเหลวแหลก คือประมาณว่าขอสิ่งใดก็ได้ตรงข้าม เช่นขอให้พ่อแม่มีความสุขขอให้น้องเป็นคนดีอย่าสร้างปัญหาอีกพอไม่กี่วันก็ได้ข่าวเลยว่าน้องทะเลาะกับพ่อแม่และพูดจาหยาบคายกับพ่อแม่ ดิฉันสงสารพ่อแม่ค่ะไม่รู้จะช่วยอย่างไร และอีกหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นเรื่อยๆ ที่ตั้งกระทู้มานี้ไม่ได้คิดขัดแย้งกับคำสอนของพระพุทธองค์หรอกนะคะ ดิฉันยังเชื่อคำที่ตรัสว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว และดิฉันก็ไม่ได้คิดจะเลิกทำดีหรอกค่ะจะขอทำความดีแบบนี้ไปตลอดชีวิตนั่นแหล่ะ แต่แค่อยากรู้กระบวนการของสิ่งที่มันเกิดอะไรขึ้น หรือจะเป็นบททดสอบความอดทน เหมือนคำที่ว่า "ทำดีต้องฝืนใจ" ขอท่านทั้งหลายที่เข้าใจหลักการตรงนี้ หรือที่มีประสบการณ์แบบนี้ช่วยชี้แจงด้วยเถอะค่ะ จะได้มีกำลังใจสู้ต่อไป ขอบคุณมากค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ต.ค. 2012, 21:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


สัตว์โลก...เป็นไปตามกรรม...ครับ...ไม่ได้เป็นไปตามคำขออ้อนวอน

กรรม...จะมีผลโดยตรงกับสิ่งที่เป็นวัตถุธาตุ..เช่น..ร่างกาย..ทรัพย์สินเงินทอง..เป็นต้น...ส่วนจิตใจเรา..กรรมมันทำได้แค่บีบคั้น..เท่านั้น...เพียงแต่..ผู้ที่ไม่ได้ศึกษา..ไม่ได้ปฏิบัติ...และไม่ได้เข้าใจธรรม...ใจก็จะเต้นไปตามการบีบคั้น..นั้น...โดยไม่ได้คิดเอ๊ะใจเลยว่า....เราไม่ต้องไปเต้นตามมันก็ได้...

การมาศึกษาปฏิบัติธรรมของพระพุทธองค์อันเป็นธรรมเพื่อการออกจากทุกข์...ก็เพื่อมารักษาใจให้ได้ในยามที่กรรมมันให้ผล..นี้แหละครับ

ยิ่งเข้าใจธรรมะเท่าไร....ใจที่เต้นตามกรรมก็น้อยลงเท่านั้น

และอีกอย่าง....อย่าไปเกลียด..ความทุกข์ใจ...ความไม่สมปราถณาทั้งหลายที่พ่อแม่ได้รับ(จากลูก)....มัน(อาจ) เป็นจุดเริ่มต้น..ของความคิดที่จะอยากออกจากทุกข์ของท่านก็ได้...และเมื่อนั้น...เราจะต้องกลับมาขอบคุณ...ความทุกข์....ที่ทำให้เราได้ดีมีความสุขกับธรรมะของพระพุทธเจ้า...

เหรียญมีสองด้านเสมอ...

ธรรมะ...ย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม...ครับผม :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ต.ค. 2012, 21:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เป็นไปได้ไหมครับว่า เราไปตั้งข้อสังเกตคือจับตาดูว่าทำแล้วจะเป็นอย่างที่หวังไหม :b1:

คือเราคิดหวังจากการทำอย่างที่บอก...ทำไปๆ...ก็แอบหวังลึกๆว่า สิ่งนั้นสิ่งนี้ (ทั้งคนทั้งวัตถุ...) จะดีจะเป็นอย่างที่หวังอย่างที่ต้องการ ซึ่งเป็นผลจากการกระทำนั้นหรือไม่ แต่ไม่ แถมกลายเป็นตรงข้าม เราจึงผิดหวังไม่สมความมุ่งหมาย

ลองเปลี่ยนความคิดใหม่ดูสิครับ ตั้งใจไว้เลยว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ต่อให้ดินถล่มฟ้าทะลาย ไม่ว่าคนหรือสิ่งของจะเป็น-จะเปลี่ยนไปเช่นไร เราก็จะทำของเราต่อไปไม่เปลี่ยนแปลง
ปัญหารอบตัวมีเราก็แก้ไป เพื่อฝึกสติปัญญาความสามารถ ปัญหามีไว้แก้มิใช่มีไว้แบกมีไว้ทุกข์ (ทุกข์พึงกำหนดรู้)

ถ้าหนักหนาสาหัสอย่าเพิ่งเข้าไปแทรกแซงทันที (เช่นน้องทะเลาะกับพ่อแม่) ดูเหตุ-หรือปัญหานั้นคลี่คลายด้วยตัวของมันเอง
คนครับจะให้เป็นอย่างที่เราหวังตั้งปรารถนาเป็นไปได้ยาก (บางทีเรายังเคืองตัวเองเลย เช่น เดินสะดุดสิ่งของ) พระพุทธเจ้าถึงได้เปรียบเทียบคนว่า เหมือนบัวสี่เหล่าไงครับ เมื่อแยกแยะอุปนิสัยคนเป็นสี่จำพวกอย่างนี้แล้ว เมื่อยังต้องเกี่ยวข้องกับคนอยู่ ได้เห็นคนนั้นเป็นยังงี้ คนนี้เป็นยังงั้น เราก็มีที่ให้ใจลงให้ใจหยุด ว่าอ๋อ เขาเป็นของเขายังงั้น เราก็สบายใจระดับหนึ่ง :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ต.ค. 2012, 21:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




q238a14.jpg
q238a14.jpg [ 127.49 KiB | เปิดดู 8393 ครั้ง ]
เมื่อไม่รู้จะหันหน้าไปทางไหนแล้วจริง ๆ จะไปเดินห้างก็เสียเงิน ก็หันไปทางพระพุทธรูป เพ่งพินิจดูให้ทั่วทั้งองค์ แล้วความสงบเย็นจะเกิด ได้พุทธานุสสติ ว่า โอหนอ ขนาดพระพุทธเจ้ากว่าจะชนะมารได้ เกือบเอาชีวิตไม่รอด :b8: ส่วนเรายังเป็นเพียงผู้ฝึกฝนพัฒนาตน ก็ต้องว่ากันต่อไป :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ต.ค. 2012, 21:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2011, 01:57
โพสต์: 324

แนวปฏิบัติ: อริยสัจ4
อายุ: 27
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณดอกแก้วสีชมพูเคยได้ยินคำสอนที่ว่า "ทุกสิ่งเกิดแต่เหตุ" ไหมครับ

ศาสนาพุทธเราเชื่อว่าสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น ล้วนเกิดได้เพราะมีเหตุปัจจัยที่เหมาะสม ในทางกลับกัน หากเหตุปัจจัยไม่เหมาะสม สิ่งที่เราหวัง ก็ย่อมไม่มีทางเกิดขึ้นได้เช่นกัน

อยากให้คุณลองคิดดูครับว่าทุกอย่างที่คุณทำไปน่ะ หากเป็นเหตุแล้ว ผลที่ควรจะได้รับคืออะไร เกิดขึ้นกับใคร และสิ่งต่างๆที่คุณหวังจะให้เกิดขึ้นจะเกิดเพราะสิ่งต่างๆที่คุณได้ทำจริงหรือ

เพราะผลของการปฏิบัติธรรม คือความรู้ ความสุขสงบใจที่เกิดขึ้นกับตัวผู้ปฏิบัติเท่านั้นไม่ใช่หรือ

ถ้าปฏิบัติธรรมแล้วทำให้คนอื่นเป็นคนดี มีความสุขได้ พระพุทธองค์และพระสาวกทั้งหลายคงทำไปแล้ว โลกทั้งโลกจะได้มีแต่ความสุขความดีงาม

การปฏิบัติธรรมมีความพิเศษ เป็นสิ่งที่เฉพาะผู้ปฏิบัติเท่านั้นจะเห็นจะได้รับ ยกให้กันไม่ได้ ความสุขที่ผู้ปฏิบัติธรรมจะได้ ไม่ได้มาจากข้างนอก ไม่ได้มาจากการถูกหวย ไม่ได้มาจากการมีคนมารักเรามากขึ้น ไม่ได้มาจากการที่คนรอบๆตัวเราทำตัวดีขึ้น ไม่ได้มาจากการได้ลาภยศสรรเสริญ แต่มาจากความเข้าใจสิ่งต่างๆที่ประสบในชีวิตประจำวัน ว่ามันมีทั้งสิ่งที่เราชอบและไม่ชอบ ทั้งสุขทั้งทุกข์ เรากำหนดกะเกณฑ์เอาตามใจไม่ได้ การกระทำของคนอื่นก็อยู่ที่การตัดสินใจของคนๆนั้น เราจะอยากให้เขาเป็นไปตามใจเรา แม้ว่าจะเป็นการอยากให้เป็นคนดีก็ตาม หรืออยากให้มีความสุขก็ตาม ก็เป็นไปไม่ได้ โดยรวมแล้วเราอยู่ในโลกนี้ เราจะเอาแต่สุขไม่เอาทุกข์ เป็นไปไม่ได้

เมื่อเข้าใจอย่างนี้ เมื่อได้รับความสุข ก็จะรู้ตัวว่าเดี๋ยวสุขนี้ก็จะเปลี่ยนไป เดี๋ยวก็ทุกข์ก็อาจจะโคจรมาแทน ก็จะไม่เพลินกับสุขนั้น เมื่อได้รับความทุกข์ ก็จะรู้ตัวว่าเดี๋ยวทุกข์นี้ก็จะเปลี่ยนไป เดี๋ยวก็สุขก็อาจจะโคจรมาแทน ก็จะไม่หลงทุกข์ไปกับทุกข์นั้นจนเกินไป

เพราะทุกคนก็ต้องเจอทั้งสุขและทุกข์เป็นธรรมดาไม่ใช่หรือ

หากคุณเห็นแบบนี้ คุณจะพบกับความสุขอีกชนิดหนึ่ง เป็นสุขที่มาจากการเข้าใจความจริงของธรรมชาติ เป็นสุขเย็นๆจากภายใน สุขพิเศษที่ไม่เจอปนด้วยความทุกข์ อันนี้คือความสงบ ความอิ่มของใจ

ครูบาอาจารย์ท่านสอนไว้น่าคิดว่า โลกเขาเป็นอย่างงั้นของเขาอยู่แล้ว เราไปแก้เขาไมได้ ที่เราทุกข์เพราะใจเราคิดไม่ตรงกับโลกต่างหาก

ขอเอาใจช่วยนะครับ

.....................................................
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นคือความจริง การฝืนความจริงทำให้เกิดทุกข์ การเห็นและยอมตามความจริงทำให้หายทุกข์

คนที่รู้ธรรมะ มักจะชอบเอาชนะผู้อื่น แต่คนเข้าใจธรรมะ มักจะเอาชนะใจตนเอง

สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ ยะทา ปัญญายะ ปัสสะติ
เมื่อใดบุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า, ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา

อะถะ นิพพินทะติ ทุกเข เอสะ มัคโค วิสุทธิยา
เมื่อนั้น ย่อมเหนื่อยหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์ ที่ตนหลง,
นั่นแหละเป็นทางแห่งพระนิพพานอันเป็นธรรมหมดจด

.....ติลักขณาทิคาถา.....


แก้ไขล่าสุดโดย คนธรรมดาๆ เมื่อ 04 ต.ค. 2012, 23:53, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ต.ค. 2012, 23:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ดอกแก้วสีชมพู เขียน:
...
แต่พอตอนนี้ดิฉันสนใจธรรมมาก เรียนรู้ทุกอย่างที่จะปฏิบัติธรรมอย่างถูกต้อง ทั้งศึกษาหลักธรรมคำสอน ทั้งหมั่นอบรมจิต บวชชีถือศีลกินเจนั่งวิสนากรรมฐาน บริจาคทาน สวดมนต์ทุกคืน ฟังเทศฟังธรรมทุกวัน และให้คำปรึกษาผู้อื่นเรื่องธรรมะบ้างเมื่อมีโอกาส ชีวิตของดิฉันกลับมีปัญหาเข้ามาทุกด้าน ทั้งเรื่องครอบครัว การงาน การเงิน แม้กระทั้งเพื่อนที่ชอบเบียดเบียนและพูดจาให้เจ็บซ้ำน้ำใจทั้งที่เราก็พูดด้วยดีๆ ก็ได้แต่ข่มใจไว้ว่าเสียใจหนอ ทั้งปัญหาทางพ่อแม่ได้รับความลำบาก เงินทองไม่พอใช้ ...



ดูตัวอย่างของผู้ปฏิบัติธรรม...ในสมัยพุทธกาล....กว่าจะเสร็จกิจ

แล้วเทียบกับเราดู



โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2012, 01:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ดูเหมือนธรรมที่เกิดขึ้นกับคุณดอกแก้วสีชมพู (สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน) ได้บั่นทอนความศรัทธาของคุณลง ความศรัทธาที่เรามีต่อคำสอน ยังไม่อาจทำให้เราคลายทุกข์ลงไปได้เพราะ เรากำลังอาศัยอยู่กับปัญหาทางโลกอยู่ (เรื่องงาน เงิน ครอบครัว พ่อแม่ น้อง) ดังนั้น ความศรัทธาจึงเป็นสมบัติอย่างเดียวที่คุณมีอยู่ตอนนี้ หากถูกบั่นทอนลง คุณก็แทบจะไม่เหลืออะไร

ดังนั้น ไม่ควรเอา ปัญหาทางโลก มาบั่นทอน ความศรัทธาของเรา สิ่งที่ทำได้คือ การเข้าไปหาสาเหตุของปัญหา แล้วค่อยๆหาทางแก้ไขอย่างมีระบบ เช่นในที่ทำงาน ระวังรักษาคำพูดเราเองให้เป็นกลางมากที่สุด ไม่เอนเอียงไปทางใดทางหนึ่ง ไม่ยกเรื่องความศรัทธามาสนทนาในที่ทำงาน เช่น ยกคำพูด(สมมุติ) ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว อะไรแบบนี้ เพราะคำพูดเหล่านี้ เป็นการแสดงถึงความศรัทธาอย่างเดียว ยังไม่ใช่ความรู้จริงจากการปฏิบัติธรรม
ไม่เข้าไปแก้ปัญหา ด้วยการสอนความศรัทธาต่อคนอื่น แต่เข้าไปแก้ปํญหาด้วยการปฏิบัติธรรมจริงๆ เช่น เมื่อเกิดความโกรธ เราต้องอดทนไว้ ไม่แสดงออกทางกาย วาจา ใจ
ไม่ปฏิบัติตนด้วยความศรัทธาอย่างเดียว แต่ปฏิบัติตนด้วยธรรมจริง เช่น งดเว้นการดื่มเหล้า ไม่ขี้หลงขี้ลืมบ่อยๆ (รักษาสติในการทำงาน) หรือ เว้นจากการเสี่ยงโชค อะไรแบบนี้

ปัญหาทางบ้านเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
หากมีเวลา เราควรใช้เวลาทำกิจกรรมร่วมกับทางพ่อแม่ก่อน แล้วที่สุดคือการหาอาชีพเสริมครับ

หากคำพูดใดอาจไปกระทบ ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ครับผม

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2012, 09:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุโมทนาสาธุ....กับคำตอบของทุกท่าน....เป็นธรรมะอย่างยิ่ง.ครับ

และ...ขออนุโมทนากับเจ้าของกระทู้....กับคำถามที่ดีดี...จึงได้มีคำตอบที่ดีดีตามมา...

คำถามดีดี...ก็ถือว่าเป็นธรรมทาน..ได่เช่นกันนะครับ

:b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2012, 10:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue สวัสดีค่ะคุณดอกแก้วสีชมพู

ชื่อคุณน่ารักมากค่ะ บุคคลิกน่าจะเป็นผู้หญิงที่มีจิตใจอ่อนโยนละเอียดอ่อน...
ที่หลายๆท่านแนะนำเป็นประโยชน์อย่างมากต้องขออนุโมทนานะคะ :b8:

เราขอแสดงความเห็นเพิ่มเติมอีกนิดหน่อยนะ
ก่อนอื่นเราต้องรู้วัตถุประสงค์ของการปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร...ก็เพื่อละเหตุแห่งทุกข์ทั้งหลาย
เหมือนที่ครูบาอาจารย์ทั้งหลายท่านกล่าวไว้ว่า "ทุกข์พึงกำหนดรู้" ชีวิตยังเนื่องอยู่ด้วยเหตุและปัจจัย
(มีความเป็นไปตามเหตุปัจจัย) เราห้ามทุกข์ไม่ให้เกิดไม่ได้...ชีวิตยังคงต้องดำเนินไปตามเหตุและ
ปัจจัย...เรามีหน้าที่กำหนดรู้และปล่อยวางในทุกข์นั้นด้วยการใช้ปัญญาพิจารณา...เมื่อวางทุกข์ได้
ความโปร่งโล่งใจก็ปรากฏ...ที่เราปฏิบัติธรรมก็เพื่อสิ่งนี้เพื่อละ..เพื่อสลัดความเป็นเราเป็นของเรา
หรือมีเรา...แต่ถ้าปฏิบัติเพื่อคาดหวังว่าชีวิตจะเป็นสุขดังที่เราปรารถนาจะกลายเป็นเอากิเลสมาทับถมใจ
ไม่อาจหลุดพ้นจากความทุกข์ไปได้...

คุณดอกแก้วต้องวางใจให้ถูกตรงตามความเป็นจริง(สภาวธรรม)ของรูปและนาม...
ความเป็นชีวิตหมุนวนโดยอาศัยเหตุปัจจัยที่หนุนเนื่องส่งต่อกันไปเป็นลูกโซ่หรือวัฏฏะจักร.. :b41:

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2012, 11:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 พ.ย. 2011, 08:49
โพสต์: 14


 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีค่ะ ดิฉัน จขกท นะคะ ดิฉันขอขอบพระคุณทุกความเห็นมากๆเลยค่ะที่ให้ความกระจ่าง เข้ามาอ่านแล้วมีกำลังใจขึ้นอย่างมากมายเลย ได้เข้าใจแล้วค่ะทุกอย่างก็เป็นไปตามธรรมชาติอย่างนั้น ก็ต้องเป็นไปอย่างนั้น ดิฉันคงเอาใจเข้าไปปรุงแต่งมากเกินไป ใช่แล้วค่ะการปฏิบัติธรรมคือเพื่อละ เพื่อปล่อย ไม่ใช่เพื่อยึด เพื่อหวัง ดิฉันจะตั้งใจปฏิบัติดีต่อไป ไม่สนใจกับผลที่จะได้รับว่าดีหรือร้าย เพราะสุดท้ายแล้วมันก็ไม่เที่ยงเท่านั้นเอง ขอความสุขความเจริญในพระธรรมจงมีแด่ท่านทั้งหลายด้วยค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2012, 11:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 20:29
โพสต์: 5113

แนวปฏิบัติ: พิจารณากาย
สิ่งที่ชื่นชอบ: มณีรัตน์,พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ร้วห่อทอง
อายุ: 39

 ข้อมูลส่วนตัว


:b44:

-จะพ่อแม่ จะน้อง แม้แต่ตัวเรา ล้วนแต่หาตัวตนไม่ได้ เราไปยึดมั่นว่านี่น้องเรา พ่อแม่เรา ตัวเรา มันก็ทุกข์มาก อย่าแบกมาก คิดว่าถ้าเราตายจากไปจะยังทุกข์ต่อเรื่องพวกนี้อีกไหมนะคะ

อย่าห่วงคนอื่นมาก ห่วงตัวเราเองให้มาก

-เรื่องต่างๆในโลก ไม่ได้เป็นอย่างใจเรา มีแต่เราทำใจเรายังไงดี จะทำยังไงให้เราทุกข์น้อยลงดี นั่นคือ ลดการหวังต่างๆลง ยอมรับสภาพตามความเป็นจริง จะช่วยให้เราเบาขึ้น สบายขึ้น

-คำพูดต่างๆ การกระทำต่างๆของคนอื่น แปลกแท้ๆที่เขาไม่ได้เฆี่ยนได้ตี ทำไมเราเจ็บนัก ทำไมเราเจ็บปวดหลายๆแท้ ไม่ใช่เพราะเราไปเก็บมาคิดต่อหรอกหรือคะ ใช่มะ :b9: ไม่มีใครทำใจปล่อยวางได้ในทันทีหรอก แต่ต้องฝึกไว้เรื่อยๆล่ะค่ะ ต่อไปมันจะเป็นไปได้เอง


เป็นกำลังใจให้ค่ะ :b44:

.....................................................
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2012, 12:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 เม.ย. 2012, 17:37
โพสต์: 37

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดอกแก้วสีชมพู เขียน:
ยิ่งทำ ทำไมยิ่งแย่หนอ หรือจะเป็นบททดสอบความอดทน เหมือนคำที่ว่า "ทำดีต้องฝืนใจ" ขอท่านทั้งหลายที่เข้าใจหลักการตรงนี้ หรือที่มีประสบการณ์แบบนี้ช่วยชี้แจงด้วยเถอะค่ะ จะได้มีกำลังใจสู้ต่อไป ขอบคุณมากค่ะ


เป็นกำลังใจให้ครับในการภาวนา
แท้จริง"ธรรม"ไม่ได้มีไว้เพื่อ"การกระทำ" แต่ธรรมมีไว้เพื่อให้ดู เพื่อให้รู้ เพื่อให้เห็น(เวทนาที่เิกิดที่ใจตัวเอง)
เมื่อดู เมื่อรู้ เมื่อเห็นแล้ว ก็จะเข้าใจธรรม(ไตรลักษณ์)และจะได้รู้ธรรมในที่สุด

ด้วยความเคารพ
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2012, 19:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


คนจะบรรลุะรรมเขาก็ต้องผ่านทุกข์ถึงจะบรรลุ จะให้มีสุขจะบรรลุได้อย่างไร เขาจึงเรียกว่าพ้นทุกข์ ฉะนั้นผ่านไปให้ได้ก็จะพบสุขที่แท้จริง

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2012, 23:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b1: เพิ่งเข้ามาอ่านแล้วเจอคำตอบดีๆมากมายเลยคงไม่ต้องเพิ่มเติมอะไร


ชีวิตนี้ประกอบไปด้วยเหตุปัจจัยภายนอกมากมายที่ควบคุมไม่ได้เสมอ

แต่พุทธศาสนาสอนหลักการจัดการจิตใจ ควบคุมตรงนี้ได้ปัญหาต่างๆจะหมดไปอย่างแท้จริงเพราะนี่คือต้นตอของปัญหา (เช่น ที่คุณทุกข์เพราะคุณเจอสิ่งที่ไม่ได้ดังใจต่างหาก) เป็นกำลังใจครับ :b8:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 14 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร