วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 19:10  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ย. 2012, 23:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 02:09
โพสต์: 456


 ข้อมูลส่วนตัว


พระพุทธศาสนา.. ศาสนาประจำชาติอริยะ

อริย แปลว่า เจริญ เหล่าผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบทั้งหลาย จึงล้วนได้ชื่อว่าเป็นเหล่าอริยบุคคล พระพุทธศาสนาเมื่อได้ถูกประดิษฐานไว้ในที่ใด ที่นั้น จึงเป็นที่เจริญ เพราะผู้อยู่ในร่มเงาแห่งพระพุทธศาสนาล้วนเป็นผู้เจริญ ชาติใดธำรงค์รักษาไว้ซึ่งพระพุทธศาสนา ชาตินั้น จึงเป็นชาติอริยะนั่นเอง

นับย้อนหลังไปเพียงแค่สองพันหกร้อยปี พระพุทธศาสนาที่ได้รับการรักษาไว้ให้อยู่คู่กับชาติใด ชาตินั้นล้วนเจริญก้าวหน้าไปเป็นลำดับ เมื่อเจริญขึ้นแล้วก็นำพาเหล่าสรรพสัตว์ผู้ถึงแก่รอบออกพ้นไปจากวัฏฏะสงสารประมาณมิได้ ผู้ที่เหลืออยู่ที่รอรอบของตนได้แต่มองส่งผู้ที่ข้ามไปยังฝั่งโน้น และรอเวลาของตนๆ ที่แตกต่างกันไปตามเหตุ และปัจจัยเพื่อจะได้ข้ามตามไปตามดังตัวอย่างที่ข้ามพ้นไปแล้วข้างหน้านั้น แต่ความเป็นไปอย่างนี้ ไม่ได้เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อสองพันกว่าปีมานี้เลย แท้จริงแล้วเกิดขึ้นมาอย่างยาวนานจนประมาณเวลาที่จะยังมีต่อไปอีกไม่ได้ หรือก็คือตามจำนวนการหมุนเวียนของการเกิด และดับของสรรพสัตว์ที่ตราบใดยังมีตัณหา อุปาทาน ปราศจากความรู้ เพื่อค้นหาเหตุ ปัจจัย ผลที่เกิดขึ้น และมีอยู่ของตัณหา อุปาทาน ตราบนั้นเวลาของเกิด ดับก็ไม่วันหมดสิ้นได้เลย

พระธรรมคำสั่งสอนในพระพุทธศาสนา จึงได้ถูกรวบรวมทรงจำถ่ายทอดเก็บรักษาไว้จากผู้ที่ได้พบได้เห็นทางออกไปจากการเวียนว่ายอยู่ในสังสารวัฏ เพื่อทั้งประโยชน์ส่วนตน และประโยชน์ท่าน ประโยชน์ตนคือ ตนเองจะได้รักษาซึ่งวิถีปฏิบัติเอาไว้ รอเวลาจะได้กลับมาเพื่อปฏิบัติลำดับต่อไปจากที่ตนได้กระทำค้างไว้ ประโยชน์ท่านคือ การได้เผื่อแผ่ให้ผู้ที่ยังวนเวียนอยู่ในทะเลทุกข์นี้ จะได้รู้ว่าหนทางปฏิบัติเพื่อทางออกจากทุกข์นี้มีจริงๆ ดังนั้นการรักษาพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธศาสนานี้ไว้ให้บริสุทธิ์ สะอาดก็ไม่ใช่เพื่อใครคนใดคนหนึ่ง แต่หมายถึงทุกรูป นามทั้งหมดที่เหลือ ต่อจากนี้

การปฏิบัติตัวเบื้องต้นของเหล่าผู้จะได้พบกับความสุขสงบในพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง เกิดขึ้นจาก ศีล๕ และเมตตา แท้จริงการรักษาศีล คือการรักษากฏความเป็นไปอย่างสงบสุขของโลกตามเวลาของตนๆ ประเทศต่างๆ โดยมากที่ต่างยอมรับกันและกันจากการติดต่อสัมพันธ์กัน ก็ล้วนบัญญัติกฏหมายมาใช้เพื่อการปกครองที่มาจากหลักของศีล ๕ นี้

ในส่วนของความเมตตานั้น มาจากปัญญาหยั่งรู้ของพระพุทธเจ้าที่ได้ทรงประทานให้แง่คิดไว้ว่า บุคคลผู้ไม่ได้เป็นญาติ สาโลหิตกันนั้นไม่มี แง่คิดนี้จึงตอบคำถามให้เหล่าอริยะทั้งหลาย เจริญเมตตาอันไม่มีประมาณกับสรรพสัตว์น้อยใหญ่สม่ำเสมอ เนื่องด้วยเหตุว่าบุคคลผู้รายล้อมตนขณะนี้ขึ้นชื่อว่าไม่ใช่ญาติ ย่อมไม่มีนั่นเอง การเจริญซึ่งเมตตาอันไม่มีประมาณ เป็นการสร้างสัมพันธ์อันดีระหว่างกันและกัน แตกต่างกันไปตามสถานภาพที่ได้พบกันในปัจจุบันชาติ ช่่วยตัดห่วงโซ่ตรวนแห่งการจองเวรในอดีต และสร้างที่เกิดใหม่ คือพ่อ แม่ พี่น้อง คู่ครองคนรัก วงศาคณาญาติ และเหล่ากัลยานมิตรทั้งหลายให้กับตนเมื่อถึงเวลาต้องกลับมาสืบต่อหนทางเพื่อกำจัดที่สุดแห่งทุกข์ หรือตัดความเวียนว่ายตายเกิด

การศึกษาพระธรรมในพระพุทธศาสนาสำหรับผู้เริ่มต้น ล้วนเป็นไปด้วยความขวากหนามคมกริบ คือความสงสัย ที่พร้อมจะบาดลึกให้ผู้ศึกษาหน้าใหม่ตลอดเวลา แต่ความสงสัยนี้เกิดมาจากหลายเหตุ และเป็นความซับซ้อนของกรรมที่แต่ละคนสั่งสมกันไว้จากเวลาที่ผ่านมาอันยาวนาน ทว่า กลับสามารถแก้ได้ด้วยความอดทนที่จะปฏิบัติเพียงสองวิธี หนึ่งคือการศึกษาให้เข้าใจถึงศีล ๕ อย่างละเอียด และสามารถรักษาศีล ๕ นั้นไว้ให้ได้ตามที่ศึกษาเก็บไว้ กับวิธีที่สองคือ ศึกษาเรื่องการสั่งสมบุญกุศลให้ละเอียด ลึกซึ้ง และศึกษาถึงผลที่ก่อให้เกิด บาป อกุศลให้ละเอียด ลึกซึ้งเช่นเดียวกัน สองวิธีแรกนี้ จะนำมาซึ่งผลที่เกิดขึ้น จะเจริญงอกงามประมาณไม่ได้กับผุ้ปฏิบัติมากมาย ประหนึ่งผู้หว่านเมล็ดแห่งต้นกัลปพฤกษ์ไว้ อันอาจให้ได้ทุกอย่างสมปรารถนาดังใจ และทางเดินต่อจากนี้ เพื่อก้าวข้ามตามเหล่าพระอริยะทั้งหลายที่ได้ล่วงหน้าไปก่อนนี้ อันมีพระพุทธเจ้าทั้งหลายได้ทรงนำทางไป.. ก็ไม่ยากอีกแล้ว ประดุจผู้แก้ไขโซ่ในวงล้อที่หลุดไปจากวงจร จนทำให้ล้อ หมุนพาตนขับเคลื่อนยานไปสู่จุดหมายปลายทางได้อย่างไม่ติดขัดอย่างนั้น

พระพุทธศาสนา จึงเป็นศาสนาของเหล่าอริยะ .. ผู้ประดิษฐานพระธรรมคำสั่งสอนไว้..ในใจตน ฯลฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ย. 2012, 06:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ย. 2012, 08:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


อ่านดูก้รู้สึกดีนะสาธุๆ แ่ต่พุทธศาสนานั้นจะบรรลุให้ถึงจุดหมายอย่างที่พระพุทธองค์ทรงประสงต์นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ถ้าขาดความเข้าใจ โดยเฉพาะประสบการณ์แท้จริงนั้นเอง แต่สื่งที่จะตรวจสอบได้ดีที่สุดคือบารมี10นั้นเอง เราคงจะปล่อยชีวิตให้มันเป้นไปตามกรรมนั้นคงจะบรรลุได้ยากแน่นอน ฉะนั้นพระพุทธองค์จึงทรงสั่งสอนมนุษย์เป็นผู้ฝึกได้ นั้นก็หมายความว่ากระทำได้ทุกอย่าง จนถึงขั้นบรรลุธรรมขั้นสูง แต่นั้นต้องได้มาตามการปฎิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมด้วย กลับไปดูที่บารมี10นั้นเอง ขาดทานมั้ย ขาดศิลมั้ย ขาดสมธิมั้ย ขาดปัญญามั้ย ต้องสมบูรณ์ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้ บารมี10ก็อยู่ในมรรค มรรคก็อยู่ในบารมี10 หรือจะพูดง่ายๆว่าเป็นสิ่งเดียวกันนั้นเอง :b4:

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ย. 2012, 07:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b27:
อ้างคำพูด:
การศึกษาพระธรรมในพระพุทธศาสนาสำหรับผู้เริ่มต้น ล้วนเป็นไปด้วยความขวากหนามคมกริบ คือความสงสัย ที่พร้อมจะบาดลึกให้ผู้ศึกษาหน้าใหม่ตลอดเวลา แต่ความสงสัยนี้เกิดมาจากหลายเหตุ และเป็นความซับซ้อนของกรรมที่แต่ละคนสั่งสมกันไว้จากเวลาที่ผ่านมาอันยาวนาน ทว่า กลับสามารถแก้ได้ด้วยความอดทนที่จะปฏิบัติเพียงสองวิธี หนึ่งคือการศึกษาให้เข้าใจถึงศีล ๕ อย่างละเอียด และสามารถรักษาศีล ๕ นั้นไว้ให้ได้ตามที่ศึกษาเก็บไว้ กับวิธีที่สองคือ ศึกษาเรื่องการสั่งสมบุญกุศลให้ละเอียด ลึกซึ้ง และศึกษาถึงผลที่ก่อให้เกิด บาป อกุศลให้ละเอียด ลึกซึ้งเช่นเดียวกัน สองวิธีแรกนี้ จะนำมาซึ่งผลที่เกิดขึ้น จะเจริญงอกงามประมาณไม่ได้กับผุ้ปฏิบัติมากมาย ประหนึ่งผู้หว่านเมล็ดแห่งต้นกัลปพฤกษ์ไว้ อันอาจให้ได้ทุกอย่างสมปรารถนาดังใจ และทางเดินต่อจากนี้ เพื่อก้าวข้ามตามเหล่าพระอริยะทั้งหลายที่ได้ล่วงหน้าไปก่อนนี้ อันมีพระพุทธเจ้าทั้งหลายได้ทรงนำทางไป.. ก็ไม่ยากอีกแล้ว ประดุจผู้แก้ไขโซ่ในวงล้อที่หลุดไปจากวงจร จนทำให้ล้อ หมุนพาตนขับเคลื่อนยานไปสู่จุดหมายปลายทางได้อย่างไม่ติดขัดอย่างนั้น

:b20:
กระทู้นี้ก็ก็คงถูกตั้งขึ้นมาด้วยจิตอริยะที่เปี่ยมไปด้วยเมตตาและกรุณาเช่นกันนะครับ คุณจันทรา
:b8:

แต่จุดเน้นยังไม่ใช่ตัวหัวใจของพระพุทธศาสนา ยังคงเป็นเพียงขั้นตอนของการละชั่ว ทำดี ซึ่งก็มีสอนกันในแทบทุกศาสนา ถ้าเราจะมาเอากันที่พื้นฐานเพียงแค่ว่า ศีล และ บุญ คงจะเป็นการยากที่จะได้ถึงความเป็น อริยชน อริยชาติ ดังกล่าวไว้ตอนต้นๆ
:b10:

จุดเน้น หรือหัวใจ หรือเอกลักษณ์ของพระพุทธศาสนา คือ โอวาทปาติโมกข์ข้อที่ 3

"สะจิตตะ ปริโยทะปะนัง".......การชำระจิตของตนให้ขาวรอบ........เรื่องนี้มีสอนเฉพาะในพระพุทธศาสนา ศาสนาเดียวเท่านั้น จึงกล่าวว่านี่เป็นเอกลักษณ์ของพุทธศาสนา และเป็นหัวใจสำคัญของพุทธศาสนาด้วยเช่นกัน


การศึกษาพุทธศาสนาที่ถูกวิธีต้อง เอาปัญญานำหน้า ต้องเอาหัวใจพุทธศาสนามาชี้ให้เห็นกันอย่างถูกต้องชัดเจนเสียก่อน ถ้าเข้าใจตรงแก่นตรงหัวใจนี้แล้ว เรื่องของ ศีล ของบุญกุศล จักเป็นผลพลอยได้ที่ทำได้ง่าย ไม่มีอะไรต้องยุ่งยากจดจำ

จะชำระจิตของตนให้ขาวรอบได้อย่างไร?

ต้องรู้หัวใจของการค้นพบของพระพุทธเจ้า

หัวใจของการค้นพบของพระพุทธเจ้าคืออะไร? ? ? ? ? ? ?


ทิ้งปริศนากันไว้ให้ขบคิดแค่นี้ก่อนดีไหมครับ คุณ จันทรา จะได้มีเงื่อนมาแสดงความเห็น สนทนากันต่อไป
เพื่อเสริมบุญ สร้างความหลากหลายให้กับกระทู้นี้ได้อีกนะครับ

:b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ย. 2012, 08:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b27:
อ้างคำพูด:
การศึกษาพระธรรมในพระพุทธศาสนาสำหรับผู้เริ่มต้น ล้วนเป็นไปด้วยความขวากหนามคมกริบ คือความสงสัย ที่พร้อมจะบาดลึกให้ผู้ศึกษาหน้าใหม่ตลอดเวลา แต่ความสงสัยนี้เกิดมาจากหลายเหตุ และเป็นความซับซ้อนของกรรมที่แต่ละคนสั่งสมกันไว้จากเวลาที่ผ่านมาอันยาวนาน ทว่า กลับสามารถแก้ได้ด้วยความอดทนที่จะปฏิบัติเพียงสองวิธี หนึ่งคือการศึกษาให้เข้าใจถึงศีล ๕ อย่างละเอียด และสามารถรักษาศีล ๕ นั้นไว้ให้ได้ตามที่ศึกษาเก็บไว้ กับวิธีที่สองคือ ศึกษาเรื่องการสั่งสมบุญกุศลให้ละเอียด ลึกซึ้ง และศึกษาถึงผลที่ก่อให้เกิด บาป อกุศลให้ละเอียด ลึกซึ้งเช่นเดียวกัน สองวิธีแรกนี้ จะนำมาซึ่งผลที่เกิดขึ้น จะเจริญงอกงามประมาณไม่ได้กับผุ้ปฏิบัติมากมาย ประหนึ่งผู้หว่านเมล็ดแห่งต้นกัลปพฤกษ์ไว้ อันอาจให้ได้ทุกอย่างสมปรารถนาดังใจ และทางเดินต่อจากนี้ เพื่อก้าวข้ามตามเหล่าพระอริยะทั้งหลายที่ได้ล่วงหน้าไปก่อนนี้ อันมีพระพุทธเจ้าทั้งหลายได้ทรงนำทางไป.. ก็ไม่ยากอีกแล้ว ประดุจผู้แก้ไขโซ่ในวงล้อที่หลุดไปจากวงจร จนทำให้ล้อ หมุนพาตนขับเคลื่อนยานไปสู่จุดหมายปลายทางได้อย่างไม่ติดขัดอย่างนั้น

:b20:
กระทู้นี้ก็ก็คงถูกตั้งขึ้นมาด้วยจิตอริยะที่เปี่ยมไปด้วยเมตตาและกรุณาเช่นกันนะครับ คุณจันทรา
:b8:

แต่จุดเน้นยังไม่ใช่ตัวหัวใจของพระพุทธศาสนา ยังคงเป็นเพียงขั้นตอนของการละชั่ว ทำดี ซึ่งก็มีสอนกันในแทบทุกศาสนา ถ้าเราจะมาเอากันที่พื้นฐานเพียงแค่ว่า ศีล และ บุญ คงจะเป็นการยากที่จะได้ถึงความเป็น อริยชน อริยชาติ ดังกล่าวไว้ตอนต้นๆ
:b10:

จุดเน้น หรือหัวใจ หรือเอกลักษณ์ของพระพุทธศาสนา คือ โอวาทปาติโมกข์ข้อที่ 3

"สะจิตตะ ปริโยทะปะนัง".......การชำระจิตของตนให้ขาวรอบ........เรื่องนี้มีสอนเฉพาะในพระพุทธศาสนา ศาสนาเดียวเท่านั้น จึงกล่าวว่านี่เป็นเอกลักษณ์ของพุทธศาสนา และเป็นหัวใจสำคัญของพุทธศาสนาด้วยเช่นกัน


การศึกษาพุทธศาสนาที่ถูกวิธีต้อง เอาปัญญานำหน้า ต้องเอาหัวใจพุทธศาสนามาชี้ให้เห็นกันอย่างถูกต้องชัดเจนเสียก่อน ถ้าเข้าใจตรงแก่นตรงหัวใจนี้แล้ว เรื่องของ ศีล ของบุญกุศล จักเป็นผลพลอยได้ที่ทำได้ง่าย ไม่มีอะไรต้องยุ่งยากจดจำ

จะชำระจิตของตนให้ขาวรอบได้อย่างไร?

ต้องรู้หัวใจของการค้นพบของพระพุทธเจ้า

หัวใจของการค้นพบของพระพุทธเจ้าคืออะไร? ? ? ? ? ? ?


ทิ้งปริศนากันไว้ให้ขบคิดแค่นี้ก่อนดีไหมครับ คุณ จันทรา จะได้มีเงื่อนมาแสดงความเห็น สนทนากันต่อไป
เพื่อเสริมบุญ สร้างความหลากหลายให้กับกระทู้นี้ได้อีกนะครับ

:b16:
หัวใจของพุทธศาสนคือการรุู้ว่าอะไรคืออะไรถูกหรือเปล่าพี่อโศกะ :b55:

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ย. 2012, 08:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


cool
อ้างคำพูด:
หัวใจของพุทธศาสนคือการรุู้ว่าอะไรคืออะไรถูกหรือเปล่าพี่อโศกะ


:b12: :b16:
กำกวมเกินไป ตีความได้หลายแง่หลายมุมครับ
ต้องกระชับและชี้ชัด ตรงประเด็นกว่านี้ครับ

:b8:
:b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2012, 21:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b27:

แต่จุดเน้นยังไม่ใช่ตัวหัวใจของพระพุทธศาสนา ยังคงเป็นเพียงขั้นตอนของการละชั่ว ทำดี ซึ่งก็มีสอนกันในแทบทุกศาสนา ถ้าเราจะมาเอากันที่พื้นฐานเพียงแค่ว่า ศีล และ บุญ คงจะเป็นการยากที่จะได้ถึงความเป็น อริยชน อริยชาติ ดังกล่าวไว้ตอนต้นๆ
:b10:

[b]จุดเน้น หรือหัวใจ หรือเอกลักษณ์ของพระพุทธศาสนา คือ โอวาทปาติโมกข์ข้อที่ 3
ทิ้งปริศนากันไว้ให้ขบคิดแค่นี้ก่อนดีไหมครับ คุณ จันทรา จะได้มีเงื่อนมาแสดงความเห็น สนทนากันต่อไป
เพื่อเสริมบุญ สร้างความหลากหลายให้กับกระทู้นี้ได้อีกนะครับ

:b16:

ชื่อกระทู้....คือ..ธรรมะในใจ..(ของคนแต่ง)...เป็นความคิดเห็นว่า..เบื้องต้น...คือ..มี..ศีล..5..และ..มีเมตตา...

แต่..อโสกะ...คุณเป็นอะไร....จะต้องมากระทบกระเทียบว่า..นี้ไม่ใช่หัวใจพระศาสนา...

ช่าย...นี้ไม่ใช่หัวใจพระศาสนาทั้งหมด....ก็กระทู้ของเขาว่า...ธรรมะในใจ...

การบอกถึงหัวใจพระศาสนา..เป็นสิ่งดี....แต่..ดี...ก็ให้ดีให้ถูกที่...ถูกกาละเทศะ...

แต่ถ้ายังอยากจะบอกธรรมอันสุดยอดอยู่อีก...ก็บอกไปเลย...ไม่เห็นจำเป็นต้องไปเหยียดความคิดของคนอื่นเขาเลยนิ...อิอิ...


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร