วันเวลาปัจจุบัน 27 ก.ค. 2025, 19:11  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 73 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2012, 09:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คำว่า "ธรรม" มีความหมายกว้างที่สุด กินความครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่างบรรดามี ฯลฯ ทั้งวัตถุและทางจิตใจ ทั้งที่ดีและที่ชั่ว ทั้งที่เป็นสามัญวิสัยและเหนือสามัญวิสัย รวมอยู่ในคำว่าธรรมทั้งสิ้น


ถ้าจะให้ "ธรรม" มีความหมายแคบเข้า หรือจำเพาะอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็เติมคำขยายประกอบลงไปเพื่อจำกัดความให้อยู่ในขอบเขตที่ต้องการ หรือจำแนกแยกธรรมนั้นแบ่งประเภทออกไป แล้วเลือกเอาส่วนหรือแง่ด้านแห่งความหมายที่ต้องการ หรือมิฉะนั้นก็ใช้คำว่าธรรมดำเดียวเดี่ยวโดดเต็มรูปของมันตามเดิมนั่นแหละ แต่ตกลงความหมายเฉพาะในแนวความ หรือในขอบเขตอย่างนั้นๆ เช่น มาคู่กับอธรรม หรือใช้เกี่ยวกับประพฤติที่ดี ที่ชั่วของบุคคล หมายถึง บุญ หรือคุณธรรมคือความดี เมื่อมากับคำว่า อัตถะ (อรรถ) หมายถึงตัวหลัก หลักการ หรือเหตุ เมื่อใช้สำหรับการเล่าเรียน หมายถึง ปริยัติ พุทธพจน์ หรือคำสอน ดังนี้เป็นต้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2012, 09:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผู้สดับ/ศึกษาคำสอนในพระพุทธศาสนาบางคน เกิดความสับสน เมื่อได้อ่านได้ฟังข้อความบางอย่าง เช่น บางแห่งว่า ไม่ควรคบคนพาล ควรคบบัณฑิต คนพาลมีลักษณะอย่างนี้ๆ บัณฑิตมีลักษณะอย่างนี้ๆ ควรยินดีแต่ของของตน ไม่ควรอยากได้ของของผู้อื่น คนควรช่วยเหลือกันดังนี้เป็นต้น


อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึงของตน

อตฺตนา หิ สุทนฺเตน นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ ก็บุคคลมีตนฝึกดีแล้ว ย่อมได้ที่พึ่งที่ได้โดยยาก

อตฺตทีปา อตฺตสรณา จงมีตนเป็นเกาะ จงมีตนเป็นที่พึ่ง

อตฺตานํ ทมยนติ ปณฺฑิตา บัณฑิตทั้งหลายย่อมฝึกตน

สุทฺธิ อสุทฺธิ ปจฺจตฺตํ ความบริสุทธิ์ ไม่บริสุทธิ์เป็นของเฉพาะตัว

อตฺตนา โจทยตฺตานํ จงเตือนตน ด้วยตน

อตฺตานญฺเจ ปิยํ ชญฺญา น นํ ปาเปน สํยุเช หากรู้ว่าตัวนี้เป็นที่รัก ก็ไม่ควรเอาตัวนั้นไปเกลือกกลั้วกับความชั่ว

ฯลฯ


คำสอนบางแห่งว่า พึงพิจารณาเห็นตามความเป็นจริงว่า กายก็แค่กาย ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เราเขา พึงรู้เท่าทันตามเป็นจริง ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา สิ่งทั้งหลายเป็นอนัตตา ดังนี้เป็นต้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2012, 09:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เพื่อให้ประเด็นกระทู้อยู่ในวงจำกัดเท่าที่ตั้งหัวข้อธรรมสนทนา ผู้ตั้งควรจำกัดวงด้วยว่าต้องการสนทนาธรรมระดับไหน ระดับโลกียธรรม หรือโลกุตรธรรม ดังตัวอย่างที่แยกให้เห็นข้างบน อย่าให้ปนเปกัน น่าจะเกิดประโยชน์จากการสนทนา แล้วก็คุยให้อยู่ประเด็นของธรรมประเภทนั้นๆ อีกสมาชิกผู้ใหม่ก็น่าจะง่ายต่อการทำความเข้าใจหลักธรรม :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2012, 10:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2012, 15:53
โพสต์: 410


 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาค่ะ คุณ กรัชกาย :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2012, 12:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


อาจารย์ใหญ่ลงมือตั้งกระทู้เองเลย :b8:

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2012, 13:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมะนั้นมันไม่ได้อยู่แต่ในคัมภีร์หรอกครับพี่ ธรรมะอยู่ในชีวิตจริงตลอดอยู่ที่ประสบการณ์จริงๆประสบการณืจริงนั้นเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า วิปัสสนาแบบธรรมชาติคนที่ผ่านอะไรมามากๆแล้วนั้น ฟังธรรมะของพระพุทธองค์หน่อยเดียวก็เข้าใจได้แล้วสบายๆ บางคนเก่งเรื่องตามตำรา อันนี้เรื่องจริง แต่ก็ถืดว่าดีมากแล้ว เพราะสะสมไปเดี๋ยวก็จะเจอประสบการณ์เอง ผมเองระหว่างคำว่ารวยกับจน สูงหรือต่ำนั้นมันไม่มีความแตกต่างกันเลย จากอารมณ์จริงๆไม่ใช่คำนวนเอาด้วยการอุปมาอุปมัย

เพราะผมต่ำก็ต่ำติดดินนอนริมถนน สูงก็สูงเรียกว่าไม่มีสูงกว่านี้แล้ว(เปรียบเอาตามสังคมที่เขาสมมุติกำหนดว่าอะไรคือสถานที่ที่คนมีเกียรติเขาไปกัน นอกจากมีเงินเป็น100ล้านก็ใช่ว่าจะเข้าไปได้)นี่เรียกว่าสถานะการจริงไม่ใช่คิดเอา แต่สถานะการแบบนี้ก็ไม่ได้บอกว่า คนที่ไม่มีประสบการณ์อย่างนี้จะไม่เข้าใจธรรมะหรอกนะเล่าสู่กันฟังเป็นตัวอย่างว่าจริงต้องเกิดจากสภาวะ ไม่ใช่คิดเอาเอง ฉะนั้นประสบการณ์ต่างๆก็เป็นธรรมะ ผมเองบอกเลยว่าจนรวย สูงต่ำ สำหรับผมแล้วไม่มี มีแต่สภาพอย่างนั้นอย่างนั้น ไม่มีความหมาย

ผมถึงอยู่ในโลกนี้ไม่มีความหวั่นเรื่องพวกนี้เลย มีแต่ของเก่าที่จะต้องกำจัดเท่านั้น เรื่องทิฎฐิไม่ต้องห่วง สภาวะก็หมดห่วง รอวันเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น ที่บอกว่าหาทางกลับไม่เจอแล้วนั้นแหล่ะครับ แสวงหาโอกาสใหม่ ลงมือปฎิบัติจริงจัง หลับตาลงพิจารณาลมหายใจรับรู้ความรู้สึกภายในกายระหว่างลมหายใจสัมผัสได้ ก็จะรู้ความจริงที่เหนือความจริง นั้นแหละตรงที่สุด ปริยัติ 40ปฎิบัติ60ก็จะถึงเป้าหมายเร็ว

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2012, 14:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เพื่อให้ประเด็นกระทู้อยู่ในวงจำกัดเท่าที่ตั้งหัวข้อธรรมสนทนา ผู้ตั้งควรจำกัดวงด้วยว่าต้องการสนทนาธรรมระดับไหน ระดับโลกียธรรม หรือโลกุตรธรรม ดังตัวอย่างที่แยกให้เห็นข้างบน อย่าให้ปนเปกัน น่าจะเกิดประโยชน์จากการสนทนา แล้วก็คุยให้อยู่ประเด็นของธรรมประเภทนั้นๆ อีกสมาชิกผู้ใหม่ก็น่าจะง่ายต่อการทำความเข้าใจหลักธรรม :b1:

การคุยธรรม มันต้องให้เหตุผล ก็เหมือนที่เคยบอกปากจะฉีก
จะแย้งมันต้องหาเหตุผลมาประกอบ เห็นของเขาไม่ถูก แล้วที่ถูกเป็นอย่างไร
ไม่ใช่เซ้าซี้ถาม แล้วคอยจับผิดเขา จะพิมพ์ตัวหนังสือผิดมั้ย

แล้วอีกอย่างอย่างหน้ากระทู้ให้เปลื้องนัก พิมพ์ความเห็นกรุณาใส่เนื้อหา
ให้มันคุมค่าหน่อย ไม่ใช่ความเห็นหนึ่งมีตัวหนังสือไม่กี่ตัว ถ้ายังนึกไม่ออกก็ยังไม่ต้องโพส
เอาให้มันเยอะแล้วค่อยโพสที่เดียวเลย หรือไม่รู้จะพิมพ์อะไร ที่เห็นยาวๆก็เพราะไปก็อปเขามา

กระทู้บางกระทู้สามสี่หน้า แต่เนื้อหาไม่มีซักอย่าง
เห็นคำยียวน เซ้าซี้ตะบี้ตะบันถามคำเดิม :b6:

เข้าเรื่อง จะคุยโลกุตตระธรรมเรื่อง ขันธ์ห้า เรื่องชีวิตกันไหมล่ะ

ผมเริ่มก่อน ทำมั้ยกรัชกายถึงบอกว่า
ชีวิตเป็นปฏิจจสมุบาทและเป็นขันธ์ห้าด้วย เอาแบบโลกุตตระน่ะ
แบบที่อธิบายเป็นเรียงความเหมือนเด็กประถมไม่เอาน่ะ รำคาญ :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2012, 14:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




1077216.gif
1077216.gif [ 33.96 KiB | เปิดดู 4458 ครั้ง ]
รำคาญ เป็นนิวรณ์ตัวหนึ่ง มีชื่อว่า อุทธัจจกุกกุกจะ แปลว่าฟุ้งซ่านรำคาญ ควรกำจัดเสีย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2012, 14:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
ธรรมะนั้นมันไม่ได้อยู่แต่ในคัมภีร์หรอกครับพี่ ธรรมะอยู่ในชีวิตจริงตลอดอยู่ที่ประสบการณ์จริงๆประสบการณืจริงนั้นเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า วิปัสสนาแบบธรรมชาติคนที่ผ่านอะไรมามากๆแล้วนั้น ฟังธรรมะของพระพุทธองค์หน่อยเดียวก็เข้าใจได้แล้วสบายๆ บางคนเก่งเรื่องตามตำรา อันนี้เรื่องจริง แต่ก็ถืดว่าดีมากแล้ว เพราะสะสมไปเดี๋ยวก็จะเจอประสบการณ์เอง ผมเองระหว่างคำว่ารวยกับจน สูงหรือต่ำนั้นมันไม่มีความแตกต่างกันเลย จากอารมณ์จริงๆไม่ใช่คำนวนเอาด้วยการอุปมาอุปมัย

เพราะผมต่ำก็ต่ำติดดินนอนริมถนน สูงก็สูงเรียกว่าไม่มีสูงกว่านี้แล้ว(เปรียบเอาตามสังคมที่เขาสมมุติกำหนดว่าอะไรคือสถานที่ที่คนมีเกียรติเขาไปกัน นอกจากมีเงินเป็น100ล้านก็ใช่ว่าจะเข้าไปได้)นี่เรียกว่าสถานะการจริงไม่ใช่คิดเอา แต่สถานะการแบบนี้ก็ไม่ได้บอกว่า คนที่ไม่มีประสบการณ์อย่างนี้จะไม่เข้าใจธรรมะหรอกนะเล่าสู่กันฟังเป็นตัวอย่างว่าจริงต้องเกิดจากสภาวะ ไม่ใช่คิดเอาเอง ฉะนั้นประสบการณ์ต่างๆก็เป็นธรรมะ ผมเองบอกเลยว่าจนรวย สูงต่ำ สำหรับผมแล้วไม่มี มีแต่สภาพอย่างนั้นอย่างนั้น ไม่มีความหมาย

ผมถึงอยู่ในโลกนี้ไม่มีความหวั่นเรื่องพวกนี้เลย มีแต่ของเก่าที่จะต้องกำจัดเท่านั้น เรื่องทิฎฐิไม่ต้องห่วง สภาวะก็หมดห่วง รอวันเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น ที่บอกว่าหาทางกลับไม่เจอแล้วนั้นแหล่ะครับ แสวงหาโอกาสใหม่ ลงมือปฎิบัติจริงจัง หลับตาลงพิจารณาลมหายใจรับรู้ความรู้สึกภายในกายระหว่างลมหายใจสัมผัสได้ ก็จะรู้ความจริงที่เหนือความจริง นั้นแหละตรงที่สุด ปริยัติ 40ปฎิบัติ60ก็จะถึงเป้าหมายเร็ว



เห็นที่น้อง big พูดแล้ว นึกถึงคำสอนของนิกายเซ็น คือว่า อาจารย์เซ็นชี้ให้ศิษย์ดูพระจันทร์ :b1: ศิษย์แทนที่จะดูพระจันทร์ ดันมาดูนิ้วชี้

ตำราเหมือนนิ้วที่ชี้ไปที่พระจันทร์ ดูพระจันทร์อย่าดูนิ้วมือ :b1:

ชีวิต หรือที่สมมมุติเรียกว่าคนนี่แหละคือธรรมะระดับทุกระดับชั้น :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2012, 14:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
รำคาญ เป็นนิวรณ์ตัวหนึ่ง มีชื่อว่า อุทธัจจกุกกุกจะ แปลว่าฟุ้งซ่านรำคาญ ควรกำจัดเสีย

พอเริ่มก็มั้วแล้ว แค่นจะมาพูดโลกุตตระ อุทธัจจกุกกุกจะ แปลว่าฟุ้งซ่านน่ะใช่
แต่ไอ้รำคาญเอามาจากไหน ปากพูดฉอดว่าให้แยกธรรม แยกโลกีย์แยกโลกุตตระ

อีตานี่เอามาปนกันมัวเลย ไปดูใหม่ซิว่า.....รำคาญมันเป็นอะไรในปรมัตถ์ :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2012, 15:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
ธรรมะนั้นมันไม่ได้อยู่แต่ในคัมภีร์หรอกครับพี่ ธรรมะอยู่ในชีวิตจริงตลอดอยู่ที่ประสบการณ์จริงๆประสบการณืจริงนั้นเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า วิปัสสนาแบบธรรมชาติคนที่ผ่านอะไรมามากๆแล้วนั้น ฟังธรรมะของพระพุทธองค์หน่อยเดียวก็เข้าใจได้แล้วสบายๆ บางคนเก่งเรื่องตามตำรา อันนี้เรื่องจริง แต่ก็ถืดว่าดีมากแล้ว เพราะสะสมไปเดี๋ยวก็จะเจอประสบการณ์เอง ผมเองระหว่างคำว่ารวยกับจน สูงหรือต่ำนั้นมันไม่มีความแตกต่างกันเลย จากอารมณ์จริงๆไม่ใช่คำนวนเอาด้วยการอุปมาอุปมัย
เพราะผมต่ำก็ต่ำติดดินนอนริมถนน สูงก็สูงเรียกว่าไม่มีสูงกว่านี้แล้ว(เปรียบเอาตามสังคมที่เขาสมมุติกำหนดว่าอะไรคือสถานที่ที่คนมีเกียรติเขาไปกัน นอกจากมีเงินเป็น100ล้านก็ใช่ว่าจะเข้าไปได้)นี่เรียกว่าสถานะการจริงไม่ใช่คิดเอา แต่สถานะการแบบนี้ก็ไม่ได้บอกว่า คนที่ไม่มีประสบการณ์อย่างนี้จะไม่เข้าใจธรรมะหรอกนะเล่าสู่กันฟังเป็นตัวอย่างว่าจริงต้องเกิดจากสภาวะ ไม่ใช่คิดเอาเอง ฉะนั้นประสบการณ์ต่างๆก็เป็นธรรมะ ผมเองบอกเลยว่าจนรวย สูงต่ำ สำหรับผมแล้วไม่มี มีแต่สภาพอย่างนั้นอย่างนั้น ไม่มีความหมาย

ผมถึงอยู่ในโลกนี้ไม่มีความหวั่นเรื่องพวกนี้เลย มีแต่ของเก่าที่จะต้องกำจัดเท่านั้น เรื่องทิฎฐิไม่ต้องห่วง สภาวะก็หมดห่วง รอวันเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น ที่บอกว่าหาทางกลับไม่เจอแล้วนั้นแหล่ะครับ แสวงหาโอกาสใหม่ ลงมือปฎิบัติจริงจัง หลับตาลงพิจารณาลมหายใจรับรู้ความรู้สึกภายในกายระหว่างลมหายใจสัมผัสได้ ก็จะรู้ความจริงที่เหนือความจริง นั้นแหละตรงที่สุด ปริยัติ 40ปฎิบัติ60ก็จะถึงเป้าหมายเร็ว



มันยังมีความจริงที่หนือความจริงอีกหรอ อะไรหรา

หาทางกลับให้เจอน้อง น้องbigฟุ้งซ่านค่อนข้องแรงนะเนี่ย พี่ถามว่าจะไปไหน ไปจนกระทั่งหาทางกลับไม่เจอเนี่ย ไปไหน แล้วจะกลับมาไหน อ้าว ไหนบอกชัดๆสิ :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2012, 15:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
รำคาญ เป็นนิวรณ์ตัวหนึ่ง มีชื่อว่า อุทธัจจกุกกุกจะ แปลว่าฟุ้งซ่านรำคาญ ควรกำจัดเสีย

พอเริ่มก็มั้วแล้ว แค่นจะมาพูดโลกุตตระ อุทธัจจกุกกุกจะ แปลว่าฟุ้งซ่านน่ะใช่
แต่ไอ้รำคาญเอามาจากไหน ปากพูดฉอดว่าให้แยกธรรม แยกโลกีย์แยกโลกุตตระ

อีตานี่เอามาปนกันมัวเลย ไปดูใหม่ซิว่า.....รำคาญมันเป็นอะไรในปรมัตถ์ :b32:


นี่แหละพูดกับคนไม่รู้ตำราเสียบ้าง ก็งี้แหละ อุทธัจจะ + กุกกุกจะ = อุทธัจจกุกกุจจะ

ถึงว่า พูดกับนักศึกษาครูพักลักจำ ซึ่งเปรียบไปเหมือนมวยทะเล หาหลักอะไรไม่มี มั่วไปเรื่อยแถมด้านอีกต่างหาก :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2012, 15:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
ธรรมะนั้นมันไม่ได้อยู่แต่ในคัมภีร์หรอกครับพี่ ธรรมะอยู่ในชีวิตจริงตลอดอยู่ที่ประสบการณ์จริงๆประสบการณืจริงนั้นเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า วิปัสสนาแบบธรรมชาติคนที่ผ่านอะไรมามากๆแล้วนั้น ฟังธรรมะของพระพุทธองค์หน่อยเดียวก็เข้าใจได้แล้วสบายๆ บางคนเก่งเรื่องตามตำรา อันนี้เรื่องจริง แต่ก็ถืดว่าดีมากแล้ว เพราะสะสมไปเดี๋ยวก็จะเจอประสบการณ์เอง ผมเองระหว่างคำว่ารวยกับจน สูงหรือต่ำนั้นมันไม่มีความแตกต่างกันเลย จากอารมณ์จริงๆไม่ใช่คำนวนเอาด้วยการอุปมาอุปมัย
เพราะผมต่ำก็ต่ำติดดินนอนริมถนน สูงก็สูงเรียกว่าไม่มีสูงกว่านี้แล้ว(เปรียบเอาตามสังคมที่เขาสมมุติกำหนดว่าอะไรคือสถานที่ที่คนมีเกียรติเขาไปกัน นอกจากมีเงินเป็น100ล้านก็ใช่ว่าจะเข้าไปได้)นี่เรียกว่าสถานะการจริงไม่ใช่คิดเอา แต่สถานะการแบบนี้ก็ไม่ได้บอกว่า คนที่ไม่มีประสบการณ์อย่างนี้จะไม่เข้าใจธรรมะหรอกนะเล่าสู่กันฟังเป็นตัวอย่างว่าจริงต้องเกิดจากสภาวะ ไม่ใช่คิดเอาเอง ฉะนั้นประสบการณ์ต่างๆก็เป็นธรรมะ ผมเองบอกเลยว่าจนรวย สูงต่ำ สำหรับผมแล้วไม่มี มีแต่สภาพอย่างนั้นอย่างนั้น ไม่มีความหมาย

ผมถึงอยู่ในโลกนี้ไม่มีความหวั่นเรื่องพวกนี้เลย มีแต่ของเก่าที่จะต้องกำจัดเท่านั้น เรื่องทิฎฐิไม่ต้องห่วง สภาวะก็หมดห่วง รอวันเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น ที่บอกว่าหาทางกลับไม่เจอแล้วนั้นแหล่ะครับ แสวงหาโอกาสใหม่ ลงมือปฎิบัติจริงจัง หลับตาลงพิจารณาลมหายใจรับรู้ความรู้สึกภายในกายระหว่างลมหายใจสัมผัสได้ ก็จะรู้ความจริงที่เหนือความจริง นั้นแหละตรงที่สุด ปริยัติ 40ปฎิบัติ60ก็จะถึงเป้าหมายเร็ว



มันยังมีความจริงที่หนือความจริงอีกหรอ อะไรหรา

หาทางกลับให้เจอน้อง น้องbigฟุ้งซ่านค่อนข้องแรงนะเนี่ย พี่ถามว่าจะไปไหน ไปจนกระทั่งหาทางกลับไม่เจอเนี่ย ไปไหน แล้วจะกลับมาไหน อ้าว ไหนบอกชัดๆสิ :b10:
สิ่งที่เรารู้อยู่นั้นมันเป็นความจริงขั้นนึก เราก็นึกว่าสิ่งที่เราคิดนั้นเป็นความจริง ความจริงขั้นประจักษ์จึงเรียกว่าความจริงเหนือความจริง

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2012, 15:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:


สิ่งที่เรารู้อยู่นั้นมันเป็นความจริงขั้นนึก เราก็นึกว่าสิ่งที่เราคิดนั้นเป็นความจริง ความจริงขั้นประจักษ์จึงเรียกว่าความจริงเหนือความจริง


แล้วอะไรล่ะความจริงขั้นประจักษ์

อะไรทำให้มั่นใจว่าประจักษ์ ไม่ใช่ถูกความคิดหลอกเอา :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2012, 15:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ผมถึงอยู่ในโลกนี้ไม่มีความหวั่นเรื่องพวกนี้เลย มีแต่ของเก่าที่จะต้องกำจัดเท่านั้น เรื่องทิฎฐิไม่ต้องห่วง สภาวะก็หมดห่วง รอวันเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น ที่บอกว่าหาทางกลับไม่เจอแล้วนั้นแหล่ะครับ แสวงหาโอกาสใหม่



นี่คือจิตที่ดิ้นรนเพราะวิภวตัณหาครอบงำ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 73 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร